“ฉันปวดหัวมาก รู้สึกเหมือนจะไม่สบาย ช่วยประคองฉันขึ้นไปบนห้องหน่อยสิ” เพราะไม่มีใครอยู่ เมขลาเลยจำต้องประคองจิรภพขึ้นห้องนอน
“ให้หนูตามหมอไหมคะคุณภพ”
“ไม่ต้องหรอก นอนพักสักหน่อยก็คงจะหาย เธอช่วยไปหาผ้ามาเช็ดเนื้อเช็ดตัวฉันหน่อยสิ” จิรภพเอ่ยบอก ทิ้งตัวลงนอนหลับตาเหมือนปวดหัวอย่างหนัก
“ได้ค่ะๆ” เห็นว่าอีกฝ่ายไม่สบายเธอจึงรีบกุลีกุจอเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อไปหาผ้ามาเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้เขา
จิรภพเห็นว่าเด็กสาวเดินเข้าไปในห้องน้ำเรียบร้อยแล้ว เขาก็ตามไปโอบกอดจากทางด้านหลัง
“ว้าย! คุณภพ ปล่อยนะคะ ปล่อยหนูนะ”
“วันนี้ปลอดคนยายดาก็ไม่อยู่ เป็นของฉันเถอะนะ แล้วเธอต้องการอะไรฉันจะให้ทุกอย่าง” จิรภพที่มีแรงมากกว่า รีบอุ้มร่างของเมขลาไปที่เตียงนอนในทันที
“หนูไม่ต้องการอะไร นอกจากให้คุณภพปล่อยหนูไปค่ะ อย่าทำอะไรหนูเลยนะคะ” จิรภพไม่สนใจ ยิ่งปลอดคนเขาก็ยิ่งหน้ามืด อยากได้เมขลามาเป็นเมียอีกคนจับใจ ถ้ามีเมียเด็กอยู่ในบ้าน เขาจะได้ไม่ต้องออกไปซื้อกินข้างนอกให้เสียเวลา
“แรกๆ ก็แบบนี้ทุกคน โดนไปจะร้องครางอยากให้ฉันทำอีก แล้วเงิน คอนโด รถ ฉันจะให้เธอ เธออยากเรียนสูงขนาดไหน ฉันก็จะส่งเรียน”
“หนูไม่คิดเลยนะคะว่าคุณผู้ชายจะเป็นไปได้ถึงขนาดนี้ เสียแรงที่หลงนับถือ”
“ปากดีนักนะ ยอมดีๆ ก็สิ้นเรื่อง” จิรภพซุกไซ้เข้าหา ในขณะที่เมขลาดันปลายคางของออกห่าง
“ไม่ยอมอย่างนั้นเหรอ” จิรภพต่อยเข้าที่หน้าท้องของเมขลาเต็มแรง
เมขลาจุกจนพูดอะไรไม่ออก เธอตัวงอในขณะที่ จิรภพเริ่มปลดเสื้อผ้าของหญิงสาวออกจากตัว
จิรดาที่กลับมาพร้อมกับองศาจากการไปเที่ยวต่างจังหวัดหลายวัน เห็นบ้านเงียบก็แปลกใจไม่น้อย เรียกให้แม่บ้านหาน้ำมาให้ดื่มก็ไม่มีใครขานรับ
“แปลกมากค่ะพี่องศา” เธอสังหรณ์ใจก่อนจะรีบวิ่งขึ้นบันไดบ้านอย่างรวดเร็ว ในขณะที่องศาเองก็วิ่งตามไป
“คุณพ่อ” จิรดาเห็นภาพที่บิดากำลังซุกไซ้กอดจูบอยู่กับเมขลาบนเตียงก็ถลาเข้าไปหาอย่างโมโห เสียงของบุตรสาวทำให้จิรภพสะดุ้งสุดตัว
“นังกากี นังสารเลว แกยั่วพ่อของฉันอย่างนั้นเหรอ แกนี่มันเลี้ยงไม่เชื่องเหมือนแม่แกไม่มีผิด นี่แม่แกคงสั่งสอนว่าให้อ้าขาหาเงินด้วยวิธีนี้ใช่ไหม”
เพี้ยะ!!! เสียงตบเต็มฝ่ามือของจิรดาทำให้เมขลาที่กำลังเจ็บจุกจากการโดนต่อยท้องล้มซุนไปกับผ้านวมผืนใหญ่บนเตียงของจิรภพ
“ลูกดาใจเย็นๆ นะ อย่าไปทำอะไรเอยเลย”
“คุณพ่อหุบปากไปเลยนะคะ”
“วันนี้ฉันจะฆ่าแกซะ จะเอาเลือดหัวแกออก” จิรดา มองอย่างโกรธเกลียด
“ใจเย็นๆ ก่อนนะดา” องศาเองก็เพิ่งได้สติ เขาเองก็ไม่คิดว่าเมขลาจะเป็นคนแบบนี้ เห็นหรอกว่ามีผู้ชายมารับมาส่งหรือมาหาบ่อยๆ เพราะเขามาบ้านนี้บ่อย แต่ไม่คิดว่าคนที่มีท่าทีเรียบร้อย ลับหลังจะเป็นเช่นนี้ เขาจึงมองเธอด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปในทันที
เมขาลาเจ็บจนจุกเธอจึงไม่มีความสามารถที่จะอธิบายหรือแก้ตัวอะไรได้เลย ยิ่งเห็นสายตาขององศานั่นยิ่งทำให้เธออายแสนอายและเสียใจอย่างบอกไม่ถูก หญิงสาวรวบเสื้อผ้ามาสวมใส่ด้วยมืออันสั่นเทา เธออยากหนีออกไปจากจุดนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้
“พี่องศาก็เห็นว่ามันอ่อยคุณพ่อ นี่ถ้าพี่ไม่ติดงานต้องรีบกลับมาก่อน คงไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว นัง สารเลว เลี้ยงไม่เชื่อง” จิรดาทำท่าจะเข้าไปทำร้ายเมขลาอีก แต่องศารีบรวบร่างนั้นเอาไว้ นั่นทำให้จิรภพต้องไล่เมขลาออกจากห้อง กลัวว่าลูกสาวจะฆ่าเด็กสาวในบ้านตายเข้าให้
“รีบไปสิ ยืนบื้ออยู่ทำไม”
“นี่คุณพ่อกับพี่องศาช่วยมันเหรอคะ” จิรดาถามออกมาด้วยความโมโห
“พ่อไม่อยากให้ลูกทำอะไรรุนแรงลงไป ฆ่าคนตายมันติดคุกนะลูก”
“คุณพ่ออย่ามาพูดดีไปหน่อยเลยค่ะ อย่าคิดว่าหนูไม่รู้นะคะว่าคุณพ่อคิดอะไรอยู่ จะเอาใครก็ได้หนูไม่เคยว่า ยกเว้นอีสองแม่ลูกนี่ มันทำให้คุณแม่ต้องตาย คุณพ่อลืมไปแล้วเหรอคะ” จิรดากระชากเสียงถามบิดา
“องศาพายายดาไปสงบสติอารมณ์ก่อน” จิรภพรีบหันไปบอกว่าที่ลูกเขย
“พี่องศาปล่อยดานะคะ”
“ใจเย็นๆ ก่อนครับน้องดา”
“ใจเย็นได้ไงคะ มันอ่อยคุณพ่อ มันยั่วคุณพ่อ”
“ถ้าน้องดาทำอะไรรุนแรงหรือพลั้งมือฆ่าคนไป จะเป็นคดีความนะครับ พี่คงยอมไม่ได้” องศาดึงร่าง หญิงสาวมากอดรัดแนบอก
“ที่แท้พี่องศาก็เป็นห่วงดาเหรอคะ”
“ใช่ครับ ในเย็นๆ ก่อนนะครับ”
คนใจช้ำที่หนีลงมาด้านล่างทันได้เห็นว่าองศาพูดคุยเช่นไรกับจิรดา เธอยิ่งรู้สึกเสียใจเข้าไปอีก เขาคงคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงใจง่ายและทอดกายทอดใจให้ผู้ชายไม่เลือกหน้า
เมขลาวิ่งหนีหัวซุน ก่อนจะไปชนเข้ากับร่างของมารดาที่กลับมาจากซื้อของ
“เอยเป็นอะไรลูก”
“แม่” เมขลาโผเข้ากอดมารดาเอาไว้ ร้องไห้สะอึกสะอื้นแทบขาดใจ ในขณะที่จินดาเองก็ตกใจไม่น้อย ไม่รู้ว่าบุตรสาวเป็นอะไรไป ถึงได้ร้องไห้เสียใจหนักขนาดนี้
“ไหนบอกแม่มาสิว่าเกิดอะไรขึ้น” จินดารีบพาบุตรสาวเข้าห้องพัก หลังจากนำข้าวของที่ออกไปซื้อไปเก็บเอาไว้ในห้องครัวเรียบร้อยแล้ว
“แม่ขา... เราออกไปจากที่นี่กันเถอะจ้ะ” เมขลาบอกมารดาทั้งน้ำตา ร้องไห้สะอึกสะอื้นแทบจะขาดใจ
“มีอะไรไหนเล่าให้แม่ฟังสิ” จินดาเอ่ยถามอย่างตกใจ ยิ่งเห็นบุตรสาวร้องห่มร้องไห้ขนาดนี้นางก็ทนไม่ไหวเพราะเป็นห่วงอีกฝ่ายจับใจ
“คุณภพจ้ะแม่ คุณภพปลุกปล้ำหนู” เมขลาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสะอื้นฮักๆ
“อีตอแหล แกนั่นแหละยั่วพ่อฉัน ไสหัวแกออกไปจากบ้านของฉันเลยนะ” หลังจากที่เธอบอกองศาว่าจะไม่อาละวาดอีก พอเขากลับไปแล้ว เธอก็ได้โอกาส ด้วยว่าเขาติดธุระสำคัญเรื่องงาน จึงไม่มีใครห้ามปรามเธอได้อีก เธอจะจัดการนังสองแม่ลูกนี้สักที
สำหรับเธอแล้ว เธอจะไม่ขอทนอยู่ร่วมบ้านกับสองแม่ลูกอีกเด็ดขาด
“คุณดาขา อย่าไล่พวกเราไปเลยนะคะ” จินดายกมือขึ้นไหว้ปลกๆ เพราะไม่มีที่ไป เธอก็อายุมากแล้ว ยังไม่มีบ้านเป็นของตัวเองไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน
“ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ คนอะไรหน้าด้านหน้าทนไล่แล้วไม่ไป.. ไป๊! แกสองคนแม่ลูกไสหัวไปเลยนะ” จิรดาผลักร่างของจินดาจนกระเด็นเมื่ออีกฝ่ายเข้ามากอดแข้งกอดขาขอร้องอ้อนวอน
“โธ่... แม่จ๋า” เมขลาเข้าไปประคองมารดาเอาไว้ หลังจากที่ท่านโดนผลักจนกระเด็น เธอรู้สึกโกรธจิรดาอยู่มากที่ทำแบบนี้กับตนกับแม่ ทำเหมือนเธอกับแม่ไม่ใช่คน
“แกมองฉันทำไม มองฉันแบบนี้ทำไมห้ะ! นังชั้นต่ำ นี่มันบ้านของฉัน ฉันจะทำยังไงกับแกกับแม่ของแกก็ได้ เพราะแกกับแม่ของแกเป็นคนใช้ของฉัน” จิรดาจิ้มหน้าผากของเมขลาจนหน้าหัน
“อย่าไล่พวกเราเลยนะคะคุณดา พวกเราไม่มีบ้าน ไม่มีที่อยู่ ถ้าคุณดาไล่พวกเราไป พวกเราจะไปอยู่ที่ไหนกันล่ะคะ”
“ไปอยู่ที่ไหนก็เรื่องของแกสิ มันเรื่องอะไรของฉันกัน แกสองแม่ลูกจะได้สำนึกเอาไว้ไงว่าที่ฉันไล่เพราะว่าทั้งแกและลูกแกอ่อยพ่อฉัน”
“พวกเราไม่เคยคิดจะทำแบบนั้นเลยนะคะ”
“แกอย่ามาโกหกตอแหล เก็บข้าวของสับปะรังเคของพวกแกออกไปจากบ้านของฉันได้แล้ว ไม่อย่างนั้นฉันจะให้คนจับแกโยนออกไป ไปสิ ไป” จิรดาเอ่ยปากไล่อย่างเกลียดชัง
“แม่จ๋า เราไปกันเถอะจ้ะ เขาไล่เราแล้ว” เมขลาคิดว่าควรไปตายเอาดาบหน้า จะมาทนอยู่แบบนี้ไปทำไมกัน มาให้เขาโขกสับไล่เหมือนกับหมูกับหมา