“ไม่ ไม่ ม่ายยยย…” อารดาดิ้นรนต่อต้านสุดฤทธิ์ ขณะตะโกนปฏิเสธยาวเหยียด รวบรวมพละกำลังผลักไสไหล่กว้างเพื่อรักษาระยะห่างจนเป็นผล ก่อนจะตบท้ายด้วยการถีบยอดอกแกร่งสุดแรงเกิด
“โอ๊ย!” เสียงหวานอุทานลั่น พร้อมหลุดออกจากภวังค์ เมื่อกระเด็นตกจากเตียงลงมานอนแอ้งแม้งอยู่กับพื้น ครั้นได้สติแม่สาวเชยก็ลืมตาโพลงขึ้นในความมืด
หลังจากสูดปากครางน้อยๆ ด้วยความเจ็บ อารดาก็พยุงกายลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล แล้วก้าวไปหย่อนสะโพกกลมกลึงลงบนเตียง คลำหาแว่นมาสวม ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟ แล้วกวาดสายตาสีนิลมองหาชายปริศนาที่มาพร้อมกับความมืดมิดของราตรีกาล ทว่ากลับพบแต่ความว่างเปล่า ก่อนจะฉุกคิดขึ้นได้ จึงมองสำรวจห้องนอนของตัวเองอย่างละเอียดถี่ถ้วน ปรากฏว่าประตูปิดสนิท ส่วนสภาพห้องก็เรียบร้อยเหมือนก่อนที่เธอจะเข้านอนไม่มีผิดเพี้ยนแต่อย่างใด และที่สำคัญเสื้อผ้าบนกายเธอก็ยังอยู่ครบ
“นี่เราฝันไปเหรอเนี่ย ฝันเป็นตุเป็นตะ แต่ทำไมมันถึงได้เหมือนจริงขนาดนี้นะ ให้ตายเถอะ!” หญิงสาวพึมพำกับตัวเองเบาๆ แล้วถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกที่ทุกอย่างไม่ใช่ความจริง แต่ยังไม่วายหน้าแดงแปร๊ดอย่างกระดากอายกับความฝันอันสุดแสนสัปดน
“คนมีเซ็กส์กันมันต้องเหนื่อยขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย” เสียงหอบนิดๆ บ่นอุบ เพราะยังไม่หายเหนื่อยจากความฝันบ้าๆ นั่น ขณะปาดหยาดเหงื่อออกจากใบหน้าพริ้มเพรา ก่อนจะทำตาโตเท่าไข่ห่าน และอุทานลั่นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเมื่อกี้ตัวเองเผลอพูดอะไรออกมา
“บ้าไปแล้วยัยดาด้า คิดอะไรลามกจริงเชียว แต่อี๋…รูปร่างของเขายังติดตาเราอยู่เลย เอ่อ…แบบว่ามัน ‘ใหญ่มาก’ ใหญ่เท่า…ว้ายตายแล้ว หยุดๆๆ หยุดเลยนะอารดา เธอต้องห้ามคิดลามกเด็ดขาด” ทั้งที่ปากเตือนตัวเองอย่างนั้น แต่สมองอันชาญฉลาดกลับจดจำสรีระของเขาได้อย่างติดตา แถมดวงหน้าสวยหวานยังต้องมาเห่อร้อนจนแทบไหม้เมื่อกระหวัดคิดไปว่าในฝันเขาทำอะไรกับเธอบ้าง
“ให้ตายสิ อีตาบ้านั่นเป็นเจ้ากรรมนายเวรของเราหรือไงกัน ถึงได้ตามมาจองล้างจองผลาญถึงในฝันแบบนี้” สาวเจ้าบ่นอุบอย่างหัวเสีย ก่อนจะสะบัดศีรษะแรงๆ เพื่อขับไล่ภาพของผู้ชายกวนประสาทให้หลุดออกไปจากห้วงแห่งความคิด จากนั้นก็ยื่นมือเรียวไปปิดโคมไฟ แล้วล้มตัวลงนอน ทว่าตากลับสว่าง เพราะเรือนร่างกำยำล่ำสันสมชายชาตรี สัดส่วนอันสุดแสนอลังการ และคำพูดห่ามหื่นของเขายังคอยตามมาหลอกหลอนจนเธอนึกอยากกรี๊ดให้ลั่น กว่าจะข่มตาหลับได้ก็ต้องพลิกไปพลิกมาอยู่หลายตลบ
หลังจากรถคันกลางเก่ากลางใหม่ของแอนนา ลีวาร์ด เลขานุการสาวใหญ่ของอารดา วิสเลอร์ มาจอดเทียบเชิงบันไดของคฤหาสน์สุดหรูที่ตั้งตระหง่านอยู่ในย่านชานเมืองไมอามี เจ้านายและลูกน้องก็พากันก้าวลงจากรถ ก่อนจะมีชายร่างยักษ์มาพาพวกเธอทั้งสองคนไปพบกับเจ้าของบ้าน
“สวัสดีค่ะท่าน” หลังจากเดินบ่าตั้งหลังตรงมาหยุดลงตรงหน้าท่านผู้ว่าการรัฐเจสัน แมคเคนซีย์ อารดาก็กล่าวทักทายอีกฝ่ายอย่างสุภาพ ส่วนเลขาฯ คนสนิทก็ค้อมหัวให้ผู้อาวุโสอย่างนอบน้อม
“สวัสดีคุณอารดา คุณแอนนา เอ้า…เชิญนั่ง ตามสบายนะ” เจ้าบ้านกล่าวทักทายแขกด้วยรอยยิ้มกว้าง พร้อมผายมือให้คนทั้งคู่อย่างเป็นกันเอง เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจอกัน แต่อารดาทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางด้านกฎหมายให้นายเจสันมากว่าหนึ่งปีแล้ว ฉะนั้นทั้งสองฝ่ายจึงไม่ใช่คนแปลกหน้าอะไร
“ท่านให้คนไปเชิญดิฉันมาพบในเวลาเช่นนี้ มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ” เมื่อเหลือบมองนาฬิกาเรือนหรูบนฝาผนังห้องปรากฏว่าเป็นเวลาเกือบสี่ทุ่มแล้ว ทนายความสาวมือฉมังจึงไม่รอช้าที่จะถามไถ่ไปถึงธุระของอีกฝ่าย เพราะรู้สึกเกรงใจคนที่มีภาระต้องดูแลแม่วัยชราอย่างแอนนา
“ผมอยากให้คุณช่วยว่าความคดีนี้ให้หน่อย” ท่านผู้ว่าการรัฐกล่าว พลางยื่นหนังสือพิมพ์ไปให้คนที่นั่งอยู่ในฝั่งตรงข้าม อารดารับมา แล้วกวาดสายตาอ่านพาดหัวข่าวในหน้าหนึ่ง
ชายวัยห้าสิบดับอนาถคาอกสาวรุ่นลูก สาเหตุมาจากการโด๊ปยาเพิ่มสมรรถภาพทางเพศของบริษัทผลิตยาดังอย่างเบอร์ยาน็อฟสกี้กรุ๊ป!
จากนั้นทนายความสาวก็เปิดไปอ่านเนื้อหาของข่าวอย่างละเอียดถี่ถ้วน จนสมองอันเฉียบแหลมสามารถสรุปใจความสำคัญได้ว่า ข่าวดังกล่าวเป็นคดีระหว่างอภิมหาเศรษฐีเจ้าของบริษัทผลิตยาดังกับคนยากไร้ และคงกำลังจะตกเป็นประเด็นทอล์คออฟเดอะทาวน์อยู่ในขณะนี้ ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้ขึ้นหน้าหนึ่งเป็นแน่
“คดีอาญาคงต้องว่ากันยาวเลยนะคะ” อารดาแสดงความเห็นอย่างมืออาชีพ เพราะพาดหัวข่าวก็บอกแล้วว่าฝ่ายโจทก์ได้รับความเสียหายถึงแก่ชีวิต และเรื่องนี้คงได้ขึ้นโรงขึ้นศาลเป็นว่าเล่นแน่
“เพราะอย่างนี้ไงละ ผมถึงไม่ไว้ใจใคร ยกเว้นทนายความน้องใหม่ไฟแรงอย่างคุณ” สบโอกาสนายเจสันก็เอ่ยเป็นเชิงตะล่อมและเยินยอในตอนท้าย ซึ่งคนโดนชมแบบซึ่งๆ หน้าก็ทำเพียงคลี่ยิ้มบางๆ พอเป็นพิธี
“แล้วท่านจะให้ดิฉันว่าความให้ฝ่ายโจทก์หรือจำเลยคะ” ถึงแม้จะสงสัยกับพฤติกรรมของผู้อาวุโสอยู่บ้างเล็กน้อย แต่หญิงสาวก็เคารพในสิทธิส่วนบุคคล เธอจึงเอ่ยถามเฉพาะสิ่งที่เป็นหน้าที่ของทนายความเท่านั้น
“โจทก์” เจสันเอ่ยสั้นๆ และนั่นก็ทำให้อารดาลอบมองใบหน้าเรียบนิ่งอย่างประหลาดใจ เพราะไม่อยากจะเชื่อว่าอีกฝ่ายจะใส่ใจในทุกข์ร้อนของประชาชนคนยากไร้มากถึงเพียงนี้
“เอ่อ…ขอโทษนะคะ ฝ่ายผู้ตายเป็นญาติของท่านเหรอคะ” ครั้นมิอาจกักเก็บความสงสัยเอาไว้ได้อย่างที่ตั้งใจในคราแรก เสียงหวานจึงอ้อมแอ้มถามไถ่
“ไม่ใช่หรอก แต่เขาเคยทำงานรับใช้ผม พอญาติของเขาบากหน้ามาขอร้องให้ผมช่วยเหลือ ผมก็เลยไม่รู้ว่าจะปฏิเสธยังไง อีกอย่างก็นึกสงสารด้วยแหละ” นายเจสันอธิบายอย่างสุขุม ก่อนจะเอ่ยเร่งเร้า “ว่ายังไงล่ะคุณอารดา พอจะรับว่าความได้ไหม”
“เอ่อ…” ด้วยความที่มีงานล้นมืออยู่มาก อารดาจึงคิดว่าจะหาทางเลี่ยง คดีใหญ่เช่นนี้จะทำให้เกิดความยืดเยื้อและได้ค่าตอบแทนค่อนข้างสูงก็จริง แต่เธอต้องเหนื่อยจนสายตัวแทบขาด เพราะแต่ละงานที่ทำอารดาจะทุ่มสุดตัวจนลูกความของเธอชนะคดีมานักต่อนัก
“ช่วยหน่อยเถอะนะคุณอารดา เห็นแก่คนยากคนจน หรือจะถือว่าช่วยผมก็ได้” เมื่อสังเกตว่าอีกฝ่ายดูท่าจะไม่ตกลงรับงานนี้ง่ายๆ ท่านผู้ว่าการรัฐก็เอ่ยขอร้องเสียยกใหญ่ อีกทั้งยังหยิบเอาคำพูดที่รู้ดีว่าคนขี้สงสารอย่างเธอจะไม่มีทางปฏิเสธได้มาโน้มน้าวจิตใจ
“งั้นก็ได้ค่ะ แต่ต้องรบกวนให้ญาติของผู้ตายเข้าไปพบดิฉันที่สำนักงานทนายความด้วยนะคะ มีเรื่องต้องสอบถามเยอะเลยทีเดียว” สุดท้ายอารดาก็ใจอ่อนตกปากรับคำ ทำให้คนที่นั่งเงียบๆ ฟังบทสนทนามาโดยตลอดอย่างแอนนาถึงกับส่ายหัวน้อยๆ อย่างยอมแพ้ให้กับความใจบุญของเจ้านายสาว
“โอเค ผมจะบอกให้พวกเขาไปพบคุณให้เร็วที่สุด เออ…เกือบลืมบอกไปแน่ะ ว่าผมไม่ได้ขอให้คุณช่วยฟรีๆ นะ แต่มีค่าตอบแทนให้ด้วย คุณมาเรียกเก็บกับผมได้เลย เพราะผมรับปากกับพวกเขาแล้ว คงจะต้องช่วยให้ถึงที่สุด” วาจาที่หลุดออกมาจากปากผู้อาวุโสทำให้สองสาวต่างหูผึ่ง และลอบทำหน้าเหลือเชื่อ เพราะไม่คาดคิดว่านายเจสันจะยอมลงทุนควักเงินในกระเป๋าของตัวเองเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ก่อนที่อารดาจะเป็นคนตอบกลับ
“ค่ะท่าน”
“ผมคงต้องฝากความหวังไว้ในกำมือคุณแล้วละ เพราะฝ่ายจำเลยมีอิทธิพลสูงและเงินหนามาก บางทีการล้มคดีอาจจะทำได้ไม่ยากเลยทีเดียว” ผู้ว่าการรัฐเอ่ยฝากฝังอย่างจริงจัง
“มีอิทธิพลและรวยขนาดไหนก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย และถ้าทำผิดก็ต้องถูกลงโทษสถานเดียวค่ะ” ทนายความสาวกล่าวอย่างหนักแน่นระคนเฉียบขาด ขณะลอบมองสีหน้าอ่านยากของคู่สนทนาเป็นระยะ
“ผมคิดไม่ผิดเลยจริงๆ ที่เลือกคุณมาทำงานนี้” นายเจสันกระตุกมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวอย่างยิ้มๆ หลังจากนั้นอารดากับแอนนาก็ขอตัวกลับ โดยมีเจ้าบ้านเดินไปส่งที่หน้าคฤหาสน์แมคเคนซีย์
“พี่แอนนาจัดการหาข้อมูลของคนในข่าวด้วยนะคะ เอาทั้งฝ่ายโจทก์และฝ่ายที่ตกเป็นจำเลย” ทันทีที่รถเคลื่อนตัวพ้นประตูอัลลอยอารดาก็สั่งงานเลขาฯ สาวใหญ่ทันที
“ได้ค่ะน้องดาด้า แต่น้องดาด้าไม่สงสัยบ้างเหรอคะ ว่าทำไมท่านผู้ว่าการรัฐเจสันถึงได้ดูใจดีกับคนยากไร้จนผิดปกติ ทั้งที่แต่ก่อนท่านออกจะไม่เห็นหัวใคร ถึงแม้จะเป็นคนมีความสามารถและเป็นที่น่ายกย่องก็ตามเถอะ” แอนนาพยักหน้ารับคำสั่ง ก่อนจะตั้งข้อสันนิษฐาน และถามกลับอย่างใคร่รู้
“นั่นแหละค่ะคือสิ่งที่ดาด้ากำลังสงสัย และจะต้องสืบจนรู้ให้ได้ในเร็ววัน” ทนายความสาวจอมจับผิดประกาศอย่างแน่วแน่ เพราะถ้าหากคดีนี้ไม่ชอบมาพากล เธอจะไม่เอาตัวเข้าไปพัวพันให้เสื่อมเสียชื่อเสียงเป็นอันขาด
“แหม…น้องดาด้าน่าจะเปิดสำนักงานนักสืบด้วยนะคะ จะได้คิดค่าเหนื่อยรวบสองเท่าไปเลย” แอนนาสัพยอกเจ้านายสาวเสียงกลั้วหัวเราะ
“พี่แอนนาอย่ามาแซวดาด้าหน่อยเลยค่ะ ถ้าดาด้าเกิดบ้าจี้ทำอย่างนั้นขึ้นมาจริงๆ พี่แอนนานั่นแหละจะลำบาก เพราะต้องควบตำแหน่งผู้ช่วยนักสืบไปโดยปริยาย” อารดามองค้อน แล้วสวนกลับอย่างยิ้มๆ
“งั้นน้องดาด้าก็จงทำตัวเป็น ‘ทนายความเทวดา’ อย่างนี้ต่อไปเถอะค่ะ” เลขานุการคู่ใจเอ่ยเย้าอย่างนึกขัน ทั้งยังอยากจะขอคารวะให้กับความใจบุญของอีกฝ่ายเสียจริง เพราะหลายต่อหลายครั้งอารดาได้ตามสืบเรื่องให้ลูกความของตัวเองแบบฟรีๆ ทั้งที่ควรจะให้พวกเขาไปจ้างนักสืบเอง
จากนั้นทั้งรถก็ตกอยู่ในความเงียบ เพราะแอนนาเพ่งสมาธิกับการจราจรบนท้องถนน ส่วนทนายความสาวก็กำลังนั่งคิดหมกมุ่นถึงเรื่องคดีความที่เพิ่งตกลงปลงใจว่าจะทำ ทว่าไม่นานสมองน้อยๆ ก็ถูกดึงไปสู่ความฝันอันแสนบ้าบอคอแตกซึ่งเกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา
‘มอบพรหมจรรย์ให้ผมเถอะนะทูนหัว ผมสัญญาว่าจะพาคุณไปพบกับความหฤหรรษ์ ที่ทั้งสนุกสุดเหวี่ยงและเสียววาบยิ่งกว่านั่งรถไฟเหาะตีลังกาเสียอีก’ เสียงห้าวเจือแหบที่ยังก้องในหูไม่สร่างซา และติดหนึบอยู่ในห้วงความทรงจำ ทำให้แม่สาวไร้เดียงสาอดขนลุกไม่ได้
“ให้ตายสิยัยดาด้า เธอกำลังคิดบ้าอะไรอยู่เนี่ย!” จู่ๆ เธอก็เผลอเอ็ดตัวเองเสียงดัง จนคนที่กำลังขับรถอยู่ถึงกับสะดุ้งโหยง แล้วเหล่ตามองหน้าเจ้านายสาวด้วยความประหลาดใจ
“น้องดาด้าเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” แอนนาถามอย่างนึกเป็นห่วง
“ดาด้าปกติดีค่ะพี่แอนนา เมื่อกี้ก็แค่คิดอะไรเพลินไปหน่อยเท่านั้นเอง” ทนายความสาวมากความสามารถรีบปั้นหน้านิ่งกลบเกลื่อนมาดหลุดของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยแก้ตัวอย่างน้ำขุ่นๆ จากนั้นก็เฉไฉชวนอีกฝ่ายคุยเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อย จนรถมาหยุดลงตรงหน้าสำนักงานทนายความวิสเลอร์ หลังจากกล่าวราตรีสวัสดิ์สารถีสาวใหญ่ อารดาก็ก้าวลงจากรถของอีกฝ่าย แล้วเดินลิ่วไปขับน้องเขียวสะอื้นกลับบ้านทันที