ปะทะ3

2838 Words
จ้าวยวี่เสียงเดินเข้ามาเห็นด้านในจื้อซิ่งเหมี่ยนตรวจดูความเรียบร้อยของเรือนที่บรรดาสาวใช้กำลังจัดแจงเช็ดถู "ข้าได้กลิ่นน้ำส้มแต่ไกล" นางหันมาเผชิญหน้ากับจ้าวยวี่เสียง "หม่อมฉันคาดว่าเหนียนอ๋องคงได้กลิ่นน้ำส้มจากด้านนอกโชยเข้ามามากกว่านะเพคะ ป่านนี้คงชะเง้อมองหาแล้วกระมัง" เขาชอบเอ่ยวาจาให้นางถากถาง เช่นนั้นนางก็ยินดีทำ "ข้าไม่รู้เสียหน่อยว่าพวกนางจะมา" เขาเอ่ยอย่างสัตย์จริง แต่ดูเหมือนคนตรงหน้าจะไม่เชื่อคำพูดของเขา "หากรู้ก็จะได้ไม่เรียกใช้หม่อมฉัน มิต้องกังวลเพคะ เพราะถึงอย่างไรหม่อมฉันไม่คิดที่จะแยแสแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกับบรรดาสตรีของท่านอ๋อง ท่านอ๋องจะได้ไม่ต้องเปลืองความคิดค้นหาวิธีให้ต้องปะทะคารมเพื่อความสำราญใจ งานในจวนคงใกล้เสร็จ หากท่านอ๋องต้องการให้สาวใช้จัดการส่วนไหนก็บอกได้นะเพคะ หม่อมฉันและมารดาคงต้องกลับเสียที" นางเดินออกแต่ถูกเขาดึงเข้าสู่อ้อมอก ทั้งสองสบตากันแต่คนละอารมณ์ ทว่าเขาต้องตะลึงเมื่อจู่ๆ แขนอีกข้างของนางก็ยกขึ้นมาโอบกอดรอบคอของเขา ส่วนอีกข้างที่เขากุมไว้ก็วางบนแผงอกแกร่ง "สาวงามแห่งแคว้นเดินมาโน่นแล้ว เหนียนอ๋องช่วยอธิบายนางให้หม่อมฉันได้ยินได้ไหมเพคะ ว่าไม่ใช่แผนของท่านอ๋อง" เขาหันไปมองพร้อมๆ กับที่จื้อซิ่งเหมี่ยนแสร้งแสดงสีหน้าตกใจ แล้วผละออกจากร่างชายผู้นั้นทันที แต่นั่นยิ่งทำให้กู้หรูอวี้คั่งแค้นและก่นด่าในใจ นางเห็นนางแพศยา สุนัขจิ้งจอกร้อยเล่ห์ให้ท่าเหนียนอ๋องแล้วยังแสร้งทำเป็นตื่นตระหนกตกใจ มารยาสาวโคมเขียวช่างน่าสังเวช "คุณหนูกู้เข้ามามีอะไรให้ข้าช่วยเหลือหรือไม่" "เอ่อ... ไม่มีเจ้าค่ะ หม่อมฉันเพียงแต่มาทูลลากลับ" "อืม" เขาขานในลำคอสั้นๆ แต่สะท้านไปถึงหัวใจของกู้หรูอวี้ คำตอบนั้นส่งผลให้นางถึงกับหน้าชาอย่างไม่เคยพบพานมาก่อน นางหายใจลึกข่มอารมณ์ความรู้สึก เพื่อไม่ให้เขาจับสังเกตได้ และนางพยายามเค้นรอยยิ้มออกมา "หม่อมฉันทูลลาเพคะ"นางย่อกายแล้วหมุนตัวกลับไป ในใจ ร่ำร้องอ้อนวอนให้เขาเรียกนาง ยื้อนางไว้สักนิด แล้วนางก็ได้ดังใจเมื่อเสียงของเขาดังขึ้น "คุณหนูกู้" นางหมุนตัวไปด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มอย่างห้ามไม่อยู่ ทว่าใบหน้าต้องแข็งค้าง เพราะคำพูดต่อมาของเขาทำให้นางแทบจะร่ำไห้ "ข้าจะเรียกพ่อบ้านใหญ่ไปส่ง" เขากำลังจะก้าวไปทางประตูเรือน แต่ถูกเสียงหวานเอ่ยขึ้น "หากเหนียนอ๋องไม่ว่ากระไร หม่อมฉันเดินไปส่งคุณหนูกู้ถึงมือกู้ฮูหยินนะเพคะ" เขาเลิกคิ้วแต่ก็ยินดี นางแสร้งย่อกายขอบคุณทั้งที่เขารู้ว่านั้นไม่ใช่ความจริงใจเอาเสียเลย สายตาเย่อหยิ่งสบเข้าที่สายตาทะเล้นของเขาแต่นางไม่เอ่ยอันใดทำเพียงเดินตรงไปหาสตรีอีกคน ส่วนเขาก็เดินออกไปยังเรือนอีกหลังเพื่อเปลี่ยนชุดใหม่และจะออกมาสนทนากับนางใหม่อีกครั้ง "บุปผาสูงแม้จะงดงามและหายาก แต่กว่าจะเอื้อมถึง คงล้มเลิกความคิดระหว่างทาง สู้บุปผางามข้างทางผ่านแดดผ่านลมและธุลีฟ้าธุลีดินงดงามและแข็งแกร่งมากกว่าดอกฟ้าที่ขึ้นบนก้อนศิลา ควรที่จะอยู่ที่เดิมเพราะเด็ดดอมดมแล้วกลัวแต่จะเฉาเร็ว" จื้อซิ่งเหมียนกระซิบเบาๆ ให้ได้ยินเพียงสองคน กู้หรูอวี้แทบจะกรีดร้องแต่ถูกนางใช้นิ้วปิดปากตนเอง เอ่ยเตือนไม่ให้นางหลุดกริยาที่ไม่เหมาะสมของสตรี "ข้าแนะนำให้นะ เหนียนอ๋องน่ะไม่ใช่แค่ข้าคนเดียวที่หมายปอง แต่เหล่าคุณหนูจากสกุลอื่นที่ยังไม่ออกเรือนก็พร้อมที่จะใช้มารยาจริตหญิง เพื่อพลีร่างให้ทั้งนั้น แต่สตรีทุกนางรวมทั้งเจ้ายังด้อยกว่าข้าเพราะแค่สนทนายังไม่กล้าก็ถูกข้าคว้าไปกินได้แล้ว เพียงแต่ข้าจะกินหรือไม่ เจ้ารู้อะไรไหม...กลิ่นกายเหนียนอ๋องหอมมากเชียวนะไม่รู้ว่า...” นางลากเสียงเน้นคำ “เจ้าก็เห็นนี่ ไหล่บ่ากว้าง เอวกิ่ว ช่วงขายาว ดวงตาประเปรียวเจ้าความคิด จมูกโด่งตั้งตรง คิ้วมังกร โหนกแก้มกลมนูน ใบหน้าเหลี่ยมเข้ารูปกอปรกับมุมปากเหลี่ยมเข้ารูป เฮ้อ! อยากทำอะไรก็รีบเสียหน่อยเล่า อย่าเดินตามรอยมารดาแม้จะเป็นคู่รักแต่ไม่ได้แต่งเป็นฮูหยินตั้งแต่ต้น" "เจ้า! นางแพศยา สตรีเช่นเจ้าใครเขาจะยกย่องให้เป็นฮูหยิน ถูกชายเชยชมมากี่มากน้อย เน่าเฟะทั้งร่างกายและจิตใจ อย่างมากก็แค่สตรีชั้นต่ำที่มีหน้าที่ปลดเปลื้องอารมณ์ของบุรุษเท่านั้น" "แล้วหน้าที่ของสตรีที่ออกเรือนคืออะไรหรือคุณหนูกู้ หากมารดาของคุณหนูกู้ไม่เคยสั่งสอน ไปหอของข้าสิ ข้าจะสอนให้อาจจะสอนได้ดีกว่ามารดาท่านสอน เพราะขนาดบิดาเจ้ายังแทบไม่อยากลุกออกจากเตียง บ่นว่าเบื่อสตรีที่มัวแต่ใช้เงินไปวันๆ แต่หน้าที่หลักกลับไม่-ได้-เรื่อง" กู้หรูอวี้ทนฟังคำปรามาสทั้งตนและมารดาไม่ได้จึงกรีดร้องเสียงดัง เสียงกรีดร้องดังจนคนที่อยู่โดยรอบต่างพากันตกอกตกใจ รีบวิ่งมาดูว่าเกิดเหตุอะไรขึ้นแต่ก็ไม่เห็นอะไรนอกจากกู้หรูอวี้กรีดร้องออกมา "ขอโทษทุกคนด้วย พอดีเมื่อครู่มีแมลงบินผ่านมา คุณหนูกู้ตกใจมากจึงกรีดร้อง ทุกคนไปทำงานกันต่อเถิด ประเดี๋ยวนางก็หายตกใจแล้ว" จ้าวยวี่เสียงที่ได้ยินเสียงกรีดร้องของสตรีก็รีบวิ่งออกมาดูแต่เห็นว่าเป็นดังที่คาดการณ์คิดไว้ว่านางทั้งสองต้องปะทะคารมกันเป็นแน่เขาไม่ได้เดินเข้าไป เพียงยืนมองในระยะห่างเพื่อรอชมเหตุการณ์ หากรุนแรงเกินไปเขาก็จะได้เดินออกไปห้ามแต่ดูเหมือนเขาจะไม่ต้องยื่นมือเข้าช่วยฝ่ายใดเพราะจื้อซิ่งเมี่ยนเลือกที่จะเดินจากไปเสียเอง และปล่อยให้กู้หรูอวี้หน้าดำหน้าแดงอยู่ตรงนั้น จื้อซิ่งเหมี่ยนเดินออกมาพบมารดาของตนที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว นางรู้ว่าบุตรดีปะทะคารมกับกู้หรูอวี้แต่ก็ไม่คิดที่จะห้าม ส่วน จื้อเหม่ยลี่จะเข้าไปตั้งแต่ได้ยินเสียงกรีดร้องของบุตรสาวแต่ถูกนางยืนขวางเอาไว้ "เจ้าทำอะไรลูกข้า นาง..." นางยังกล่าวไม่จบดี เสียงบุรุษอีกคนก็เดินนำร่างมาแล้ว "จวนก็ไม่ได้ใหญ่น้อยไปกว่ากัน เหตุใดต้องมาวุ่นวายย้ายจวนหลังใหม่ด้วย" ชายแต่งกายด้วยผ้าเนื้อดี มีกลิ่นอายของชายสูงศักดิ์ เดินเข้ามาด้วยสีหน้าไม่ค่อยพึงใจนัก "แต่ว่า..." "เจ้าหุบปาก ไม่ต้องมาสอนเรา" ชายที่เดินตามมาด้วยแต่งกายราวกับบัณฑิต มีท่าทีนอบน้อม ยำเกรงชายผู้นั้นอยู่หลายส่วน เขาได้ยินคำต่อว่าจึงรีบหุบปากของตนโดยทันที เมื่อเจ้าของเสียงเดินเข้าถึงพื้นที่ด้านในของเรือนรับรอง ก็ต้องหยุดฝีเท้าเมื่อเห็นแขกของเจ้าของจวนเป็นสตรีพ้นวัยออกเรือนถึงสองนาง สตรีโฉมงามหนึ่งและที่เดินย่างเท้าออกมาอีกหนึ่ง "ไม่คิดว่าจะเจอกู้ฮูหยินที่นี่ แล้วสตรีสองนางนี้คือ" "คารวะรัชทายาทเพคะ" จื้อเหม่ยลี่ย่อกายคารวะ พอๆ กับ กู้หรูอวี้ที่เดินเข้ามาขนาบข้างมารดาและคารวะเต็มพิธี "หม่อมฉันกู้หรูอวี้คารวะองค์รัชทายาทเพคะ" จื้อลี่เจียงรีบสะกิดบุตรสาวให้คารวะชายผู้สูงศักดิ์ "ข้าน้อยจื้อลี่เจียง และนี่บุตรีของหม่อมฉันจื้อซิ่งเหมี่ยน" องค์รัชทายาทมองตามร่างสตรีวัยพร้อมออกเรือน ทว่าเพียงได้ยินชื่อเขาก็รู้สึกเหมือนเคยได้ยินจากที่ใดมาก่อน หัวคิ้วทั้งสองขมวดมุ่น ดูเหมือนว่าจื้อเหม่ยลี่จะรู้ว่าในใจของชายสูงศักดิ์คิดอะไรอยู่ "แม่นางจื้อซิ่งเหมี่ยนเป็นสาวงามประจำหอหอมหมื่นลี้เพคะ และนั่นมารดานางเจ้าขอหอปั้นบุตรีให้เป็นหนึ่งในนางโลม" วาจาของจื้อเหม่ยลี่ไม่ได้หมายถึงนางขายบุตรีแลกทรัพย์สินเงินทองหรอกหรือ สองมือลอบกำแน่น "เพคะ หม่อมฉันจื้อซิ่งเหมี่ยนเปิดหอหอมหมื่นลี้อยู่ เป็นหอโคมเขียวที่ใต้เท้ากู้มักนำความหฤหรรษ์ไปเล่าขานว่าดูแลลูกค้าได้ยิ่งยวดเพคะ" ในเมื่อจื้อเหม่ยลี่อยากทำให้นางอับอาย นางก็จะลากคนทั้งจวนลงจมโคลนไปด้วย มือที่จื้อลี่เจียงกำหมัดได้คลายลง แต่กลายเป็น จื้อเหม่ยลี่แอบกับริมฝีปากล่างอย่างห้ามไม่อยู่ "อืม! ข้านึกหน้าเจ้าออกแล้ว เจ้าเป็นสตรีนางเดียวกันกับเมื่อครั้งที่ในวังมีงานฉลอง" "เพคะ"นางย่อกายน้อมรับ "งดงาม วันนั้นเจ้าสะกดทุกสายตาได้เลยทีเดียว ก็คงจะไม่ผิดที่กู้ฮูหยินกล่าวว่าเจ้าเป็นหนึ่งแห่งหอนั้น" "องค์รัชทายาทกล่าวหนักไปแล้วเพคะ หม่อมฉันยังอ่อนด้อย หากเทียบกับสตรีที่งามเป็นหนึ่งย่อมไม่พ้นบุตรีของกู้ฮูหยิน ทั้ง ศาสตร์และศิลป์ของสตรีนางล้วนเป็นเลิศ จนได้รับยกย่อง ชนทั่วแคว้นย่อมรู้เรื่องนี้ดีเพคะ" กู้หรูอวี้ที่อยู่วงนอกในการสนทนาถูกดึงเข้ามาเป็นหัวข้อสนทนาครั้งนี้ไปโดยปริยาย นางไม่ชอบองค์รัชทายาทผู้นี้สักเท่าใดนักด้วยกิตติศัพท์เรื่องเสพสุขอยู่บ่อยครั้ง ตัวนางเองก็อาจจะกลายเป็นเหยื่อ และของสะสมได้ นางไม่อยากเป็นเพียงบุปผางามดอกหนึ่งเท่านั้นที่เขาอยากเก็บมาเชยชม กู้หรูอวี้จำต้องย่อกายอีกครั้งในใจคิดก่นด่าจื้อซิ่งเหมี่ยนเห็นนางเป็นชิ้นเนื้ออันโอชะแล้วคิดที่จะโยนนางให้กับองค์รัชทายาท เลว! นางเป็นสตรีที่เลวมาก "ไม่หรอกเพคะ หม่อมฉันต้องศึกษาอีกมาก" รัชทายาทรู้สึกจิตใจเป็นสุขขึ้นทันที ไม่คิดว่าก่อนมาจวนเหนียนอ๋องพื้นอารมณ์จะไม่ดีเท่าที่ควร แต่เมื่อเห็นสตรีสาวงามก็คิดที่จะกลับวัง ทว่าอารมณ์ที่ดีขึ้นกลับจะล่วงลงเหวลึกอีกครั้งเมื่อเหนียนอ๋องผู้ที่เขาไม่ค่อยชอบหน้านักเดินออกมา "ข้าไม่คิดว่าเข้าจวนวันแรก ก็มีสาวงามถึงสองนางมาต้อนรับ" "แล้วรัชทายาทมาถึงจวนข้า มีธุระอะไร" จ้าวยวี่เสียงมีสีหน้าเรียบเฉยที่ส่งผ่านไปถึงน้ำเสียง ยิ่งทำให้คนฟังรู้สึกไม่พอใจไปด้วย "ข้าก็แค่ผ่านมา เลยแวะมาดูเสียหน่อยว่าจวนที่เสด็จแม่จัดการให้ มันด้อยกว่าจวนที่เจ้าจัดการเองอย่างไร แต่ดูๆ ไป ก็ไม่แตกต่างกันเท่าไหร่นี่ ออกจะดูเล็กไปเสียด้วย" "ขอบคุณรัชทายาทที่ชี้แนะ หากวันใดข้ารู้สึกคับแคบคงต้องหวังพึ่งตำหนักฟ่านเทียนของท่านอาศัยแทน ท่านคงไม่ว่ากระไร" "เจ้าอย่าได้หวัง อะไรที่ไม่ได้เป็นของเจ้าก็จะไม่มีวันเป็นของเจ้า" "มันอยู่ที่ว่าข้าจะทำให้มันกลับมาเป็นของข้าหรือไม่ต่างหากเล่า" "ประชาราษฎร์ทั่วอยู่อย่างสงบ เจ้ากลับมาเพื่อจะทำให้พวกเขาทุกข์ยากเพราะความทะเยอทะยานอยากของเจ้านะหรือ หึ! พูดกับเจ้าไปก็มีแต่จะเปลืองซึ่งวาจา" หางตาของเขาเห็นสตรีชำเลืองตามองเขาและเหนียนอ๋องเป็นระยะ คนอย่างเขาตำแหน่งใหญ่โตจะมาทะเลาะกับบุตรปีศาจต่อหน้าสตรีย่อมไม่ดีแน่ เขาหันหน้าไปมองสตรีทั้งสองที่ยืนไม่ห่างกันนัก "วันหน้าข้าจะลองไปเยี่ยมชมหอของเจ้าบ้าง" "เพคะ" นางย่อกายตอบรับคำราชนิกุล แต่ก็เห็นเขาไม่ได้สนใจอะไรนางนัก และหันไปทางกู้หรูอวี้ ส่งยิ้มให้เล็กน้อย "ข้าไปก่อนล่ะ กู้ฮูหยิน" เขาเอ่ยลามารดาแต่สายตากลับมองบุตรสาว แต่กู้หรูอวี้ทำเพียงย่อกายส่งเสด็จพร้อมมารดาเท่านั้น "ข้าสั่งพ่อบ้านใหญ่ให้คนจัดอาหารแล้ว หากพวกเจ้าไม่รีบก็เชิญทานมื้อเที่ยงเสียที่นี่แล้วกัน" กู้หรูอวี้ที่รู้สึกเสียหน้าสองจิตสองใจ แต่มารดานางไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นกลับยิ้มหน้าระรื่น ตอบรับคำ มีเพียงจื้อซิ่งเหมี่ยนปฏิเสธและขอลากลับ ทำให้กู้หรูอวี้ใจชื้นขึ้นมาบ้างเพราะนางไม่ได้ยินเหนียนอ๋องรั้งนางให้อยู่ทานมื้อเที่ยงด้วย ระหว่างมื้อเที่ยงที่ทานกัน กู้หรูอวี้รู้สึกว่าเขาไม่ค่อยเอ่ยคำโอภาปราศรัยนัก ในใจนึกแค้นนางแพศยานั่น กลับไปนางคงต้องหาวิธีทำลายชื่อเสียงพวกนั้นเสียหน่อย สองแม่ลูกนั่งบนรถม้า มารดามองบุตรสาวเป็นระยะจน จื้อซิ่งเหมี่ยนเองอดทนต่อไปไม่ไหว กล่าวถามถึงข้อสงสัยของมารดาที่มีต่อตน "ท่านแม่จะกล่าวอะไรกับข้าก็ว่ามาเถิดเจ้าค่ะ" เมื่อนางเอ่ย ผู้เป็นมารดาก็เอ่ยความที่อยู่ภายในใจโดยทันที "เจ้าคิดอย่างไรกับเหนียนอ๋อง" นางส่ายหน้า "ลูกไม่คิดอะไรเจ้าค่ะ ลูกต้องการแค่อำนาจของเขา" มารดาพยักหน้าพลางเอ่ยคำ "ท่านอ๋องอาจมีใจให้เจ้า เมื่อครู่ข้าคิดว่าเจ้าจะเปิดศึกกับพวกนางต่อเสียอีก" นางส่งยิ้มให้มารดาก่อนที่จะเอ่ย "เรื่องนั้นท่านแม่ไม่ต้องห่วงหรอกเจ้าค่ะ เพราะทุกก้าวที่ลูกเหยียบลูกต้องคอยระวัง ไหนจะเรื่องของอาฮุ่ย นางยังไม่พบบิดาที่แท้จริงลูกก็ยังไม่หมดห่วง" "หากแม่ของนางบอกว่าบิดาของฮุ่ยกวงเป็นคนในวังหลวง มีเชื้อสายมังกรเจ้าจะปล่อยนางไปหรือ ในวังมีแต่อันตรายรอบด้าน ไม่เท่ากับปล่อยลูกแกะเข้าปากเสือหรอกหรือ" นางส่ายหน้า "ลูกคุยกับฮุ่ยกวงแล้ว การที่ให้นางอยู่ใกล้ลูกเห็นพฤติกรรมของบุรุษที่มาหาความสุขยามค่ำคืน นางคงรู้อะไรไม่มากก็น้อย" นางนิ่งไปสักพักเหมือนนึกอะไรบางอย่างออก "ท่านแม่ ท่านช่วยให้ลุงเฟิ่งสืบบางอย่างให้ข้าได้หรือไม่? " "เรื่องอะไร? " "ข้าอยากรู้ว่าองค์รัชทายาทเคยไปพำนักพักแรมที่ไหนหรือไม่" "เจ้าอย่าบอกนะว่าเจ้าสงสัยองค์รัชทายาท" นางพยักหน้า "เจ้าค่ะ ลูกแอบลอบมองใบหน้าและป้ายหยกขององค์รัชทายาท เพียงแต่ยังไม่มั่นใจ" จื้อลี่เจียงพยักหน้ารับปากว่าจะไหว้วานเฟิ่งไห่ให้ "ลูกยังไม่กลับหอ ท่านแม่กลับก่อนได้เลยนะเจ้าคะ" "แล้วเจ้าจะไปไหน? " นางหันไปตอบมารดาและเปิดผ้าม่าน หันมากล่าวกับมารดา “ก้าวแรกต้องทำให้เขาหลงใหล คลุ้มคลั่งและค่อยสิ้นเนื้อประดาตัว" มารดามองตามแต่ก็รู้สึกหวาดหวั่นกับความคิดของบุตรสาวไม่ได้ "อีกสักสองสามวันลูกจะประกาศคืนแห่งพรหมจรรย์ ข้าจะดูสิว่าเขาจะยอมทุ่มสักเท่าไหร่" "เจ้าแน่ใจหรือ" "ไม่ใช่ข้าเสียหน่อย" "แม่ไม่เข้าใจ" มารดามีสีหน้างุนงง "ท่านแม่จำเจิ้งชุ่ยได้ไหมเจ้าคะ" จื้อลี่เจียงนึกถึงเจิ้งชุ่ย สาวน้อยใบหน้าไม่ได้งดงามนัก ทว่าทรวดทรงกับอ่อนแอ่นอรชน นางแต่งเป็นอนุให้กับพ่อค้าโรงสีเพราะบิดาติดหนี้การพนัน ทว่ายังไม่ถึงวันเข้าหอก็ถูกเหล่าภรรยาอนุของเถ้าแก่ทำร้ายเพราะอิจฉาตาร้อน จนนางเกือบเอาชีวิตไม่รอด นางหนีหัวซุกหัวซุน จนได้เจอคนของหอนางโลมช่วยไว้ "เจ้าอย่าบอกนะว่า..." "เจ้าค่ะ ข้าแอบรู้มาว่านางแอบชอบหนิงไช่กวง อีกอย่างนางต้องการเงินไปให้มารดา หากนางยินดีเงินส่วนหนึ่งข้าจะมอบให้นาง" "แล้วถ้านางไม่ยอมเล่า? " "ในหอ ไม่ใช่มีนางคนเดียวนี่เจ้าคะ พวกนางเหล่านั้นรู้ว่าต้องทำอย่างไรให้หนิงไช่กวงรู้ว่าสตรีที่เขาหลับนอนเป็นคืนแรกของข้า แต่แม่เชื่อข้าเถอะเจ้าค่ะ เจิ้งชุ่ยต้องยอมแน่" นางกล่าวจบก็เคาะประตูรถม้าให้สารถีจอดรถม้า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD