"องค์หญิงสิบสี่ เช่นนั้นหรือ"
"ฝ่าขอรับตอนนี้ท่านแม่ทัพเร่งเดินทางไปตรวจสอบสั่งให้ข้าน้อยนำเรื่องมากราบทูลฝ่าบาท"
"เสี่ยวหานทูลฝ่าบาท ข้าจะเร่งไปสมทบกับท่านแม่ทัพอวิ้นกุ้ย"เฟิ่งหลิวยืนนิ่งไร้คนสนใจ เสี่ยวหานวิ่งเข้าไปในห้อง หลานซานสาวเท้าออกจากตรงนั้นไป เฟิ่งหลิวยืนเดียวดายอยู่หน้าห้อง ก่อนจะเดินไปตามทางเดินทอดยาวที่ มีกลีบดอกมู่หลานร่วงหล่นเต็มพื้นทางเดิน
ตำหนักไทเฮา ที่ศาลาฉาฮวา บทเพลงจากกู่เจิ้งลอยตามลม เศร้าสร้อยเดียวดาย ต้าหยู๋นั่งอยู่ข้างๆ ไทเฮาที่หลับตานิ่งฟังเสียงกู่เจิ้ง
"แล้วฝ่าบาท มีท่าทีเช่นไร"ถามต้าหยู๋
"นางกำนัลรายงานว่าฝ่าบาท ทรงออกไปรับองค์หญิงสิบสี่ที่หน้าประตูวังด้วยตัวเอง"ต้าหยู๋บอกเล่าเรื่องราว
"ฝ่าบาทให้องค์หญิงสิบสี่พำนักที่ไหน"
"ตำหนัก ..ไร้กังวล.."
"ตำหนักไร้กังวลเป็นที่ พำนักของแขกเมืองดีแล้วให้นางพักที่นั่น"เฟิ่งหลิวเหม่อลอยบรรเลงกู่เจิ่งเหมือนกับไร้ชีวิต อย่างนี้เฟิ่งหลิวก็จะโดนม้าแยกร่างหรือดีหน่อยอาจถูกประหารภายในดาบเดียว
"ข้าน้อยเซียวหลงหานถวายพระพรไทเฮา ฝ่าบาทให้ตามแม่นางเฟิ่งหลิว เดินหมากในค่ำคืนนี้"ไทเฮามองเฟิ่งหลิวที่สายตาเหม่อลอย นึกเห็นใจไม่น้อย คงจะกำลังตื่นกลัว
"เฟิ่งหลิว คืนนี้นางต้องร่ายกลอนให้ข้าฟัง เกรงว่าฮ่องเต้ต้องรอเก้อกลับไปทูลฝ่าบาท อย่างที่ข้าบอก"เสี่ยวหานถอยออกไปทันที
ไทเฮาถอนใจยาว
"ต้าหยู๋ส่งคน ไปสืบข่าวเรื่องการมาขององค์หญิงสิบสี่ ว่าเหตุใดนางจึงกลับมากลับไปไร้จุดหมายเช่นนี้"หากจะเป็นใครสักคนที่สร้างความวุ่นวายต้องเป็นองค์หญิงสิบสี่คนนี้ อย่างไม่ต้องคาดเดา นางกลับมาทำไม
"เพคะ แต่ข้าพระองค์ได้ยินเรื่องที่ฝ่าบาทจะทรงลงทัณฑ์แม่นางเฟิงหลิวหาก..หาตัวองค์หญิงสิบสี่พบ
"ลงทัณฑ์ ลงทัณฑ์นางทำไมข้าเกรงว่าคนที่จะโดนลงทัณฑ์คงต้องเป็นองค์หญิงสิบสี่ ที่สร้างความวุ่นวายเฟิ่งหลิวนางยังเดียงสา อาจจะโดนล่อลวงให้ปลอมเป็นองค์หญิงด้วยซ้ำไปเห็นที่ข้าต้องพูดเรื่องนี้กับฝ่าบาทจะปล่อยให้คนที่ไม่รู้เรื่องอะไรต้องถูกลงทัณฑ์ได้อย่างไร"
เฟิ่งหลิวอยู่ๆ ก็หยุดเล่นกู่เจิ้ง
"เฟิ่งหลิวอย่าได้กังวลไป ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าต้องรับโทษทัณฑ์ใดใดทั้งสิ้น"
"เฟิ่งหลิวอยากจะกลับบ้านกลับไปหาท่านแม่"ไทเฮารู้สึกถึงน้ำเสียงเศร้าสร้อยนั้น กลัวหรือว่าผิดหวังหรือว่าอะไรกันแน่
"เฟิ่งหลิวน้อย มามาหาข้า"เฟิ่งหลิวคลานเข่าเข้าไปหาไทเฮา ที่อ้าแขนออกรับ
"ต้าหยู๋ถ่ายทอดคำสั่ง ไฉ่เฟิ่งหลิวต่อแต่นี้ให้ดำรงตำแหน่งหยางหนี่" (ลูกบุญธรรม)
"รับบัญชาไทเฮา"ต้าหยู๋ประสานมือรับบัญชา
ไทเฮาปาดน้ำตาให้เฟิ่งหลิวอย่างอ่อนโยน
"อยู่ที่นี่เสียด้วยกัน ในเมื่อเจ้าทำให้ข้าเป็นสุขไม่น้อยไว้ อีกไม่นานท่านแม่ทัพจะเดินทางไปแคว้นเหนือเมื่อนั้นหากเจ้า อยากรับมารดามาอยู่เสียด้วยกันที่นี่"เฟิ่งหลิวซบหน้าลงบนตักอุ่น ไทเฮาลูบหัวให้เบาๆ
ตำหนักฮ่องเต้
"ไทเฮาทรง รั้งนางไว้ร่ายกลอนในค่ำคืนนี้”สีหน้าเรียบเฉยแต่ในใจกลับรู้สึกหงุหงิด
"แล้วตอนนี้นางทำอะไรอยู่"
"ฝ่าบาทอย่าบอกนะว่าจะให้เสี่ยวหานไปตามนางมาเดี๋ยวนี้ นางตอนนี้กำลังบรรเลงกู่เจิ้งถวายไทเฮา"
"ข้าไม่ได้ให้ตามนางเพียงแต่อยากรู้ว่า นางมีท่าทีเช่นไร"
"ท่าที...ท่าทีเหม่อลอยบรรเลงเพลงไม่เพราะพริ้งเท่ามีควร อีกทั้งดวงตาเศร้าสร้อยฝ่าบาทเสด็จไปที่ศาลาฉาฮวาไปดูท่าทีนางเองจะดีไหมเพคะ"
“ไม่ต้อง ข้าเป็นฮ่องเต้ พูดคำไหนคำนั้น พูดว่าจะลงทัณฑ์นางหากพบองค์หญิงสิบสี่”
“นางผิดอะไร”เสี่ยวหานพึมพำเบาๆ
“พรุ่งนี้ตามนาง ที่ตำหนักข้าเช่นเดิม”หยิ่วเยว่ เข้ามาได้ยินพอดี
“ฝ่าบาท ค่ำนี้ให้หยิ่วเย่วปรนนิบัติหรือไม่”
“ เจ้าไม่รุ้หน้าที่ตัวเองหรือไร”
“หยิ่วเยว่คิดว่า องค์หญิงสิบสี่มาแล้วฝ่าบาท อาจอยากอยู่เพียงลำพังกับนาง”
“ไม่ต้อง ไปเสียให้หมดคืนนี้ข้าอยู่เพียงลำพังได้”อารมณ์ฉุนเฉียวอย่างไร้สาเหตุ
ค่ำคืนเหน็บหนาว หมิงซื่อทบทวนเรื่องราวต่างๆ .. เพียงลำพัง เสี่ยวหานนอนน้ำลายไหลยืด หลานซาน ยืนหลับตานิ่งกอดกระบี่ในมือ หมิงซื่อ สาวเท้าตามทางเดินทอดยาว มุ่งสู่ตำหนักไร้กังวล
อิงเผย ในอาภรณ์สีขาวชุดนอน นางกำนัลจากแคว้นเหนือที่ติดตามกำลังสางผมที่ยาวสลวยถึงเอวกิ่วมองดูดำขลับเต็มแผ่นหลัง
นางกำนัลหน้าห้องมองเห็นหมิงซื่อแต่ไกล ย่อตัวทำความเคารพ หมิงซื่อโบกมือห้ามก่อนจะไล่ออกไปจากตรงนั้น ยกมือขึ้นหมายจะผลักประตูเข้าไปข้างในแต่กลับเปลี่ยนใจ ยืนหันหลังแนบประตู
“องค์หญิง จะบอกหมิงซื่อฮ่องเต้ว่าอย่างไรในการที่องค์หญิงเปลี่ยนใจกลับมาที่นี่”
“ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรในเมื่อเจ้าก็รู้ดีว่าฝ่าบาท มีใจให้ข้าถึงเพียงนั้น ยกทัพไปเพื่อข้าคนเดียวเจ้าก็รู้ดี”น้ำเสียงแข็งกระด้าง
“แล้วถ้าหากฝ่าบาทถามขึ้นมาว่าองค์หญิง เหตุใดถึงต้องให้ผู้อื่นสวมรอยแทนเล่า”อิงเผยยิ้ม กระซิบเบาๆ จน หมิงซื่อไม่สามารถได้ยินสิ่งที่นางพูด
“แต่นางยังอยู่ที่วังหลวงแห่งนี้”
“เรื่องนี้เป็นข้าที่จัดการเอง”ยิ้มมุมปาก เรื่องราวบางอย่างก็ไม่อาจพูดออกมาได้ในเมื่ออยู่ในที่ของคนอื่น คนก็ของเขา ที่พำนักก็ของเขา เช่นไรจึงจะปลอดภัย อิงเผยเข้าใจข้อนี้ดี
หมิงซื่อถอยห่างออกมา ทำไมไม่อยากพบหน้านางทั้งๆ ที่ออกมาจากตำหนักก็ตั้งใจจะมาพบหน้าสาวเท้าเดินกลับออกจากตรงนั้นทันที
เฟิ่งหลิว นั่งเท้าคางอยู่ที่สวนหน้าห้องพัก ต้าหยู๋วางตำราลงตรงหน้า
“ตำราการเดินหมาก เกรงว่าเจ้าต้องใช้มัน”
“ต้าหยู๋ท่านดีกับเฟิ่งหลิวไม่น้อยแต่เฟิ่งหลิวไม่อยาก เดินหมากกับฝ่าบาทอีกแล้ว”
“วังหลวง หากเจ้าเข้ามาอยู่แล้ว สิ่งเดียวที่ไม่ทำไม่ได้คือบัญชา ไม่ว่าใครจะบัญชา เราต้องทำตาม”
“เฟิ่งหลิวไม่อาจรับมือ”ใบหน้าเศร้าสร้อย
“ข้าได้ยินว่าเจ้าอยู่ในหอคณิกามาก่อน เลยคิดว่าเจ้าจะต้องรับมือหลายอย่างได้ดีนึกชื่นชมว่าแม้อายุเจ้ายังน้อยแต่เอาตัวรอดจากพวกชายมากรักได้ นับว่าเจ้าไม่ธรรมดา วังหลวงกับหอคณิกามีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ.. การเสแสร้งหากเจ้าเสแสร้งได้ดีพอ เจ้าก็จะสามารถใช้ชีวิตในวังหลวงและหอคณิกาได้อย่างปลอดภัย”เฟิ่งหลิวคิดตาม
“เสแสร้ง”
“หากข้ามองเจ้าไม่ผิด เจ้าฉลาดพอที่จะเอาตัวรอดอย่ายอมแพ้ง่ายดายเช่นนี้หากได้ยินว่าเจ้ายอมแพ้ข้าคงเป็นอีกคนหนึ่งที่เสียใจมาก”เฟิ่งหลิวไม่คิดเลยว่าต้าหยู๋ผู้ไร้คำหวานจะพูดเตือนสติได้ดีเพียงนี้ เฟิ่งหลิวสุดลมหายใจเข้าลึกๆ บอกกับตัวเองว่าไม่มีทางยอมแพ้แน่นอนแม้จะต้องเสแสร้งก็ตาม
ต้าหยู๋จากไป หมิงซื่อพาตัวเองมาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องพักของเฟิ่งหลิวได้อย่างไรไม่อาจทราบได้ คิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนเดินมาถึงที่นี่ได้ หมิงซื่อหันหลังเดินกลับ ไม่เข้าใจตัวเองว่ามาที่นี่ทำไม