สไมล์มองชายหนุ่มตาค้างไม่คิดว่าอะไรๆมันจะเข้าตามแผนที่เธอวางไว้ง่ายขนาดนี้ เธออยากเป็นเด็กเลี้ยงของเขาอยู่แล้วแต่มันไม่จบแค่สถานะนั้นแน่นอนเพราะถ้าเขาคิดจะเกินเลยกับเธอป๋ามินทร์จะต้องรับผิดชอบเธอ...
"ว่าไงคะตกลงมั้ย"
"ตกลงค่ะ อุ๊บ!!"
สไมล์รีบปิดปากตัวเองแน่นก่อนจะตีปากตัวเองหลายทีเพื่อสั่งสอนตัวเองกับความปากไวพูดไปก่อนคิด ป๋ามินทร์ถึงกับหลุดขำออกมากับความซื่อตรงของเด็กสาวตรงหน้า เขาอยากช่วยเธอและอีกอย่างบอกตรงๆเขาสนใจเด็กสาวตรงหน้ามากจะบอกว่าอยากได้มันก็จะตรงไปคงต้องค่อยๆเรียนรู้กันไปดีกว่า
"ตกลง...."
"มะ..ไม่ใช่ค่ะสไมล์ขอไปคิดก่อน แหะๆ"
สไมล์ยิ้มแห้งไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไรเขินก็เขินอายก็อายไม่รู้จะทำยังไงแล้วเนี้ยถ้ายอมเขาก็จะมองว่าเธอใจง่ายแล้วก็ไม่เห็นคุณค่านะสิ
"ไม่ทันแล้วค่ะหนูขา เมื่อกี้เราตอบตกลงแล้วนะ"
เขาอมยิ้มมองเด็กสาวอย่างเจ้าเล่ห์มาขนาดนี้แล้วใครจะปล่อยให้ไปคิดทีหลังล่ะ รวบรัดไปเลยวันนี้ให้มันจบๆ สไมล์หลับตาลงกุมขมับตัวเองไว้อย่างคิดหนัก ไม่น่าเลยไม่น่าพลาดปากไวเลยให้ตายสิ
"แล้วเป็นเด็กของคุณป๋าต้องทำยังไงบ้างคะ"
สไมล์มองชายหนุ่มตาแป๋ว เธอก็ไม่เคยมีแฟนซะด้วยแต่ไม่ใช่ว่าไม่รู้นะว่าคนเป็นแฟนเขาจะต้องทำอะไรกันบ้าง ตอนเรียนเพื่อนเล่าให้ฟังจนกลายเป็นเรื่องเคยชินทั้งๆที่ก็ไม่เคยได้สัมผัสมันด้วยซ้ำ
"ก็ตอนสไมล์มีแฟนทำยังไง ก็ทำอย่างนั้นแหละ"
ป๋ามินทร์เท้าคางมองเด็กสาวที่ตอนนี้นั่งคิดหนักอยู่ตรงหน้าเขา ตอนนี้ทั้งสองคนเดินมานั่งเล่นที่เก้าอี้ของทางห้างส่วนผู้ช่วยของเขาเดินวนไปมองความเรียบร้อยอยู่ห่างๆ ถึงแมนจะเป็นผู้ช่วยในหน้างานแต่ลึกๆเขาคือทหารหน่วยรบพิเศษเขาจ้างมาดูแลความปลอดภัยโดยตรงเพราะครอบครัวของแมนไม่อยากให้ทำงานเสี่ยงก็เลยจำเป็นต้องลาออกแล้วกลับบ้าน
"สไมล์ไม่เคยมีแฟนค่ะ แหะๆ"
ป๋ามินทร์มองอย่างตกใจไม่คิดว่าอายุยี่สิบห้าปีแล้วจะยังมีคนหลงเหลือแบบนี้อยู่อีก แสดงว่าไม่เคยผ่านมือชายใดไม่เคยกอดจูบกับใครมันแทบจะหายากแล้วนะในสมัยนี้ รอดมาได้ยังไง....
"พูดจริงพูดเล่นคะเนี่ย"
"สไมล์ดูอ่อนหัดใช่มั้ยคะแต่ว่าตอนเรียนเพื่อนเล่าเรื่องของพวกเขาให้ฟังเคยเห็นผ่านตาว่าคนเป็นแฟนกันเขาทำกันยังไง สไมล์รู้ค่ะว่าทำยังไง"
สไมล์เอ่ยออกมาอย่างมั่นใจเธอคิดว่าการเอาใจคุณป๋าตรงหน้ามันไม่ใช่เรื่องยากอะไร ป๋ามินทร์ยิ้มออกมาอย่างพอใจถึงจะเห็นเป็นเด็กไม่เคยมีประสบการณ์แต่ดูแล้วสไมล์ไม่น่าจะเป็นเด็กที่ง่ายเหมือนที่เขาเจอแบบผ่านๆมา
"ทำยังไงคะไหนลองยกตัวอย่างหน่อย"
"ก็ทำอาหารให้ทานพาไปทานข้าวแล้วก็พูดจาน่ารักๆค่ะ เพื่อนสไมล์เรียกแฟนว่าตัวเองคะตัวเองขาน่ารักเชียวค่ะ คิกคิก"
พอนึกถึงเพื่อนของเธอตอนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยก็หัวเราะคิกคักตอนนั้นมันน่ารักมากจริงๆนะเธอก็อยากจะมีแบบนั้นบ้างแต่คุณแม่บอกว่าถ้าอยากเจอคนดีๆจะต้องเรียนให้จบก่อนแล้วถึงจะมีได้ แต่พอเรียนจบไม่นานแม่ก็มาด่วนจากไปซะก่อน
"แล้วทำไมเราไม่มีบ้าง ไม่อิจฉาเพื่อนหรือไง"
ป๋ามินทร์ชวนคุยอย่างสนุก เด็กสาวตรงหน้าช่างพูดช่างจาน่าฟังยิ่งนักเขาก็แค่อยากรู้จัดเด็กสาวตรงหน้าให้มากยิ่งขึ้นก็เลยหลอกถามนั้นนี่ไปเรื่อยเปื่อยและรายนี้ชอบหลุดบ่อยซะด้วย
"คุณแม่บอกว่าถ้าสไมล์ตั้งใจเรียนจนจบแล้วถึงจะมีแฟนดีๆได้ค่ะ"
"โดนผู้ใหญ่หลอกแล้วเรา จบไม่จบถ้ามันจะเจอมันก็เจอเองแหละ ฮ่าๆๆ"
ป๋ามินทร์อดขำไม่ได้จริงๆผู้ใหญ่พูดอะไรก็เชื่อไปซะหมดคนแบบนี้ก็มีด้วยทำไมยิ่งรู้จักยิ่งน่ารักขนาดนี้
"ไม่โดยหลอกซะหน่อย ตอนนี้สไมล์ก็เรียนจบแล้วและก็ได้มาเจอคุณป๋า ว่าแต่คุณป๋าจะเป็นแฟนที่ดีของสไมล่ได้มั้ยน้า"
สไมล์เท้าคางมองชายหนุ่มตาแป๋วเล่นเอาชายหนุ่มถึงกับสะอึกไปเลยเมื่อโดนถามตรงๆแบบนั้น ปกติเขาไม่เจ้าชู้และไม่ค่อยเปลี่ยนคนรักบ่อยถ้าผู้หญิงคนนั้นซื่อสัตย์กับเขาก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเลิกรากัน และถ้าสไมล์น่ารักแบบนี้เขาก็จะเป็นแฟนที่ดีได้แน่นอน
"มันก็อยู่ที่ว่าสไมล์จะเป็นแฟนที่ดีของป๋ารึเปล่าของแบบนี้ดีคนเดียวไม่ได้หรอก จริงมั้ยคะ"
"สไมล์เป็นเด็กดีไม่ดื้อไม่ซนค่ะคุณป๋า"
"ป๋าก็ไม่ดื้อไม่ซนนะ"
สไมล์หัวเราะคิกคักอย่างชอบใจทั้งสองคนมองสบตากันก่อนจะยิ้มกว้างออกมาให้แก่กัน
"คุณป๋าโตแล้วนะใช้คำนั้นมันแปลกๆ"
"ก็จะมีแฟนเด็กต้องปรับตัวตามใช่มั้ยคะ"
"คิกคิก คุณป๋าน่ารักจัง"
สไมล์หัวเราะคิกคักก่อนจะหันซ้ายหันขวามองทางเพราะตอนนี้เธอเริ่มมีอาการท้องเสียมานิดหน่อยแล้ว
"มองอะไรคะ"
"อยากไปห้องน้ำค่ะไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงไหน"
ป๋ามินทร์ลุกขึ้นยื่นมือไปให้สาวน้อยสไมล์กุมไว้เธอยื่นมือมาจับมือเขาจากนั้นชายหนุ่มก็พาเธอเดินไปส่งถึงที่
"รอตรงนี้นะคะ"
"ค่ะคุณป๋าสไมล์เข้าไม่นานค่ะ"
สไมล์ปล่อยมือชายหนุ่มแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปผู้ช่วยของเขาที่เห็นทางสะดวกก็เดินเข้ามาหาเขาทันที
"ป๋าครับคนของเราจับตัวได้แล้วครับ"
"ใครส่งมันมาตามสไมล์"
ป๋ามินทร์เอ่ยถามทันทีด้วยความอยากรู้เรื่องครอบครัวของสไมล์มันจะต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรสักอย่างที่เด็กสาวยังไม่รู้แต่เขาจะต้องสืบให้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นและเขาจะปกป้องสไมล์ให้ถึงที่สุดไม่ให้ใครได้แตะต้องแม้แต่ปลายเล็บแน่
"เขาบอกว่าไม่รู้ว่าเป็นใครครับมันสารภาพมาแบบนั้นซึ่งผมคิดว่ามันน่าจะไม่รู้จริงๆ"
"แล้วมันคุยกับใครล่ะหรือว่ามีคนจ้างมันผ่านหัวหน้ามันอีกทีลองถามรึยัง"
"ผมจะไปสอบถามด้วยตัวเองครับและผมอยากให้ป๋าไปด้วยแต่ต้องพาคุณสไมล์ไปส่งก่อนตอนนี้ผมให้คนของเราพาไปไว้ที่โกดังเก็บไม้"
"มาแล้วค่ะ"
ป๋ามินทร์กับแมนถอยห่างออกจากกันก่อนจะส่งยิ้มเหมือนไม่มีอะไรให้สไมล์ เขาจะให้หญิงสาวรู้เรื่องนี้ไม่ได้ไม่อย่างนั้นเธอจะไม่กล้าออกไปไหนกับเขาเพราะกลัวเขาจะเดือดร้อน ตอนนี้ป๋ามินทร์อยากให้สไมล์สบายใจที่มีเขาปกป้องดูแลไม่ห่างแค่นี้ก็พอแล้ว
"ไปช็อปปิ้งดีกว่าค่ะเด็กน้อยของป๋า สำหรับเด็กของป๋ามินทร์คนนี้อยากได้อะไรซื้อค่ะป๋าเปย์ไม่อั้นเลย"
เขากุมมือหญิงสาวแล้วพาเดินออกไปจากตรงนั้น เรื่องที่คุยค้างกับแมนค่อยคุยตอนส่งเธอถึงบ้านแล้วกัน สไมล์ร้องลั่นเพราะจากประโยคของเขาเมื่อกี้คือเธอกลายเป็นเด็กของเขาแล้ว
"แต่สไมล์ไม่ใช่เด็กของคุณป๋านะ ยังไม่ได้เป็น"
"สไมล์ตอบตกลงไปแล้วค่ะ"
"งื้อออ คุณป๋า!คือว่ามัน.. งั้นเอางี้ค่ะการเป็นคุณป๋าของสไมล์มีกฎด้วยนะข้อเดียวเท่านั้นคุณป๋าต้องทำตามด้วย"
ป๋ามินทร์เหลือบสายตามองเด็กสาวข้างๆรอฟังกฎที่ว่าของเธอ
"กฎ? อะไรคะ"
"สไมล์ต้องเป็นเด็กของคุณป๋าคนเดียวเท่านั้นห้ามมีคนอื่นไม่อย่างนั้นยกเลิกไปเลย"
สไมล์ทำหน้ายู่วใส่ชายหนุ่ม เขายื่นมือไปยีหัวสไมล์อย่างหมั่นเขี้ยวโทษฐานน่ารักอะไรแบบนี้
"รู้แล้วน่า ป๋ามีสไมล์คนเดียวนั้นแหละและคิดว่าคงจะปวดหัวน่าดู"
"งื้อห้ามยีหัวสไมล์น้า ก็บอกแล้วไงว่าไงไม่ดื้อไม่ซนไงเล่าคุณป๋านี่นะ!"