เช้าวันรุ่งขึ้นจื้อซิ่งเหมี่ยนเดินทางมาถึงจวนเหนียนอ๋องพร้อมกับมารดาของตนตามคำร้องขอของเขา เพื่อจะให้สาวใช้ที่นางจ้างมาช่วยกันลงมือทำความสะอาด อย่างสุดกำลังหาใช่เพราะสิ่งใดแต่อำนาจที่นางต้องการ ทว่าการเหยียบย่ำเข้าพื้นจวนดูเหมือนจะทำให้นางต้องเค้นความคิดออกมาฟาดฟันกับคู่อริอีกแล้ว
ภาพสตรีวัยกลางคนที่ดูแต่งกายเฉิดฉัน ยืนอยู่กับบุตรีที่งามไม่ด้อยกว่ากัน
"หลันอวี้ แม่รู้เจ้าหนีรอดได้ ไปให้พ้นหอนี้ ไปหาบุรุษแซ่เฟิ่ง นามว่าไห่ เขาจะช่วยเจ้า อย่าย้อนกลับมา" มารดาหลั่งน้ำตาพร้อมดันให้นางรีบปีนหนีออกทางหน้าต่าง มารดารู้ว่านางวิ่งได้เร็วและหลบซ่อนเก่ง แต่นางมีอะไรหลายอย่างที่จะพูดกับมารดา แต่เป็นเพราะเสียงของนางไม่สามารถเปล่งออกมาได้ มีเพียงสีหน้าเท่านั้นที่นางสามารถสื่อออกมาได้ เสียงฝีเท้าหนักพร้อมเสียงสตรีและบุรุษตรงเข้ามาในห้องทำให้มารดารีบผลักบุตรีที่มีใบหน้าอัปลักษณ์จากการโดนของมีคมกรีดเข้าที่ใบหน้าให้หนีจากการถูกทารุณกรรม
"ไป! หากสวรรค์ยังเมตตา เราสองคนแม่ลูกจะได้กลับมาเจอกันอีก" ใช่ หากสวรรค์ยังเมตตาเราสองคนแม่ลูก ข้าจะกลับมาแก้แค้น ให้พวกนั้นรู้ถึงความเจ็บที่พวกมันก่อกับนางและมารดาให้ได้
"แม่กล่าวไม่มีผิดใช่ไหม สองแม่ลูกเริ่มเข้าใกล้เหนียนอ๋อง
กู้หรูอวี้ต้องการตำแหน่งพระชายา” เสียงของจื้อลี่เจียงดึงให้นางมาอยู่กับปัจจุบัน
"พระชายา? เหอะ..ก่อนนางได้ไปข้าจะให้นางร้องเรียกมารดาเสียก่อน"
"แล้วเจ้าไม่คิดอยากเป็นพระชายาของเหนียนอ๋องบ้างหรือ? "
"ลูกไม่อยากเริ่มต้นด้วยความสุข แล้วทุกข์ตอนปลาย แค่ลูกกลับมายืนที่นี่ได้ความหวังเดียวคือทำให้พวกนั้นเจ็บเหมือนที่ข้าเคยเจ็บ ไปเถิดเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวคนที่จะยอมหนุนหลังลูกจะเปลี่ยนใจ" นางก้าวข้ามธรณีประตูนำผู้เป็นมารดาและคนงานหญิงเข้าไป ไม่นานก็มีบุรุษวัยกลางคน ใบหน้ามีริ้วรอยแสดงถึงช่วงอายุที่ผ่านโลกมานานหลายปี เดินตรงเข้ามา
"ข้าน้อยจื้อซิ่งเหมี่ยนและผู้นี้คือมารดาข้า จื้อลี่เจียง ได้รับคำไหว้วานจากเหนียนอ๋องให้นำคนมาช่วยทำความสะอาดจวนเจ้าค่ะ"
จื้อซิ่งเหมี่ยนย่อกายเต็มพิธีเพราะนางไม่รู้ว่าคนที่เดินเข้ามาต้อนรับนางนั้นเป็นใคร มารยาทที่นางแสดงออกมาย่อมดีที่สุด ชายผู้นั้นยิ้มรับพร้อมประสานมือคารวะตอบ
"แม่นางจื้อนั่นเอง ข้าน้อยเป็นพ่อบ้านใหญ่ที่นี่ มีนามว่าหวังฟั่น เหนียนอ๋องสั่งข้าน้อยไว้แล้ว เชิญๆ ขอรับ" นางยิ้มรับและเดินตามพ่อบ้านใหญ่เข้าไปด้านใน
ครั้นเดินมุ่งหน้าเข้าเรือนส่วนในของจวน ไม่สิต้องเรียกว่าคฤหาสน์ถึงจะถูก หันไปมองมารดาที่เวลานี้พึงใจกับสถานที่ที่นางย่างเท้าก้าวเข้ามา นางยิ้มตอบที่มุมปาก ระหว่างทางมีทั้งลานเรือนโอ่อ่า ตัวอาคารประณีตบรรจง ระเบียงคดทอดลดเลี้ยวสู่สถานที่อันสงบเงียบ ไม่ว่าอย่างไหนเกรงว่าล้วนเป็นทัศนียภาพที่คนธรรมดายากจะได้เห็นสักครั้งทั้งนั้น นางยังแอบนึกว่าเขาอยู่เพียงผู้เดียวแม้จะมีสาวใช้ แต่จวนใหญ่ถึงเพียงนี้ไม่รู้สึกโดดเดี่ยวบ้างหรืออย่างไร แต่อีกด้านนางยังแอบชื่นชมว่าจวนของเงางดงามไม่ธรรมดาจริงๆ
ทั้งนางและมารดาเดินเข้ายังเรือนหนึ่ง นางคาดว่าน่าจะเป็นเรือนรับรองสายตาก็สบกับสตรีที่นางต้องเชือดเฉือนคารม ทั้งสองฝ่ายสบตากันอย่างห้ามไม่ได้ พ่อบ้านใหญ่รู้เรื่องราวมาบ้างก็มิได้หลีกลี้หนีหาย กลับสั่งให้คนไปยกน้ำชามารับรองสองแม่ลูกที่เพิ่งเข้ามาใหม่
“พวกนางมาทำอะไร” กู้หรูอวี้เอ่ยขึ้นลอยๆ ส่วนมารดาที่อยู่ด้านข้างเอ่ยตอบ เสียงไม่ดังไม่เบา “นางคงมาตามคำ ‘สนองใบบอก’การปรนนิบัติแขกเป็นอาชีพของนางโลม แม่ได้ยินว่าจวนข้างๆ มีบุรุษมากอยู่ คงมาผิดจวนกระมัง” สองแม่ลูกหัวเราะกันระริกเหยียดหยามนางซึ่งหน้า แต่จื้อซิ่งเหมี่ยนยังคงสงบวาจาไว้ไม่กล่าวท้วงติงใดๆ
"หรูอวี้...จำไว้นะลูก บุปผางามที่อยู่บนเขาสูงชัน มักมีค่าและสูงส่งมากกว่าบุปผาที่เรี่ยราดเพราะถูกดอดดมแล้ว แม้จะอยู่บนกิ่งก้านแต่ก็เฉาเพราะมือคน" กู้หรูอวี้รู้ความนัยของมารดา จึงขานรับ สองแม่ลูกจากหอหอมหมื่นลี้ยังนิ่งเงียบ มีเพียงแต่พ่อบ้านใหญ่โอดครวญในใจไม่อยากให้เกิดปากเสียงกันเพราะลำพังตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะช่วยเหลือทางใดเพราะฝ่ายหนึ่งก็บุตรีฮูหยินใหญ่ของขุนนางเรืองอำนาจ ส่วนอีกด้านคือสตรีที่นายตนอยากรู้ใจ
"เอ่อ..."พ่อบ้านใหญ่ยังไม่ทันกล่าว จื้อซิ่งเหมี่ยนก็หันไปสนทนา
"ท่านพ่อบ้านหวัง เหนียนอ๋องไม่อยู่กระมัง เช่นนั้นข้าน้อยขอทำธุระที่เหนียนอ๋องไหว้วานให้เสร็จก็แล้วกัน"
"ขอรับ" เมื่อได้ยินคำ นางก็รีบจัดแจงให้สาวใช้จัดการงานให้แล้วเสร็จ
"ดอกไม้ที่เปื้อนฝุ่นธุลีแดงก็อดทนเก่งเช่นนี้แหละหรูอวี้"
จื้อเหม่ยลี่ยังเอ่ยวาจาสอนบุตรสาวอีก จื้อซิ่งเหมี่ยนยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเปิดปากเอ่ยวาจา
"ดูเหมือนว่า กู้ฮูหยินจะเก่งเรื่องบุปผานะเจ้าคะ เห็นสอนบุตรีไม่หยุด ทว่า...ข้าน้อยกลับมีความคิดเห็นต่าง หากบุปผชาติที่โตในที่สูง คงยากจะเอื้อมมือเด็ด หากเด็ดได้คงเชยชมเพียงชั่วครั้งชั่วคราวเพราะควรค่าแก่การบูชามากกว่ากระทำอย่างอื่น"
"เจ้าจะรู้ได้อย่างไร อ๋อ ข้าลืมไปเจ้าคงทำได้มากกว่าที่จะให้บุรุษถนอม"
"เจ้าค่ะ ทำได้มากกว่า และดูท่าว่าใต้เท้ากู้ก็ชอบด้วยนะเจ้าคะ เห็นช่วงนี้มักแวะเวียนมาที่หอของข้าบ่อยมากจนรู้สึกสงสัย ข้าน้อยยังแอบได้ยินบรรดาสาวๆ ในหอพูดกัน ว่าจริตสตรีบนเตียงของพวกนางถึงใจกว่าสตรีสูงศักดิ์ที่ร้องครวญครางใต้ร่างแต่ทำอะไรไม่เป็น"
จื้อเหม่ยลี่หน้าดำหน้าแดงเพราะโกรธจัด จื้อซิ่งเหมี่ยนมีหรือจะสนใจนางที่เก็บอาการไม่อยู่ นางประคองมารดามานั่งยังเก้าอี้ที่พ่อบ้านจัดให้
ทั้งสองฝ่ายนั่งกันคนละด้าน ไม่แม้แต่จะมองหน้ากัน
จื้อซิ่งเหมี่ยนกับมารดาย่อมมีเรื่องสนทนากัน แต่ดูอีกฝ่ายจะอึดอัดเพราะมายังจวนเหนียนอ๋องทั้งที่ไม่รู้ว่าเจ้าของจวนไม่อยู่ ไม่คิดว่าคนที่ให้มาสืบข่าวที่จวนเหนียนอ๋องจะนำความมาบอกผิดแล้วกระมัง ความว้าวุ่นใจไม่นานก็จางหายไปเมื่อชายที่กู้หรูอวี้ตั้งหน้าตั้งตารอก็มาปรากฏตัว ทั้งหมดยืนขึ้นคารวะมีเพียงจื้อซิ่งเหมี่ยนที่ดูจะช้าที่สุด ไม่รู้ว่าในใจของนางคิดอะไรอยู่
จ้าวยวี่เสียงดูจะสนเท่ห์เมื่อเห็นสองแม่ลูกตระกูลกู้ แต่เขาก็ยิ้มทักทายปกติ
"หม่อมฉันได้ข่าวมาว่าเหนียนอ๋องวุ่นวายเรื่องภายในจวน พอดีกับที่หม่อมฉันและบุตรีผ่านมาทางนี้จึงแวะเข้ามาเผื่อจะมีอะไรช่วยเหลือได้"
"ขอบใจกู้ฮูหยินมาก ไม่คิดว่าท่านและคุณหนูกู้จะเดินทางมา เลยไม่ได้อยู่ต้อนรับ"
"ไม่เป็นหรอกเพคะ เป็นความผิดของหม่อมฉันเอง"
"เช่นนั้นก็ตามสบาย ข้าขอตัวคุยธุระสักหน่อย" หางตาเขาเห็น
จื้อซิ่งเหมี่ยนเดินเข้าไปด้านใน โดยไม่คิดจะอยู่ต้อนรับเขา
"เพคะ" เขาเดินตรงไปยังจื้อลี่เจียง คุยกันสักพักก็เดินเข้าไปภายในเรือน ปล่อยให้สองคนแม่ลูกยืนทำสีหน้าไม่ถูกว่าตนจะอยู่ต่อหรือจะไปดี