เสี่ยวหานปิดปากหาว สาวเท้าเดินยังห้องพักของเฟิ่งหลิว
“แม่นางเฟิ่งหลิว ฝ่าบาทให้ข้าตามเจ้าไปที่ตำหนัก”
เฟิ่งหลิวเดินออกมาจากห้อง
“เสี่ยวหานไว้ข้าทานอาหารเช้าก่อน”ท่าทีร่างเริงอย่างเห็นได้ชัด
“เจ้าอารมณ์ดีไม่น้อย คงจะทำใจได้แล้วใช่ไหม วังหลวงก็แบบนี้แหละมีสุขมีทุกข์ สุขก็อยู่ไม่นานความทุกข์ก็อยู่ไม่นาน หากเจ้าอยู่เป็น”
“เฟิ่งหลิวทำใจได้แล้วไม่มีอะไรเกินความสามารถ ที่ผ่านมาทุกข์ตรมกว่านี้ยังไม่เป็นไรเลย ตอนนี้อย่างน้อยก็ได้กินอิ่มแล้วยังรั้งตำแหน่งหยางหนี่555”เสี่ยวหานเผลอยิ้มตาม หยางหนี่เชียวหรือ ฮองเฮาเมตตานางไม่น้อย
“หยางหนี่โอ้แย่ละสิ ข้าเรียกว่าแม่นางเฟิ่งหลิวไม่ได้อีกต่อไปแล้วอีกหน่อยต้องเรียกว่า ..หยางหนี่เฟิ่งหลิว..แล้วละสิ”เสียงหัวเราะดังขึ้นพร้อมๆ กัน
อวิ้นกุ้ยหอบขนมมาให้หมายมาปลอบใจให้เฟิ่งหลิวคลายกังวล จำเป็นต้องซ่อนไว้ข้างหลังเสีย แล้วเดินหลบไปทันที
หมิงซื่อใช้ตะเกียบเขี่ยเครื่องเสวยในถ้วยไปมา
“ฝ่าบาทองค์หญิงสิบสี่ขอเข้าเฝ้า”
“เชิญองค์หญิงเข้ามา”อิงเผยเยื้องย่างด้วยท่าทีดุจนางหงส์ เข้ามาตรงหน้าใบหน้าเชิดสูงลำคอระหง ต่างกับเฟิ่งหลิวที่เยื้องย่างเหมือนม้าป่าลำพอง ชุดสีเหลืองขับผิวให้สว่างแต่ขาวสู่เฟิ่งหลิวไม่ได้ผิวของเฟิ่งหลิวขาวราวหยกต้องแสง ขาวกว่าชาวแคว้นเหนือทั่วไป หมิงซื่อครุ่นคิดทำไมตอนนี้เขาถึงเห็นว่า อิงเผยดูธรรมดาไปในทันทีไม่เหมือนรูปวาดที่เขาเห็นครั้งแรก แม้ใบหน้าจะไม่ต่างกันนักแต่ทว่า ใบหน้าและท่าทีของนางคล้ายกับมีบางอย่างที่เขาไม่สู้ชอบใจนัก หรืออาจจะเป็นแววตายโสของนาง
“ถวายพระพรฝ่าบาท อิงเผยนอนหลับสบายไม่น้อยหลังจากที่นอนไม่หลับเพราะความตรากตรำมาหลายคืน”คำถามที่คิดว่าจะถามถูกกลืนหายไปในลำคอ เมื่อคิดถึงคำพูดเมื่อคืนของอิงเผย คิดหาคำพูดที่ต่างจากที่คิดไว้ในตอนแรก
“นางคณิกาคนนั้นบังอาจสวมรอยแทนองค์หญิง องค์หญิงคิดว่าจะให้ข้าลงโทษนางเช่นไรถึงจะสาสมกับความผิดของนางดี”
อิงเผยยิ้มหวาน จ้องมองสบตาคมของหมิงซื่อไม่ยอมหลบเร้น นึกกระหยิ่มในใจกลับใบหน้าหล่อเหลานั้นต่างกับเฟิ่งหลิวที่หลบตาคมด้วยความเขินอายแต่กลบเกลื่อนด้วยสายตาหวาดกลัว
หมิงซื่อรอฟังคำตอบด้วยใจจดจ่อ ลองใจเพื่อจะดูว่าอิงเผยนางเป็นคนที่มีจิตใจดีร้ายเพียงใด
“นางบังอาจมาแทนที่องค์หญิง อิงเผยตื่นมาอีกที่ก็อยู่กลางป่า คิดได้จึงเร่งเดินทางมายังแคว้นใต้ ฝ่าบาทต้องไต่สวนหาความจริงจากนางว่าใครบงการนางกันแน่นางถึงกล้าทำเรื่องอุกอาจเช่นนี้”
เฟิ่งหลิว เดินเข้ามาข้างใน
“ไม่มีใครบงการ จะฆ่าจะเแกงก็เชิญอุบายตื้นๆ ยังคิดไม่ออกหรือไร นางคณิกาชั้นต่ำอย่างข้าเฟิ่งหลิวหมายตกปลาใหญ่ ยั่วยวนฝ่าบาทให้ลุ่มหลง ถวายตัวแทนองค์หญิงก็แค่นั้น”
เฟิ่งหลิวเหลือจะทนกับกิริยาจีบปากจีบคอพูดของอิงเผยที่ เสแสร้งยิ่งกว่าพวกพี่สาวในหอคณิกาเสียอีก
“หุบปาก ข้า ยังไม่ได้ไต่สวนเจ้า”เฟิ่งหลิวเม้มปากแน่น
“ฝ่าบาทนางกิริยาหยาบกระด้าง เช่นไรถึงมาอยู่ข้างกายฝ่าบาทได้”อิงเผยเองก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้
“ข้าก็แค่นางคณิกาต่ำต้อยเรื่องบางเรื่องหรือคนบางคนไม่ต้องเสแสร้ง” หยิ่วเย่วเข้ามาอีกคน
“แค่กิริยาและการพูดจาของนาง ที่ไม่เคารพต่อฮ่องเต้และองค์หญิงก็สมควรจะโบยนางเสียให้หลาบจำ”
“ฝ่าบาท เฟิ่งหลิวยังเด็กนัก คำพูดของนางบางครั้งก็ตรงไปหน่อย”หยิ่วเย่วออกรับแทน หมิงซื่อโบกมือห้าม
“สงบคำของเจ้า แล้วขอโทษ องค์หญิงสิบสี่เสีย”เฟิ่งหลิวยังยืนนิ่ง
“อย่าให้ข้าต้องสั่งโบย”
“หากจะโบยให้ข้าเจ็บไม่สู้ ให้ม้าแยกร่างข้าเสียให้ตาย”
“ใครกันจะใช้ม้าแยกร่างหยางหนี่ของข้า”ไทเฮาเดินเข้ามาพร้อมกับนางกำนัลติดตามและต้าหยู๋
“ถวายพระพรเสด็จแม่ ถวายพระพรไทเฮา” หมิงซื่อ หยิ่วเย่วและเฟิ่งหลิวเอ่ยปากพร้อมกัน
อิงเผยหันหน้าหันหลังย่อตัวลงช้าๆ
“อิงเผย องค์หญิงสิบสี่แคว้นเหนือถวายพระพรไทเฮา”ยิ้มบางๆ
“องค์หญิงสิบสี่ แต่เดิมข้าคิดว่าเจ้าช่างเป็นยอดหญิง รักศักดิ์ศรียิ่งกว่าสิ่งใดยอมแลกแม้กระทั่งความสงบร่มเย็นของบ้านเมือง ก่อสงครามกับแคว้นใต้ แต่ตอนนี้เห็นทีต้องคิดเสียใหม่ หรือเกรงว่าแคว้นใต้จะย่ำยีแคว้นเหนือซ้ำสองหรือไรถึงยอมกลับมาโดยดี หลังจากที่หนีหายไปให้ท่านแม่ทัพและฝ่าบาทตามหาเสียวุ่นวายทั้งๆ ที่ยกกองทัพไปรับถึงแคว้นเหนือ”
“อิงเผยถูกลักพาตัว พอตื่นขึ้นอีกทีก็อยู่กลางป่าเขากว่าจะหาทางมาที่นี่ได้ต้องผ่านความทุกข์เข็ญ”เฟิ่งหลิวเหยียดริมฝีปาก
“เฟิ่งหลิวเจ้าเล่า เรื่องราวของเจ้าให้ข้าฟัง”หันมาทางเฟิ่งหลิว
“เฟิ่งหลิว ถูกจ้างให้ดื่มชา เพื่อแลกกับเงิน ให้มารดาในยามที่เกิดสงคราม”เล่าความจริงที่ผ่านมา
“เกิดสงครามพวกเจ้ารับกรรมจากสงคราม แล้วทำไมถึงยอมดื่มง่ายดาย”ไม่วายฉกกัดอิงเผย
“ท่านแม่ ข้าหมายถึง.. ท่านแม่เฒ่าแก่เนี้ย บอกว่าแค่เพียงดื่มชาก็ได้เงินมากมายอีกอย่างนางไม่เคยคิดร้ายเฟิ่งหลิวมาก่อน ข้าเฟิ่งหลิวจึงไว้ใจนาง”
“โธ่เฟิ่งหลิวเจ้าทำไมถึงโง่งมนัก”
“เฟิ่งหลิว..คิดว่า..มัน ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนางอาจให้ดื่มชาเพื่อลองลิ้มรสชาติชาดู แต่ไหนแต่ไรเฟิ่งหลิวมักจะถูกขอร้องให้ชิมอาหารหรือสุรารสชาติแปลกใหม่ ด้วยพวกพี่ๆ ในหอคณิกาพวกนางบอกว่าลิ้นของพวกนางด้านชาไปเสียแล้ว งานนี้จึงเหมาะกับเฟิ่งหลิวแต่เมื่อพอดื่มชา เฟิ่งหลิวก็หมดสติมารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่อยู่ในกระโจมในชุดสีแดง จึงหาทางหนี”
“เด็กน้อยเจ้าโดนหลอกเสียแล้ว”ไทเฮาเชื่่อสนิทใจ อีกทั้งยังสงสารเฟิ่งหลิวไม่น้อย
“เสด็จแม่เชื่อคำพูดนางเช่นนั้นหรือ”
หมิงซื่อสับสนอย่างที่สุดคำพูดของเฟิ่งหลิว แม้จะดูใสซื่อเหมือนไม่ได้โกหกแต่ทว่าบางอย่างดูไม่สมเหตุสมผล ทำไมนางต้องยอมดื่มง่ายดายไม่รักตัวกลัวตายหรือไรหากเป็นยาพิษเล่าไม่เท่ากับยอมตายเลยหรือ
“แล้วหากว่ามันไม่ใช่ ยานอนหลับหรือยาที่ทำให้หมดสติเล่าหากเป็นยาพิษเจ้าไม่เท่ากับตายฟรีเช่นนั้นหรือ”ต้าหยุ๋เหมือนนั่งอยู่ในใจหมิงซื่อถามในสิ่งที่หมิงซื่ออยากรู้คำตอบ
“ไม่ไม่ไม่ ไม่ได้ตายฟรี ท่านแม่เฒ่าแก่เนี้ยสัญญาว่าจะนำเงิน ไปให้ท่านแม่ของเฟิ่งหลิวซึ่งหากเป็นเช่นนั้นท่านแม่ก็จะมีเงินจับจ่ายในช่วงที่เกิดสงคราม”นางกำนัลที่ติดตาม อิงเผยพึมพำเบาๆ
“นางยักยอกเงินเจ้า เงินนั่นไม่ถึงแม่เจ้าแม้แต่อีแปะเดียว” แต่หามีใครได้ยินไม่ นอกจากต้าหยู๋ที่ยืนอยู่ไม่ไกลออกไปและนางประสาทหูดีเป็นพิเศษเนื่องจากต้องคอย เงี่ยหูฟังเหล่าสนมนางใน ฝึกหัดแอบนินทานั่นเองแต่ต้าหยู๋เลือกที่จะเงียบไม่เอื้อนเอ่ยคำใด
“เจ้าช่างกตัญญูนัก ฝ่าบาทจะลงโทษนางไม่ได้ แม่ให้นางรั้งตำแหน่งหยางหนี่ใครก็สั่งลงโทษนางไม่ได้”
“ไทเฮาคงหมายถึง การที่นางจะลบหลู่เบื้องสูงหรือทำตัวต่ำช้าเพียงใดพูดจา ถากถางคนอื่นแค่ไหน หรือทำผิดใหญ่หลวงเพียงใดก็ห้ามลงโทษนางเช่นนั้นหรือ อิงเผยเพิ่งจะรู้ว่าแคว้นใต้มีกฎเมืองเช่นนี้ด้วย ความจริงนางเป็นคนของแคว้นเหนือหากอิงเผยจะสั่งลงโทษนาง... ก็ไม่ผิดแต่เห็นแก่ไทเฮาที่ทรง โปรดปรานนางคณิกาคนนี้อิงเผยจะไม่เอาความ”ไทเฮายิ้มเยาะ นางช่างตอบแทนได้เจ็บๆ คันๆ
“ไม่เป็นไรนางคณิกาหากข้าพอใจ ก็จะยกนางให้เป็นองค์หญิงก็ไม่แปลกใช่ไหมต้าหยู๋ กฎของแคว้นใต้เราเห็นทีต้องส่งร่างกฎระเบียบของแคว้นใต้ให้องค์หญิงสิบสี่ศึกษาให้ถ่องแท้ ในเมื่อจะต้องมาใช้ชีวิตในแคว้นใต้ ใช่ไหมฮ่องเต้ยังยืนยันคำเดิม อยากจะแต่งตั้งนางรั้งตำแหน่งฮองเฮาอยู่อีกใช่หรือไม่”หันไปทางหมิงซื่อที่บัดนี้แทบจะดำดินหนีไปหนีความวุ่นวายตรงหน้า
“เสด็จแม่ ลูกเป็นฮ่องเต้”เหมือนจะพูดเป็นนัยว่า ฮ่องเต้เมื่อเอ่ยคำใดออกมาแล้วไม่อาจคืนคำ
“แม่เองก็ไม่เคยบังคับ แล้วแต่ฮ่องเต้แต่ผิดถูกแยกแยะให้ออกเฟิ่งหลิวต่อจากนี้ไปเป็นหยางหนี่ อย่างที่แม่ต้องการใครห้ามรังแกหรือเรียกนางไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลังว่านางคณิกา”เฟิ่งหลิวน้ำตาหยดแหมะทันที ซาบซึ้งน้ำใจที่ไทเฮาปกป้อง