บทที่ 2 ลงโทษเด็กดื้อ 2

1104 Words
กองทัพยื่นแก้วน้ำส้มที่คั้นไว้ช่วงสายให้กับคนที่กำลังยืนทำหน้าเครียดอยู่ในห้องนอน ก่อนจะขยับตัวหยิบเสื้อผ้า เตรียมเข้าไปอาบน้ำต่อจากสาวน้อยที่กำลังค่อย ๆ จิบเครื่องดื่มอย่างระมัดระวัง ดูจากสีหน้าของเอรินทร์ เขาก็พอเดาได้ว่าเธอคงเห็นบทลงโทษที่เขาบรรจงมอบให้ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมาแล้ว ทีแรกตั้งใจว่าจะจัดบริเวณเนินอกสักสามสี่รอย แต่เสียงครางแผ่วของสาวน้อยกลับทำให้เขาลืมตัว ตั้งสติได้อีกทีทั้งตัวก็เต็มไปด้วยรอยกุหลาบ ทั้งสีอ่อนและเข้มสลับกันเสียแล้ว “ทำไมอาหมอต้องทำรอยน่าเกลียดบนตัวรินทร์ด้วยล่ะคะ” เธอยอมพูดออกมาในที่สุด ใบหูแดงก่ำคือหลักฐานของความอาย และเขาชอบที่จะมองมัน “ลงโทษเด็กดื้อ ทำไม เดี๋ยวนี้โตแล้วทำโทษไม่ได้เหรอ” “แต่ทำแบบนี้มันไม่ถูกต้องนะคะ” กองทัพไม่สนใจ เขาจัดการเซตผมให้หล่อเนี้ยบเหมือนทุก ๆ วันที่ผ่านมา พลางนึกถึงตอนที่เธอยังเด็กและชอบสร้างปัญหาเวลาที่แวะมายังโรงพยาบาล เขามักจะทำเสียงดุ สั่งให้นั่งนิ่ง ๆ เป็นเวลาสิบห้านาที ถ้าเธอขยับตัวก็จะเริ่มนับใหม่ เรียกได้ว่าพบกันแค่ไม่กี่ครั้ง แต่ความใจร้ายของเขาก็ยังตราตรึงอยู่ความทรงจำของเธอเสมอ “ไม่ถูกต้องยังไง” กองทัพยิ้มร้าย ขยับเข้าไปใกล้ ๆ ใช้นิ้วเรียวเกี่ยวปอยผมที่ตกลงมาทัดขึ้นใบหูที่เขาเผลอขบไปเมื่อวาน ก่อนจะทิ้งมือลงข้างตัวอย่างหงุดหงิด เมื่ออีกฝ่ายถอยห่างไปไกลเกือบสองก้าว “อาหมอผิดสัญญา” “ผิดสัญญาอะไร” เขาก้าวตามเธอไปติด ๆ ไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว “อาหมอบอกว่าจะไม่ถูกตัวรินทร์จนกว่าจะเรียนจบ…” “สอบตัวสุดท้ายเมื่อวานไม่ใช่เหรอครับ น้องรินทร์” “แต่ผลสอบยังไม่ออกเลยนะคะ” “สอบได้เอเกือบทุกตัว ถ้าวิชาที่ถนัดน้อยหน่อยก็บีบวก ยังไงก็จบแน่ ๆ อาว่าเราลืมกฎห้ามถูกเนื้อต้องตัวไปเถอะนะ ยังไงเมื่อคืนอาก็… ทำไปเยอะแล้ว” “อาหมอคะ!” “ไปเถอะ อีกเดี๋ยวก็จะบ่ายแล้ว เราหาอะไรรองท้องแล้วค่อยไปเก็บของกัน หรือว่ารินทร์ยังอยากจะนอนกอดอาต่อแบบเมื่อคืน อายอมให้กอดได้นะ แต่ได้แค่อีกชั่วโมงเดียว…” เอรินทร์ไม่ได้พูดต่อ ซึ่งมันก็เป็นไปตามคาด เธอนั่งทำตาแดง ๆ อยู่ในรถหรู ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ได้ทุกนาที กองทัพเห็นแบบนั้นก็หมดอารมณ์แกล้ง ตัดสินใจหันมาคุยกับเธออย่างจริงจัง “อาไม่ชอบให้รินทร์เมาแล้วก้าวร้าว ถ้าทำอีกจะถูกลงโทษหนักกว่านี้ เข้าใจไหมครับ” “เข้าใจค่ะ ทีหลังรินทร์จะไม่ทำอีก” เธอสูดจมูกเสียงดัง บังคับตัวเองไม่ให้ร้องไห้ ก่อนจะยิ้มให้กันจาง ๆ กองทัพขับรถต่อไปอีกสักพักก็จอด ขอตัวออกไปทำธุระราว ๆ ห้านาที พอกลับมาก็มีไอศกรีมรสคุกกี้แอนด์ครีมมาฝากสาวน้อยขี้แย ที่สัญญาว่าจะไม่ดื่มหนักจนก่อปัญหาอีก “รินทร์ไม่ใช่เด็กแล้วนะคะ” “ไม่อยากกิน?” กองทัพถามลอย ๆ ทว่าสาวน้อยกลับคว้ามันไปจากมือทันที “เด็กดี…” กองทัพได้แต่ยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่ในใจ เอรินทร์ไม่เด็กแล้ว เขาเห็นเธอเกือบทั้งตัว เว้นแค่ตอนถอดบราเซียและสวมเสื้อที่ต้องปิดไฟ เพราะกลัวว่าจะอดใจไม่ไหวเสียก่อน “อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม หรือว่ายังคลื่นไส้อยู่” “รู้สึกดีขึ้นมากแล้วค่ะ ได้นอนอีกสักหน่อยก็น่าจะโอเค” เอรินทร์บอกให้เขาจอดรถที่คาเฟ่เล็ก ๆ ซึ่งอยู่ห่างจากคอนโดมิเนียมแค่สองร้อยเมตร เธอสั่งอาหารรสอ่อนเพราะยังรู้สึกพะอืดพะอม ส่วนตัวของกองทัพจัดเมนูไข่ชุดใหญ่และกาแฟแก้วโต “แล้วเราเก็บของเสร็จหรือยัง” คุณกานต์บอกเขาว่าลูกสาวมีแผนจะย้ายกลับบ้านในวันนี้ เขาจึงแวะมาดูสักหน่อยว่าเธอคบหาเพื่อนประเภทไหนบ้าง ทำไมถึงปล่อยให้เมาจนอาละวาด ไม่ดูแลกันให้ดี “เรียบร้อยค่ะ ทุกอย่างอยู่ในกล่องหมดแล้ว รอช่วงบ่ายก็เริ่มขนของกลับบ้านได้เลยค่ะ เอ่อ ยังไงรินทร์ไม่รบกวนอาหมอดีกว่านะคะ” ยิ่งเอรินทร์ทำท่าทางประหลาด ๆ เหมือนอยากจะไล่เขากลับ กองทัพก็ยิ่งอยากจะสืบรู้ให้แน่ชัดว่าเธอปิดบังอะไรอยู่ ทว่ายังไม่ได้จะได้สืบเค้นเอาความจริง สายสำคัญจากโรงพยาบาลก็ดังขึ้นเสียก่อน “ครับ เดี๋ยวผมจะรีบไป” กองทัพนิ่วหน้า วันหยุดของเขาถูกรบกวนอีกแล้ว ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร “เคสด่วนเหรอคะ” “อืม” เขาหยิบบัตรสีดำสนิทวางเอาไว้บนโต๊ะ พร้อมกับขอโทษที่ไม่ได้อยู่ช่วยกันตามที่ตั้งใจเอาไว้ “อาหมอลืมบัตรหรือเปล่าคะ” “ไม่ลืม รินทร์เอาไว้ใช้นะ แล้วก็ไม่ต้องรบกวนคุณพ่ออีก เพราะอีกหน่อยเราก็ต้องแต่งงานกันแล้ว” “อาหมอ…” “เป็นเด็กดี ไม่ดื้อนะครับ” เขาจูบศีรษะของเธอเบา ๆ ก่อนจะเดินกึ่งวิ่งไปที่รถ โดยไม่ได้หันกลับมามองคนที่กำลังยืนส่งอยู่หน้าร้านเสียด้วยซ้ำ ทว่าเอรินทร์ไม่ได้ยืนอยู่แค่คนเดียว เพื่อนสนิทอย่างมัจฉาที่นั่งกินข้าวอยู่เงียบ ๆ ก็ลุกตามออกมาพร้อมกับทำหน้าอึ้ง ๆ เหมือนไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เพิ่งเห็น “รินทร์ นั่นอาหมอ คู่หมั้นของแกเหรอวะ” “อือ” อย่างน้อยคนที่เห็นหน้าของกองทัพก็คือเพื่อนสนิทที่พอจะรู้เรื่องกันอยู่แล้ว เอรินทร์จึงไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรมาก “แกไม่เคยบอกฉันเลยนะว่าอาหมอหล่อแซ่บเบอร์นี้” “ก็… ไม่เคยบอกว่าไม่หล่อนี่นา ไปเลย กลับเข้าไปกินข้าวต่อได้แล้ว” เอรินทร์ดันตัวเพื่อนกลับเข้าไปในคาเฟ่ ก่อนจะมองบัตรเครดิตที่อยู่มืออย่างไม่สบายใจนัก อยากบอกอาหมอเหลือเกินว่าไม่อยากแต่งงาน แต่เธอกลับเป็นกังวลจนไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นพูดกับเขาอย่างไรดี…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD