บาดแผล

1384 Words
๔ "หงุดหงิดอะไรมา พี่ไม่เห็นนายอยู่ในสภาพนี้มานานแล้วนะ" "เหอะ พี่แค่ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วผมหงุดหงิดกว่านี้หลายสิบเท่า" รชานนท์กระดกแก้วเหล้าในมือเข้าปาก ความหงุดหงิดถาโถมเข้าใส่อย่างจังในตอนที่ประเด็นชวนหงุดหงิดที่อยู่ในหัวถูกรื้อฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง "น้องหน้าตาใช้ได้ไม่ใช่เหรอ ไม่สิ ออกสวยด้วยซ้ำ" "พี่คิดว่าผมแคร์เรื่องนั้น?" "ปกติผู้ชายชอบคนสวย" "พี่ก็รู้ว่าเรื่องนั้นผมไม่ได้สน คนอย่างผมหาแฟนเองได้ จะสวยแค่ไหนก็หาได้ จะขาวกว่าสวยกว่ายัยกระต่ายของคุณย่าก็ยังได้" แต่ละถ้อยคำล้วนปะปนไปด้วยแรงอารมณ์ คนที่รับฟังเข้าใจแบบนั้น "เรื่องนี้คงมีอิทธิพลต่อนายไม่น้อย ทำไมอ่ะ ทุกอย่างไม่ได้เป็นไปในรูปแบบที่คิดงั้นเหรอ" "ผมทำในแบบที่ตั้งใจจะทำแล้ว แต่ยัยนั่นไม่ใช่ไก่อ่อนอย่างที่เราคิด หล่อนยืนยันว่าจะรักษาคำพูดของตัวเองอย่างเดียว" ผู้ฟังพยักหน้ารับเบาๆ เผลอคิดไปว่า แบบนี้หรือเปล่าผู้หญิงคนนี้จึงถูกเลือก ทั้งที่ปกติแล้วคุณย่าของพวกเขาไม่เคยถูกใจผู้หญิงคนไหนง่ายๆ และไม่เคยถูกใจมาก่อนเลยด้วยซ้ำ "แล้วเอาไงต่ออ่ะ การที่นายไม่ปฏิเสธคุณย่าไปตั้งแต่ทีแรก..." "ไม่มีวันครับ ผมไม่มีวันขัดใจคุณย่าอยู่แล้ว ผมยังยืนยันคำพูดเดิม ผมจะทำให้ยัยกระต่ายนั่นถอดใจด้วยตัวของเธอเอง" "นายจะทำอะไร?" "จะทำให้เห็นไงครับว่าผมไม่ได้ใจดีแบบที่ยัยนั่นคิด" ดวงตาคมกริบที่มองสบตากับผู้ที่เป็นพี่ชายมุ่งมั่นขึ้นมาในพริบตา เป็นไปได้ว่า เจ้าของคำพูดคงพร้อมที่จะทำทุกวิถีทางให้ผู้หญิงที่คุณย่าโปรดปรานเป็นฝ่ายถอดใจไปเอง @อีกด้าน ครืด~ ครืด~ โทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋าสะพายส่งเสียงเรียกเข้าเข้ามาในจังหวะที่หญิงสาวกำลังก้าวขาออกมาจากห้องน้ำ กระต่ายกระชับผ้าขนหนูที่ห่อหุ้มร่างกายอยู่ในตอนนี้เพียงนิดก่อนจะสาวเท้าเข้าไปในตำแหน่งกระเป๋าที่วางอยู่ในทันที จามจุรี เบอร์โทรของจามจุรีที่ปรากฏอยู่บนนั้น จามจุรีคือเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่เธอคบหามานานแสนนาน "ฮัลโหล ว่าไงจาม" [ รับสายช้าจัง มัวทำอะไรอยู่อ่ะ อย่าบอกนะว่าไปแอบร้องไห้เพราะพี่หมออีกแล้ว ] การพาดพิงถึงใครบางคนที่เธอพยายามลืมทำคนฟังถึงกลับชะงักไป [ ฉันก็เข้าใจนั่นแหละว่าแผลมันยังสดและใหม่ แต่เราจมปลักไม่ได้ ชีวิตเราต้องก้าวไปข้างหน้านะเว้ยต่าย ] "อือ รู้น่า ฉันไม่ได้ไปแอบร้องไห้แบบที่เธอพูดสักหน่อย ฉันอาบน้ำอยู่เลยไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ก็แค่นั้นเอง" [ จริงอ่ะ? ] "อือ จริงสิ" ร่างเล็กหย่อนตัวลงบนโฟาที่อยู่ใกล้ๆ พลางถอนหายใจเบาๆ เงาสะท้อนจากระจกใสทำให้เธอมองห็นหน้าตาและรูปร่างของตัวเองอย่างชัดเจน ใครๆ ก็พูดว่าเธอสวย มีเสน่ห์และโดดเด่น แต่ทำไมเธอยังถูกทิ้ง ทั้งที่เธอมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้มีดีแค่รูปร่างหน้าตา [ ถ้าแกไม่ได้จมปลักแบบที่พูดจริงๆ ถ้าอย่างนั้นออกมากินข้าวเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ ฉันหิวข้าว แต่ว่าไม่มีเพื่อนกิน ] "คือว่าฉัน..." [ เวลานี้แกยังไม่ได้กินอะไรแน่ๆ การอดอาหารไม่ใช่ทางออกที่ดีหรอกนะต่าย ยิ่งตาหมอทำแบบนี้กับแก แกก็ควรที่จะรักตัวเองและดูแลตัวเองมากๆ ให้เขารู้สึึกเสียดายไปเลยที่เป็นฝ่ายทิ้งเรา ] "…" [ ฉะ ฉันพูดเยอะเกินไปเหรอ ขอโทษนะ คือฉันแค่ไม่อยากให้แกคิดมาก ] "ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่ได้คิดมากอะไร สิ่งที่คนถูกทิ้งควรทำก็คือการดูแลตัวเองแบบที่แกพูดนั่นแหละ" [ รู้สึกผิดขึ้นมาเลยอ่ะ ฉันมันปากพร่อยสุดๆ ขอโทษนะแก ] "ไม่เป็นไร แกบอกมาเถอะว่าอยากกินอะไรร้านไหน เดี๋ยวฉันจะออกไปเจอแก" @ครึ่งชั่วโมงต่อมา "สเต็กร้านนี้รสชาติใช้ได้อยู่นะ วันหลังเรามาทานกันอีก" จามจุรีเอ่ยขึ้นอีกครั้งหลังจากที่พนักงานเช็คบิลและเก็็บค่าอาหารไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว "ขอบใจที่เลี้ยงฉัน เอาเป็นว่ารอบหน้าฉันเลี้ยงเธอ" "โอเค ได้เลย เรื่องกินฟรีฉันค่อนข้างถนัดอยู่แล้ว" เจ้าของคำพูดขยิบตาเป็นเชิงหยอกเย้า คบหากันมานาน รู้ดีว่าจามจุรีไม่ใช่คนที่ช่างเอาเปรียบหรือว่าถนัดเอาเปรียบอะไรหรอก ที่พูดแบบนั้นก็คงหวังที่จะให้เธอหัวเราะก็เท่านั้นเอง "เรียบร้อย กลับกัน พรุ่งนี้เรามีเรียนเช้ามาก อาจารย์แม่ก็ดุสุด" "อือ" มือเรียวคว้าสายกระเป๋าสะพายขึ้นมาคล้องบ่า จังหวะที่กำลังหมุนตัวเตรียมจะเดินออกไปจากร้านอาหาร ทว่าดวงตากลมโตสะดุุดเข้ากับร่างสูงโปร่งดูดีที่กำลังเดินเข้ามาในร้านอาหารพอดี หัวใจดวงน้อยวูบไหว มือสั่นจนต้องบีบมือเข้ากัน มือหนานุ่มที่เธอเคยจับ ตอนนี้มือนั้นจับอยู่กับมือของคนอื่น สมองของเธอมันหนักอึ้งเมื่อเธอพบเข้ากับภาพบาดตาเข้าอย่างจัง "ต่าย…" ไม่ใช่แค่เธอที่พบเขา แต่เขาเองก็เลื่อนสายตามามองสบตากับเธอเช่นกัน ความโกรธที่ถูกหักหลังถาโถมเข้าใส่อีกครั้ง ดวงตากลมโตจับจ้องที่ใบหน้าหล่อเหลาของนายแพทย์หนุ่มจากโรงพยาบาลชื่อดังนิ่ง วันนั้นเขาเคยดูดีและมีเสน่ห์แบบไหน วันนี้ทุกอย่างก็คงเป็นเหมือนเดิม แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือคนที่เคียงข้างเขาไม่ใช่เธอ "...เดี๋ยวขวัญเข้าไปรอในร้านอาหารนะคะ" ผู้หญิงอีกคนเอ่ยขึ้นเมื่อร่วมนาทีที่ทั้งเธอและพวกเขายืนเผชิญหน้ากัน สีหน้ารู้สึกผิดของคนเคยรักที่หลุดออกมา ส่งผลให้ขาเรียวก้าวออกมาจากตรงนั้นทันที มีความจำเป็นอะไรที่เขาจะมารู้สึกผิดในเมื่อเขาเลือกที่จะทำผิดต่อเธอไปแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเขาคงไม่จบลงแบบนี้หากเขาไม่สานสัมพันธ์กับพยาบาลสาวคนสวยที่ร่วมงานและอยู่สถาบันเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลหรือสืบหาให้มากความว่าพวกเขาร่วมกันหักหลังเธอตั้งแต่ตอนไหน เพราะสิ่งเดียวที่ชัดเจนอยู่ในหัวของเธอตลอดเวลา คือถ้าคนมันซื่อสัตย์ ทุกความสัมพันธ์จะไม่มีวันต้องเลิกกันเพราะคำว่านอกใจ "ต่าย กระต่าย ฟังพี่ก่อนได้ไหม..." เสียงฝีเท้าและน้ำเสียงที่คุ้นเคยดังอยู่ตามหลัง เธอไม่ได้คิดที่จะหยุดและหันกลับไปคุยอะไรกับเขาทั้งนั้น แต่มันติดที่เขาคว้ามือของเธอไปจับโดยที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว "ต่าย พี่ขอคุยด้วยก่อนได้ไหม" "ฐานะอะไรคะ" กระต่ายเอ่ยถามแบบตรงไปตรงมาพร้อมกับการบิดข้อมือให้หลุดจากการเกาะกุม ในยามที่เผชิญหน้ากับเขาในระยะใกล้ กลิ่นน้ำหอมที่จำได้ขึ้นใจพาลจะทำให้เธอร้องไห้ออกมาอีกครั้ง ความเข้มแข็งที่พยายามสร้างมันกำลังจะถูกทลายลงเพียงแค่พบและได้พูดคุยกัน "พี่ขอโทษ การพบกันของเรามันทำให้ต่ายรู้สึกเสียใจอีกแล้วใช่ไหม" "คนอย่างคุณหมอปกรณ์คงไม่เคยถูกทิ้งสินะคะถึงตั้งคำถามด้วยถ้อยคำแบบนี้" "พี่ขอโทษกับความผิดพลาดที่พี่เคยทำ พี่ไม่เคยอยากทำร้ายต่าย พี่เองก็รักต่ายมาก แต่พี่ต้องรับผิดชอบอีกคนที่พี่..." "อย่ามาทักทายคนเคยคบแบบนี้อีกจะดีกว่าค่ะ ขอให้มีความสุขกับทางที่เลือกนะคะ ตัดสินใจทิ้งต่ายไปแล้วก็ขอให้ไปเลย รู้เอาไว้ว่าการกลับมาทักทายและพูดคำว่ารักมากอีกครั้งมันยิ่งซ้ำเติมความผิดหวังที่อยู่ในใจให้มากไปกว่าเดิม"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD