อีกทางหนึ่ง หลิวฟางซวงกำลังมุ่งหน้ากลับมาสมทบกับศิษย์พี่ของตน โดยมีคนจากชนเผ่ามังกรติดสอยห้อยตามมา
อีกทางหนึ่ง หลี่ลู่ซึ่งมิได้เจตนาจะลงเรือลำเดียวกับสองสามีภรรยาก็พาพวกเขามาถึงบริเวณหน้าเชิงเขาไร้ปีก นับว่าเป็นทางเชื่อมต่อระหว่างโลกมนุษย์กับเขตแดนของเผ่าปักษา
บุรุษเรือนผมสีเปลวเพลิงร้อนแรงเดินนำอยู่ด้านหน้า ดินแดนแห่งนี้เป็นเขตอาคมที่ค่อนข้างรุนแรงจึงมิอาจใช้พลังใดๆ ได้ ความจริงแล้วเขาไม่ต้องการเอาตัวเข้ามายุ่ง แต่เมื่อเห็นสภาพของหญิงสาวท้องแก่ใกล้คลอด เขาก็ใจอ่อนจนได้
“ข้าถามจริงๆ เถิด พวกเจ้ามีเหตุจำเป็นอันใดจึงต้องออกจากวังบาดาล” หลี่ลู่ถามพลางหันไปถลึงตาใส่บุรุษหน้าเกลี้ยงเกลาที่เกล้าเรือนผมเป็นมวยและเสียบด้วยปิ่นกระดูกมังกร “เจ้าก็ด้วย เลอะเลือนจนไม่ดูเลยว่าฮูหยินของตนไม่เหมาะที่จะเดินทางไกล...”
“เรามีความจำเป็น” จิ้งฉายตอบเสียงนิ่งขณะที่หันไปใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อให้ภรรยา
ศิษย์อันดับสองของปรมาจารย์เหอเหยาจวงพ่นลมหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง ยิ่งจิ้งฉายปิดบัง เขาก็ยิ่งสงสัยว่าภายในชนเผ่ามังกรเกิดเรื่องอันใดกันแน่
“ศิษย์พี่รอง!”
เสียงหวานที่ร้องเรียกขึ้นจากด้านหลังส่งผลให้ชายหนุ่มเบือนใบหน้าไปทางด้านหลัง เมื่อเห็นหญิงสาวกำลังเดินฝ่าพุ่มไม้หนาทึบเข้ามาหาก็ยกยิ้มด้วยความโล่งอก
“ซวงซวง เจ้ามาแล้ว”
ทว่าสีหน้าของหลิวฟางซวงหาได้ยินดีกับอีกฝ่ายไม่ นางเหลือบสายตามองสองสามีภรรยาที่เปิดเผยร่างจริงให้นางเห็นเมื่อก่อนหน้านี้ จากนั้นก็หันมาส่งสายตาเป็นสัญญาณให้ชายหนุ่มเดินเลี่ยงออกมาคุยกับนางตามลำพัง
“มีพลทหารของเผ่ามังกรตามข้ามา” นางกระซิบบอกกับคนสนิท “ก่อนหน้านี้ข้าแปลงตัวเป็นหยดน้ำ พวกเขาจึงพลัดหลงกับข้า แต่ข้าคิดว่าอีกไม่นานพวกเขาคงเดาออกว่าจุดมุ่งหมายของพวกเขาคือเผ่าปักษา”
“เจ้ารีบเอาของแล้วแยกกันตรงนี้เสียมิดีกว่าหรือ” หลี่ลู่ยังคงยืนกรานความเชื่อที่ว่า พวกเขาไม่ควรยุ่งกับปัญหาภายในชนเผ่าอื่นให้ปวดหัว ผู้ที่แกว่งเท้าหาเสี้ยนไม่เคยมีจุดจบที่สวยงามสักเท่าไร
เป็นครั้งแรกที่หลิวฟางซวงเห็นด้วยกับเขา แต่ในขณะเดียวกัน นางก็ปล่อยให้เป็นเช่นนั้นมิได้
นัยน์ตาสีอำพันคู่งามที่มักจะฉายแววง่วงซึมของหญิงสาวลอกแลกไปมา หลี่ลู่เห็นเข้าก็ชักสังหรณ์ใจไม่ดี
“ซวงซวง ไยจึงลังเล”
“หากท่านอาจารย์ทราบเข้า ท่านคงได้หลั่งน้ำตาเป็นแน่แท้” หญิงงามพึมพำขณะที่ทำหน้าเสมือนว่าตนใกล้ป่วย บัดนี้นางควรเปลี่ยนฉายาจาก ‘จอมขี้เกียจ’ เป็น ‘จอมแส่หาเรื่อง’ น่าจะเข้าท่ากว่า
“ตกลงเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่”
นัยน์ตาสีอำพันเบนจากภาพของสองสามีภรรยาที่กำลังพยุงกันเดินเข้ามาหาพวกนางมายังบุรุษที่ยืนทำหน้าเคร่งเครียดอยู่ข้างกาย “ข้าคิดว่า... ข้าโดนคำสาปเข้าให้แล้ว”
“คำสาป?”
อี้ลิ่วจู บุตรสาวของเทพมังกรตงไห่เป็นผู้เอ่ยถามขึ้นมา
หลิวฟางซวงหัวเราะเสียงเนือย เรื่องนี้นางตั้งใจจะให้พวกเขาได้ยินอยู่แล้ว ในเมื่อทั้งสองเดินเข้ามาหานางด้วยสีหน้าเป็นกังวล หญิงสาวจึงได้ถกแขนเสื้อข้างซ้ายขึ้นมาจนกระทั่งเห็นสิ่งแปลกปลอมบนต้นแขนขาวผ่อง
ปานสีดำเป็นสัญลักษณ์มังกรขดเลื้อย ส่งผลให้พวกเขาทั้งสองเผยสีหน้าหวาดผวา
“มังกรปลิดชีพ” จิ้งฉายขมวดคิ้วก่อนจะเงยหน้ามองหลิวฟางซวง “คุณหนู ข้าขออภัยด้วยจริงๆ ข้า...”
เพื่อให้ตนเองกับฮูหยินสามารถหนีรอดจากการถูกตามล่า เขาวานให้เทพธิดาจากเผ่าสวรรค์มาช่วยเหลือเพราะคิดว่าท่านพ่อตาคงมิกล้าลงมือทำอันใด ทว่าดูเหมือนทุกอย่างจะเลวร้ายกว่าที่คิด
จิ้งฉายเห็นเช่นนั้นก็ถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม เบนสายตาไปยังหญิงสาวท้องแก่ “ฟูเหริน[1] ควรทำเช่นไรดี”
“หากถูกสาปโดยผู้อื่นยังพอลบล้างได้ แต่ถ้าเป็นของเทพมังกรชั้นสูงแล้ว เกรงว่าถ้าไม่ได้ผู้สาปเป็นฝ่ายถอนเองก็คงทำอันใดมิได้” นางรู้จักบิดาของนางดี หากตัดสินใจใช้คำสาปเยี่ยงนี้ เทพธิดาหลิวฟางซวงคงมิอาจหนีเงื้อมมือของบิดาได้แล้ว
“ฟูจวิน[2] พวกเราควรไปมอบตัวกับเสด็จพ่อ” นัยน์ตาของผู้กล่าวแดงก่ำ น้ำเสียงสั่นเครือน้อยๆ แสดงถึงความอ่อนล้าเต็มที “แม้นเราไม่ควรอยู่ที่วังบาดาล แต่ถ้าต้องแลกด้วยชีวิตของเทพธิดาผู้บริสุทธิ์คนหนึ่ง ข้าย่อมมิอาจปล่อยให้เป็นเช่นนั้นได้”
หลิวฟางซวงมองดูพวกเขาพลางพยักหน้าเชื่องช้า เนื้อแท้ของสามีภรรยาคู่นี้มีจิตใจงดงาม ไยจึงได้ขโมยของสำคัญอย่างพระราชลัญจกรสั่งการทัพมาได้เล่า
แม้จะอยากรู้รายละเอียด แต่อีกใจหนึ่งก็พร่ำบอกกับตนเองว่าอย่าสอดรู้ให้วุ่นวายไปมากกว่านี้เลยจะดีกว่า
นางยังโหยหาเตียงนอน โหยหาชีวิตอันสงบสุข ไหนจะอีกสามชีวิตที่ต้องคอยเลี้ยงดู เรื่องราวภายนอกไม่ควรเก็บมาใส่ใจ... ไม่ควรเลยจริงๆ
“ความจริงองค์หญิงกับท่านราชบุตรเขยไม่จำเป็นต้องกลับวังบาดาล” เจ้าของร่างอรชรกล่าวแทรกพวกเขาขึ้นมา
อี้ลิ่วจูชักสีหน้างุนงง “หมายความว่าอย่างไร”
“ท่านเทพมังกรเพียงแต่ต้องการของบางอย่างคืนจากท่านทั้งสอง” หลิวฟางซวงเปิดปากหาว แม้สถานการณ์จะคับขันและชีวิตของตัวเองแขวนอยู่บนเส้นด้าย เจ้าตัวก็ยังคงแสดงสีหน้าเอื่อยเฉื่อยอยู่ได้
คำสาป ‘มังกรปลิดชีพ’ ผูกพันธะเอาไว้ทั้งผู้สาปและผู้ถูกสาป หากไม่รีบลบล้างภายในระยะเวลาที่ผู้สาปกำหนด จิตของหลิวฟางซวงอาจจะแตกสลายจนมิอาจหลอมรวมเป็นหนึ่งได้อีก
“พระราชลัญจกร” นางกล่าวเสียงเนิบนาบ มิได้ระบุว่ามันคือพระราชลัญจกรอันใด
ทว่าต่อให้ไม่พูดตรงๆ ก็สามารถทำให้สีหน้าของคนทั้งสองแปรเปลี่ยนไปได้อยู่ดี “เรื่องนี้มีความจำเป็น”
“จำเป็น?” คิ้วเรียวบนใบหน้าราบเรียบของหลิวฟางซวงเลิกสูง ความรู้สึกเฉยๆ ในทีแรกเริ่มแฝงไปด้วยความไม่พอใจ “เช่นนั้นข้าก็จำเป็นต้องนำของสิ่งนี้ไปคืนท่านเทพมังกร มันจำเป็นสำหรับชีวิตข้าเช่นกัน”
จิ้งฉายพยักหน้าอย่างเชื่องช้า บัดนี้พวกเขาไม่มีพลังใดๆ จะใช้ในการต่อสู้ อีกทั้งฮูหยินตนยังท้องแก่ใกล้คลอด ขืนสู้กันไปก็มีแต่จะเสียเปรียบอยู่วันยังค่ำ “ไข่มุกสีรุ้งสามเม็ด”
เจ้าของใบหน้าเกลี้ยงเกลายื่นมือมาตรงหน้านาง ครั้นเห็นไข่มุกส่องประกายแวววาวสะดุดตา หลิวฟางซวงก็ไม่ลังเลที่จะยื่นมือไปรับ ครั้งนี้เป็นอันว่าเรื่องการไหว้วานจบสิ้นลงแล้ว ส่วนเรื่องการช่วงชิงพระราชลัญจกรรูปมังกรคือสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกัน
“ท่านจิ้งฉาย” โฉมสะคราญสบตาสองสามีภรรยาด้วยแววตาราบเรียบ “พระราชลัญจกรนั่น ขอคืนได้หรือไม่”
การถามอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่อ้อมค้อม ส่งผลให้บรรยากาศระหว่างพวกเขาแปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
หลี่ลู่เดินมาหยุดอยู่เคียงข้างหญิงสาว นัยน์ตาสีทองวาววับหันมองคนนี้ทีคนนั้นที
ช่างน่าขันโดยแท้ ก่อนหน้านี้ยังช่วยกันหลบหนี มาคราวนี้ต้องช่วงชิงของกันเสียแล้ว
“คุณหนู ต้องขออภัยจริงๆ พวกเราคงมอบมันให้ท่านไม่ได้” จิ้งฉายเคลื่อนตัวขึ้นมาบังฮูหยินของตนอย่างปกป้อง “หากต้องลงมือกัน ก็คงมิใช่สิ่งที่ควรทำ”
“เอาเช่นนี้ดีหรือไม่” หลิวฟางซวงยกมือกอดอก “หนนี้ยอมกลับไปก่อน ไว้คราวหน้าค่อยหาทางหนีออกมาใหม่”
“ข้าเสียไข่มุกสีรุ้งให้ท่านสามเม็ด”
“ข้าฝันเห็น... โอวหยาง...เฮย” น้ำเสียงของอี้ลิ่วจูสั่นเทา นัยน์ตากระจ่างใสขุ่นมัวไปด้วยอารมณ์หวาดผวาอย่างที่สุด “เขา... พังผนึกออกมา!”
“ฟูเหริน!” จิ้งฉายถลาเข้ามากอดปลอบฮูหยินของตน “ไม่เป็นไร ทุกอย่างจะต้องไม่เป็นไร เราได้ตราบัญชาของพระสัสสุระ[1] มาแล้ว หากเกิดเรื่องขึ้น เราสามารถสั่งการกองทัพมังกรให้เคลื่อนทัพ ปกป้องสามพิภพหกดินแดนไว้ได้”
“โอวหยางเฮย...” หลี่ลู่พึมพำชื่อนั้น รู้สึกว่าขนในกายต่างพากันลุกชัน “เจ้า... เจ้าคงไม่ได้หมายถึงราชาแดนมารผู้นั้นใช่หรือไม่!”
หลิวฟางซวงกะพริบตาเล็กน้อยให้ตนหลุดออกจากห้วงภวังค์ นางหันไปมองศิษย์พี่รองของตน แม้หลี่ลู่จะมีอุปนิสัยเป็นเช่นนี้ ทว่าแท้จริงเขาเป็นถึงผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำเผ่าลิเกน รู้เรื่องราวความเป็นไปในสามพิภพหกดินแดนมากกว่านางที่เอาแต่นอน
โอวหยางเฮย... ราชาแดนมารผู้ก่อสงครามเมื่อสี่พันปีก่อน เห็นว่าถูกผนึกเอาไว้ในถ้ำใต้โลกีย์
[1] พระสัสสุระ เป็นคำราชาศัพท์ แปลว่า พ่อตา
[1] ฟูเหริน (**) แปลว่า ภรรยาข้า เป็นคำที่สามีใช้เรียกแทนภรรยาตนเอง
[2] ฟูจวิน (**) แปลว่า สามีข้า เป็นคำที่ภรรยาใช้เรียกแทนสามีตนเอง