ณ โรงพยาบาลนาวารินทร์
หลังจากยุ่งอยู่กับเคสผ่าตัดด่วนนานเกือบห้าชั่วโมง กองทัพก็หาเวลาว่างให้กับตัวเองได้ในที่สุด แต่แทนที่จะพักผ่อนให้หายเหนื่อย รอให้ร่างกายมีพละกำลังขึ้นมาบ้าง เขากลับขอเข้าพบกับผู้อำนวยการเพื่อปรึกษาเรื่องสำคัญที่เกี่ยวกับนางสาวเอรินทร์ทันทีที่ทำได้
คุณหมอสุดฮอตแจ้งว่าต้องการทำความรู้จักกับสาวน้อย ขอโอกาสสร้างความคุ้นเคยด้วยการอยู่ก่อนแต่งกับคู่หมั้นก่อนแต่งสักสามเดือน เผื่อจะรู้ว่าต้องปรับเปลี่ยนนิสัยตรงไหนบ้าง แน่นอนว่าคำตอบเป็นไปตามคาด คุณพ่อของเอรินทร์ไม่ได้เห็นด้วยกับความคิดของเขานัก
‘ผมสัญญาแล้วว่าจะให้เกียรติน้องจนกว่าจะเรียนจบ เมื่อคืนน้องก็นอนที่บ้านของผม ผมก็ไม่ได้ทำอะไรไม่ดี…’
‘อะไรนะ!’
‘เมื่อคืนน้องรินทร์เมาแล้วอาละวาด เพื่อนของเธอเลยโทร. ตามให้ไปรับน่ะครับ’
‘ยังไงฉันก็ต้องขอบใจแกมากนะที่ช่วยดูแลน้องรินทร์ แล้วเรื่องผ่าตัดเป็นยังไงบ้าง’
‘เรียบร้อยดีครับ พี่กานต์ ผมรู้ว่าพี่ลำบากใจเรื่องของน้องรินทร์ แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้ ผมคงไม่มั่นใจว่าชีวิตคู่ของผมกับน้องจะไปรอด”
คุณกานต์เปลี่ยนความคิดของเขาทันทีที่ทราบถึงพฤติกรรมของลูกสาว แต่ก็ยังย้ำหนักว่าอย่าทำอะไรเกินเลย แค่สร้างความคุ้นเคยก่อนจะแต่งงานกันจริง ๆ ก็พอ
เอรินทร์เป็นเด็กฉลาด ทว่าก็รับมือได้ยาก
ภรรยาของคุณกานต์เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ ส่วนลูกสาววัยสิบสามปีรอดมาได้ราวกับปาฏิหาริย์ ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นเอรินทร์ก็เริ่มเปลี่ยนไป เธอกลายเป็นเด็กดื้อแพ่ง ไม่ได้ว่านอนสอนง่ายอย่างที่เคย
หลายครั้งที่เอรินทร์แวะมายังโรงพยาบาล เธอสร้างเรื่องปั่นหัวทุกคนจนแทบคลั่ง แต่กลับไม่มีใครกล้าว่าอะไร เพราะเห็นใจสาวน้อยที่เพิ่งสูญเสียมารดาไปได้ไม่นาน
ช่วงเวลานั้นกองทัพเพิ่งจะเริ่มทำงานที่โรงพยาบาลนาวารินทร์ จึงไม่รู้ว่าเด็กหญิงที่วิ่งวุ่นไปทั่วโดยไม่มีใครกล้าว่ากล่าวตักเตือนนั้นคือใคร เขามักจะดุเธอเสียงดังและสั่งให้นั่งเงียบ ๆ ทุกครั้งที่ก่อเรื่องรบกวนการทำงานของคนอื่น
แรก ๆ เอรินทร์ก็ดื้อด้านไม่ยอมรับฟัง แต่สุดท้ายก็ยอมนั่งนิ่งทำตาแป๋วไม่พูดจา กว่ากองทัพจะทราบว่าเธอคือลูกสาวของเจ้านาย เขาก็สั่งให้เธอนั่งทำสมาธิไปหลายรอบแล้ว
เขาอธิบายกับผู้อำนวยการว่าไม่ได้ตั้งใจลงโทษเอรินทร์ และแสดงความเสียใจกับความสูญเสียที่เกิดขึ้น แต่อีกฝ่ายกลับขอบคุณเขาเป็นการใหญ่ พร้อมทั้งแจ้งข่าวดีว่าสาวน้อยเริ่มจะกลับมาร่าเริงเหมือนเดิมแล้ว
เอรินทร์รู้สึกดีขึ้นมากเพราะเขาไม่ได้ประคบประหงมเธอเหมือนกับทุกคนที่อยู่รอบตัว
กองทัพทำให้สาวน้อยเข้มแข็งโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ…
การผ่าตัดในช่วงบ่ายที่กินเวลาค่อนข้างนาน บวกกับอาการนอนไม่หลับเมื่อคืนที่ผ่านมา ทำให้กองทัพเพลียจัดและอยากจะพักสายตาสักสิบห้านาที แต่ก่อนที่จะได้งีบตามที่ตั้งใจไว้ เจ้าเพื่อนตัวแสบก็ดันโผล่พรวดเข้ามาเสียก่อน
ตุลย์ วงศ์ไพศาล แพทย์กระดูกหรือศัลยแพทย์ออร์โธปีดิกส์ เพื่อนสนิทของกองทัพบ่นเรื่องคนไข้ไม่ยอมดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์อยู่พักใหญ่ ก่อนจะถามว่าทำไมเมื่อคืนไม่มาตามนัด ปล่อยให้สาว ๆ นั่งยิ้มรอจนเหงือกแห้ง
“อยู่กับรินทร์ รินทร์ไหนวะ”
“น้องรินทร์…” กองทัพเผลอยิ้มยามนึกถึงคู่หมั้นคนสวยที่เขาวางแผนว่าจะจัดการขั้นเด็ดขาดในเร็ววันนี้
“เฮ้ย! แล้วมึงไปอยู่กับลูกสาวของผอ. ได้ยังไงวะ!”
“คู่หมั้นของกู เรื่องของกู” กองทัพปาหมอนใบเล็กใส่เพื่อน พร้อมกับไล่ไปให้พ้นหน้าก่อนที่เขาจะอารมณ์เสีย
“แล้วน้องรินทร์เขาเป็นยังไงบ้าง ไม่ตกใจแย่เหรอที่เห็นหน้ามึง” ตุลย์อยู่ในเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อน เขากับนางพยาบาลอีกคนช่วยผู้อำนวยการทุบประตูห้องและพบว่าเพื่อนสนิทยืนเปลือยท่อนบ่น ในขณะที่เอรินทร์ หรือน้องรินทร์นอนกอดผ้าห่มแน่นในสภาพเกือบเปลือย
“ดูกลัว ๆ แต่ก็ดี จะได้ไม่ต้องทำอะไรแผลง ๆ อีก”
“นี่มึงยังไม่เลิกคิดถึงเรื่องนั้นอีกเหรอวะ”
“ใช่… กูเชื่อว่าน้องรินทร์วางแผนทั้งหมด หรือว่ามึงมีคำตอบที่ดีกว่านั้น” กองทัพดูกล้องวงจรปิดและพบว่าเอรินทร์แวะดื่มที่บาร์ หลังจากนั้นไม่นานก็มีคนนำคีย์การ์ดมาให้เธอ ขอให้กลับเข้าไปเปลี่ยนชุดเตรียมตัวเข้างาน
เอรินทร์จงใจมอมตัวเอง เขาเชื่ออย่างนั้นมาโดยตลอด
“น้องรินทร์ยังเด็กอยู่เลยนะเว้ย คงไม่ได้มานั่งวางแผนอะไรอย่างที่มึงว่า แล้วอีกอย่างคนเขาก็รู้กันทั่วว่ามึงเป็นคนโปรดของคุณกานต์ เขาเคยพูดกับกูนะว่าอยากจะได้มึงเป็นลูกเขย เสียดายที่ลูกสาวอายุยังน้อย โตไม่ทันใจ ไอ้เรื่องมาวางแผนจับกัน มันคงไม่ใช่หรอกมั้ง”
“ทำไมมึงมั่นใจนักวะ”
กองทัพยังไม่ทันจะได้คำตอบ เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น เขาภาวนาไม่ให้มีเคสเร่งด่วนอะไร เพราะเมื่อคืนก็นอนหลับไม่เต็มอิ่มนัก เสี้ยววินาทีที่ตุลย์เปิดประตู พยาบาลสาวสวยอายุยี่สิบปลาย ๆ ก็เข้ามาพร้อมกับกาแฟหอมกรุ่นสองแก้วและอาหารว่างหน้าตาน่ารับประทาน
“กาแฟค่ะ อาจารย์”
เหมือนแพร ภัทรอุดม บรรจงวางเครื่องดื่มร้อนที่เธอซื้อมาจากร้านดังอย่างระมัดระวัง รสชาติของมันดีกว่ากาแฟของโรงพยาบาล เธอจึงไม่แปลกใจที่กุมารแพทย์หนุ่มผู้ติดกาแฟเสียยิ่งกว่าอะไร จะยกมันดื่มแล้วค่อยขอบคุณกันทีหลัง
“ขอบใจมากนะคุณแพร จดไว้ด้วยแล้วกันว่าผมติดหนี้ค่ากาแฟคุณเท่าไหร่แล้ว”
กองทัพตอบหลังจากดื่มกาแฟไปได้ครึ่งแก้ว ไม่สนใจฟังคำปฏิเสธของเหมือนแพรที่บอกว่าซื้อมาฝาก ส่วนหมอตุลย์นั้นยังคงนั่งเฉย ๆ ไม่ได้หยิบแก้วของตัวเองขึ้นมาดื่ม
“ถ้ามึงไม่อยาก กูขอนะ”
“อยากดิวะ! กูแค่รอให้มันหายร้อนก็แค่นั้น” หมอตุลย์หันไปขอบคุณเหมือนแพร พร้อมกับยิ้มให้กับเธอตามมารยาท
“เอ๊ะ คุณแพร ข้อศอกไปโดนอะไร มาให้ผมดูหน่อย” เหมือนแพรรีบยกข้อศอกของตัวเองขึ้นมอง ก่อนจะทำหน้าเจื่อน พร้อมกับหัวเราะเบา ๆ
“มิน่าล่ะค่ะ รู้สึกแสบ ๆ ตั้งแต่ตอนรอกาแฟแล้ว” เธอบ่นพึมพำว่าคนเยอะมาก คงจะชนอะไรเข้าโดยที่ไม่ทันได้ระวัง
“มึงไปเอาเซตทำแผลมานะ เดี๋ยวกูจัดการเอง” กองทัพรีบทำแผลให้กับพยาบาลคนสวยทันทีที่ได้ของที่ต้องการ เขามือเบามากจนเธอแทบจะไม่รู้สึก ใช้เวลาแค่ห้านาทีทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย
“ขอบคุณอาจารย์มากนะคะ”
“ไม่เป็นไรหรอก คุณแพรดูแลผมออกบ่อย ยังไงขอตัวก่อนนะครับ ผมมีธุระต้องทำต่อ แต่ถ้ามีเคสด่วนก็ตามได้เลย”
“อาจารย์คะ พอดีแพรได้ยินว่าน้องรินทร์จะเข้ามาทำงานที่นี่ อาจารย์ว่าทุกอย่างจะโอเคไหมคะ คือแพรกลัวว่าน้องจะคิดมากเรื่องคืนนั้น” เหมือนแพรยังจำภาพในวันนั้นได้ติดตา เธอเป็นคนช่วยผู้อำนวยการสวมเสื้อผ้าให้กับเอรินทร์ พร้อมกับโทษตัวเองซ้ำ ๆ ว่าไม่ควรปล่อยให้น้องอยู่คนเดียวตั้งแต่แรก
“เรื่องนั้นผมจัดการเอง คุณแพรไปพักผ่อนเถอะ” กองทัพตัดบทอย่างสุภาพ ขอตัวอยู่ตามลำพัง
แม้เขาจะคิดว่าเอรินทร์เป็นคนวางแผนทั้งหมด แต่ก็ยังเป็นห่วงว่าเธอจะมีปัญหาทางใจเพราะเขาเป็นต้นเหตุ สาวน้อยยืนยันว่าจำอะไรไม่ได้ แต่ตอนที่เขาประทับตราบนผิวขาว ๆ เมื่อคืนที่ผ่านมา คำพูดจากจิตใต้สำนึกของคนเมากลับทำให้เขายอมหยุดชะงัก ยอมเลิกสั่งสอนเธอทันที
‘อาหมอปล่อยน้องรินทร์นะคะ’
เธอปฏิเสธทั้ง ๆ ที่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของแอลกอฮอล์ ในขณะที่สามปีก่อนยอมปล่อยให้เขาทำทุกอย่างตามใจชอบ หรือว่าตอนนั้นเอรินทร์แค่ตั้งใจจะแกล้งกันธรรมดา แต่เป็นเขาที่ทำทุกอย่างให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ไปเองคนเดียว
กองทัพสะบัดความคิดไร้สาระออกไปจากหัว ในตอนนี้เอรินทร์โตเป็นสาวแล้ว สวยมากด้วยอีกต่างหาก มันเป็นสิทธิ์ของเขาที่จะแตะต้องเธอตามใจปรารถนา ทำอย่างที่ผู้ใหญ่สองคนพึงกระทำ
ในเมื่อต้องสูญเสียอิสรภาพในการเดตกับสาว ๆ นานถึงสามปี ยัยตัวแสบน่าตีอย่างเอรินทร์ก็ควรต้องโดนดีไม่ต่างกัน
สาวน้อยของอาหมอกองทัพกำลังวุ่นวายอยู่กับการย้ายของ แต่สุดท้ายเธอก็ต้องยอมแพ้ให้กับความอ่อนเพลียที่เกิดจากการดื่มอย่างหนักเมื่อคืนที่ผ่านมา
“ไหวไหมรินทร์? กลับไปบ้านทั้ง ๆ ที่ยังเมาค้างแบบนี้ คุณพ่อจะไม่ดุเอาเหรอ”
ชนาธิป ธนเกียรติโสภณ ถามคนที่ทำหน้าเหมือนจะอาเจียนได้ทุกนาที ก่อนจะหันไปดุมัจฉาที่ไม่รู้จักดูแลเพื่อน ตามใจกันจนเกือบก่อเรื่องในบาร์ของเขาเมื่อคืนที่ผ่านมา
“กลับได้ค่ะ เดี๋ยวรินทร์หากาแฟกินกับลูกปลาแล้วคงขับรถกลับบ้านเลย ขอบคุณพี่ธิปมากนะคะที่มาอยู่เป็นเพื่อน” บิดาของเอรินทร์จ้างบริษัทขนย้ายข้าวของเพื่อความสะดวก ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงทุกอย่างก็เรียบร้อย
“งั้นพี่ไปดูร้านก่อนนะรินทร์ ยังไม่ได้ดูเลยว่าของเด็กซื้อของมาครบหรือเปล่า” ชนาธิปยุ่งกับงานมาก ทว่าก็ปลีกตัวมาอยู่เป็นเพื่อน เพราะไม่อยากให้สาว ๆ อยู่กับพนักงานขนของตามลำพัง
“พี่ธิปน่ารักเนอะ”
“น่ารักหรือน่าสงสารกันแน่”
“แกหมายความว่ายังไงลูกปลา”
“ก็พี่ธิปเขาไม่ได้รู้ว่าแกมีคู่หมั้น แถมยังหล่อล่ำน่าจับปล้ำอีกต่างหาก นี่ถ้าฉันไม่รู้จักแก ฉันคงคิดไปแล้วว่าแกกำลังตั้งใจจะควงผู้ชายทีเดียวสองคน”
“จะบ้าเหรอ ฉันกับอาหมอไม่ได้รักกันจริง ๆ สักหน่อย แล้วฉันก็ตั้งใจแล้วว่าจะคุยกับอาหมอให้รู้เรื่อง ฉันว่าจะขอให้อาหมอช่วยพูดกับคุณพ่อ ขอยกเลิกการหมั้นก่อนที่อะไรมันจะเลยเถิดไปมากกว่านี้”
“แล้วคุณพ่อจะยอมง่าย ๆ เหรอรินทร์”
“ไม่รู้สิ แต่ถ้าอาหมอยืนยันว่าจะยกเลิกการหมั้นหมาย คุณพ่อจะทำอะไรได้ล่ะ อาหมอน่ะเก่งอันดับต้น ๆ ของประเทศไทยเลยนะ ถ้าขู่ไม่ต่อสัญญาหรือลาออก คุณพ่อจะต้องยอมทุกอย่างแน่ ๆ”
“หล่อด้วย เทพด้วย เดาว่าต้องเป็นพวกหมอสมองอะไรทำนองนั้นแน่ ๆ เลย”
“แกเดาผิดแล้วละ อาหมอเป็นกุมารแพทย์ เก่งเรื่องรักษาโรคหัวใจกับหลอดเลือดในเด็กต่างหาก”
“มิน่าล่ะ เลี้ยงต้อยเก่ง”
“ไอ้ลูกปลา!” เอรินทร์ตะโกนเรียกเพื่อนเสียงดัง ทว่ายังไม่ทันจะได้ไล่กวดเอาเรื่อง เธอก็ทรุดตัวลงนั่งหน้าคาเฟ่และโก่งคออาเจียนอาหารที่กินไปเมื่อกลางวันจนหมดไส้หมดหมดพุง
สภาพทุเรศแบบนี้ขับรถกลับบ้านไม่ได้แน่!