ปัง!
น่าโมโหที่สุด! นายนั่นกล้าดียังไงมาถามเรื่องส่วนตัวของฉัน!
เอาตัวเองให้รอดเถอะไม่ต้องมาถาม หรือที่ถามเพราะอยากรู้ข้อมูลเรื่องฉันกับแฟนแล้วแก้แค้นฉันคืนรึไง
นึกถึงเรื่องนั้นแล้วหมั่นไส้เป็นบ้า ผู้ชายขี้ประจบกับผู้หญิงหิวเงิน ที่แฟนนายนั่นได้ไปเรียนเมืองนอกก็เพราะทุนจากคุณพ่อฉันไม่ใช่รึไง โกงเอาทุนให้แฟนตัวเองพอเรียนจบก็จะได้พากันมาทำงานที่บริษัทแล้วช่วยกันกอบโกยน่ะสิ
เพราะแบบนี้ไงฉันรู้ทันถึงได้ขัดขวางจนสองคนนั้นเลิกกันไป แต่ไม่แน่นะคะบางทีอาจจะแอบคบกันอยู่ก็ได้ใครจะไปรู้ แต่ที่รู้คือฉันต้องระวังตัว ฉันจะไม่ยอมให้นายนั่นพาแฟนของเขาหรือใครมากอบโกยผลประโยชน์จากบริษัทของคุณพ่ออีกต่อไป
Iris : ??
เพราะนายนั่นนั่นแหละที่มาจุดไฟโมโหในตัวฉัน จากที่พยายามมองผ่านบางเรื่องสุดท้ายฉันก็ทนไม่ไหวขึ้นมาจริง ๆ
เข้ามาในร้านกาแฟสั่งเครื่องดื่มเสร็จก็ส่งข้อความไปแล้วก็นั่งใจร้อนรอเวลาให้อีกฝ่ายตอบกลับมา
ติ๊ง!
William : คิดถึง
...คิดถึง
เหอะ! คิดถึงแต่หายเงียบ ทั้งที่รู้ว่าคุณพ่อฉันท่านเสียเข้าใจว่าเขามาไม่ได้แต่หายเงียบไปเลยในหนึ่งวันส่งข้อความมาบอกแค่ว่าคิดถึงกับสติ๊กเกอร์อะไรก็ไม่รู้สองสามครั้งเนี่ยนะ
คิดถึงไหมไม่รู้แต่ที่รู้ ๆ คือวิลเลี่ยมไม่เคยถามเลยว่าสภาพจิตใจฉันเป็นยังไงบ้าง
Iris : เลิกบอกเถอะวิล
William : ??
Iris : ฉันเสียคุณพ่อไปแต่นายไม่เคยถามเลยว่าฉันเป็นยังไงบ้าง
William : คุณหาเรื่องนะไอริส
Iris : ฉันนี่นะหาเรื่อง
William : อืม อยู่ ๆ ก็ทักมาพูดเรื่องนี้ ไม่หาเรื่องตรงไหน
Iris : ก็แล้วมันจริงไหมล่ะ
William : ใครบอกไม่ห่วง ห่วงสิแต่กลัวถามแล้วทำคุณรู้สึกแย่ อยู่งานศพพ่อทั้งวันยังจะให้ตอกย้ำความรู้สึกคุณอีกเหรอ
Iris : แต่ก็ดีกว่าไม่ถามล้านเปอร์เซ็นต์นะวิล
William : ไม่ ผมไม่ถาม ผมแคร์ความรู้สึกคุณผมถึงไม่ถาม คนเรามีวิธีแสดงความรู้สึกต่างกัน ผมหายไปเพราะผมรู้ว่าคุณยุ่ง ผมไม่ถามเพราะผมไม่อยากให้คุณรู้สึกตอกย้ำเรื่องพ่อตลอดเวลา
Iris : แก้ตัว
William : ผมอยากรู้เรื่องของแฟนผมนะไอริส แต่ผมกลัวคุณรู้สึกแย่จริง ๆ ถ้าถาม ผมไม่รู้จะอธิบายยังไงให้คุณเชื่อ แต่เชื่อเถอะว่าผมห่วงคุณมากกว่าใคร ถ้าไปได้ผมไปตั้งแต่วันแรกแล้วไอริส
Iris : เดี๋ยวค่อยคุยกัน
ฉันว่าฉันมีเรื่องที่ต้องคุยกับเขา จะมาบอกว่าห่วงความรู้สึกเลยไม่อยากถามก็ฟังขึ้นค่ะ แต่ระยะเวลาเป็นอาทิตย์ที่ฉํนกลับมาวิลเลียมหายไปเลยมันก็เกินไปหน่อย อย่างน้อยก็ควรถามบ้าง แค่ครั้งเดียวไม่ทำให้ความรู้สึกเศร้าเรื่องคุณพ่อของฉันจมดิ่งหรอกในเมื่อฉันเองก็นั่งหน้าโลงศพของท่านทุกวัน
William : ผมห่วงคุณนะไอริส
Iris : เสร็จงานคุณพ่อฉันจะโทรหาแล้วกัน
William : โอเค กลับมาผมจะกอดคุณให้แน่น คุณมีผมเสมอ
“...”
เฮ้อ! ทำไมฉันต้องมารู้สึกน้อยใจในเวลาที่ฉันกำลังสูญเสียคนสำคัญในชีวิต ทั้งที่เขาควรอยู่ข้าง ๆ หรือต่อให้อยู่ข้าง ๆ ไม่ได้อย่างน้อยก็คอยส่งกำลังใจให้กันก็ยังดี
ฉันไม่ได้ให้น้ำหนักคำพูดของวิลเลียมเท่าการกระทำ การกระทำต้องสำคัญกว่าคำพูดสิคะ ละเลยไปแล้วจะแก้ตัวยังไงก็ได้ แต่เอาเถอะเดี๋ยวค่อยคุยกันตอนนี้ฉันขอสนใจแค่งานของคุณพ่อเท่านั้น
ตื๊ดดดดด ตื๊ดดดด
ติ๊ด!
“ค่ะคุณไอริส”
“พี่เชนกลับรึยังมะเหมี่ยว”
“คุณเชนเหรอคะ คุณเชนขับรถออกไปตั้งแต่คุณไอริสออกไปกับคุณดินได้ไม่ถึงห้านาทีแล้วค่ะ”
“จริง?”
“ค่ะ”
“โอเคจ้ะ น้าชาติอยู่ไหมให้มารับฉันหน่อย ฉันอยู่ร้านกาแฟซอยถัดไปจากวัด”
“น้าชาติไม่อยู่ค่ะคุณไอริส พาป้าแม้นไปซื้อของค่ะ”
“...โอเค เดี๋ยวฉันกลับเองก็ได้”
ติ๊ด!
ตื๊ดดดดด ตื๊ดดดด
ติ๊ด!
“มารับฉันได้แล้ว”
“ผมบอกคุณว่ายังไง ไม่วินมอเตอร์ไซต์ก็แท็กซี่ไม่ใช่เหรอ”
“ฉันไม่อยากนั่งแท็กซี่ ยิ่งวินยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยนั่งไม่เป็น”
“ถ้างั้นก็เดินกลับ”
“ไอ้ดิน!”
“ผมบอกไปแล้วว่ามีธุระ ออกมาแล้วไปรับคุณไม่ได้ รับผิดชอบตัวเองซะไอริส”
“ถ้าคุณพ่อฉันยังอยู่ถึงฉันไม่โทรบอกนาย นายก็จะอาสามารับฉันต่อให้นายจะยุ่งแค่ไหนก็ตาม”
“รู้ได้ยังไง” เขาถามกลับมาด้วยน้ำเสียงถือดียิ่งทำให้ฉันโมโห
“ฉันรู้จักไอ้ขี้ประจบสอพลออย่างนายดี”
“หึ! ถ้ารู้ดีมากคราวหลังก็อย่าโทรมา รู้แล้วก็จำไว้ซะว่าคุณอาไม่อยู่แล้วผมไม่จำเป็นต้องเอาใจเด็กงี่เง่าเอาแต่ใจอย่างคุณ หาทางกลับเอง ไม่มีปัญญาก็นอนหน้าร้าน ผ่านไปแถวนั้นเมื่อไหร่เดี๋ยวแวะรับ”