ระหว่างทานไอศกรีมไปป๋ามินทร์ก็มองไปยังผู้ช่วยของเขาที่อยู่ด้านนอก เขาสั่งให้แมนไปจับตัวคนที่มาแอบถ่ายภาพเขาและสไมล์อยู่ด้วยกันเพราะเขาอยากรู้ว่าตามเด็กสาวข้างๆเพื่ออะไร
"คุณป๋ามะม่วงอร่อยจังเลย"
"ใช่ อร่อยมากเลยค่ะไม่ค่อยหวานด้วย สไมล์อยากทานอีกมั้ยสั่งเลยนะ"
"อิ่มแล้วค่ะคุณป๋าล่ะอิ่มหรือยังคะ"
"ผมอิ่มแล้ว งั้นเราไปเดินย่อยกันดีกว่าซื้อของกันแล้วค่อยไปหาอะไรทำกัน"
สไมล์พยักหน้ายิ้มกว้างก่อนจะตักไอศกรีมคำสุดท้ายเข้าปากแล้ววางช้อนลงลูบท้องตัวเองป้อยๆอย่างมีความสุข
"อร่อยเลยล่ะสิ มานี่มะผมเช็ดปากให้เลอะหมดเลยอย่างกับเด็ก"
เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเอ็นดูหยิบกระดาษทิชชู่เช็ดไปที่มุมปากของสไมล์อย่างเบามือ หญิงสาวมองการกระทำอันอ่อนโยนของเขาอย่างเพลิดเพลิน รู้สึกดีมากเพราะไม่เคยมีใครทำอะไรแบบนี้ให้เธอมาก่อนในชีวิตนี้
"เรียบร้อยค่ะ"
"ขอบคุณค่ะคุณป๋า ไปกันเลยมั้ยคะสไมล์อิ่มแล้ว"
"ไปค่ะ ลุกขึ้นระวังด้วยนะ"
ป๋ามินทร์ยื่นมือไปกุมมือสไมล์ไว้แล้วพาเดินออกไปจากร้านไอศกรีมโดยมีแมนเดินไปชำระเงินให้เจ้านายตามหน้าที่ของเขา ป๋ามินทร์ไม่ค่อยพกของติดตัวเขามีผู้ช่วยไว้เพื่อจัดการทุกอย่างแทนอยู่แล้ว
"ไปไหนต่อดีนะ อยากไปไหนมั้ยคะ"
"สไมล์อยากไปเดินดูชุดว่ายน้ำค่ะ อาทิตย์หน้าเบนนี่จะไปต่างจังหวัดแต่เธอบอกว่าไม่อยากทิ้งสไมล์ไว้ที่นี่น่าจะไปคุยเรื่องเปิดสาขาใหม่ที่นั้นก็เลยขอไปด้วยค่ะ คุณป๋ารู้มั้ยว่ากว่าจะขอไปด้วยได้เป็นอาทิตย์เลยค่ะ"
สไมล์บ่นใหญ่คงเพราะเพื่อนสาวห่วงความปลอดภัยของเธอเป็นหลักจึงอยากให้อยู่ที่บ้านเพราะเกรงว่าพาออกไปข้างนอกจะเป็นอันตรายเพราะตัวเธอเองไม่สามารถเฝ้าเพื่อนได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงได้ แต่อย่างนั้นเธอก็อยากไปด้วยเพราะให้อยู่บ้านคนเดียวเป็นอาทิตย์เธอคงอยู่ไม่ได้เกรงใจคุณแม่ของเพื่อนด้วย
"ไปทะเลเหรอคะ"
"ใช่ค่ะ รู้สึกจะไปภูเก็ต"
"แล้วไม่กลัวเหรอคะ"
ป๋ามินทร์เอ่ยถามตามตรงเขาแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่เพื่อนสาวของเธอยอมพาไปด้วยทั้งๆที่ตลอดหลายเดือนมานี้แทบจะขังไว้ในห้องด้วยซ้ำ
"สไมล์จะไม่ดื้อไม่ซนค่ะ เห็นว่าจะจ้างบอดี้การ์ดไปด้วย แหะๆ ลำบากแย่เลยเนาะ"
สไมล์ไม่รู้จะอธิบายยังไง เรื่องคือก่อนที่เธอจะมาที่นี่เธอเกิดอุบัติเหตุบ่อยจนผิดสังเกตแต่ก็ไม่กล้าบอกพ่อตรงๆไม่รู้ว่าเป็นคราวซวยหรืออะไรแต่คุณทนายสั่งไว้ว่าห้ามบอกเหมือนเขาจะรู้อะไรก็เลยบอกให้เธอไปอยู่ที่อื่นพร้อมกับให้โกหกคุณพ่อว่าเธอมาเรียนต่อ เธอไม่เข้าใจมาจนถึงตอนนี้ว่าเพราะอะไร แต่แม่ก่อนที่ท่านจะจากไปก็บอกว่าให้หนีไปจากนั้นเธอก็ไม่ได้ไปไหนก็ไม่ค่อยเจอเรื่องแบบนั้นอีก
"ไม่เห็นต้องลำบากจ้างบอดี้การ์ดเลย"
"สไมล์ไม่อยากขัดใจเพื่อนค่ะ แค่เบนนี่ให้ไปด้วยก็ดีมากแล้วคุณทนายกะ.. เอ่อ"
สไมล์หลุดปากออกมาก่อนจะอุ๊บไว้ไม่ยอมพูด ป๋ามินทร์มองอย่างสงสัยคือถ้าเธอไม่ยอมพูดออกมาสักทีเขาก็ช่วยไม่ได้แล้ว
"บอกผมเถอะจะได้หาทางช่วยกัน"
เขาบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนจนสไมล์รู้สึกผิดที่เก็บเงียบไม่กล้าบอกใคร บอกตรงๆเลยนะว่าเธอไม่ไว้ใจใครเลยสักคนไม่รู้ใครมาดีมาร้ายและมีจุดประสงค์อะไรถึงต้องทำกันขนาดนี้
"คือก่อนสไมล์จะมาอยู่กับเบนนี่ชีวิตเจอเรื่องแปลกๆบ่อยนะคะ อย่างเช่นยืนอยู่มีรถจะมาชนบ้าง กระถางตกใส่ตรงหน้า เข้าห้องน้ำโดนล็อกประตูจากด้านนอกแล้วมีควันเข้ามาบางอย่างมันบังเอิญเกินไปจนคนรอบตัวสไมล์ไม่อยากจะเชื่อว่ามันคืออุบัติเหตุ"
เขารับฟังเด็กสาวที่เล่าเหตุการณ์ให้เขาฟังเป็นฉากๆ มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอนตามที่เธอเล่ามามันพอดิบพอดีมากเกินไป
"มีศัตรูที่ไหนมั้ยคะ"
สไมล์ส่ายหน้าอย่างจนปัญญาที่จะคาดเดา ชีวิตเธอมีความสุขสวยหรูมาตลอดครอบครัวอบอุ่นไม่เคยจะทะเลาะกับใครเลยในชีวิตนี้ จนถึงตอนนี้ก็ยังงงว่าทำไมเธอต้องหนีและหนีเพื่ออะไร
"ไม่มีนะคะ สไมล์ไม่เคยไปทำอะไรให้ใครโกรธเลย ชีวตนี้ทั้งชีวิตครอบครัวเพอร์เฟคมากพ่อกับแม่รักกันดีไม่มีปัญหาอะไรสไมล์เรียนตลอดจนจบพอกลับมาแม่ก็มีปัญหาสุขภาพแล้วก็จากไป ตอนนี้ก็เหลือแต่พ่อเท่านั้นค่ะแต่ตอนที่แม่เสียท่านบอกสไมล์ว่าให้หนีไปพอจบจากงานศพคุณทนายก็ให้สไมล์ออกจากบ้านมาโดยบอกพ่อว่าไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ แต่ว่าจริงๆแล้วอยู่บ้านเพื่อนค่ะ"
เขาคิดตามที่เด็กสาวบอกแสดงว่าต้องเป็นคนใกล้ตัวแม่เธอถึงได้เตือนแบบนั้นเท่ากับว่าท่านรู้ว่าเป็นใคร แต่ทำไมถึงต้องโกหกพ่อล่ะ... เขายังมองไม่ออกจริงๆ
"แล้วได้คุยกับคุณพ่อบ้างรึเปล่า"
"สองสามวันมานี้ยังเลยค่ะ สไมล์กะว่าวันนี้ถึงบ้านจะโทรไปแต่ต้องโทรทางช่องทางโซเชี่ยล อีกอย่างพ่องานยุ่งค่ะต้องทำงานทุกอย่างแทนแม่สไมล์ก็อยากจะช่วยแต่ว่าทำอะไรไม่ได้เพราะถูกทำร้าย
"เราน่าจะบอกพ่อนะ"
"คุณทนายให้รอเวลาค่ะ เขากำลังสืบอยู่"
หนูสไมล์เอ่ยออกไปตามที่รู้มาทุกอย่าง ส่วนคนตัวโตนั่งฟังพร้อมกับวิเคราะห์ไปด้วย ถ้าจะสืบหาต้นตอคนที่ถูกเป็นเป้าหมายก็ต้องแสดงตัวสิหลบซ่อนแบบนี้คนร้ายก็ไม่โผล่ออกมาสักที
"ถ้าอยากจับคนร้ายสไมล์ต้องเผชิญหน้ากับมันสิคะ หลบอยู่แบบนี้คนร้ายก็ทำอะไรไม่ได้สักทีถ้าสไมล์ออกไปเป็นเป้ารับรองว่าเราจะจับได้โดยไวแน่นอน"
"แต่ว่าคุณทนายบอกว่าไม่มีเวลาดูแลความปลอดภัยให้หนูตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงค่ะ ก็เลยต้องหลบซ่อนแบบนี้เค้าบอกว่าไว้ใจใครไม่ได้ค่ะ"
"แล้วทำไมถึงไว้ใจทนายคะ"
เขาถามอย่างไม่เข้าใจทนายก็น่าจะเป็นหนึ่งในคนที่ไม่น่าไว้ใจไม่ใช่เหรอ ทำไมเด็กสาวตรงหน้าเขาถึงเชื่อใจเขามากขนาดนั้นกันล่ะ
"คุณแม่บอกว่าคุณทนายไว้ใจได้ค่ะ"
สไมล์ยื่นมือไปกำมือป๋ามินทร์แน่น พอนึกถึงคุณแม่ของเธอที่จากไปอย่างทรมานเธอก็อดที่จะน้ำตาซึมใบหน้าเศร้าหมองจนชายตรงหน้ารู้สึกสงสารเป็นอย่างมาก
"เอาอย่างนี้มั้ยผมจะสืบหาตัวคนร้ายให้เองรับรองว่าใช้เวลาไม่นานแต่สไมล์ต้องร่วมมือกับผมนะ"
"ทำยังไงคะ"
สไมล์มองชายหนุ่มตาแป๋วอยากจะรู้ว่าเขามีแผนอะไรดีๆรึเปล่า แต่ถ้าเขาออกปากจะช่วยเธอแบบนี้มันต้องดีมากแน่ๆเพราะเขาเป็นคนที่มีอิทธิพลมากในประเทศนี้
"มาเป็นผู้หญิงของผมแล้วไม่ต้องหลบๆซ่อนๆอีกต่อไปแล้ว ผมจะดูแลสไมล์เอง"
"หาาาา ผะ..ผู้หญิงของคุณป๋าเหรอคะ!"