คลุมถุงชน
๑
ภายในบ้านหลังใหญ่ของตะกูล เทพารักษ์ บรรดาเด็กรับใช้ภายในบ้านต่างวิ่งวุ่นในการจัดหาอาหารเพื่อนำมาขึ้นโต๊ะในวันที่คุณหญิง ณัฐวิภา หรือ คุณย่าวิภา กลับจากการปฏิบัติธรรมแบบกระทันหัน
ไม่มีการสั่งการล่วงหน้า ไม่มีใครทราบว่าท่านต้องการรับประทานอะไร มื้อหนักหรือเบาแค่ไหน ท้ายที่สุดเด็กทุกคนที่อยู่ในบ้านต้องจัดเตรียมทุกอย่างให้พร้อมเสิร์ฟกับทุกเมนูอาหารที่ท่านอาจจะเรียกหาหรือว่าต้องการ
"ให้เด็กๆ นำอาหารมาขึ้นโต๊ะเลยไหมคะคุณหญิง" แจ่มจันทร์ แม่บ้านอาวุโสคลานเข่าเข้ามาถาม
หากเป็นทุกครั้ง คนที่เนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดเท้าผู้ที่ไม่ชอบความล่าช้า หรือว่าถูกขัดใจอาจจะได้ใช้น้ำเสียงที่ชวนให้คนฟังเสียวสันหลังวาบ
แต่ทว่าคราวนี้...
"นนท์ล่ะ รชานนท์อยู่ที่ไหน?"
"คุณนนท์ คุณนนท์ยังไม่ลงมาเลยค่ะคุณหญิง"
"ธนินล่ะ?"
"คุณนินเองก็ยังไม่ลงมาเลยค่ะ" คุณวิภาตวัดสายตาขึ้นไปยังชั้นสอง ไม่นานนัก ร่างเล็กกระทันรัดเจ้าของสีผิวขาวผ่องละเอียดดุจผงแป้งก็เดินออกมาจากห้องโถงใหญ่ทันที
แม่บ้านต่างลอบกลืนน้ำลายเหนียวลงคออึกใหญ่ มองตามหลังร่างของประมุขใหญ่ภายในบ้านหลังใหญ่พลางถอนหายใจโล่งอกออกมา
"...ว่างนักเหรอวันนี้ถึงมานอนกระดิกขาเล่นได้" นิน หรือ ธนิน หลายชายคนโตของตะกูลเทพารักษ์ สุขุม เป็นผู้ใหญ่ สมกับที่เป็นพี่ชายคนโต เอ่ยถามคนที่นอนกระดิกขาเขี่ยโทรศัพท์เล่นอยู่บนโซฟาตัวโตตั้งเด่นภายในห้องทำงาน
"เบื่อๆ น่ะ วันนี้ผมว่าง" เจ้าของคำตอบคือ นนท์ หรือ รชานนท์ หลานชายคนเล็กของตะกูลเทพารักษ์ รักอิสระ ไม่ชอบผูกมัด ร่าเริงและค่อนข้างเป็นคนอารมณ์ดี
"เมื่อไหร่จะเข้าไปทำงานล่ะ รู้สึกว่าพี่ถามคำนี้บ่อยแล้วนะ"
"พี่ควรเลิกถามนะ เอาเป็นว่าผมพร้อมเมื่อไหร่ ผมจะเป็นฝ่ายเดินหล่อๆ เข้าไปที่บริษัทด้วยตัวเอง" เจ้าของคำพูดใช้น้ำเสียงจริงจังพลางเก๊กหล่อ พลอยทำให้คนฟังส่ายหน้าไปมาเบาๆ
"ในเมื่อเราให้คำตอบแบบนี้กลับมาทุกครั้ง ย่าว่านนท์ควรทำอย่างอื่นก่อนไปทำงานแบบจริงจังนะ"
หมับ~
เสียงประกาศิตส่งผลให้สองหนุ่มหันขวับ แน่นอนว่า คนที่นอนเหยียดตัวยาวดีดตัวลุกจากโซฟาทันที
"คุณย่า คุณย่ากลับมาแล้วเหรอครับ มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ กำหนดกลับคือสัปดาห์หน้าไม่ใช่เหรอครับ ทำไมถึงกลับเร็วนักล่ะ"
"ถ้าย่าไม่รีบกลับ ถ้าย่าบอกก่อนว่าจะกลับ ย่าก็ไม่รู้น่ะสิว่าหลานตัวดีไม่ได้คิดที่จะทำงานที่ย่ารักเลย"
"โถ่คุณย่าครับ มันไม่ใช่แบบนั้นเลยนะครับ" ขายาวมั่นคงก้าวฉับขยับตัวเข้าไปหาผู้เป็นย่า
ทันทีที่เข้าไปประชิดลำตัวท่อนแขนแกร่งรีบสวมกอด พลอยทำให้คนที่มองอยู่อมยิ้มออกมา
"ทำไมล่ะ ทำไมถึงไม่อยากสานต่องานที่ย่ารักนัก เพราะไม่อยากเห็นแม่ดาราขาวีนที่ประกาศแต่งงานแบบสายฟ้าแลบนั่นน่ะเหรอ?" คำถามแบบตรงไปตรงมาทำคนถูกถามหน้างอ รชานนท์สวมกอดร่างของคุณย่าเอาไว้แน่น ซุกใบหน้าเข้าหาไหล่บางอย่างกับเด็กที่กำลังงอแง
"ไม่พูดถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้วได้ไหมครับ"
"ย่าดีใจนะที่นนท์ไม่แยแส และไม่ผันตัวไปเป็นพระเอกดังเพื่อที่จะให้ยัยดาราที่ชื่อว่ามัทนากลับมาหา ในเมื่อหล่อนเลือกพระเอกดังที่เล่นละครด้วยกันแล้วมาบอกเลิกหลานชายย่า ย่าว่านนท์ก็ไม่ควรแคร์"
"ผมไม่ได้แคร์มัท... ผมไม่ได้แคร์ผู้หญิงคนนั้นแล้วครับ" รชานนท์ปั้นสีหน้าเรียบเฉย ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ เลย ขณะที่กำลังพูดถึง มัทนา หญิงสาวเจ้าของหน้าตาสะสวยซึ่งเป็นคนรักเก่าของเขา
แน่นอนว่า สาเหตุที่เลิกกัน เธอปลูกต้นรักกับพระเอกหนุ่มที่เล่นละครด้วยกัน ทิ้งผู้ที่อยู่เบื้องหลังอย่างเขาอย่างไม่ใยดี
"ถ้านนท์ยืนยันว่าไม่ได้แคร์แม่ดาราคนนั้นแล้ว หมายความว่านนท์ก็คงจะพร้อมเปิดรับผู้หญิงคนใหม่ที่คู่ควรและเหมาะสมกว่า?" สองหนุ่มพี่น้องหันมองหน้ากัน
ธนินไหวไหล่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ในขณะที่ผู้ที่กำลังจะถูกคลุมถุงชนถึงกับกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ
"คุณย่าครับ..."
"ผู้หญิงคนนั้นชื่อกระต่าย ชื่อจริงคือกตัญญู สวย สดใส นิสัยดี ที่สำคัญกตัญญูสมชื่อ"
"คุณย่าจะจับคู่ให้ผมงั้นเหรอครับ แต่นี่มันไม่ใช่ยุคที่จะมาคลุมถุงชนแล้วนะครับ"
"ใจจริงย่าอยากให้หนุ่มๆ ทั้งสองคนของย่าแต่งงานและมีครอบครัวที่สมบูรณ์นะ..." ทั้งธนินและรชานนท์มองหน้ากัน หนุ่มๆ ของคุณย่าก็มีแค่พวกเขาสองคน
"ธนินโตแล้ว รับผิดชอบงานได้ดีจนย่าคิดว่าสามารถเลือกคู่ครองที่ดีๆ ให้ตัวเองได้ แต่กับนนท์..."
"คุณย่าครับ..."
"ถ้ารักย่า เปิดใจให้ผู้หญิงที่ย่าชอบได้ไหมลูก อย่างน้อยๆ การที่นนท์ทำตามคำขอของย่ามันก็ทำให้ย่ารู้ว่า นนท์ลืมแม่ดาราคนนั้นได้แล้วจริงๆ"