ทั้งสามคนจึงจำใจเดินออกมาจากห้องไม่อยากเซ้าซี้ถามภาคินอีก ปล่อยให้อยู่คนเดียวไปก่อน เพราะสภาพจิตใจของภาคินตอนนี้ค่อนข้างจะเปราะบาง ส่วนมินก็อดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าระหว่างพี่ชายตัวเองกับกิ่งมันเกิดอะไรขึ้นกับทั้งคู่กันแน่
พอมินออกมาจากห้องแล้ว ก็หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าถือโทรหามะลิทันที เพื่อบอกอาการของพี่ชายตัวเองให้มะลิรับรู้ พอมะลิรับสายมินก็เล่าอาการป่วยของภาคินให้มะลิฟังพร้อมกับเรื่องการถอนหมั้นของภาคินที่ยังไม่ได้คุยกันเป็นเรื่องเป็นราวของทั้งสองฝ่าย
"ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพี่คินจะเดินไม่ได้อีก" มะลิพูดออกมาด้วยความเห็นใจ
"แต่ฉันก็หวังนะ ว่าพี่คินจะกลับมาเดินได้อีก" มินพูดออกไปอย่างมีความหวัง
"ฉันเอาใจช่วยเธอนะ หวังว่าคงจะมีปฏิหาริย์เกิดขึ้นกับพี่คิน"
"ขอบใจนะมะลิ ที่ให้กำลังใจกันเสมอ"
เธอกับมะลิเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก เพราะตอนเด็กๆ เธอตามพ่อกับแม่และพี่ชายไปที่สวนส้มตลอด จึงได้เจอกับมะลิที่อยู่ไร่เจริญกิจซึ่งอยู่ติดกันกับสวนส้มทำให้ทั้งคู่สนิทกันตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา
"จ้ะ เป็นเพื่อนกันก็ต้องให้กำลังใจสิ"
"ส่วนเหตุผลที่พี่คินถอนหมั้นฉันว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่ๆ" มินเอ่ยขึ้น
"ทำไมเธอถึงคิดอย่างนั้นล่ะ"
"ก็เท่าที่ฉันสังเกตพี่กิ่งทำตัวแปลกๆไม่เหมือนเดิม ฉันก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน" มินถอนหายใจแรงๆ
"ฉันว่าเดี๋ยวก็คงคืนดีกันเองแหละ พี่คินเขารักพี่กิ่งมากใครๆก็รู้" มะลิพูดปลอบใจมิน
"ขอให้เป็นอย่างที่เธอว่าก็แล้วกัน ฉันไม่กวนแล้วแค่นี้ก่อนนะ" มินเอ่ยขึ้น
"จ้ะ " มะลิรับคำสั้นๆ
หลังจากที่วางสายจากมิน มะลิก็อดเป็นห่วงภาคินไม่ได้ ตอนนี้สภาพจิตใจคงจะแย่มากที่ต้องกลายเป็นอัมพาตเดินไม่ได้ แถมยังมามีปัญหากับคู่หมั้นของตัวเองอีก
"อ้าว มะลิมานั่งอยู่ตรงนี้เอง พี่เดินหาตั้งนาน"
"มีอะไรหรือเปล่าคะ พี่ต้น" หันไปมองหมอหนุ่มที่เดินเข้ามายืนตรงหน้าเธอ
"พี่แค่จะชวนไปทานข้าวเที่ยงด้วยกัน"
"เที่ยงแล้วเหรอคะ" ลุกขึ้นยืน
"ใช่เที่ยงแล้วไปกันเถอะ" เดินนำหน้ามะลิออกไป
"ค่ะ" รับคำแล้วเดินตามหลังหมอหนุ่มไป
ทั้งคู่พากันเดินไปยังโรงอาหารของโรงพยาบาล หลังจากที่ชื้อกับข้าวเสร็จแล้วก็ไปนั่งที่โต๊ะมุมหนึ่งของโรงอาหาร มะลิเอาแต่นั่งเหม่อเขี่ยข้าวในจานไปมา
"มะลิเป็นอะไรหรือเปล่าทำไมไม่ทานล่ะ" หมอต้นถามขึ้น
"เปล่าค่ะ มะลิไม่ได้เป็นอะไร" รีบตักข้าวเข้าปาก
"มีเรื่องอะไรไม่สบายใจก็บอกพี่ได้นะ ไม่ต้องเกรงใจ"
"ขอบคุณค่ะ มะลิแค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้นเอง" เธออดที่จะคิดเรื่องของภาคินไม่ได้ ป่านนี้ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง
"ไม่มีอะไรก็ดีแล้วล่ะ" ก้มหน้าทานข้าวต่อ
หลังจากที่ทั้งคู่ทานข้าวเสร็จก็แยกย้ายกันไปทำงานของตัวเอง มะลิแยกตรงไปยังแผนกผู้ป่วยหญิง ส่วนหมอต้นแยกไปยังห้องตรวจโรคทั่วไปของตัวเอง ทั้งคู่เพิ่งจะสนิทและรู้จักกันก็ตอนที่มะลิได้มาบรรจุที่โรงพยาบาลประจำอำเภอนี้ และเพราะส่วนมากมะลิจะตามไปตรวจคนไข้กับหมอต้นอยู่เป็นประจำ ถ้าหากหมอมาตรวจคนไข้ที่แผนกผู้ป่วยหญิง
ด้านกิ่งหลังจากที่ออกมาจากโรงพยาบาลตรงไปยังโรงแรมของตัวเอง แล้วขึ้นไปยังห้องทำงานกำลังนั่งทำงานไปเงียบๆ กายก็เดินเข้ามาในห้องเธอ
"ว่าไงที่รักของผม" เดินเข้าไปยืนตรงหน้าโต๊ะทำงานของกิ่ง
"คุณจะเข้ามาทำไมไม่เคาะประตูก่อนคะ" ถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
"คุณจะมาเคร่งครัดอะไรตอนนี้เราเป็นแฟนกันแล้วนะ อีกอย่างเลขาคุณก็ไม่อยู่ไปไหนก็ไม่รู้"
"ช่างเถอะ คุณมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ"
"ผมจะมาถามว่าภาคินเป็นยังไงบ้าง คุณจะหงุดหงิดทำไม"
"เขาฟื้นแล้วค่ะ แต่ว่าเป็นอัมพาตเดินไม่ได้"
"จริงเหรอ" พูดออกไปด้วยความตกใจ
"ค่ะ คิดไปคิดมาฉันก็มีส่วนที่ทำให้เขาต้องเป็นแบบนี้เหมือนกัน"
"มันเป็นอุบัติเหตุคุณอย่าคิดมากเลย แล้วอีกอย่างคุณคงไม่อยากจะอยู่กับคนพิการใช่ไหม" กายจ้องหน้ากิ่ง
"ฉันรู้ค่ะ แต่มันก็อดที่จะคิดไม่ได้หรอก" จะให้เธอไม่รู้สึกอะไรเลยมันก็ทำไม่ได้เพราะเธอกับภาคินก็รักกันมานาน
"ผมเข้าใจนะ แล้วเรื่องถอนหมั้นล่ะ คุณจะเอายังไง"
"พี่คินจะบอกทุกคนเองค่ะ ว่าเขาขอถอนหมั้นกิ่งเอง ไม่ใช่กิ่งเป็นฝ่ายขอถอนหมั้นเขา"
"ก็ดีคงจะรู้ตัวสินะ ว่าคงไม่มีใครอยากอยู่กับคนที่ช่วยเหลือตัวเองยังไม่ได้ แล้วจะมาดูแลคนอื่นได้ยังไง"
"คุณมีธุระกับฉันแค่นี้ใช่ไหมคะ"
"เปล่าผมจะชวนคุณไปปาร์ตี้วันเกิดเพื่อนผมคืนนี้"
"คุณไปเถอะค่ะ พรุ่งนี้เช้ามีประชุมฉันกลัวจะตื่นไม่ไหว"
"ก็ได้ผมเข้าใจ ถ้างั้นผมกลับไปทำงานก่อนนะ" ยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มกิ่งหนึ่งทีแล้วเดินออกจากห้องไป
ติ๊ดๆ เสียงโทรศัพท์กิ่งดังขึ้น พอเธอเห็นชื่อโชว์ขึ้นหน้าจอก็แอบตกใจเล็กน้อย แต่ก็กดรับสายทันที
"ฮัลโหลค่ะ น้องมิน"
"พี่คินเป็นฝ่ายขอถอนหมั้นพี่กิ่งจริงๆเหรอคะ" เปิดประเด็นขึ้นทันที
"เอ่อคือ พี่คินเขาเป็นฝ่ายขอถอนหมั้นพี่เองจ้ะ" พูดออกมาไม่เต็มปาก
"พี่กิ่งแน่ใจนะคะ ว่าไม่ได้เป็นฝ่ายขอถอนหมั้นพี่คิน"
"แน่ใจสิจ้ะ เราสองคนรักกันมากน้องมินก็รู้"
"แล้วเพราะอะไรคะ พี่คินถึงขอถอนหมั้นพี่"
"พี่คินบอกว่าอย่าเอาชีวิตของพี่ไปฝากกับคนพิการช่วยเหลือตัวเองไม่ได้อย่างเขาเลย พี่คินไม่อยากจะเป็นภาระให้พี่"
"แล้วพี่กิ่งก็ยอมเหรอคะ"
"ตอนแรกพี่ก็ไม่ยอมหรอก แต่พี่คินเขาไล่พี่เหมือนไม่รักกันเลย มินจะให้พี่ทำยังไงได้ล่ะ"
"พี่กิ่งก็รู้ว่าตอนนี้พี่คินเขาอ่อนแอทั้งจิตใจและร่างกาย พี่ควรจะดูแลเอาใจใส่เขาให้มากๆ"
"พี่รู้ เอาเป็นว่าพี่จะไปเยี่ยมบ่อยๆ ก็แล้วกัน"
"มินลูกมาช่วยแม่หน่อย" เสียงอัมพรเรียกมินอยู่ทางด้านหลัง
"งั้นแค่นี้ก่อนนะคะ ไว้เจอกันค่ะ" รีบวางสายทันที
"จ้ะ" กิ่งรับคำพร้อมกับถอนหายใจแรงๆ
"มีอะไรคะ แม่"
"ลูกไปช่วยพูดกับคินหน่อย แม่ไม่รู้จะพูดยังไงแล้วให้พี่เขายอมทานข้าว"
"ค่ะ" มินรีบเดินเข้าไปข้างในห้องทันที มองพี่ชายที่นอนหันหลังอยู่บนเตียง พอเดินเข้าไปยืนอยู่ข้างเตียงก็ยื่นมือไปจับไหล่ภาคินเพื่อพูดคุยกัน
"พี่คินทำไมไม่ยอมทานข้าวล่ะคะ"
"พี่ไม่หิวเอาไปเก็บเถอะ"
"พี่อย่าทำแบบนี้เลยนะคะ มินขอร้องล่ะทานสักคำสองคำก็ยังดี"
"มินยังจะหวังให้พี่กลับมาเดินได้อีกเหรอ ขนาดจะเข้าห้องน้ำยังต้องนั่งรถเข็นเลย ให้พี่ตายไปเถอะ พี่ไม่อยากอยู่แล้ว"
"หวังสิคะ ตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่มินยังไม่หมดหวังหรอกค่ะ พี่ก็เหมือนกันอย่าเพิ่งหมดหวังเลยเพื่อตัวเอง"
"พี่อยากตาย" น้ำไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง
"มินรักพี่นะคะ อย่าพูดแบบนี้สิ ถ้าพี่ตายไปมินกับพ่อแม่จะอยู่กับใคร" นั่งลงบนเตียงขยับเข้าไปสวมกอดภาคินไว้แน่นพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้แต่ก็กลั้นไม่อยู่
อัมพรได้แต่ยืนมองสองพี่น้องกอดปลอบกันอยู่บนเตียงทั้งน้ำตา สุวัตรเดินเข้ามาพอดีอัมพรจึงเดินเข้าไปสวมกอดสามีตัวเอง สุวัตรมองภาพตรงหน้าน้ำตาคลอเบ้า
หลังจากที่ภาคินสงบสติอารมณ์ได้แล้วก็ยอมทานข้าวแต่โดยดี พอทานข้าวเสร็จพยาบาลก็ช่วยกันพาตัวภาคินลงจากเตียงนั่งลงบนวีลแชร์ เพื่อไปสูดอากาศที่สวนหย่อมหลังโรงพยาบาลเผื่อภาคินจะรู้สึกผ่อนคลายขึ้นบ้าง โดยมีมินตามไปด้วย
"เป็นไงค่ะ รู้สึกดีขึ้นบ้างไหม" มินยื่นมือไปจับมือภาคินไว้
"พี่อยากจะกลับบ้านเร็วๆ"
"อีกไม่กี่วันก็ได้กลับแล้วค่ะ เดี๋ยวมินจะจ้างพยาบาลพิเศษไปอยู่บ้านเรา จะได้ทำกายภาพกับคอยช่วยเหลือดูแลพี่ด้วย"
"พี่ขอไปอยู่บ้านหลังเล็กนะ"
"ทำไมล่ะคะ"
"พี่ต้องนั่งวีลแชร์อยู่บ้านหลังเล็กสะดวกกว่า"
"ก็ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นมินจะชื้อวีลแชร์ไฟฟ้าให้พี่ด้วยดีกว่าจะได้สะดวกมากขึ้น"
"พี่ว่าไม่ต้องจ้างพยาบาลมาหรอก"
"ทำไมล่ะคะ พี่ต้องทำกายภาพบำบัดทุกวันนะคะ"
"ทำไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก ยังไงพี่ก็เดินไม่ได้อยู่ดี"
"มินบอกพี่แล้วใช่ไหมคะ ว่าอย่าเพิ่งหมดหวังถ้ายังมีลมหายใจอยู่ เชื่อมินนะคะ"
"พี่ขอนั่งเงียบๆ สักพักนะ" ภาคินนั่งเหม่อลอยมองไปข้างหน้าอย่างเลื่อนลอย อดที่จะคิดถึงกิ่งคนที่เขารักมากที่สุดไม่ได้ ไม่คิดเลยว่าจะมีวันนี้ วันที่เธอหมดรักเขาแล้ว ยิ่งเขามีสภาพอย่างนี้ใครจะอยากเข้าใกล้ น้ำตาเอ่อไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง