“ถ้าคุณพ่อฉันยังอยู่ถึงฉันไม่โทรบอกนาย นายก็จะอาสามารับฉันต่อให้นายจะยุ่งแค่ไหนก็ตาม”
“รู้ได้ยังไง”
“ฉันรู้จักไอ้ขี้ประจบสอพลออย่างนายดี”
“หึ! ถ้ารู้ดีมากคราวหลังก็อย่าโทรมา รู้แล้วก็จำไว้ซะว่าคุณอาไม่อยู่แล้วผมไม่จำเป็นต้องเอาใจเด็กงี่เง่าเอาแต่ใจอย่างคุณ หาทางกลับเอง ไม่มีปัญญาก็นอนหน้าร้าน ผ่านไปแถวนั้นเมื่อไหร่เดี๋ยวแวะรับ”
“ไอ้ดิน!” ดีที่นั่งอยู่โซนเอ้าท์ดอร์แถมยังไม่มีคนอยู่แถวนี้ถึงได้ไม่มีใครแตกตื่นน้ำเสียงของฉันที่เรียกไอ้บ้านั่นด้วยความโมโหจนเสียงดัง
“แค่นี้นะ ผมจะทำธุระ”
“นายกล้ามากนะ คอยดูไม่มีคุณพ่อแล้วฉันจะไล่นาย...”
ตื๊ด ๆๆๆๆ
“ไอ้ดิน!” นี่ไง จะไม่ให้โมโหไม่ให้เกลียดได้ยังไง เพราะไอ้บ้านั่นไม่เคยเจียมตัว ทำตัวเสมอฉันตลอดทั้งที่ตัวเองเป็นแค่หลานของเมียน้อย!
แต่เชื่อเถอะฉันไม่ปล่อยเขาไว้หรอก ไม่มีคุณพ่อแล้วก็ไม่มีใครถือหางเขาได้อีกต่อไป บริษัทของคุณพ่อต้องเป็นของฉันอยู่วันยังค่ำ และบริษัทของฉันต้องไม่มีชื่อของไอ้ปฐพีอยู่ในรายชื่อของบอร์ดบริหาร!
- วันต่อมา -
ฉันไม่อยากยืนข้างเขา แต่การยืนข้างเขากับคุณอาทนายเป็นทางเดียวที่ทำให้ฉันสามารถสนใจคุณพ่อได้อย่างเต็มที่ เพราะถ้าไม่ใช่เขากับคุณอาทนายคนที่จะมาขนาบข้างฉันคงไม่พ้นสองแม่ลูกที่ฉันโคตรเบื่อ แค่ยืนข้าง ๆ ยังเบื่อแต่เชื่อเถอะว่าอานภาต้องพูดอะไรต่อมิอะไรรบกวนสมองฉันตลอดเวลาแน่นอน
“เข้มแข็งนะลูก”
“ค่ะคุณอา” ฉันยิ้มให้คุณอาทนาย ยิ้มที่เศร้าและรู้ตัวว่าตัวเองแทบยิ้มไม่ไหว
ตอนนี้พิธีกำลังดำเนินไปเรื่อย ๆ แต่มันเร็วไปหมดในความรู้สึกฉัน อีกแค่แป๊บเดียว อีกแค่ไม่กี่ขั้นตอนคุณพ่อก็จะจากฉันไปตลอดกาลแล้ว
ฉันจะไม่มีคุณพ่อแล้วนอกจาก...เถ้ากระดูกของท่าน
“ฮึก!” ฉันแอบสะอื้นออกมาเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ อยากร้องไห้ออกมาให้สุดใจแต่ก็อยากเข้มแข็ง อยากทำให้ท่านภูมิใจสักครั้งว่าลูกสาวคนเดียวของท่านก็เข้มแข็งเหมือนกัน
“ไหวรึเปล่า”
“ไม่ต้องยุ่ง” สายตาฉันจ้องไปด้านบนของเมรุ ปากก็ตอบคนข้าง ๆ เบา ๆ
“เข้มแข็ง คุณทำได้”
“…” ฉันอยากตะโกนใส่หน้าเขาว่าฉันรู้ว่าตัวเองต้องเข้มแข็ง พูดง่ายบอกง่ายแต่ทำโคตรยากเลย เป็นเรื่องง่าย ๆ ที่ไม่ง่ายเลยโดยเฉพาะกับคนที่ไม่เหลือครอบครัวของตัวเองมายืนข้างกันเลยสักคนอย่างฉัน
“ในลำดับถัดไปขอเชิญเจ้าภาพและแขกผู้มีเกียรติทุกท่านขึ้นวางดอกไม้จันทน์ครับ”
ฉันได้ยินพิธีกรประกาศก็ยิ่งใจหาย มือที่มีดอกไม้สีขาวถือไว้แทบอ่อนแรงจับมันไว้ไม่อยู่ขึ้นมา
“ไอริส”
“…”
“ไอริส”
“…ไม่ไปได้ไหม”
“ทำเพื่อท่าน ผมรู้ว่าท่านมองคุณอยู่ แล้วผมก็รู้ว่าคุณทำได้” เสียงเขาที่ดังแผ่วเบาอยู่ข้าง ๆ ทำให้ฉันต้องพยายามทรงตัวขึ้นถึงแม้มันจะลำบากแค่ไหนก็ตาม
ฉันเดินขึ้นไปข้างบนเมรุหลังจากที่แขกทุกคนวางเสร็จหมดแล้ว ระหว่างที่เดินก็เอาแต่จ้องมองไปที่โลงสีขาวไม่ละสายตาไปไหน แต่ละก้าวมันลำบากเหลือเกิน ไม่อยากขึ้นไปวางดอกไม้จันทน์ ไม่อยากให้พิธีทุกอย่างเสร็จ อยากหยุดเวลาเอาไว้ไม่อยากให้ท่านจากฉันไปตลอดกาล เพราะอีกไม่นานจะไม่มีร่างกายของคุณพ่อบนโลกใบนี้แล้ว
“…ไม่อยากให้ไปไหนเลยค่ะคุณพ่อ แต่คุณพ่อก็ต้องไปใช่ไหมคะ หนีไปเที่ยว หนีไปหาคุณแม่ใช่ไหม ฮึก! ริสโกรธนะที่หนีริสไปเที่ยว แต่ริสจะหายโกรธถ้าก่อนคุณพ่อไปเที่ยวคุณพ่อไปคุณแม่ก่อน ฮึก! ไปหาคุณแม่ก่อนนะคะแล้วค่อยไปเที่ยว ไปเที่ยวด้วยกันนะไม่ได้เจอกันนานแล้ว ต้องไปด้วยกันนะคะแล้วหนู ฮึก! แล้วหนูจะมีความสุข” ใจจะขาดอยู่แล้ว จะไม่ไหวแล้ว
ฉันพูดอะไรมากกว่านี้ไม่ไหว ถ้าพูดมากกว่านี้ได้ปล่อยโฮออกมาแค่ สุดท้ายเลยเลือกที่จะวางดอกไม้จันทร์แล้วยืนข้างบนเงียบ ๆ
“ไม่ให้คุณพ่อไปได้ไหม” ฉันเอ่ยขึ้นทั้งที่สายตายังจ้องมองที่โลงศพของท่าน น้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสาย อยากให้เวลาหมุนไปช้า ๆ แต่ไม่รู้ทำไมมันเร็วเหลือเกิน
“ท่านจะอยู่กับคุณตลอดเวลา”
“...แต่คุยกันไม่ได้ กอดท่านไม่ได้ กินข้าวกับท่านไม่ได้ ทำอะไรเพื่อท่านไม่ได้เลย”
“มีความสุขไงไอริส แค่คุณมีความสุขท่านก็มีความสุขแล้ว”
“ฉันจะมีความสุขได้ยังไง ฉันไม่เหลือใครแล้ว”
“เหลือสิคุณยังมี...มีคนรักของคุณไง”
“อือ...ริสรักคุณพ่อนะคะ” ฉันตอบเขาแค่เสียงในลำคอแล้วบอกรักคุณพ่อ มีอะไรอีกหลายต่อหลายอย่างที่อยากบอกท่าน แต่ไม่รู้ว่าท่านจะได้ยินไหม
ฉันยืนอยู่ที่เดิมจนกระทั่งเวลาที่ไม่อยากให้มาถึงก็มาถึง เวลาที่เราสองคนพ่อลูกต้องจากกันไปตลอดกาล วินาทีที่ฝาโลงศพของคุณพ่อเปิดออกฉันก็แทบทรุดลงไปที่พื้นเพราะคุณพ่อที่นอนอยู่ในนั้นไม่สามารถตื่นขึ้นมารับรู้อะไรได้อีกต่อไปแล้ว และนี่คงเป็นเวลาอีกไม่กี่นาทีที่ร่างกายของท่านจะยังคงเหลืออยู่บนโลกนี้
“ฮึก!”
หมับ!
“ไม่เผาคุณพ่อได้ไหม ” ฉันพูดแทบไม่รู้เรื่อง เกาะโลงศพของท่านแล้วถามคนที่ประคองฉันอยู่ข้าง ๆ ทั้งน้ำตา
“ไม่เป็นไรไอริส
สักวันคุณจะเข้มแข็ง”
“แต่มันไม่ใช่วันนี้ไง ฮื่อ ๆๆ คุณพ่อขา คุณพ่อได้ยินริสไหม กลับมาอยู่กับริสได้ไหมคะคุณพ่อ ฮื่อ ๆๆ ริสไม่เหลือใครแล้ว ริสจะอยู่ยังไง ฮื่อ ๆๆ”
“ไอริส อย่าทำให้ท่านเป็นห่วง”
“ฉันไม่ได้อยากอ่อนแอ แต่ฉันไม่ไหวแล้ว ฮื่อ ๆๆ ได้ยินไหมว่าฉันไม่ไหวแล้ว ฮื่อ ๆๆ” ฉันบอกเขาแล้วอยู่ ๆ ร่างกายมันก็ทิ้งตัวลง ฉันไม่ได้เป็นลม ฉันยังมีสติทุกอย่างฉันแค่ยืนไม่ไหวเท่านั้น
“ถ้างั้นไม่เป็นไร
ถ้าไม่ไหวก็ร้องออกมา ผมเข้าใจ ผมรู้ว่าคุณทำสุดความสามารถแล้ว
แค่นี้ก็เก่งแล้วไอริส ร้องออกมา...ผมจะอยู่ข้างคุณเอง”