“แต่เราไม่มีที่ไปนะลูก เอยขอโทษคุณดาเสียเถอะลูก ขอโทษที่หนูได้ทำผิดไป”
“แม่! หนูไม่ได้ทำอะไรผิดนะจ๊ะ” เมขลาเสียใจที่มารดาพูดแบบนี้ออกมา นั่นทำให้เธอน้อยใจเป็นอันมาก เข้าใจว่าไม่มีที่ไป แต่เธอก็โตแล้ว เรียนไปทำงานไป พอจะมีเงินเก็บอยู่บ้าง ออกไปอยู่ข้างนอกแม้จะเป็นบ้านเช่าเล็กๆ ก็ยังดีกว่าอยู่ในบ้านหลังใหญ่แต่ถูกโขกสับเช่นนี้ เธอคิดว่าคับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก
“ถึงแกจะกราบเท้าของฉัน ฉันก็ไม่ให้พวกแกสองคนอยู่แล้ว”
“พอแล้วยายดา ไล่จินดากับเอยไปแล้วใครจะทำงานบ้านให้เราล่ะลูก”
“เรารวยจะตายไปค่ะคุณพ่อ ก็หาคนใช้ใหม่สิคะ ที่คุณพ่อมาห้ามเพราะหนูจะไล่นังเอยออกไปจากบ้าน แล้วคุณพ่อจะไม่ได้เคลมนังนี่ทำเมียต่อไปใช่ไหมคะ”
“ไม่ใช่แบบนั้น”
“แล้วมันแบบไหนกันล่ะคะ ที่หนูเห็นคือคุณพ่อกำลังจะนอนกับมัน” จิรดาเสียงดังใส่บิดา
“ถึงพ่อจะมีผู้หญิงคนใหม่ก็ไม่เห็นแปลก แม่ของดาก็จากไปตั้งนานแล้ว”
“จากไปเพราะอะไรล่ะคะ คุณพ่อตอบหนูมาสิ”
จิรดาได้ยินแบบนั้นก็โมโห อาละวาดเสียยกใหญ่ จัดการลากสองแม่ลูกผลักออกไปจากรั้วบ้าน ก่อนจะนำเสื้อผ้าของทั้งสองโยนตามออกไปด้วย
“ไสหัวออกไปจากบ้านของฉันซะ แล้วอย่าให้ฉันเห็นหน้าแกสองคนอีก นังไพร่ นังเสนียดจัญไร” จิรดาด่าทออย่างรุนแรง ก่อนจะปิดประตูใส่หน้า ในขณะที่จิรภพไม่กล้าทำอะไรบุตรสาว เพราะในอดีตเมื่อจิรดาโดนขัดใจก็จะอาละวาดแบบนี้ และถ้ายิ่งขัดใจก็จะยิ่งอาละวาดหนักขึ้นไปอีก เขาคิดว่ารอให้จิรดาใจเย็นค่อยแอบไปหาจินดากับเมขลาก็ยังได้
“เราจะไปอยู่ที่ไหนกันล่ะลูก” จินดาเอ่ยถามลูกสาว คนที่ชีวิตมีแต่ทำงานบ้าน ออกไปซื้อของก็ตามที่คนขับรถพาไปและไม่ค่อยได้สุงสิงกับใคร ไม่มีเพื่อนฝูง ไม่มีญาติมิตรที่ไหนเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล
“เราไปหาบ้านเช่ากันก่อนจ้ะแม่”
“หนูมีเงินเหรอลูก”
“พอมีจ้ะ หนูทำงานพาร์ทไทม์เอา พอเก็บเงินได้ก้อนหนึ่ง เขาเราไล่แบบนี้เราจะยังหน้าด้านหน้าทนอยู่บ้านของเขาอีกเหรอคะ”
“แม่ขอโทษเอยนะลูก”
“ขอโทษหนูเรื่องอะไรคะ”
“ขอโทษที่ขอให้หนูกราบขอโทษเขา ทั้งๆ ที่เขาทำกับหนูแบบนี้”
“ช่างมันเถอะจ้ะแม่ อย่าไปพูดถึงคนพวกนั้นอีกเลย เราหลุดพ้นมาได้ก็ดีที่สุดแล้วจ้ะ” เธอถอนใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะพามารดาไปหาบ้านเช่าเล็กๆ ราคาถูกอยู่ไปก่อน
“ที่นี่น่ากลัวมากนะลูก” จินดามองสภาพบ้านและเพื่อนบ้านที่มองเธอกับบุตรสาวไม่วางตาก็รู้สึกเป็นกังวลยิ่งนัก
“เราต้องอยู่ไปก่อนจ้ะแม่” เมขลาปลอบใจมารดา หลังจากติดต่อขอเช่าห้องเล็กๆ อยู่ สภาพห้องพักทรุดโทรมพอสมควร ด้วยว่าตอนนี้ก็มืดค่ำแล้ว จะไปหาห้องพักดีๆ ที่ไหนก็ยากยิ่ง
“แม่ไม่ต้องคิดมากนะจ๊ะ หนูจะหางานพิเศษทำให้มากขึ้นจะได้มีเงินมาเช่าห้องและใช้จ่ายนะจ๊ะ”
“แม่ขอโทษนะลูก แม่มันไม่เอาไหนเลย ไม่มีบ้านไม่มีทรัพย์สมบัติอะไรให้หนูเลย”
“เพราะคนบ้านนั้นเห็นแก่ตัว ใช้งานแม่หนักขนาดนี้แต่ให้เงินเดือนนิดเดียว” เธอถอนใจเฮือกใหญ่ ที่มารดาต้องทนเพราะไม่มีที่ไป และจะเก็บเงินเก็บทอง หาทางไปก็ไม่ได้เพราะเงินเดือนน้อยนิด แถมยังต้องส่งเสียเธอเล่าเรียนอีก จิรภพและจิรดานั้นใจดำมาก เอาบุญคุณที่เคยช่วยเหลือมาค้ำคอหลอกใช้แรงงานแม่ของเธอจนแก่ ไปสมัครงานที่ไหนไม่ได้อีก ในเมื่อตัดสินใจออกมาจากที่นั่นแล้ว เธอจะไม่กลับไปอีก และจะต้องยืนหยัดพาตัวเองและมารดาให้อยู่รอดไปให้ได้ตลอดรอดฝั่ง
“แม่นอนเถอะจ้ะ ไม่ต้องคิดมากนะจ๊ะ”
“ควรจะเป็นแม่ที่ต้องปลอบใจหนู แต่แม่ก็อ่อนแอเกินไป”
“แม่ก็ป่วยร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง เพราะทำงานหนักทุกวัน ต่อจากนี้ไปหนูจะดูแลแม่เองนะ” เมขลาซุกหน้าเข้าหาตักอุ่นๆ ของท่าน ในขณะที่จินดาแอบน้ำตาซึม เธอป่วยเป็นโรคร้ายจะตายวันตายพรุ่งยังไม่รู้ สิ่งเดียวที่ต้องการในเวลานี้คืออยากให้เมขลามีชีวิตที่ดี
สองแม่ลูกหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย รุ่งเช้าของวันใหม่เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์พอดิบพอดี นั่นทำให้เมขลาสามารถออกไปหางานทำได้ เธอพยายามเป็นมิตรกับเพื่อนบ้านให้มากที่สุด แต่ก็ไม่ไปยุ่งวุ่นวายมากนัก
“แม่ว่าจะทำขนมขาย หนูว่าดีไหมลูก”
“มันต้องมีอุปกรณ์นะคะแม่ หนูว่าแม่พักผ่อนดูแลบ้านดีกว่าค่ะ” เธอเรียกห้องเช่าเล็กๆ ว่าบ้าน เพราะเช่นไรมันก็ดูอบอุ่นกว่าบ้านหลังใหญ่ที่ไม่ใช่บ้านของตัวเอง
แม้ในชุมชนจะแลดูน่ากลัวไปบ้าง แต่พอใช้ชีวิตอยู่ได้ไปหลายวัน มันก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ต่างคนต่างทำมาหากิน มีร้านน้ำชา ร้านขายของชำ และร้ายก๋วยเตี๋ยวอันเป็นแหล่งชุมชนของคนในชุมชน
“จะไปทำเรียนแล้วเหรอ” เสียงแจ๋วๆ ของปาตีหรือพี่ตีรีบวิ่งมาหาก่อนจะยิ้มหวานส่งมาให้ ปาตีเป็นหญิงสาวทำงานกลางคืนที่อยู่ห้องเช่าใกล้ๆ กับเธอ เมขลาหันไปยิ้มให้ เธอไม่เคยนึกรังเกียจอาชีพของใครๆ เพราะว่าทุกคนต่างก็ต้องดิ้นรนให้มีกินมีใช้ไม่เช่นนั้นก็คงไม่มีกิน
“จ้ะพี่ตี พี่มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ”
“เห็นว่าหางานพิเศษทำอยู่ไม่ใช่เหรอ” ปาตีเลียบๆ เคียงๆ ถามมองรูปร่างของเมขลาแล้วคิดว่าถ้าไปทำงานกับเธอคงได้เงินพอสมควร ทำงานกลางคืนไม่จำเป็นต้องขายตัวเสมอไป
“ใช่จ้ะ แต่ขอเป็นงานหลังเลิกเรียนนะคะ ไม่เอางานที่พี่ทำนะ” เมขลาดักคอ ยิ้มให้อีกฝ่าย
“แหม... รู้ทัน แต่งานกลางคืนที่พี่ทำก็มีหลายประเภทนะ ไม่จำเป็นต้องขายตัวเสมอไป อยากจะบอกว่าหุ่นแซ่บๆ แบบหนูนี่ถ้าไปทำงานกับพี่รับรองเงินดี คนเราเกิดมาสวยก็ต้องใช้ให้เป็นประโยชน์ สังขารแห้งเหี่ยวร่วงโรยไปตามกาลเวลา”
“หนูอยากทำงานทั่วไปมากกว่าค่ะ”
“ทำแบบนั้นมันจะไปได้เงินอะไรกัน ได้ก็ไม่พอยาไส้ นี่ต้องเรียนด้วยไม่ใช่เหรอ ค่าเทอมแพงนะเดี๋ยวนี้ ถ้าสนใจบอกพี่นะ” ปาตียิ้มหวานให้อย่างเป็นมิตร
“ขอบคุณค่ะพี่” เธอยิ้มรับแต่ไม่ได้ยินดีที่จะไปทำงานกลางคืนแบบปาตี ปาตีอาจจะได้เงินเยอะ แต่ก็โดนแฟนหนุ่มไถไปจนเกือบหมด ความรักมักทำให้คนตาบอด อาจจะจริง
เมขลาชะงักเมื่อเห็นรถยนต์คุ้นตาขับผ่านไป องศากับจิรดานั่งอยู่ในรถคันนั้น หัวใจสาวสั่นไหวอย่างรุนแรง เธอกับเขาไม่มีวาสนาต่อกัน เช่นไรก็ควรตัดใจให้ได้
“น้องเอยๆ แย่แล้ว แย่แล้วจ้ะ”
“มีอะไรจ๊ะพี่ตี”
“พี่ได้ยินเสียงโครมครามในห้อง เลยเปิดประตูเข้าไปดู แม่ของเราน่ะ ล้มลงหัวฟาดพื้น รีบไปดูเร็ว ตอนนี้ให้ข้างห้องช่วยเรียกรถพยาบาลแล้ว เห็นเรายังเดินไปไม่ถึงไหนเลยมาตาม” ปาตีพูดไปหอบไปเพราะวิ่งตามเมขลาที่พอได้ยินว่ามารดาล้มลงหัวฟาดก็รีบซอยเท้าวิ่งกลับบ้านในทันที
“แม่” เมขลาถลาไปหามารดา เธอตะกองกอดร่างของท่านเอาไว้ ก่อนที่รถพยาบาลจะขับมารับถึงหน้าห้องเช่า
เธอขึ้นรถพยาบาลไปด้วยหัวใจสั่นไหวอย่างรุนแรง กลัวมารดาจะเป็นอะไรไป
“แม่อย่าเป็นอะไรนะจ๊ะ แม่จ๋า... หนูอยู่นี่แล้ว” มารดาสลบไปไม่ไหวติงนั่นทำให้เมขลาร้องไห้ออกมาอย่างตกใจ
“คุณหมอช่วยคุณแม่ด้วยนะคะ”
“ได้ครับ ใจเย็นๆ ก่อนนะครับ ญาติคนเจ็บรออยู่ด้านนอกก่อนนะครับ” คุณหมอหนุ่มพร้อมด้วยพยาบาลกันเธอออกมาจากห้องฉุกเฉิน ทำให้เมขลาขยับไปทิ้งตัวนั่งลงที่เก้าอี้อย่างอ่อนแรง
เธอปิดหน้าตัวเองแล้วร้องไห้ ทำไมมารดาถึงได้โชคร้ายแบบนี้นะ
“อย่าคิดมากเลย ใจเย็นๆ ก่อนนะ คุณน้าอาจจะไม่เป็นอะไรมากก็ได้” ปาตีจับบ่าสั่นระริกของเมขลาเอาไว้ก่อนจะบีบเบาๆ ทำให้เธอต้องหันไปมอง แล้วรีบปาดน้ำตาทิ้ง