บทที่5 ตัดขาด

2000 Words
วันต่อมา พยาบาลกำลังทำกายภาพให้ภาคินที่นอนอยู่บนเตียง ด้วยการนวดบริหารกล้ามเนื้อขาและเท้าโดยมีมินนั่งมองอยู่ใกล้ๆ สักพักก็มีเจ้าหน้าที่เอาอาหารเช้ามาส่งให้ถึงห้อง พอพยาบาลออกไปมินจึงเลื่อนโต๊ะที่วางชามข้าวต้มร้อน ๆ ไปที่เตียงเพื่อให้ภาคินได้ทานอย่างสะดวก จากนั้นก็รินน้ำใส่แก้ววางลงบนโต๊ะให้พี่ชายตังเอง "ทานเยอะ ๆ นะคะ พี่คินจะได้แข็งแรง "ส่งยิ้มให้ภาคิน "พี่ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่" ตักข้าวต้มเข้าปาก "ไม่หิวก็ต้องทานค่ะ จะได้มีแรง" หยิบทิชชูเช็ดปากให้ภาคิน กิ่งเดินเข้ามาข้างในห้องพร้อมกับกระเช้าผลไม้ยืนมองสองพี่น้องที่กำลังพูดคุยกันอยู่ที่เตียง แล้วก็อดที่จะน้ำตาคลอไม่ได้  "น้องมินค่ะ" เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ "อ้าว พี่กิ่งมาแต่เช้าเลยนะคะ " หันไปตามเสียงเรียก "พี่มาเยี่ยมจ้ะ" ยื่นกระเช้าผลไม้ไปให้มิน "ขอบคุณค่ะ " รับกระเช้าผลไม้ไปวางไว้บนโต๊ะมุมหนึ่งของหัอง ภาคินหันไปมองกิ่งแวบหนึ่งแล้วก็หันกลับมาทานข้าวต้มต่ออีกคำสองคำก็วางช้อนลงแล้วดื่มน้ำตาม มินมองหน้าภาคินกับกิ่งสลับกันไปมา ทั้งคู่ทำเหมือนคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน จนเธออดที่จะคิดไม่ได้ว่าทั้งสองคนต้องมีเรื่องอะไรที่เธอไม่รู้อย่างแน่นอน "พี่คินอิ่มแล้วเหรอคะ" เดินเข้าไปยืนข้างเตียง "ใช่พี่อิ่มแล้ว" หันหน้ามองออกไปทางหน้าต่าง "พี่กิ่งอยู่คุยกับพี่คินก่อนนะคะ เดี๋ยวมินมาจะไปชื้อกาแฟสักหน่อยค่ะ"เลื่อนโต๊ะทานอาหารไปเก็บไว้มุมหนึ่งของห้อง "จ้ะ" ส่งยิ้มให้มิน พอมินออกไปจากห้องกิ่งก็เดินเข้าไปยืนข้างเตียง แต่ภาคินกลับนั่งหันหลังให้เธอ กิ่งพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ "พี่คินกิ่งขอโทษค่ะ ที่มีส่วนทำให้พี่ต้องเป็นแบบนี้" "ไม่ต้องมาขอโทษหรอก ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะตัวผมเอง" กิ่งได้ยินอย่างนั้นถึงกับชะงักกับคำพูดของภาคินที่แทนตัวเองว่าผม ไม่แทนว่าพี่เหมือนเคย "เรายังเป็นพี่เป็นน้องกันได้ใช่ไหมคะ"  "อย่าเลยดีกว่าผมมันไม่ควรจะเป็นอะไรกับใครทั้งนั้น"  "ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะคะ ถึงเราจะเลิกกันแล้ว แต่กิ่งก็ยังรักและหวังดีกับพี่เสมอนะคะ"  "หวังดีหรือสมเพชกันแน่ ไม่ต้องมาเสียเวลากับคนอย่างผมหรอก"  "กิ่งขออย่างเดียวค่ะ ขอให้พี่คินยกโทษให้กิ่งก็พอ"  "ได้ผมจะยกโทษให้ แล้วอย่ามาให้เห็นหน้าอีก ออกไป! "ตวาดเสียงดังกำมือแน่นด้วยความโกรธ "อ้าว หนูกิ่งมาแต่เช้าเลยนะจ้ะ" อัมพรกับสุวัตรเดินเข้ามาในห้อง "สวัสดีค่ะ" ยกมือขึ้นไหว้ "แม่ขอคุยด้วยหน่อยสิ" เดินนำออกไปข้างนอกห้อง กิ่งจึงเดินตามหลังไปติดๆ  "เรื่องที่คินเขาขอถอนหมั้นหนูมันเป็นยังไงกันแน่" อัมพรเปิดประเด็นขึ้นทันทีที่ออกมาพ้นห้อง "คือ พี่คินเขาบอกว่าไม่อยากจะเป็นภาระให้กิ่งค่ะ "  "คินเขาคงไม่อยากให้หนูต้องมาลำบากกับเขาล่ะมั้ง" อัมพรถอนหายใจเบาๆ "จริงๆ แล้วกิ่งไม่อยากจะเลิกหรอกค่ะ แต่พี่คินเขาไม่ได้รักกิ่งแล้ว" "แม่เข้าใจนะ ทางฝ่ายเราก็ไม่อยากเห็นแก่ตัวรั้งหนูไว้ให้คินเขาหรอก เพราะยังไม่รู้เลยว่าพี่เขาจะกลับมาเดินได้อีกไหม"  "คุณแม่พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไงคะ" กิ่งขมวดคิ้วเข้าหากัน "ถ้าคินกับหนูจะถอนหมั้นกันทางเราก็ไม่ขัดข้องหรอก " อัมพรหันไปมองหน้าสามีแล้วพยักหน้าให้กัน "ทำไมคุณพ่อกับคุณแม่ไม่บอกมินสักคำคะ ว่ายอมให้พี่คินกับพี่กิ่งถอนหมั้นกันได้" เดินมาหยุดตรงหน้าทั้งสามคน "เดี๋ยวค่อยคุยกันนะลูก" อัมพรเดินเข้าไปจับแขนมิน "เดี๋ยวพ่อจะโทรคุยกับพ่อแม่หนูกิ่งเองนะ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ" สุวัตรเอ่ยขึ้น "ขอบคุณค่ะ คุณพ่อ ถ้างั้นกิ่งขอตัวกลับไปทำงานก่อนนะคะ" ยกมือขึ้นไหว้สุวัตรกับอัมพรแล้วเดินออกไป "ทำไมทำอะไรไม่ปรึกษามินเลยล่ะคะ"  "ก็พี่คินเขาขอถอนหมั้นเอง แล้วอีกอย่างเราจะรั้งหนูกิ่งไว้ทำไมในเมื่อเรายังไม่รู้เลยว่าพี่คินเขาจะกลับมาเดินได้อีกไหม แม่ได้ยินพี่คินเขาไล่หนูกิ่งออกจากห้องเมื่อกี้ด้วย" อัมพรอธิบายให้มินฟัง "จริงเหรอคะ พี่คินไล่พี่กิ่งออกจากห้อง"  "ใช่จ้ะ แม่กับพ่อได้ยินเต็มสองหูเลย"  "ถ้าเป็นอย่างนั้น มินก็คงจะห้ามอะไรไม่ได้แล้วล่ะค่ะ" ถอนหายใจแรงๆ  ด้านภาคินพยายามลงจากเตียงด้วยสองขาของตัวเอง แต่กลับต้องล้มลงไปนอนกองกับพื้นข้างล่างเตียง น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง "ทำไมฉันไม่ตายๆ ไปเลย" ใช้กำปั้นทุบพื้นแรงๆ หลายครั้ง ทั้งสามคนพ่อแม่ลูกเดินเข้ามาในห้องไม่เห็นภาคินนอนอยู่บนเตียง แต่กลับเห็นลงไปนอนกองกับพื้นห้อง  จึงรีบวิ่งเข้าไปช่วยประคองขึ้นไปนอนบนเตียงอย่างเดิม "พี่คินจะเอาหรือเปล่าคะ ทำไมถึงตกเตียงได้" จับมือพี่ชายตัวเองไว้ "เปล่าพี่ไม่ได้จะเอาอะไร แล้วก็ไม่ได้ตกเตียงด้วย พี่ตั้งใจจะเดินเอง" ร้องไห้สะอึกสะอื้น "โธ่ พี่คินของน้อง" โน้มตัวลงไปสวมกอดภาคินไว้แน่น "อีกไม่กี่วันก็จะได้กลับบ้านเราแล้วนะลูก" อัมพรยื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้ภาคิน "ลูกจะต้องเข้มแข็งแล้วจะต้องอยู่กับพวกเราไปนานๆ รู้ไหม" สุวัตรเอ่ยขึ้นพร้อมกับใช้มือตบบ่าลูกชายเบาๆ เป็นกำลังใจ "ขอบคุณครับ ผมจะพยายาม"  พอกิ่งออกจากโรงพยาบาลก็ตรงไปยังคอนโดหรูของตัวเอง เดินเข้าในห้องนอนก็เจอกายนอนเปลือยหน้าอกกล้ามท้องเป็นลอนๆ อยู่บนเตียง กิ่งจึงขึ้นไปบนเตียงแล้วก้มหน้าลงไปหอมแก้มกายทีหนึ่ง "กลับมาแล้วเหรอ" พลิกตัวขึ้นคร่อมทาบทับตัวกิ่งลงนอนราบบนเตียงอย่างรวดเร็ว "ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วนะคะ เราคบกันอย่างเปิดเผยได้แล้ว" ยื่นริมฝีปากไปจูบปากหยักหนาของกายแล้วถอนออก "ผมดีใจจังเลย แบบนี้ต้องให้รางวัลสักหน่อย" ก้มหน้าลงประกบจูบริมฝีปากกิ่งอย่างดูดดื่มไม่นานทั้งคู่ก็ตกอยู่ในเกมพิศวาสอันเร้าร้อนที่ทั้งสองคนช่วยกันก่อ หลังจากที่จบบทรักทั้งสองก็นอนกกกอดกันอยู่บนเตียง อย่างมีความสุข "คุณนี้เก่งจริงๆ เลย ทั้งที่เป็นฝ่ายขอถอนหมั้นแท้ๆ แต่ไม่มีใครรู้เลย" กายเอ่ยขึ้น "พี่คินเขาไม่อยากให้ใครมองกิ่งไม่ดีมั้งค่ะ เลยบอกทุกคนว่าเขาเป็นฝ่ายขอถอนหมั้นเอง" "แต่ผมว่าคุณเล่นละครเก่งมากกว่า ที่ทำให้ทุกคนเชื่อว่าคุณเป็นฝ่ายถูกถอนหมั้นเอง" "ฉันถือว่าเป็นคำชมก็แล้วกันนะคะ" ซบหน้าลงกับหน้าอกของกาย ด้านมะลิกำลังทำกับข้าวช่วยแม่ตัวเองอยู่ในห้องครัว วันนี้เป็นวันหยุดเธอจึงกลับมาเยี่ยมพ่อกับแม่ที่ไร่เจริญกิจ ปกติเธอจะพักอยู่ที่หอพักของโรงพยาบาลเพราะจะได้สะดวกในการไปทำงาน  "แม่รู้หรือเปล่า ว่าพี่คินประสบอุบัติเหตุรถชนเดินไม่ได้" พูดพลางมือก็เจียวไข่ในกระทะ "ตายจริง! ตั้งแต่เมื่อไหร่ " อิ่มตกใจ "หลายวันแล้วล่ะแม่ ยังไม่พอพี่คินขอถอนหมั้นกับคุณกิ่งอีก"  "น่าสงสารจริงๆ จากคนปกติเดินได้อยู่ๆ ก็เดินไม่ได้เหมือนเคย"  "เดี๋ยวถ้าพี่เขากลับมาหนูจะไปเยี่ยมสักหน่อย"  "ดีเหมือนกัน ลูกก็เห็นพี่เขามาตั้งแต่เด็กๆ อีกอย่างลูกก็สนิทกับมินด้วย ไปให้กำลังใจพี่เขาสักหน่อยก็ดี"  "ค่ะแม่ ไปทานข้าวกันเถอะ" ตักไข่เจียวใส่จานไปวางไว้ที่โต๊ะกินข้าว "ว่าไงสองแม่ลูกทำอะไรกินบ้างวันนี้" จอบเดินเข้ามาในบ้านหลังจากที่ไปรดน้ำต้นไม้หน้าบ้านเสร็จ "วันนี้มี ไข่เจียว ต้มจืดแตงกวา น้ำพริกหนุ่มแล้วก็แคบหมูค่ะ" มะลิส่งยิ้มให้พ่อตัวเอง "น่ากินทั้งนั้นเลย ลูกสาวใครทั้งสวยทั้งเก่ง แล้วเมื่อไหร่จะมีแฟนสักที" จอบเอ่ยแซวลูกสาวตัวเอง "ยังค่ะ ยังไม่อยากมี" ตักข้าวใส่จานส่งให้พ่อตัวเองตามด้วยแม่และของตัวเอง "อย่าบอกนะ ว่ายังไม่เลิกชอบคุณคินเขาอีก เห็นเกาะรั้วแอบมองเขาอยู่บ่อยๆ ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว" จอบหัวเราะเสียงดัง "พ่อก็แซวลูก คุณคินเขาไม่มามองคนอย่างเราหรอก มะลิเป็นแค่ลูกคนสวนคนไร่ คนรวยๆ แบบนั้นเขาก็ต้องชอบคนระดับเดียวกันเท่านั้นแหละ อีกอย่างตอนนั้นมะลิก็ยังเด็กลูกคงไม่ได้คิดอะไรหรอก จริงไหมลูก" อิ่มหันมามองหน้าลูกสาวตัวเอง "เอ่อ จริงค่ะแม่" ก้มหน้าตักข้าวเข้าปาก "นี้พ่อรู้หรือยังคุณคินเขาเกิดอุบัติเหตุรถชนจนเดินไม่ได้" อิ่มเอ่ยขึ้น "จริงเหรอ อาทิตย์ก่อนยังเห็นมาคุมคนงานในสวนส้มทำงานอยู่เลย ไม่น่าเชื่อ"  "มะลิเพิ่งบอกเมื่อกี้นี้เอง"  "จริงเหรอลูก" จอบถามมะลิต่อ "จริงค่ะพ่อ"  "ชีวิตคนเรามันไม่แน่ไม่นอนจริงๆเลยนะ" จอบเอ่ยขึ้น หลังจากทานข้าวเสร็จมะลิก็ออกไปเดินเล่น แถวริมรั้วสวนส้มของภาคินมองเข้าไปในสวนที่มีเพียงรั้วกั้นไว้ระหว่างไร่เจริญกิจกับสวนส้มพงษ์ไพศาล เมื่อก่อนเธอกับมินเรียนโรงเรียนเดียวกัน พอวันหยุดเสาร์อาทิตย์มินจะตามภาคินมาที่สวนส้มเป็นประจำเธอจึงได้เข้าไปในสวนส้ม ไปเล่นเป็นเพื่อนกับมิน ทำให้เธอได้รู้จักและพูดคุยกับภาคินมากขึ้น ในฐานะน้องสาวคนหนึ่ง แต่ในสายตาเธอเขาช่างเป็นผู้ชายที่แสนจะอบอุ่น น่าค้นหาจนบอกไม่ถูก หลังจากที่เธอกับมินเรียนจบมัธยมปลายก็แยกย้ายกันไปเรียนต่อตามความถนัดของตัวเอง เธอเลือกเรียนพยาบาลโดยที่ทรงเดชเจ้าของไร่เจริญกิจส่งเธอเรียน เพราะครอบครัวเธอทำงานในไร่มานานจึงได้รับความเมตตาช่วยเหลือเรื่องเงิน ส่วนมินเลือกเรียนบริหารธุรกิจ ถึงทั้งคู่จะอยู่กันคนละมหาลัยแต่ก็ไปมาหาสู่กันอยู่เพราะเรียนที่กรุงเทพเหมือนกัน ตั้งแต่เธอไปเรียนต่อที่กรุงเทพจนถึงวันนี้เธอยังไม่ได้เจอหน้าภาคินเลย หลังจากที่เรียนจบเธอก็เตรียมตัวสอบเพื่อบรรจุในโรงพยาบาลประจำอำเภอนี้จนสำเร็จ ส่วนมินก็เปิดร้านกาแฟเป็นของตัวเองอยู่ในตัวอำเภอ เธอไปเรียนได้ไม่นานก็ได้ข่าวว่าภาคินคบกับกิ่ง ทั้งคู่รักกันมากจนไม่น่าเชื่อว่าทั้งสองคนจะถอนหมั้นกันได้ มะลิเดินไปเรื่อยๆ จนไปหยุดตรงทางเข้าสวนส้ม ยืนอยู่สักพักแล้วก็หันหลังเดินกลับเข้าไปในไร่เพื่อเข้าบ้านของตัวเอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD