๔
"หงุดหงิดอะไรมา พี่ไม่เห็นนายอยู่ในสภาพนี้มานานแล้วนะ"
"เหอะ พี่แค่ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วผมหงุดหงิดกว่านี้หลายสิบเท่า" รชานนท์กระดกแก้วเหล้าในมือเข้าปาก ความหงุดหงิดถาโถมเข้าใส่อย่างจังในตอนที่ประเด็นชวนหงุดหงิดที่อยู่ในหัวถูกรื้อฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง
"น้องหน้าตาใช้ได้ไม่ใช่เหรอ ไม่สิ ออกสวยด้วยซ้ำ"
"พี่คิดว่าผมแคร์เรื่องนั้น?"
"ปกติผู้ชายชอบคนสวย"
"พี่ก็รู้ว่าเรื่องนั้นผมไม่ได้สน คนอย่างผมหาแฟนเองได้ จะสวยแค่ไหนก็หาได้ จะขาวกว่าสวยกว่ายัยกระต่ายของคุณย่าก็ยังได้" แต่ละถ้อยคำล้วนปะปนไปด้วยแรงอารมณ์ คนที่รับฟังเข้าใจแบบนั้น
"เรื่องนี้คงมีอิทธิพลต่อนายไม่น้อย ทำไมอ่ะ ทุกอย่างไม่ได้เป็นไปในรูปแบบที่คิดงั้นเหรอ"
"ผมทำในแบบที่ตั้งใจจะทำแล้ว แต่ยัยนั่นไม่ใช่ไก่อ่อนอย่างที่เราคิด หล่อนยืนยันว่าจะรักษาคำพูดของตัวเองอย่างเดียว" ผู้ฟังพยักหน้ารับเบาๆ เผลอคิดไปว่า แบบนี้หรือเปล่าผู้หญิงคนนี้จึงถูกเลือก
ทั้งที่ปกติแล้วคุณย่าของพวกเขาไม่เคยถูกใจผู้หญิงคนไหนง่ายๆ และไม่เคยถูกใจมาก่อนเลยด้วยซ้ำ
"แล้วเอาไงต่ออ่ะ การที่นายไม่ปฏิเสธคุณย่าไปตั้งแต่ทีแรก..."
"ไม่มีวันครับ ผมไม่มีวันขัดใจคุณย่าอยู่แล้ว ผมยังยืนยันคำพูดเดิม ผมจะทำให้ยัยกระต่ายนั่นถอดใจด้วยตัวของเธอเอง"
"นายจะทำอะไร?"
"จะทำให้เห็นไงครับว่าผมไม่ได้ใจดีแบบที่ยัยนั่นคิด" ดวงตาคมกริบที่มองสบตากับผู้ที่เป็นพี่ชายมุ่งมั่นขึ้นมาในพริบตา เป็นไปได้ว่า เจ้าของคำพูดคงพร้อมที่จะทำทุกวิถีทางให้ผู้หญิงที่คุณย่าโปรดปรานเป็นฝ่ายถอดใจไปเอง
@อีกด้าน
ครืด~ ครืด~
โทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋าสะพายส่งเสียงเรียกเข้าเข้ามาในจังหวะที่หญิงสาวกำลังก้าวขาออกมาจากห้องน้ำ
กระต่ายกระชับผ้าขนหนูที่ห่อหุ้มร่างกายอยู่ในตอนนี้เพียงนิดก่อนจะสาวเท้าเข้าไปในตำแหน่งกระเป๋าที่วางอยู่ในทันที
จามจุรี เบอร์โทรของจามจุรีที่ปรากฏอยู่บนนั้น
จามจุรีคือเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่เธอคบหามานานแสนนาน
"ฮัลโหล ว่าไงจาม"
[ รับสายช้าจัง มัวทำอะไรอยู่อ่ะ อย่าบอกนะว่าไปแอบร้องไห้เพราะพี่หมออีกแล้ว ] การพาดพิงถึงใครบางคนที่เธอพยายามลืมทำคนฟังถึงกลับชะงักไป
[ ฉันก็เข้าใจนั่นแหละว่าแผลมันยังสดและใหม่ แต่เราจมปลักไม่ได้ ชีวิตเราต้องก้าวไปข้างหน้านะเว้ยต่าย ]
"อือ รู้น่า ฉันไม่ได้ไปแอบร้องไห้แบบที่เธอพูดสักหน่อย ฉันอาบน้ำอยู่เลยไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ก็แค่นั้นเอง"
[ จริงอ่ะ? ]
"อือ จริงสิ" ร่างเล็กหย่อนตัวลงบนโฟาที่อยู่ใกล้ๆ พลางถอนหายใจเบาๆ
เงาสะท้อนจากระจกใสทำให้เธอมองห็นหน้าตาและรูปร่างของตัวเองอย่างชัดเจน
ใครๆ ก็พูดว่าเธอสวย มีเสน่ห์และโดดเด่น แต่ทำไมเธอยังถูกทิ้ง ทั้งที่เธอมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้มีดีแค่รูปร่างหน้าตา
[ ถ้าแกไม่ได้จมปลักแบบที่พูดจริงๆ ถ้าอย่างนั้นออกมากินข้าวเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ ฉันหิวข้าว แต่ว่าไม่มีเพื่อนกิน ]
"คือว่าฉัน..."
[ เวลานี้แกยังไม่ได้กินอะไรแน่ๆ การอดอาหารไม่ใช่ทางออกที่ดีหรอกนะต่าย ยิ่งตาหมอทำแบบนี้กับแก แกก็ควรที่จะรักตัวเองและดูแลตัวเองมากๆ ให้เขารู้สึึกเสียดายไปเลยที่เป็นฝ่ายทิ้งเรา ]
"…"
[ ฉะ ฉันพูดเยอะเกินไปเหรอ ขอโทษนะ คือฉันแค่ไม่อยากให้แกคิดมาก ]
"ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่ได้คิดมากอะไร สิ่งที่คนถูกทิ้งควรทำก็คือการดูแลตัวเองแบบที่แกพูดนั่นแหละ"
[ รู้สึกผิดขึ้นมาเลยอ่ะ ฉันมันปากพร่อยสุดๆ ขอโทษนะแก ]
"ไม่เป็นไร แกบอกมาเถอะว่าอยากกินอะไรร้านไหน เดี๋ยวฉันจะออกไปเจอแก"
@ครึ่งชั่วโมงต่อมา
"สเต็กร้านนี้รสชาติใช้ได้อยู่นะ วันหลังเรามาทานกันอีก" จามจุรีเอ่ยขึ้นอีกครั้งหลังจากที่พนักงานเช็คบิลและเก็็บค่าอาหารไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
"ขอบใจที่เลี้ยงฉัน เอาเป็นว่ารอบหน้าฉันเลี้ยงเธอ"
"โอเค ได้เลย เรื่องกินฟรีฉันค่อนข้างถนัดอยู่แล้ว" เจ้าของคำพูดขยิบตาเป็นเชิงหยอกเย้า คบหากันมานาน รู้ดีว่าจามจุรีไม่ใช่คนที่ช่างเอาเปรียบหรือว่าถนัดเอาเปรียบอะไรหรอก ที่พูดแบบนั้นก็คงหวังที่จะให้เธอหัวเราะก็เท่านั้นเอง
"เรียบร้อย กลับกัน พรุ่งนี้เรามีเรียนเช้ามาก อาจารย์แม่ก็ดุสุด"
"อือ" มือเรียวคว้าสายกระเป๋าสะพายขึ้นมาคล้องบ่า จังหวะที่กำลังหมุนตัวเตรียมจะเดินออกไปจากร้านอาหาร ทว่าดวงตากลมโตสะดุุดเข้ากับร่างสูงโปร่งดูดีที่กำลังเดินเข้ามาในร้านอาหารพอดี
หัวใจดวงน้อยวูบไหว มือสั่นจนต้องบีบมือเข้ากัน
มือหนานุ่มที่เธอเคยจับ ตอนนี้มือนั้นจับอยู่กับมือของคนอื่น สมองของเธอมันหนักอึ้งเมื่อเธอพบเข้ากับภาพบาดตาเข้าอย่างจัง
"ต่าย…"
ไม่ใช่แค่เธอที่พบเขา แต่เขาเองก็เลื่อนสายตามามองสบตากับเธอเช่นกัน
ความโกรธที่ถูกหักหลังถาโถมเข้าใส่อีกครั้ง ดวงตากลมโตจับจ้องที่ใบหน้าหล่อเหลาของนายแพทย์หนุ่มจากโรงพยาบาลชื่อดังนิ่ง วันนั้นเขาเคยดูดีและมีเสน่ห์แบบไหน วันนี้ทุกอย่างก็คงเป็นเหมือนเดิม
แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือคนที่เคียงข้างเขาไม่ใช่เธอ
"...เดี๋ยวขวัญเข้าไปรอในร้านอาหารนะคะ" ผู้หญิงอีกคนเอ่ยขึ้นเมื่อร่วมนาทีที่ทั้งเธอและพวกเขายืนเผชิญหน้ากัน
สีหน้ารู้สึกผิดของคนเคยรักที่หลุดออกมา ส่งผลให้ขาเรียวก้าวออกมาจากตรงนั้นทันที
มีความจำเป็นอะไรที่เขาจะมารู้สึกผิดในเมื่อเขาเลือกที่จะทำผิดต่อเธอไปแล้ว
ความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเขาคงไม่จบลงแบบนี้หากเขาไม่สานสัมพันธ์กับพยาบาลสาวคนสวยที่ร่วมงานและอยู่สถาบันเดียวกัน
ไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลหรือสืบหาให้มากความว่าพวกเขาร่วมกันหักหลังเธอตั้งแต่ตอนไหน
เพราะสิ่งเดียวที่ชัดเจนอยู่ในหัวของเธอตลอดเวลา คือถ้าคนมันซื่อสัตย์ ทุกความสัมพันธ์จะไม่มีวันต้องเลิกกันเพราะคำว่านอกใจ
"ต่าย กระต่าย ฟังพี่ก่อนได้ไหม..." เสียงฝีเท้าและน้ำเสียงที่คุ้นเคยดังอยู่ตามหลัง เธอไม่ได้คิดที่จะหยุดและหันกลับไปคุยอะไรกับเขาทั้งนั้น แต่มันติดที่เขาคว้ามือของเธอไปจับโดยที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว
"ต่าย พี่ขอคุยด้วยก่อนได้ไหม"
"ฐานะอะไรคะ" กระต่ายเอ่ยถามแบบตรงไปตรงมาพร้อมกับการบิดข้อมือให้หลุดจากการเกาะกุม ในยามที่เผชิญหน้ากับเขาในระยะใกล้ กลิ่นน้ำหอมที่จำได้ขึ้นใจพาลจะทำให้เธอร้องไห้ออกมาอีกครั้ง ความเข้มแข็งที่พยายามสร้างมันกำลังจะถูกทลายลงเพียงแค่พบและได้พูดคุยกัน
"พี่ขอโทษ การพบกันของเรามันทำให้ต่ายรู้สึกเสียใจอีกแล้วใช่ไหม"
"คนอย่างคุณหมอปกรณ์คงไม่เคยถูกทิ้งสินะคะถึงตั้งคำถามด้วยถ้อยคำแบบนี้"
"พี่ขอโทษกับความผิดพลาดที่พี่เคยทำ พี่ไม่เคยอยากทำร้ายต่าย พี่เองก็รักต่ายมาก แต่พี่ต้องรับผิดชอบอีกคนที่พี่..."
"อย่ามาทักทายคนเคยคบแบบนี้อีกจะดีกว่าค่ะ ขอให้มีความสุขกับทางที่เลือกนะคะ ตัดสินใจทิ้งต่ายไปแล้วก็ขอให้ไปเลย รู้เอาไว้ว่าการกลับมาทักทายและพูดคำว่ารักมากอีกครั้งมันยิ่งซ้ำเติมความผิดหวังที่อยู่ในใจให้มากไปกว่าเดิม"