บทที่4 สิ้นหวัง

1719 Words
ทั้งสามคนจึงจำใจเดินออกมาจากห้องไม่อยากเซ้าซี้ถามภาคินอีก ปล่อยให้อยู่คนเดียวไปก่อน เพราะสภาพจิตใจของภาคินตอนนี้ค่อนข้างจะเปราะบาง ส่วนมินก็อดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าระหว่างพี่ชายตัวเองกับกิ่งมันเกิดอะไรขึ้นกับทั้งคู่กันแน่ พอมินออกมาจากห้องแล้ว ก็หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าถือโทรหามะลิทันที เพื่อบอกอาการของพี่ชายตัวเองให้มะลิรับรู้ พอมะลิรับสายมินก็เล่าอาการป่วยของภาคินให้มะลิฟังพร้อมกับเรื่องการถอนหมั้นของภาคินที่ยังไม่ได้คุยกันเป็นเรื่องเป็นราวของทั้งสองฝ่าย "ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพี่คินจะเดินไม่ได้อีก" มะลิพูดออกมาด้วยความเห็นใจ "แต่ฉันก็หวังนะ ว่าพี่คินจะกลับมาเดินได้อีก" มินพูดออกไปอย่างมีความหวัง "ฉันเอาใจช่วยเธอนะ หวังว่าคงจะมีปฏิหาริย์เกิดขึ้นกับพี่คิน" "ขอบใจนะมะลิ ที่ให้กำลังใจกันเสมอ"  เธอกับมะลิเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก เพราะตอนเด็กๆ เธอตามพ่อกับแม่และพี่ชายไปที่สวนส้มตลอด จึงได้เจอกับมะลิที่อยู่ไร่เจริญกิจซึ่งอยู่ติดกันกับสวนส้มทำให้ทั้งคู่สนิทกันตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา "จ้ะ เป็นเพื่อนกันก็ต้องให้กำลังใจสิ" "ส่วนเหตุผลที่พี่คินถอนหมั้นฉันว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่ๆ" มินเอ่ยขึ้น "ทำไมเธอถึงคิดอย่างนั้นล่ะ"  "ก็เท่าที่ฉันสังเกตพี่กิ่งทำตัวแปลกๆไม่เหมือนเดิม ฉันก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน" มินถอนหายใจแรงๆ "ฉันว่าเดี๋ยวก็คงคืนดีกันเองแหละ พี่คินเขารักพี่กิ่งมากใครๆก็รู้" มะลิพูดปลอบใจมิน "ขอให้เป็นอย่างที่เธอว่าก็แล้วกัน ฉันไม่กวนแล้วแค่นี้ก่อนนะ" มินเอ่ยขึ้น "จ้ะ " มะลิรับคำสั้นๆ หลังจากที่วางสายจากมิน มะลิก็อดเป็นห่วงภาคินไม่ได้ ตอนนี้สภาพจิตใจคงจะแย่มากที่ต้องกลายเป็นอัมพาตเดินไม่ได้ แถมยังมามีปัญหากับคู่หมั้นของตัวเองอีก  "อ้าว มะลิมานั่งอยู่ตรงนี้เอง พี่เดินหาตั้งนาน"  "มีอะไรหรือเปล่าคะ พี่ต้น" หันไปมองหมอหนุ่มที่เดินเข้ามายืนตรงหน้าเธอ "พี่แค่จะชวนไปทานข้าวเที่ยงด้วยกัน"  "เที่ยงแล้วเหรอคะ" ลุกขึ้นยืน  "ใช่เที่ยงแล้วไปกันเถอะ" เดินนำหน้ามะลิออกไป "ค่ะ" รับคำแล้วเดินตามหลังหมอหนุ่มไป ทั้งคู่พากันเดินไปยังโรงอาหารของโรงพยาบาล หลังจากที่ชื้อกับข้าวเสร็จแล้วก็ไปนั่งที่โต๊ะมุมหนึ่งของโรงอาหาร มะลิเอาแต่นั่งเหม่อเขี่ยข้าวในจานไปมา "มะลิเป็นอะไรหรือเปล่าทำไมไม่ทานล่ะ" หมอต้นถามขึ้น "เปล่าค่ะ มะลิไม่ได้เป็นอะไร" รีบตักข้าวเข้าปาก "มีเรื่องอะไรไม่สบายใจก็บอกพี่ได้นะ ไม่ต้องเกรงใจ" "ขอบคุณค่ะ มะลิแค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้นเอง" เธออดที่จะคิดเรื่องของภาคินไม่ได้ ป่านนี้ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง "ไม่มีอะไรก็ดีแล้วล่ะ" ก้มหน้าทานข้าวต่อ หลังจากที่ทั้งคู่ทานข้าวเสร็จก็แยกย้ายกันไปทำงานของตัวเอง มะลิแยกตรงไปยังแผนกผู้ป่วยหญิง ส่วนหมอต้นแยกไปยังห้องตรวจโรคทั่วไปของตัวเอง ทั้งคู่เพิ่งจะสนิทและรู้จักกันก็ตอนที่มะลิได้มาบรรจุที่โรงพยาบาลประจำอำเภอนี้ และเพราะส่วนมากมะลิจะตามไปตรวจคนไข้กับหมอต้นอยู่เป็นประจำ ถ้าหากหมอมาตรวจคนไข้ที่แผนกผู้ป่วยหญิง ด้านกิ่งหลังจากที่ออกมาจากโรงพยาบาลตรงไปยังโรงแรมของตัวเอง แล้วขึ้นไปยังห้องทำงานกำลังนั่งทำงานไปเงียบๆ กายก็เดินเข้ามาในห้องเธอ "ว่าไงที่รักของผม" เดินเข้าไปยืนตรงหน้าโต๊ะทำงานของกิ่ง "คุณจะเข้ามาทำไมไม่เคาะประตูก่อนคะ" ถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ "คุณจะมาเคร่งครัดอะไรตอนนี้เราเป็นแฟนกันแล้วนะ อีกอย่างเลขาคุณก็ไม่อยู่ไปไหนก็ไม่รู้"  "ช่างเถอะ คุณมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ"  "ผมจะมาถามว่าภาคินเป็นยังไงบ้าง คุณจะหงุดหงิดทำไม"  "เขาฟื้นแล้วค่ะ แต่ว่าเป็นอัมพาตเดินไม่ได้" "จริงเหรอ" พูดออกไปด้วยความตกใจ "ค่ะ คิดไปคิดมาฉันก็มีส่วนที่ทำให้เขาต้องเป็นแบบนี้เหมือนกัน"   "มันเป็นอุบัติเหตุคุณอย่าคิดมากเลย แล้วอีกอย่างคุณคงไม่อยากจะอยู่กับคนพิการใช่ไหม" กายจ้องหน้ากิ่ง "ฉันรู้ค่ะ แต่มันก็อดที่จะคิดไม่ได้หรอก" จะให้เธอไม่รู้สึกอะไรเลยมันก็ทำไม่ได้เพราะเธอกับภาคินก็รักกันมานาน "ผมเข้าใจนะ แล้วเรื่องถอนหมั้นล่ะ คุณจะเอายังไง"  "พี่คินจะบอกทุกคนเองค่ะ ว่าเขาขอถอนหมั้นกิ่งเอง ไม่ใช่กิ่งเป็นฝ่ายขอถอนหมั้นเขา"  "ก็ดีคงจะรู้ตัวสินะ ว่าคงไม่มีใครอยากอยู่กับคนที่ช่วยเหลือตัวเองยังไม่ได้ แล้วจะมาดูแลคนอื่นได้ยังไง"  "คุณมีธุระกับฉันแค่นี้ใช่ไหมคะ"  "เปล่าผมจะชวนคุณไปปาร์ตี้วันเกิดเพื่อนผมคืนนี้"  "คุณไปเถอะค่ะ พรุ่งนี้เช้ามีประชุมฉันกลัวจะตื่นไม่ไหว"  "ก็ได้ผมเข้าใจ ถ้างั้นผมกลับไปทำงานก่อนนะ" ยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มกิ่งหนึ่งทีแล้วเดินออกจากห้องไป ติ๊ดๆ เสียงโทรศัพท์กิ่งดังขึ้น พอเธอเห็นชื่อโชว์ขึ้นหน้าจอก็แอบตกใจเล็กน้อย แต่ก็กดรับสายทันที "ฮัลโหลค่ะ น้องมิน"  "พี่คินเป็นฝ่ายขอถอนหมั้นพี่กิ่งจริงๆเหรอคะ" เปิดประเด็นขึ้นทันที "เอ่อคือ พี่คินเขาเป็นฝ่ายขอถอนหมั้นพี่เองจ้ะ" พูดออกมาไม่เต็มปาก "พี่กิ่งแน่ใจนะคะ ว่าไม่ได้เป็นฝ่ายขอถอนหมั้นพี่คิน" "แน่ใจสิจ้ะ เราสองคนรักกันมากน้องมินก็รู้"  "แล้วเพราะอะไรคะ พี่คินถึงขอถอนหมั้นพี่"  "พี่คินบอกว่าอย่าเอาชีวิตของพี่ไปฝากกับคนพิการช่วยเหลือตัวเองไม่ได้อย่างเขาเลย พี่คินไม่อยากจะเป็นภาระให้พี่"  "แล้วพี่กิ่งก็ยอมเหรอคะ"  "ตอนแรกพี่ก็ไม่ยอมหรอก แต่พี่คินเขาไล่พี่เหมือนไม่รักกันเลย มินจะให้พี่ทำยังไงได้ล่ะ" "พี่กิ่งก็รู้ว่าตอนนี้พี่คินเขาอ่อนแอทั้งจิตใจและร่างกาย พี่ควรจะดูแลเอาใจใส่เขาให้มากๆ" "พี่รู้ เอาเป็นว่าพี่จะไปเยี่ยมบ่อยๆ ก็แล้วกัน"  "มินลูกมาช่วยแม่หน่อย" เสียงอัมพรเรียกมินอยู่ทางด้านหลัง "งั้นแค่นี้ก่อนนะคะ ไว้เจอกันค่ะ" รีบวางสายทันที "จ้ะ" กิ่งรับคำพร้อมกับถอนหายใจแรงๆ "มีอะไรคะ แม่" "ลูกไปช่วยพูดกับคินหน่อย แม่ไม่รู้จะพูดยังไงแล้วให้พี่เขายอมทานข้าว"  "ค่ะ" มินรีบเดินเข้าไปข้างในห้องทันที มองพี่ชายที่นอนหันหลังอยู่บนเตียง พอเดินเข้าไปยืนอยู่ข้างเตียงก็ยื่นมือไปจับไหล่ภาคินเพื่อพูดคุยกัน "พี่คินทำไมไม่ยอมทานข้าวล่ะคะ" "พี่ไม่หิวเอาไปเก็บเถอะ"  "พี่อย่าทำแบบนี้เลยนะคะ มินขอร้องล่ะทานสักคำสองคำก็ยังดี" "มินยังจะหวังให้พี่กลับมาเดินได้อีกเหรอ ขนาดจะเข้าห้องน้ำยังต้องนั่งรถเข็นเลย ให้พี่ตายไปเถอะ พี่ไม่อยากอยู่แล้ว" "หวังสิคะ ตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่มินยังไม่หมดหวังหรอกค่ะ พี่ก็เหมือนกันอย่าเพิ่งหมดหวังเลยเพื่อตัวเอง" "พี่อยากตาย" น้ำไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง "มินรักพี่นะคะ อย่าพูดแบบนี้สิ ถ้าพี่ตายไปมินกับพ่อแม่จะอยู่กับใคร" นั่งลงบนเตียงขยับเข้าไปสวมกอดภาคินไว้แน่นพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้แต่ก็กลั้นไม่อยู่ อัมพรได้แต่ยืนมองสองพี่น้องกอดปลอบกันอยู่บนเตียงทั้งน้ำตา สุวัตรเดินเข้ามาพอดีอัมพรจึงเดินเข้าไปสวมกอดสามีตัวเอง สุวัตรมองภาพตรงหน้าน้ำตาคลอเบ้า  หลังจากที่ภาคินสงบสติอารมณ์ได้แล้วก็ยอมทานข้าวแต่โดยดี พอทานข้าวเสร็จพยาบาลก็ช่วยกันพาตัวภาคินลงจากเตียงนั่งลงบนวีลแชร์ เพื่อไปสูดอากาศที่สวนหย่อมหลังโรงพยาบาลเผื่อภาคินจะรู้สึกผ่อนคลายขึ้นบ้าง โดยมีมินตามไปด้วย  "เป็นไงค่ะ รู้สึกดีขึ้นบ้างไหม" มินยื่นมือไปจับมือภาคินไว้ "พี่อยากจะกลับบ้านเร็วๆ" "อีกไม่กี่วันก็ได้กลับแล้วค่ะ เดี๋ยวมินจะจ้างพยาบาลพิเศษไปอยู่บ้านเรา จะได้ทำกายภาพกับคอยช่วยเหลือดูแลพี่ด้วย"  "พี่ขอไปอยู่บ้านหลังเล็กนะ"  "ทำไมล่ะคะ" "พี่ต้องนั่งวีลแชร์อยู่บ้านหลังเล็กสะดวกกว่า"  "ก็ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นมินจะชื้อวีลแชร์ไฟฟ้าให้พี่ด้วยดีกว่าจะได้สะดวกมากขึ้น"  "พี่ว่าไม่ต้องจ้างพยาบาลมาหรอก" "ทำไมล่ะคะ พี่ต้องทำกายภาพบำบัดทุกวันนะคะ" "ทำไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก ยังไงพี่ก็เดินไม่ได้อยู่ดี"  "มินบอกพี่แล้วใช่ไหมคะ ว่าอย่าเพิ่งหมดหวังถ้ายังมีลมหายใจอยู่ เชื่อมินนะคะ"  "พี่ขอนั่งเงียบๆ สักพักนะ" ภาคินนั่งเหม่อลอยมองไปข้างหน้าอย่างเลื่อนลอย อดที่จะคิดถึงกิ่งคนที่เขารักมากที่สุดไม่ได้ ไม่คิดเลยว่าจะมีวันนี้ วันที่เธอหมดรักเขาแล้ว ยิ่งเขามีสภาพอย่างนี้ใครจะอยากเข้าใกล้ น้ำตาเอ่อไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD