“ไหวรึเปล่า”
“ไม่ไหว แต่ก็ไม่ได้อยากให้คนอย่างนายมาใกล้เหมือนกัน”
“ผมแค่ถาม”
“ไม่จำเป็น เชิญนายทำตัวตามสบายเถอะ คุณพ่อฉันไม่อยู่แล้วนายน่าจะสบายสักที ไม่ต้องคอยเสแสร้งแกล้งทำเป็นคนดี ไม่ต้องเมื่อยลิ้นด้วยเพราะไม่ต้องเลียขาคุณพ่อฉันแล้ว”
“ใจแคบ”
“ใครจะใจกว้างกับคนอย่างนายลง”
“นั่นสิ โลกแคบก็ต้องเลือกปฏิบัติเป็นคน ๆ ผมเข้าใจ”
“ไอ้ดิน!”
“ไปหาพี่เชนของคุณเถอะ เดินมาโน่นแล้ว”
“...” ฉันมองตามหน้าเขาที่พยักพะเยิดไปทางหนึ่ง แล้วฉันก็ต้องกรอกตามองบนกับสิ่งที่เห็นทันที
“ริสคะ”
“...คะ” เบื่อที่สุด
“มาทำอะไรตรงนี้คะ มลภาวะไม่ดีนะ” พี่เชนเดินยิ้มเข้ามาหาและแน่นอนว่าพี่เชนปลายตามองผู้ชายคนนั้นพร้อมกับเอ่ยคำว่ามลภาวะไม่ดีออกมา แต่เขาก็แค่ตีหน้านิ่งใส่พี่เชนแค่นั้น
“พี่เชนมีอะไรคะ ริสจะออกไปข้างนอก” พรุ่งนี้ก็จะเผาคุณพ่อแล้ว ใจฉันไม่อยากไปไหนเลยอยากอยู่กับท่านให้มากที่สุดแต่บอกตามตรงการมีพี่เชนอยู่ใกล้ ๆ ไม่ใช่สิ่งที่ดีกับสมองฉันเท่าไหร่
“ไปไหนคะพี่พาไปไหม”
“ไปทำธุระค่ะ”
“พี่พาไปนะคะ ริสไม่ได้อยู่เมืองไทยนานขับรถไม่ได้หรอก”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่เชน”
“ทำไมริสชอบเกรงใจพี่คะ”
“ริสจะไปทำธุระส่วน... / พี่เสียใจนะที่ริสเกรงใจพี่แบบนี้ทั้งที่เราไม่ใช่คนอื่นคนไกล” อะไรวะเนี่ย! เมื่อก่อนก็ชอบคิดเองเออเองผ่านมาหลายปีอายุมากขึ้นนึกว่าจะหายบ้างแต่เปล่าเลยเป็นหนักกว่าเดิมอีก
“พี่เชนคะริสต้องไปทำธุระ ยังไงเดี๋ยวค่อยคุยกันนะคะ” แค่ต้องปฏิเสธคนพูดไม่รู้เรื่องก็โมโหแล้วแต่การมีนายนั่นยืนอมยิ้มขำอยู่ไม่ไกลยิ่งทำให้โมโหหนักกว่าเดิมอีก
“พี่จะไม่กวนเลย จะขับรถให้แล้วรอริสอยู่ที่รถพี่สัญญาค่ะ” เหอะ! คนอย่างพี่เชนยังไงซะก็ไม่มีทางรอที่รถหรอกฉันรู้ดี
“ไม่เป็นไรค่ะพี่เชน ริสจะไปทำธุระกับเขา” ฉันเบื่อพี่เชน สุดท้ายเลยเลือกดึงนายนั่นมาช่วยเพื่อให้มันจบ ๆ ไป พอพูดจบพี่เชนก็ชักสีหน้าแล้วหันไปมองคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลด้วยความไม่พอใจ
ส่วนคนที่ถูกดึงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยความกะทันหันไม่ได้ดูตกใจอะไรนอกจากขยับตัวแล้วยิ้มมุมปากให้พี่เชน
“ริสจะไปทำธุระกับมันนี่นะ”
“ไปรึยัง” ทั้งที่พี่เชนถามน้ำเสียงเอาเรื่องแต่เขากลับเมินแล้วหันมาถามฉันด้วยรอยยิ้มแทน
“อือ ไปเลยดีกว่า” ฉันตอบรับด้วยความไม่เต็มใจแต่ต้องทำให้เหมือนเต็มใจก่อนจะเดินนำออกมาเลย คุยนานไม่ได้หรอกเดี๋ยวพี่เชนก็ทำตัวเยอะอีก
“ขอตัวนะครับคุณเชน”
“ฝากไว้ก่อนเถอะมึง!” เสียงเข่นเขี้ยวแต่ไม่ได้ตะคอกเสียงดังของพี่เชนดังเข้าหูฉัน แต่ช่างเถอะยังไงซะพี่เชนก็คือหนึ่งในบุคคลที่ฉันไม่แคร์อยู่แล้ว ที่ยังวีนฉันก็แค่รักษามารยาทเท่านั้นเอง
“ฉันไม่ได้อยากดึงนายมาเกี่ยว” ฉันเอ่ยขึ้นระหว่างที่เดินไปลานจอดรถเพราะไม่อยากให้เขาเข้าใจผิด
“ผมรู้ ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย ขึ้นรถจะพาไปส่งร้านกาแฟแถวนี้”
“แล้วตอนกลับล่ะ?” ฉันรีบถามเพราะคำว่าไปส่งก็แปลตรงตัวว่าไปส่งไง
“วินไม่ก็แท็กซี่น่าจะมีเยอะ”
“แล้วทำไมนายไม่อยู่รอรับฉัน!”
“ผมต้องทำอะไรอีกหลายอย่าง ถ้าคุณไม่พอใจคุณก็ไม่ต้องไปแล้วก็อยู่ให้พี่เชนของคุณพันแข้งพันขาต่อซะ”
“ไอ้ดิน!”
“ครับ จะเอายังไง” เขาแค่หันมาถามฉันสีหน้าเรียบเฉยทั้งที่ฉันเพิ่งวีนเขาเสียงดัง
“ไม่มีคุณพ่อแล้วคิดจะทำอะไรก็ได้ใช่ไหม”
“ผมทำทุกอย่างตามความเหมาะสม ผมมีงานต้องทำให้มานั่งคอยเป็นเบ๊รับใช้คุณไม่ได้ คุณก็เหมือนกันไอริส โตขึ้นได้แล้ว”
“อย่ามาสอนฉัน นายกล้าดียังไง”
“ผมกล้ามากกว่าสอนอีก ขึ้นรถเดี๋ยวนี้ไม่งั้นผมจะไปทำธุระของผมแล้ว ส่วนคุณก็หาวิธีกำจัดพี่เชนของคุณที่กำลังเดินมาเองก็แล้วกัน”
“...ฉันเกลียดนาย!” ฉันเงียบเพราะหันไปมองตามที่เขาพูดแล้วก็ได้เห็นว่าพี่เชนเดินตามมาจริง ๆ
ให้ตายเหอะทำไมไม่มีอะไรถูกใจฉันเลย!
ปัง!
ฉันขึ้นรถแล้วปิดประตูกระแทกเสียงดัง ส่วนเจ้าของรถก็ขึ้นรถตามมาแล้วปิดประตูอย่างนิ่มนวล ยิ่งเห็นเขาพยายามทำอะไรตรงกันข้ามกับฉัน ฉันก็ยิ่งหงุดหงิด
“มีร้านกาแฟใกล้ ๆ คุณไปหลบที่นั่นสักพักแล้วกัน คุณหายไปสักสิบนาทีพี่เชนของคุณก็ไปแล้ว”
“รู้ได้ไงว่าเขาจะไป” หมั่นไส้คำพูดราบเรียบแต่เต็มไปด้วยความรู้ดีของเขาเลยถามออกไป
“รู้สิ ถ้าไม่เชื่อก็รอดูเอา แต่รอดูเองนะผมมีงานต้องทำหลายอย่าง”
“พูดอย่างกับฉันจะขอให้นายอยู่เป็นเพื่อน”
“รู้ ผมก็พูดไปงั้น”
“ทีหลังไม่ต้องพูดก็ได้นะ ขี้เกียจฟัง”
“แล้วแฟนคุณล่ะเป็นยังไงบ้างคบกันอยู่รึเปล่า”
“ทำไม? อยากรู้อะไรเรื่องของฉัน”
“ก็แค่อยากรู้ว่ายังคบกันอยู่ไหม ไม่เห็นโทรมาถามบ้างรึไงว่างานท่านเป็นยังไงบ้าง”
“ยุ่งอะไรด้วย”
“เปล่า ก็แค่ถามดูเห็นผิดวิสัยคนรักกัน”
“เขาก็ถามนั่นแหละ นายเป็นคนนอกจะไปรู้อะไร อย่าเอาบรรทัดฐานของตัวเองที่ชอบเสนอหน้าให้คนเห็นผลงานมาตัดสินคนอื่นได้ไหมนายดิน”