CHAPTER 5 หรือเพียงฝันไป

3727 Words
หลังได้รับแจ้งข่าวปลายฟ้าก็รีบตรงไปยังโรงพยาบาลทันที ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยคราบน้ำตา แต่ทว่าเจ้าตัวก็ยังไม่อยากจะเชื่ออยู่ดีว่าสิงหราชไม่อยู่กับเธอแล้ว สองขาวิ่งแข่งกับเวลาที่เดินนำหน้าเธอไปหลายวินาที ปลายฟ้าตรงไปยังห้องดับจิต มือไม้สั่นเทาพยายามกำหมัดสะกดกลั้นอารมณ์เอาไว้ จนกระทั่งถึงหน้าห้องดับจิตแล้วพบเข้ากับธีระที่ยืนรออยู่แล้ว เธอก็ถึงหยุดชะงักพลางหอบหายใจเหนื่อย “ปลายฟ้า” ธีระเงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยสีหน้าเศร้าหมอง “เฮียสิงห์ล่ะคะ” เธอถามเสียงสั่นคลอนก่อนยกมือขึ้นปาดน้ำตาลวกๆ “พี่ว่าเธออย่าเพิ่งเข้าไปดีกว่า..” “หนูถามว่าเฮียสิงห์อยู่ไหน” ชายหนุ่มลอบถอนหายใจ พลางเปรยสายตามองประตูห้องดับจิต “อยู่ข้างใน” พูดจบเธอก็รีบกุลีกุจอเข้าไปข้างในที่ไฟเปิดสว่างทั่วห้อง ภายในมีกลิ่นฉุนตีขึ้นจมูกก่อนสายตาคู่สวยจะปะทะเข้ากับร่างมนุษย์ที่ถูกคลุมด้วยผ้าสีขาว ปลายฟ้ายืนตัวสั่นเทา ใต้ตาแดงก่ำช้ำเลือดกับความหวังอันลิบหรี่ที่คิดว่าอาจจะเป็นเพียงแค่ความฝัน เธอย่างกรายเข้าใกล้เตียงที่มีร่างคลุมผ้าขาวอย่างเชื่องช้า จนมาหยุดอยู่ที่ข้างเตียงแล้วไล่สายตามองตั้งแต่หัวจรดเท้าช้าๆ ยังคงมีความคิดติดอยู่ในใจที่ภาวนาให้คนตรงหน้าไม่ใช่สิงหราช ต้องไม่ใช่เขา.. ทว่ายังไม่ทันที่จะเอื้อมมือเปิดผ้าขาว มือที่เลอะเลือดก็ห้อยตกลงมา เผยให้เห็นกำไลที่ปลายฟ้าเพิ่งจะซื้อให้สิงหราชเมื่อสามวันก่อน “เฮีย..” ยังไม่ทันจะหายตกใจกับกำไลข้อมือ ฉับพลันผ้าขาวที่ปกหน้าก็ปลิวออกเผยให้เห็นใบหน้าโชกเลือดของสิงหราชที่นอนหลับตาพริ้มไม่ต่างจากคนหลับใหลในห้วงนิทรา ราวกับสายฟ้าพาดผ่านตรงกลางใจ ส่งผลให้ปลายฟ้าตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ คล้ายว่าสติมันหลุดไปแล้วตั้งแต่เห็นกำไลข้อมือ สองขาทรุดฮวบลงไปนั่งบนพื้นจนธีระที่เปิดประตูเข้ามาต้องรีบเข้าไปช่วยประคอง “ทำใจดีๆ ก่อนนะปลายฟ้า” ธีระพูดปลอบ ทั้งที่เขาเองก็เสียใจไม่ต่างกัน “เฮีย.. เฮียสิงห์” ปลายฟ้ายกมือขึ้นกุมอกข้างซ้ายที่ปวดร้าวขึ้นมากะทันหัน ร่างกายชาดิกไปทั้งตัว ก่อนจะแผดเสียงกรีดร้องราวกับคนเสียสติ สะบัดตัวออกจากธีระแล้วพุ่งเข้าไปกอดร่างอันไร้วิญญาณของสิงหราช มือเล็กสั่นเทาไปตามแรงสะอื้นจับใบหน้าที่มีคราบเลือดอย่างทะนุถนอม พลันเสียงร่ำไห้อันน่าเวทนาก็ดังขึ้นไปทั่วห้องเพราะปลายฟ้ายังไม่อยากยอมรับความจริงในเวลานี้ ม่านตาคู่สวยสั่นไหวไม่ต่างกับใจที่วูบโหวง น้ำตามากมายพรั่งพรูอย่างสุดจะกลั้น ปลายฟ้าไม่อยากยอมรับความจริงว่าสิงหราชไม่อยู่กับเธอแล้ว ทว่าร่างบนเตียงที่นอนแน่นิ่งคือความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่พ้น สิงหราชตายแล้ว.. “เฮียทิ้งหนูทำไม ไม่เอาแบบนี้ได้มั้ย.. ฮึก เฮียกลับมาหาหนูก่อน” ศีรษะเล็กวางลงบนแผงอกไม่สนว่าจะมีคราบเลือดจากอีกคนเปรอะเปื้อนเสื้อผ้า “ปลายฟ้าเธอเลอะหมดแล้วนะ” เสียงธีระเต็มไปด้วยความเป็นห่วงจับแขนเธอให้ออกจากตัวสิงหราช แม้ว่าเขาจะเสียใจจนยืนแทบไม่อยู่ แต่ก็พยายามปลอบเธอด้วยแรงที่เหลืออยู่ทั้งหมด “อย่ามายุ่งกับหนู” “ปลายฟ้า” “ทำไมเฮียไม่อยู่กับหนูก่อน ไหนบอกจะเป่าเค้กด้วยกัน ฮือ ไหนบอกว่าจะไม่ทิ้งกันไปอีกคนไง สัญญาใจแล้วนี่.. สัญญาใจก็แปลว่าห้ามผิดสัญญา ตื่นมาเดี๋ยวนี้เลย” เธอจับมือของสิงหราชมาแนบข้างแก้มขาวแล้วออกแรงเขย่า ภายในใจเต็มไปด้วยความเสียใจปนอารมณ์โกรธที่รู้ว่าเธอทำอะไรไม่ได้สักอย่างในตอนนี้ “ปลายฟ้าพอเถอะ” “ตื่นสิเฮีย แค่แกล้งกันใช่มั้ยคะ เฮียยังไม่ตายอ่ะ ไม่จริง” “พี่บอกให้พอไง” ธีระที่เห็นท่าไม่ดีรีบเข้าไปรวบเอวปลายฟ้าให้ห่างออกจากเตียง เธอดิ้นเร่าให้อีกฝ่ายปล่อยแต่ก็ไม่เป็นผล จนคนตัวเล็กในอ้อมแขนทรุดตัวนั่งลงอย่างหมดแรง นั่งสะอึกสะอื้นในอ้อมแขนของธีระ มือขย้ำเสื้อเขาแน่นไม่ปล่อย “สิงห์ตายแล้วปลายฟ้า..” ธีระเอ่ยบอกเสียงแผ่ว มือก็ลูบศีรษะปลายฟ้าเพื่อปลอบประโลม “เฮียธีร์โกหก.. โกหก” ปลายฟ้าส่ายหน้าไม่ยอมรับความเป็นจริง พลางผ่อนปรนลมหายใจที่เริ่มเบาลงรวมถึงสายตาที่พร่ามัวมองอะไรไม่ชัดเจน “คนผิดสัญญา.. เฮียสิงห์ผิดสัญญา” ภาพสุดท้ายที่เธอได้เห็นคือข้อมือของสิงหราชที่มีกำไลสวมอยู่ ก่อนทุกอย่างจะดับวูบลงไปในพริบตาเดียว คำอธิฐานเดียวที่อยากจะขอในวันเกิดปีนี้ คือขอให้ทุกอย่างเป็นเพียงแค่ฝันร้ายเท่านั้น เปลือกตาบางขยับหลังรู้สึกตัว ทว่าเมื่อตื่นลืมตาขึ้นมาน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างห้ามเอาไว้ไม่อยู่ ปลายฟ้าเหม่อมองเพดานแล้วขยับสายตามองคนข้างเตียง “เฮียธีร์..” เสียงแหบแห้งเปล่งเรียกคนที่นั่งสัปหงกอยู่ให้รู้สึกตัว ธีระสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเรียก พลางระบายยิ้มอย่างโล่งอกที่เห็นคนบนเตียงฟื้นสักที “เฮีย..” ปลายฟ้าเม้มริมฝีปากแล้วหลับตาลง ใบหน้าซีดเซียวไร้สีซับเลือดปล่อยให้หยาดน้ำตาไหลรินรดแก้มขาว อกข้างซ้ายบีบรัดจนปวดหน่วง หอบหิ้วความรู้สึกที่แตกสลายอย่างไม่อาจยอมรับได้ เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความฝันอย่างที่เธอภาวนาเอาไว้ ธีระที่เฝ้ามองเธอทำได้เพียงแค่กุมมือปลายฟ้าเพื่อให้กำลังใจ ซึ่งการสูญเสียในครั้งนี้ก็ทำให้ท่านเกษมช็อคหนักจนเข้าโรงพยาบาลเช่นกัน “สาเหตุการตายคืออะไรคะ” ปลายฟ้าเปล่งเสียงอย่างยากลำบาก ก่อนขยับสายตามองคู่สนทนาทั้งที่น้ำตายังไหลไม่หยุด “โรคหัวใจกำเริบก่อนประสบอุบัติเหตุ” ธีระตอบกลับ ก่อนพยักหน้ารับทันทีที่เห็นสีหน้าของปลายฟ้าดูตกใจไม่น้อย เพราะเมื่อหลายวันก่อนที่เจอกัน สิงหราชไม่มีทีท่าว่าจะบอกด้วยซ้ำว่าเขากำลังเผชิญกับอาการป่วยอยู่ “โรคหัวใจ..” “พี่ก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่าสิงห์เป็นโรคหัวใจ” “ทำไมเขาถึงไม่เคยบอกใครเลย” “สิงห์มันก็เป็นคนแบบนั้นนั่นแหละ เป็นอะไรก็ไม่เคยบอก คิดอะไรอยู่ก็ไม่มีใครรู้” “ใจร้ายชะมัดเลย..” ปลายฟ้ายกมือขึ้นปิดหน้าแล้วปล่อยโฮจนตัวสั่นโยน ธีระที่เห็นแบบนั้นก็ทำได้แค่นั่งมองห่างๆ ด้วยความเป็นห่วง เนิ่นนานหลายนาทีที่เขานั่งรอจนเธอสงบลงแต่อยู่ในสภาพเหม่อลอย ก่อนจะทำลายกำแพงความเงียบด้วยการพูดคุยอย่างระมัดระวัง “พิธีศพจะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้.. ถ้าเราไม่ไหว พี่ก็อยากให้เราพักผ่อนที่โรงพยาบาลก่อน” ธีระระบายยิ้มเศร้า ปลายฟ้าขยับใบหน้าหันกลับมามองธีระ ใต้ตาบวมช้ำผลจากการร้องไห้หนัก ปลายจมูกแดงฉานลามไปยังใบหู ใบหน้าเปียกชื้นเพราะน้ำตายังไหลออกมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด “หนูจะไปส่งเฮีย.. ยังไงหนูก็ต้องไป” “ถ้างั้นเธอก็ต้องแข็งแรงก่อน แล้วพี่จะยอมให้เราออกจากโรงพยาบาล” พูดจบปลายฟ้าก็ยกมือขึ้นปาดน้ำตาพลางสูดน้ำมูกแล้วเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ไม่อยากให้ธีระได้เห็นว่าเธอกำลังจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่อีกครั้ง เพราะสิงหราชเป็นดอกไม้สวยสุดของต้นใช่ไหม สวรรค์ถึงเลือกเด็ดเขาให้จากไปเร็วขนาดนี้ เพราะเขาเป็นคนดีและจริงใจกับคนรอบข้างมาตลอดใช่หรือเปล่า สวรรค์ถึงเลือกเขาไปเร็วเหลือเกิน ช่วงเย็นของอีกวันพิธีศพถูกจัดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศอันโศกเศร้า โดยที่มีแขกเหรื่อต่างก็แวะเวียนเข้ามาแสดงความเสียใจกับท่านเกษมที่สูญเสียคนฝีมือดีอย่างสิงหราชไป ในขณะที่ปลายฟ้ายังคงนั่งซึมเศร้าอยู่ตรงหน้ารูปของสิงหราชไม่ห่างไปไหน ไม่อยากยอมรับความจริงด้วยซ้ำว่าวันนี้สิงหราชไม่อยู่กับเธอแล้ว “ฮึก” ใบหน้าสวยซีดจาง แก้มสองข้างที่เคยมีเลือดฝาดหลงเหลือเพียงคราบน้ำตาที่ไหลนองหน้า คำถามที่เธอเคยถามว่าทำไมมันถึงเจ็บปวดได้ขนาดนี้ คำตอบของสิงหราชที่ตอบมาเธอยังจำได้ไม่ลืม เพราะคำว่าความทรงจำ.. ไม่ว่าจะจากเป็นหรือจากตาย แต่ถ้าหากได้จากลาสิ่งที่เรียกว่าความทรงจำจะเริ่มทำงาน ทำให้เราคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา แต่ไม่มีวันกลับไปยืนตรงนั้นได้อีกแล้ว ทำได้แค่โอบกอดความทรงจำที่เจ็บปวดนี้เอาไว้.. เพียงลำพัง ธีระที่กำลังต้อนรับแขกอยู่ละหน้าที่จากหน้างาน เขาเดินตรงไปยังปลายฟ้าพลางวางมือลงบนบ่าของเธอพร้อมกับลอบถอนหายใจเบาๆ “ปลายฟ้าไปกินข้าวก่อนเถอะ ตรงนี้พี่จัดการเอง” “หนูไม่หิว หนูอยากอยู่กับเฮียก่อน” “เดี๋ยวเป็นลมไปจะทำยังไง พี่กับพ่อเป็นห่วงเรานะ” เสียงของธีระไม่ได้เข้าหูเธอเลยสักนิด จนเขาต้องยอมถอยทัพปล่อยให้เธออยู่กับสิงหราชตามลำพัง ดวงตาคู่หม่นเหม่อมองภาพของสิงหราชแล้วระบายยิ้มเศร้า สาวเจ้าในชุดดำไว้อาลัยแด่คนที่จากไปก้มหน้าร้องไห้อีกครั้งเมื่อยังคงคิดถึงเขาเหลือเกิน มันเป็นวันเกิดของเธออีกแล้ว.. ปลายฟ้าก้มหน้าสะอื้นไห้จนตัวสั่นโยน กำปั้นเล็กทุบอกที่ปวดหน่วง ลำคอตีบตันราวกับมีก้อนเนื้อจุกจนพูดอะไรไม่ออก กระทั่งมีหญิงสาวปริศนาทิ้งตัวนั่งลงตรงหน้าเธอ ปลายฟ้าถึงได้เงยหน้าทั้งน้ำตาขึ้นมอง “เสียใจด้วยนะปลายฟ้า” พริมหญิงสาวที่เธอเคยเจอเมื่อนานมาแล้วคลี่รอยยิ้มบางๆ “คุณพริม” “เธอต้องเข้มแข็งไว้นะ..” ปลายฟ้าฝืนยิ้มออกมาทั้งน้ำตา ก่อนจะถูกคนตรงหน้าโผเข้ากอดเพื่อปลอบประโลมใจเจ้ากรรมที่เจ็บปวดเกินจะรับไหว เพราะพริมเองก็เสียเพื่อนร่วมงานและที่ปรึกษาที่ดีคนนึงไปเหมือนกัน หลังจากพระสวดอภิธรรมเสร็จและแขกในงานทยอยกลับจนหมด ปลายฟ้าก็กลับมาถึงบ้านในสภาพเหม่อลอย รวมถึงท่านเกษมที่ยังคงอยู่ในการดูแลอย่างใกล้ชิดจากธีระและเธียร ภายในบ้านเงียบเหงามากกว่าเก่าหลังไร้เงาของสิงหราช ปลายฟ้าเดินไปที่ห้องครัวเพื่อหยิบเค้กที่ซื้อเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวาน ก่อนจะเดินขึ้นห้องพร้อมเค้กด้วยสายตาไร้ชีวิตชีวา ผลจากการร้องไห้จนน้ำตาเหือดแห้งไม่มีให้ไหลแล้ว หญิงสาวในชุดเดรสสีดำที่ยังไม่ได้เปลี่ยนชุดหลังกลับจากงานศพวางเค้กบนโต๊ะทำงาน จัดการเคลียร์ของทุกอย่างไปไว้ด้านข้าง พลางระบายยิ้มเศร้าเมื่อแกะกล่องออกแล้วเห็นข้อความสุขสันต์วันเกิดบนหน้าเค้ก ปลายฟ้าจุดเทียนจนไฟสีส้มสว่างวาบสะท้อนในดวงตา ก่อนจะประกบมือเข้าหากันแล้วอธิฐานทั้งน้ำตา ทว่าวินาทีต่อมาเธอก็ลืมตาด้วยสายตาขุ่นมัว พลางยกมือขึ้นปาดน้ำตาแล้วเป่าเทียนจนดับโดยไร้คำซึ่งอธิฐานจากเจ้าตัว แด่สิงหราชผู้เป็นที่รักของทุกคน.. “จะขออะไร.. ในเมื่อขอไปเฮียก็ไม่กลับมา” น้ำเสียงอันสิ้นหวังของปลายฟ้าถูกส่งผ่านความรู้สึกคิดถึงคนไกลที่จากไปไม่หวนคืนมา เธอลุกขึ้นยืนพร้อมกับทิ้งตัวลงบนเตียงด้วยสภาพหมดอาลัยตายอยาก หลังจากนั้นภาพทุกอย่างก็ดับวูบไปภายในพริบตาเดียว จนกระทั่ง.. เสียงนาฬิกาที่หวีดร้องส่งผลให้คนบนเตียงสะดุ้งตื่นลุกขึ้นมานั่งในสภาพสะลืมสะลือ ปลายฟ้าถอดผ้าปิดตาออกแล้วหรี่ตาสู้แสงแดดในยามเช้า สภาพของปลายฟ้าในตอนนี้คือใบหน้าเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา เธออยู่ในห้องนอนของตัวเอง แต่สวมใส่ชุดนอนลายหมีตัวโปรดที่มักจะใส่เป็นประจำ “เฮียสิงห์..” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเป็นปม ก่อนจะรีบลุกพรวดลงจากเตียงหลังเหลือบมองนาฬิกาแล้วพบว่าอีกครึ่งชั่วโมงต้องเข้าคลาสช่วงเช้า และเพื่อความมั่นใจเธอคว้าโทรศัพท์มาเช็คปฏิทินดูว่าวันนี้ไม่ใช่วันเกิด แต่เป็นวันที่สิงหราชจะกลับมากินข้าวที่บ้านต่างหาก เธอฝันว่าสิงหราชตายในวันเกิดของเธอ.. ปลายฟ้ามองภาพสะท้อนของตัวเองในกระจก พลางยกมือขึ้นลูบหน้าลูบตาแล้วหยิกแขนตัวเองแรงๆ ทีนึงถึงได้รู้ว่าไม่ได้ฝันไป “ฝันเหรอ ทำไมมันเหมือนจริงขนาดนั้น” ริมฝีปากสีระเรื่อพึมพำอย่างครุ่นคิด เธอจดจำได้ทุกรายละเอียดของฝันเมื่อคืน แน่นอนว่ามันเหมือนจริงจนตื่นมาน้ำตาเธอยังไหลอยู่เลย แต่พอคิดไปคิดมาปลายฟ้าก็ปัดตกไป เพราะคิดว่าเป็นเพราะความเครียดจากการเรียนทำให้เธอฝันเป็นตุเป็นตะ ก่อนจะรีบทำกิจวัตรในตอนเช้าด้วยความรู้สึกหม่นๆ อย่างที่อธิบายไม่ถูก ปลายฟ้าวิ่งลงจากบันไดโดยที่ใบหน้าไม่ได้แต่งเติมเครื่องสำอางเพราะเวลาอันรีบเร่ง ก่อนสายตาจะปะทะเข้ากับธีระที่เดินออกมาจากครัวในสภาพเสื้อหลุดรุ่ยออกมานอกกางเกง ท่าทางของคนชอบสังสรรค์คงจะผ่านการดื่มหนักมาทั้งคืน “เฮียธีร์” “พี่นึกว่าเราไปเรียนแล้ว เดี๋ยวพี่ไปส่งมั้ย” “ไม่เป็นไรค่ะ หนูเรียกลุงวินไว้แล้ว” ธีระพยักหน้ารับ พลางซดเครื่องดื่มแก้แฮงก์หนักไปด้วย เหมือนกับความฝันที่ปลายฟ้าฝันถึงมันไม่ได้เกิดขึ้นจริง ทว่าภาพฝันเหล่านั้นมันยังติดตาเพราะเธอจำได้ว่าเห็นธีระอยู่ในงานศพ แล้วก็เป็นคนเฝ้าเธอจนออกจากโรงพยาบาล ลำดับภาพมันชัดเจนเกินไปจนปลายฟ้ายังติดอยู่ในภวังค์ความกลัว กลัวว่ามันจะเป็นความจริง “เมื่อคืนเฮียไปไหนมาเหรอ แล้วเฮียสิงห์..” “อ่า เมื่อคืนพี่ไปดื่มกับเพื่อนมา กลับมาเมื่อกี้เอง” เขาตอบกลับ “เรามีอะไรหรือเปล่า ทำไมทำหน้าแบบนั้น” “ไม่มีอะไรค่ะ เย็นนี้เฮียสิงห์จะกลับจากอเมริกาแล้วใช่มั้ยคะ” ปลายฟ้าถามอย่างระมัดระวัง “ใช่ เราโอเคใช่มั้ย หน้าดูไม่ค่อยดีเลยนะ” “หนูโอเคค่ะ” ปลายฟ้าพยักหน้ารับแล้วยิ้มแห้ง ก่อนจะค้อมศีรษะแล้วเดินออกมาจากบ้านด้วยสีหน้าคิดหนัก “แค่ฝันงั้นเหรอ.. กินเยอะเกินไปแน่เลยเราถึงได้ฝันประหลาดแบบนี้” เธอยกมือขึ้นลูบหน้าท้องแล้วส่ายหน้าอย่างไม่อยากจะคิดอะไรต่อ แต่หลังจากฟุ้งซ่านกับเรื่องความฝันอยู่นาน ปลายฟ้าก็ออกเดินทางโดยเรียกวินมอเตอร์ไซค์เจ้าประจำให้ไปส่ง และลุงวินก็ส่งเธอตั้งแต่ปีหนึ่งจวนจะขึ้นปีสองอยู่แล้ว เมื่อถึงรั้วมหาวิทยาลัยสองขาก็วิ่งตรงปรี่ไปที่คณะแพทย์ศาสตร์ รีบผลักประตูห้องเข้าไปแล้วนั่งประจำที่โดยมีเพื่อนสนิททั้งสองคนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว “เห้ย ปลาย” หญิงสาวสวมแว่นทรงกลมโบกมือทักทาย ถัดจากเธอเป็นสาวผมสั้นประบ่ากำลังหันมายิ้มให้เช่นกัน “โทษทีมาช้าไปหน่อย” “ไม่เป็นไร เอ้านี่ กำไลที่สั่งเราไว้อ่ะได้แล้ว” “ขอบคุณนะน้ำอิง” ปลายฟ้าระบายยิ้มกว้าง เมื่อน้ำอิงสาวแว่นส่งกำไลนำโชคที่เจ้าตัวสั่งไปเมื่ออาทิตย์ก่อนมาให้ “แล้วไปทำอะไรมา แกไม่น่าจะตื่นสายจนวิ่งหอบมาเข้าเรียนแบบนี้นะ” เจ้าขาสาวผมประบ่าชะโงกหน้าถาม “นั่นดิ ไปทำอะไรมา ตื่นสายเหรอ” น้ำอิงสมทบด้วยอีกแรง “อืม มัวแต่ฝันอะไรก็ไม่รู้ก็เลยตื่นสาย” ปลายฟ้ายิ้มแหย เป็นจังหวะเดียวกันกับที่อาจารย์เดินเข้ามาในห้องพอดี วันนี้ทั้งวันเรื่องฝันของเมื่อคืนแทบจะทำให้ปลายฟ้าไม่มีกระจิตกระใจทำอะไร พอหลังจากเลิกเรียนเสร็จเธอก็รีบตรงกลับบ้าน เพราะอยากจะเจอหน้าสิงหราชให้ใจมันชื้นขึ้นมา ว่าเขาสบายดีตามที่ส่งข้อความมาบอกเมื่อสามชั่วโมงก่อนจริงๆ ปลายฟ้ากำลังจะเดินเข้าบ้านแล้วสวนกับเธียรที่เดินออกมาพอดี เธอจึงยกมือขึ้นพนมไหว้ก่อนที่ภาพบางอย่างจะแทรกเข้ามาในโสตประสาท ทำเอาเธอถึงกับหุบยิ้มลงทันที คลับคล้ายคลับคลาเหลือเกินว่ามันเคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้ว.. “สวัสดีครับคุณหมอ” เธียรขยิบตาใส่ ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยืนนิ่งไปชั่วขณะ “หรือไม่ชอบที่พี่เรียกหมอ ต้องเรียกนักศึกษาแพทย์หรือเปล่า” “อ่อ บอกหลายรอบแล้วว่ายังไม่ได้เป็นหมอ..” “ว่าที่คุณหมอก็ได้ครับ” “ก็ยังห่างไกลอยู่ดีนั่นแหละพี่เธียร” ปลายฟ้าส่ายหน้าปฏิเสธแล้วยิ้มเจื่อน “ยังไม่เคยรักษาคนจริงๆ ด้วยซ้ำ มีแต่ผ่ากบค่ะ ให้หนูจินตนาการว่าพี่เป็นกบแล้วลองผ่าดูดีมั้ยคะ” “ไปหาสาวให้ส่องกบดีกว่าว่ะครับ” สิ้นประโยคนั้นเธียรก็เสยผมแล้วยกมือขึ้นถูปลายจมูก เขากระแอมไอแล้วเหลือบสายตาขึ้นมองปลายฟ้าที่ทำหน้านิ่งเหมือนกำลังช็อคอะไรสักอย่างอยู่ “ใช้กบบ่อยแบบนี้ ดินสอผมจะแหลมมั้ยครับคุณหมอ” “เหอะ ใช้งานหนักหัวมันจะทู่ อุบ” “ไอ้เด็กแสบ” มือหนายีหัวคนตัวเล็กที่ยกมือขึ้นปิดปากอย่างนึกเอ็นดู หลายอย่างมันคุ้นหูจนปลายฟ้าไม่กล้าพูดอะไรต่อ ได้แต่เหลียวหลังมองเธียรเดินออกไปด้วยท่าทางอารมณ์ดี และทันทีที่รถของเธียรขับออกจากรั้วบ้านราพณาไป รถหรูของสิงหราชก็ขับเข้ามา ส่งผลให้ปลายฟ้าที่เศร้าซึมมาทั้งวันยิ้มกว้างจนเนื้อเต้น สายตาเป็นประกายด้วยความดีใจเมื่อเห็นชายร่างสูงเจ้าของใบหน้าคมคายเดินลงจากรถมา “เฮียสิงห์” ทันทีที่เขาลงจากรถเธอก็พุ่งกระโจนเข้าไปสวมกอดจนแทบจมอก สิงหราชส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนจะจับศีรษะคนที่พุ่งเข้ามากอดออก “จะกอดผู้ชายสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้นะปลายฟ้า” “หนูไม่ได้ไปกอดผู้ชายที่ไหนนี่คะ กอดแค่เฮีย..” “ก็ดีแล้ว” สิงหราชยกยิ้มมุมปากคล้ายว่าพอใจคำตอบ “เรียนหนักมั้ย” สิ้นประโยคคำถามปลายฟ้าก็ถึงกับหุบยิ้มลง ก่อนผละออกสองสามก้าว ทำเอาสิงหราชงุนงงกับการกระทำของอีกฝ่ายไม่น้อย ภาพการตายของสิงหราชยังฉายชัดในความทรงจำ และความเสียใจของเธอในความฝันก็เหมือนจริงจนน่าใจหาย เธอใช้สายตาสำรวจสิงหราชตั้งแต่หัวจรดเท้า ฉับพลันหน่วยน้ำตาก็เอ่อคลอขึ้นมาเมื่อปลายนิ้วเรียวสัมผัสผิวอุ่นของคนตรงหน้า เพื่อบ่งบอกว่าทุกอย่างไม่ใช่ความฝัน และคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอนั้นก็คือสิงหราชตัวจริง “เธอร้องไห้เหรอ” สิงหราชตกใจไม่น้อยที่เห็นน้ำตาเม็ดใสร่วงเผาะลงบนใบหน้าขาว “เฮีย.. เฮียจริงด้วย” “แล้วเธอคิดว่าใครที่ไหน” “เฮียสิงห์” ยังไม่ทันจะพูดอะไรไปมากกว่านี้ ปลายฟ้าก็เบะริมฝีปากปล่อยโฮราวกับว่าถูกสิงหราชรังแก เธอยืนเงยหน้าร้องไห้เหมือนเด็กสามขวบที่เพิ่งจะพบว่าเรื่องราวความฝันเมื่อคืนยังติดอยู่ในห้วงอารมณ์ แต่ก็โล่งอกในคราเดียวกันที่มันเป็นเพียงแค่ฝันไป “เธอจะร้องไห้ทำไม ไม่มีใครตายสักหน่อย” สิงหราชพยายามปรามคนร้องไห้ เพราะเขาก็ไม่รู้จะปลอบใจเธอยังไงดี “รู้มั้ยว่าเมื่อคืนหนูฝันว่าอะไร” ปลายฟ้าพูดไปก็สะอื้นไปด้วย “ฝันเหรอ” สิงหราชมุ่นคิ้ว “ฝันว่าอะไร” “หนูฝันว่าเฮีย.. ตาย” “ฝันว่าฉันตาย ก็เลยมายืนร้องไห้ทั้งที่ฉันยังไม่ตายเนี่ยนะ” “แต่ฝันมันเหมือนจริงนี่..” ปลายฟ้ายกมือขึ้นปัดป่ายแก้มซ้ายขวา พลางสูดน้ำมูกแล้วสะอึกสะอื้นไปพร้อมกัน สิงหราชที่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าลอบถอนหายใจ ก่อนจะตัดสินใจดึงคนสูงเท่าอกเข้ามากอด จนใบหน้าขาวฝังเข้าที่อกแกร่ง สองแขนก็รีบกอดรัดเขาราวกับโหยหาทันที “เฮียห้ามตายนะคะ” ปลายฟ้ากระชับอ้อมกอด ก่อนเงยหน้าเอาคางเกยอก “ฉันไม่ตายง่ายๆ หรอก” “หนูไม่ยอมให้เฮียตายแน่นอน” “ถ้าถึงเวลาจะห้ามได้หรอไง เธอหยุดความตายไม่ได้หรอกปลายฟ้า” สิงหราชเอ่ยเสียงเรียบ ทำเอาปลายฟ้าถึงกับยกกำปั้นทุบอกเขาทีนึง แก้มขาวแดงระเรื่อน่าเอ็นดูจนสิงหราชเผลอตัวบีบแก้มเธอด้วยความมันเขี้ยว ก่อนที่จะเช็ดน้ำตาให้เธออย่างเบามือโดยไม่พูดอะไร สิ่งเดียวที่เราไม่มีทางหนีพ้นก็คือความตาย สักวันหนึ่งความตายก็จะเดินทางมาหาเขาอยู่ดี “หนูไม่ยอมให้เฮียตายหรอก..” สิงหราชยกยิ้มมุมปาก แต่สายตาและใบหน้ายังคงเรียบเฉยเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน “หนูจะทำทุกอย่างนั่นแหละ เพื่อไม่ให้เฮียตาย.. ไม่ยอมให้ตายแน่นอน”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD