ปะทะ1

996 Words
"ท่านนำเรื่องนั้นไปบอกมารดาข้า? " นางมาถึงห้องเห็นเขานอนใช้สองแขนแทนหมอน ไม่มีอาการเจ็บปวดแต่อย่างใด ยิ่งทำให้พื้นอารมณ์ที่ไม่ดีนักกลับยิ่งแย่ "ข้าโตแล้ว หาใช่เด็กอมมือที่ต้องฟ้องมารดาเมื่อถูกผู้อื่นกลั่นแกล้ง จุดนั้นเป็นจุดที่บอบบางที่สุดของบุรุษ อย่าบอกว่าเจ้าไม่รู้ เฟิ่งไห่เข้ามาเห็นข้ามีอาการเช่นนั้นย่อมรู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น" เขาตอบอย่างไม่ใส่ใจในคำพูดของตนเองสักเท่าใด "เป็นลุงเฟิ่ง!" เฟิ่งไห่อีกแล้ว นางเริ่มคิดจะหาทางแกล้งเฟิ่งไห่ และแววตาครุ่นคิดนี้ของนางก็ตกอยู่ภายใต้สายตาของเขาเช่นกัน "ชีวิตข้าก็มีค่าดุจทองคำเฉกเช่นฮ่องเต้ เจ้าทำข้าเช่นนี้ข้าไม่อาจจะไม่ถือโทษโกรธเจ้าได้ เพราะความเจ็บกาย อย่างไรไม่นานก็หายไป แต่ผลจากการกระทำในภายภาคหน้าคือข้าไม่อาจมีบุตรได้ นั่นคือสิ่งที่เจ้าต้องรับผิดชอบ" "ข้าต้องรับผิดชอบท่าน? แล้วสิ่งที่ท่านทำกับข้าทั้งที่ข้าไม่เต็มใจ" "แน่นอนข้าต้องรับผิดชอบเจ้ากลับเช่นกัน เจ้ารับผิดชอบข้า ข้ารับผิดชอบเจ้า ยุติธรรมดี" ยิ่งเขาพูดก็ยิ่งรู้สึกว่านางเสียหาย แต่เป็นฝ่ายกลับได้เปรียบ "ข้าว่าเรื่องนี้จบลงเพียงแค่นี้ เราทั้งคู่จะได้ไม่ต้องรับผิดชอบซึ่งกันและกัน หวังว่าท่านผู้เป็นถึงอ๋องจะใจกว้าง เรื่องเล็กน้อยเพียงนี้ไม่เก็บมาใส่ใจ" นางกำลังต่อรองกับเขา ทำให้เขานึกขันในใจ ยิ่งเขาได้โอภาปราศรัยกับนางยิ่งทำให้เขาสนุก "ได้อย่างไร ข้าเสียเปรียบ เจ้าได้เปรียบ" นางถึงกับมุมปากกระตุก นึกก่นด่าเขาในใจเสียไม่ได้ ใครกันแน่ที่เสียเปรียบ นางไม่อยากจะต่อความกับเขาอีก จึงกล่าวปิดเรื่องนี้เสีย "พอได้แล้ว ที่ข้ามาเพื่อขอโทษ ท่านเป็นอ๋องควรใจกว้างและไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก" "ได้... วันนี้ไม่พูด แต่ค่อยพูดวันอื่น ตกลงตามนี้" นางแทบเดือดดาลเพราะท้ายที่สุดเขาก็จะไม่หยุดกล่าวเรื่องนี้ ครั้นนางจะเดินหนีก็นึกถึงเรื่องที่มารดาเอ่ยเตือนตนมาได้ ใช่แล้ว! ที่นางเข้ามามิได้มาเพียงเพื่อกล่าวคำขอโทษเท่านั้น แต่นางยังมีจุดประสงค์อื่นอีก “ข้าดูเจ้าไม่ค่อยเกรงกลัวข้า ทั้งที่รู้ว่าข้าเป็นถึงอ๋องไม่กลัวว่าข้าอาจจะตัดสินใจลงมือสังหารเจ้าหรอกหรือ”เขาเอ่ยขึ้นมามองสีหน้านางอย่างไม่ใส่ใจนัก “แต่ไหนแต่ไรชีวิตนางโลมก็ด้อยค่าราวมดปลวก ข้าเป็นแค่ ‘อี้จี’ มีชีวิตอยู่ในหอนางโลม แม้มดปลวกยังรักชีวิต หวังว่าท่านเป็นถึงอ๋องคงจะไม่ไร้...” “มโนธรรม! ข้าย่อมไม่ไร้มโนธรรมอยู่แล้ว” นางทอดสายตามองพื้น แอบกัดริมฝีปาก “หากคิดว่าตนเองเป็นมดปลวก ข้าคงต้องหาไม้เคลือบน้ำตาลมาเลี้ยงมดปลวกเช่นเจ้าให้อ้วนพี ไม่ผ่ายผอมเช่นนี้แน่” “เช่นนั้นท่านอ๋องไม่เคืองข้าแล้ว” เขาเบ้ปากไม่ตอบ นางก็ถือว่าการกระทำนี้คือคำตอบว่าเขาไม่คิดเอาเรื่องนางเสียแล้วกัน "ท่านอ๋อง คนสกุลกู้แต่ละคนปากเป็นน้ำผึ้ง จิตใจเป็นดาบ ยามคบค้าสมาคมกับบุคคลอื่น ล้วนแสดงตนเป็นคนมีมิตรจิตมิตรใจ ปากมักเอื้อนเอ่ยมธุรสวาจา แต่แท้ที่จริงนิสัยใจคอกลับตรงกันข้ามกับสิ่งที่แสดงออกภายนอก หม่อมฉันต้องการเตือนสักเล็กน้อยเพื่อจะได้ไม่ถูกคนพวกนั้นทำให้เจ็บเนื้อร้อนตัว" เขาอมยิ้มที่มุมปาก "เตือนข้าหรือมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง? " "ไม่ผิด ข้ารู้ว่าอาจจะฟังดูเห็นแก่ตัว แต่ข้าต้องการอำนาจของท่านคอยหนุนหลัง" "เฮ้อ! เจ้าต่อว่าสกุลกู้ แต่เจ้าหลงลืมไปแล้วหรือว่าเจ้าก็เป็นบุตรีของใต้เท้ากู้" "ใช่...ข้าไม่โต้แย้ง แต่ในทางกลับกันใต้เท้ากู้ไม่เคยมองข้าเป็นบุตรสาว ไยข้าต้องรับเขาเป็นบิดาด้วยเล่า" "เขาทำอะไรเจ้าถึงแค้นพวกเขานัก" นางยิ้มหยัน พวกนั้นทำอะไรน่ะหรือให้นางเล่าทั้งคืนคงไม่หมด "ข้าไม่อยากเอ่ย แต่หวังว่าท่านจะทำตามคำขอ" "ได้ อยากได้อำนาจข้าก็จะให้ อยากได้เงินทองข้าก็จะให้ แล้วถ้าข้าขอเจ้าบ้างเจ้าจะให้ข้าได้บ้างไหมเล่า? " "ถ้าสิ่งนั้นไม่เกินกำลัง" "สิ่งที่ข้าขอไม่เกินกำลังที่สตรีตัวเล็กเช่นจะเจ้าทำไม่ได้" เขาลุกขึ้นจากเตียงและเดินตรงมายังจื้อซิ่งเหมี่ยน และกระซิบข้างหู "ไม่ว่าเจ้าจะใช้ชื่อใด สุดท้ายข้าก็แพ้สิงห์น้อยเช่นเจ้า ให้เจ้าเป็นดอกอวี้หลันที่เกิดใหม่ที่ทำแดด ทนลมหรือความเหน็บหนาวของหิมะยามโปรยปราย ข้าจะพร้อมรดน้ำพรวนดินให้ดอกอวี้หลันของข้าแข็งแรง ทนต่อพายุคลื่นลม" เขาพูดจบก็เดินสวนนางออกไป นางหันหลังเรียก ทว่ายังไม่ได้เอ่ยคำถาม เขาชิงพูดเสียก่อน "เรื่องของเจ้าจะอยู่ในสายตาของข้าทั้งหมด อ๋อ!จวนใหม่ของข้าดูยังไม่เรียบร้อย วานเจ้าส่งคนไปช่วยจัดการให้ด้วย" กล่าวจบก็เดินออกไป นางยังยืนนิ่งอยู่ แต่เมื่อนึกถึงคำของเขาเมื่อครู่ รู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมาพร้อมกับใบหน้าที่แดงระเรื่อ นางหายใจลึกและเดินไปนั่งที่เก้าอี้ พลันสายตาก็เห็นบางอย่างปักอยู่ที่เรือนผม นางหยิบออกมาเห็นปิ่นปักผมรูปดอกอวี้หลัน นางจ้องมันอยู่เป็นนาน ก่อนที่จะปักปิ่นนั้นลงบนเรือนผมอีกครั้ง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD