อาการเมาค้างมักทำให้นักดื่มรู้สึกเข็ดขยาดจากการดื่มไปพักใหญ่ เพราะหลังรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาแล้ว หลายคนมักจะเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ รวมถึงไม่สบายตัวและหมดแรงจนแทบไม่อยากทำอะไรต่อ แค่กินก็ยังไม่อยากจะกิน นับประสาอะไรกับการลุกออกจากเตียงนุ่ม ๆ
เอรินทร์เที่ยวบาร์เกือบทุกสุดสัปดาห์ก็จริง แต่เธอคือสายแดนซ์ ไม่ใช่สายดื่ม อาการก็เลยออกมาเป็นอย่างที่เห็น แต่พอรวบรวมสติและเปิดเปลือกตาขึ้นมาได้ เธอก็นิ่วหน้าจนหัวคิ้วแทบจะชนกัน
ท่อนล่างมีเพียงแพนตี้ตัวจิ๋ว ส่วนท่อนบนมีแค่เสื้อสีเทาตัวหลวมที่ดูอย่างไรก็ไม่ใช่ของเธอ หลังจากกะพริบตาถี่ ๆ อยู่ชั่วอึดใจ เอรินทร์ก็สรุปได้ว่านี่ไม่ใช่ห้องพักของตัวเอง
“ตื่นแล้วเหรอน้องรินทร์”
เสียงทักทายนั้นทำให้เธอหวาดหวั่นจนมือเท้าเย็น จากที่ตั้งใจจะกรีดร้องขอความช่วยเหลือก็ต้องสงบปากสงบคำ เพราะคนที่เธอกลัวมากเป็นอันดับสองรองจากบิดา ยืนเอนตัวพิงสะโพกอยู่ตรงหน้าต่างขณะดื่มกาแฟหอมกรุ่น มองดูแล้วเหมือนความฝันมากกว่าความจริงเสียอีก
อาหมอที่เธอแอบชอบมาตั้งแต่เด็กนี่นา…
ตลอดชีวิตของเอรินทร์ไม่เคยกลัวใคร มีเพียงเจ้าของเสียงนุ่มทุ้มตรงหน้าคนเดียวเท่านั้นที่ทำให้เธอรู้สึกเกร็ง ยิ่งสำนึกได้ว่าตัวเองก่อวีรกรรมอะไรไว้บ้าง ดวงหน้าสวยหวานก็พลันหดลงจนเหลือแค่สองนิ้ว
“อาหมอ…” เธอรีบยกมือไหว้ ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทักทายหรือขอโทษกันแน่
“คิดยังไงถึงได้เมาแล้วไปหาเรื่องเขาแบบนั้น”
“น้องรินทร์… รินทร์ไม่ได้หาเรื่องก่อนนะคะ” เอรินทร์คิดว่าตัวเองโตมากพอที่จะไม่แทนตัวเองว่า ‘น้องรินทร์’ กับอาหมอแล้ว
“ไม่ได้หาเรื่องก่อน?” กองทัพหรี่ตาจับผิดยัยตัวแสบที่เขาต้องปราบกันหลายครั้งในสมัยที่ยังเป็นแพทย์ประจำบ้าน
เอรินทร์ดื้อเงียบแค่ไหน เขารู้ดีที่สุด
“ผู้หญิงคนนั้นตั้งใจทำให้รินทร์ตกโต๊ะก่อน” เอรินทร์กัดริมฝีปากล่างแน่น พูดความจริงออกไปก็เท่ากับแฉตัวเองว่าเมาแล้วปีนขึ้นโต๊ะ อาหมอจะต้องไม่พอใจที่ได้ยินเรื่องพวกนั้นอย่างแน่นอน
เธอเริ่มจะหายใจลำบากเมื่อเขาขยับตัวเข้ามาใกล้ ๆ มือเล็กกุมสาบเสื้อเอาไว้แน่น ไม่รู้แน่ชัดว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง แล้วกางเกงเธอหายไปไหน บราของเธอ…อยู่ที่ไหนแล้ว
อาหมอกองทัพที่สาว ๆ ในโรงพยาบาลคลั่งไคล้ ไม่ได้สวมเสื้อกาวน์สีขาวหรือชุดผ่าตัด ทั้งตัวมีแค่กางเกงผ้าฝ้ายสีเทา เอวต่ำเสียจนเธอไม่ต้องเสียเวลาจินตนาการว่าเขาใส่อะไรไว้ข้างในหรือเปล่า
หมิ่นเหม่ขนาดนั้น… ไม่ต้องเสียเวลาเดาแล้ว
“ทำไมรินทร์มาอยู่ที่นี่ได้ล่ะคะ” เธอถามเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่พูดอะไรต่อ แต่พอเขาเดินเข้ามาใกล้ ๆ หย่อนตัวนั่งบนเตียงอย่างสบายอารมณ์ เธอก็ประหม่าจนต้องเงียบไปอีกครั้ง
ความเงียบที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากความประหม่าแค่อย่างเดียว กล้ามท้องสวยน่าสัมผัสคืออีกอย่างที่ทำให้เธออายจนไม่กล้าสบตากัน มันดูดีจนสาวน้อยถึงกับใจสั่น อยากจะลองพิสูจน์ดูว่ามันแข็งแรงอย่างที่เธอคิดจริงหรือเปล่า
อาหมอกองทัพดูหนุ่มกว่าเดิมมากเพราะไม่ได้สวมแว่น เธอจำได้ว่าเขาเคยสวมมัน แต่นั่นมันก่อนที่จะถูกส่งไปเรียนโรงเรียนประจำนานเกือบสามปี ต่อด้วยเรียนมหาวิทยาลัยอีกเกือบปี
ตอนเกิดเรื่องเอรินทร์เพิ่งจะสอบปิดภาคเรียนเทอมสองเรียบร้อย เธอตรงไปงานแต่งคุณหมอแผนกรังสีวิทยาตามคำสั่งบิดา แต่พอไปถึงโรงแรมก็แวะดื่มค็อกเทลที่บาร์ก่อนจะกลับเข้าไปแต่งตัวในห้อง และหลังจากนั้นก็ไม่รู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง รู้ตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลแล้ว
“อยากได้กาแฟหรืออะไรหวาน ๆ แก้เมาค้างไหม เดี๋ยวอาจะไปทำมาให้” อาหมอเปลี่ยนเรื่อง ไม่ยอมตอบคำถามง่าย ๆ เอรินทร์จึงเดาได้อย่างเดียวว่าเขากำลังไม่พอใจ
“น้ำผลไม้ก็ได้ค่ะ”
“แปรงสีฟันใหม่กับเสื้อผ้าอยู่ในห้องน้ำ เสร็จเรียบร้อยแล้วอาจะพาไปเก็บของที่คอนโด” เขาผุดลุกขึ้นอย่างช้า ๆ เปิดโอกาสให้เธอได้หายใจอย่างสะดวก เอรินทร์เพิ่งจะรู้ตัวว่าเผลอกลั้นหายใจก็ตอนที่เขาออกจากห้องไปแล้วนี่เอง
สาวน้อยรีบถลันเข้าไปในห้องน้ำทันทีที่ได้อยู่ตามลำพัง แต่นั่นกลับทำให้เธอเกือบหงายหลัง เพราะยังรู้สึกปวดหัวอยู่มาก พอเข้าไปในห้องน้ำก็เห็นเสื้อตัวที่ใส่เมื่อวาน วางเอาไว้พร้อมกับกางเกงขาสั้นและ...บราเซียลูกไม้สีดำ
ดวงหน้าหวานซับสีระเรื่อ พยายามไม่คิดว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง พยายามไม่คิดว่าทำไมตัวเองถึงสวมเสื้อนอนของอาหมอ แทนที่จะเป็นชุดที่ใส่มาเมื่อวาน ทำไมเขาถึงไม่ปล่อยให้เธอนอนในห้องรับแขกหรือโซฟา ทำไมเขาต้องพาเธอมาที่ห้องนอน...บนเตียงของเขา
สาวน้อยลืมคำถามทั้งหมดทันทีที่ถอดเสื้อตัวใหญ่ออก
“ตายแล้ว!” เนินอกอวบของเธอมีร่องรอยสีแดงแต่งแต้มละลานตา เมื่อมองดูให้ดีแล้วจึงพบว่าไม่ใช่แค่บริเวณนั้น ตรงหน้าท้องแบนราบและต้นขาขาว ๆ เหนือหัวเข่าเพียงเล็กน้อยก็มีหลักฐานสีกุหลาบแต่งแต้มเต็มไปหมด
ฝีมือของอาหมอไม่ผิดแน่!