ขณะที่ชายหนุ่มกวาดไล้เลียทั่วเนินสวาทและปาดไล้ต่ำลงมา ชาลิตารีบเอ่ยห้าม ด้วยความที่มันน่ารังเกียจถ้าเขาจะกลืนกินไปมากเกินกว่านี้
“คุณครามคะ มะ ไม่ต้อง”
“เปลี่ยนจากห้ามฉันแล้วมาครางหวานๆ ดีกว่าทูนหัว”
พูดจบกระดกปลายลิ้นร้อนชื้นเข้าไปข้างโพรงร้อน ดูดกลืนเอากลุ่มน้ำหวานมหัศจรรย์ลงผ่านลำคอแห้งผาก พร้อมกับทำการเม้มกลีบดอกไม้สาวสีสวยอย่างมันเขี้ยว
“อูยยย...คุณครามขา... อ๊าซ์...อ๊าซ์...ซี้ดส์...”
“ชอบหรือเปล่าคนสวย”
พูดจบคนตัวใหญ่ที่หิวโซมานานหลายชั่วโมง รีบจัดการตนเองแล้วฝังลำกายร้อนผ่าวเข้าไปทักทาย เข้าไปได้ครึ่งทางร่างบางถึงกับสะดุ้งและครางกระเส่า
“อ๊าซ์...”
บิดกายเกลียวด้วยความทรมานระคนคับแน่น เมื่อช่วงเวลาถัดมาคามินทร์ได้กระแทกท่อนลำอวบใหญ่ไร้กระดูกทว่าแข็งขึงเข้าไปจนหมดความยาวเหยียดมหัศจรรย์
“อ๊าส์...อ๊าส์...”
ชายหนุ่มหยุดแช่เอาไว้ จวนผ่านไปสักพักถึงได้โยกขยับ ครั้นแม่คุณเริ่มไม่อยู่นิ่ง
“แน่นเหลือเกินคนสวย โอ้ว...” ร้องครางพร้อมบดกระแทกความมหัศจรรย์เข้าออก ขณะมือร้อนบีบขยำแก้มก้นนุ่ม พร้อมประกบกลีบปากร้อนดูดเม้มทั่วลำคอผ่อง ก่อนจะก้มลงมาหาเจ้าดอกบัวตูมคู่แฝดรสหวามหวาน
“อ๊า... คุณครามขา...” สะโพกอวบอัดยักย้ายส่ายสะบัดด้วยความทรมานสุดทน พร้อมกับคนตัวใหญ่ที่เร้าเร่งจังหวะจะโคนให้ถึงใจ
กระแทกเข้าออกอย่างรุนแรง บ่าไหล่กว้างแกร่งโดนกลุ่มเล็บคมจิกข่วนระบายความเสียวซ่านอย่างทรมาน
“อีกเดี๋ยวชาลิตา อีกเดี๋ยว โอว...” คามินทร์ก็ทรมานไม่แตกต่างกัน เมื่อเขานั้นระรัวเข้าหาดอกไม้งามไม่มีหยุดยั้ง กระทั่งดอกไม้งามตอดรัดตุบๆ ชายหนุ่มยังคงยกโยกสะโพกสอบเข้าออกไม่หยุดหย่อน
ชาลิตากัดฟันเม้มปากด้วยความทรมานสุดทน เผยอเรียวปากพ่นเสียงหวานเร้าเร่งอย่างลืมอาย
“เร็วอีกค่ะ คุณคราม อ๊าซ์... อ๊าซ์... อ๊ายยย!” สิ้นเสียงกรีดร้องครางยาว ชาลิตาตวัดเรียวแขนกอดรั้งลำคอแกร่ง ซุกหน้าซบอกกว้างกระด้าง ขณะที่ชายหนุ่มนั้น ห่ำหั่นสะโพกยิกๆ จวนในเวลาไม่กี่อึดใจต่อมา เขาก็ตามเธอไปสรวงสวรรค์อันงดงาม...
“อา...”
“คุณครามทำอ๊ะ! อ๊า! อะไรหรือคะ”
ชาลิตาเอ่ยถามครั้นเขายังไม่สวมเสื้อผ้า ทั้งยังพาเธอมาที่โซฟาตัวใหญ่
“ก็รักเธออีกรอบไงชาลิตาคนสวย” พวงแก้มใสทั้งสองข้างแดงระเรื่อ เมื่อเจอคำหยอดหวานๆ จากเขา และสาวเจ้ามารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ตัวตนอวบใหญ่ของเขาโยกขยับอยู่ในกาย
“อ๊ะ อูยยย...คุณคราม...เชอร์รี่ไม่ไหวแล้วค่ะ... ได้โปรด...อา...”
“ฉันอยากเป็นม้าให้เธอขึ้นขี่ ฉันอยากเห็นเธอเป็นจ๊อกกี้...คนสวย” พูดจบจับร่างบางขึ้นนั่งควบขี่ด้านบน ขณะที่คนหื่นนั้นไม่รั้งรอให้หญิงสาวเอ่ยอุทธรณ์ใดๆ ฝ่ามือใหญ่ร้อนพร่ำสอนหญิงสาวให้เป็นงานอย่างคล่องแคล่วว่องไว
“อย่างนั้นล่ะเชอร์รี่ อา...”
“คุณครามขาเชอร์รี่อึดอัด” ไม่เพียงพูดเปล่า หากแต่แม่คุณกัดปากอย่างเซ็กซี่เย้ายวน จวนอาชาหนุ่มผู้แข็งแกร่งต้องยกร่างขึ้นมาแล้วยื่นปากจุมพิตพลางเอ่ยกระซิบข้างซอกหูผ่อง
“ถ้าอึดอัดก็กางขาออกกว้างๆ สิครับ อา อย่างนั้นล่ะคนเก่ง” คนไร้เดียงสาทำตามอย่างว่าง่าย ก่อนจะตอกย้ำกายบดเข้าหา แหงนเชิดหน้าเผยอปากเรียวกระจับครวญครางเสียงดังกระเส่า
“อ๊า... เชอร์รี่ อูยยย... ซี้ดส์...”
“โยกอย่างนั้นล่ะครับ อา...” เมื่อทำตามที่เขาสอนสั่งแล้วใกล้ถึงฝั่งฝัน สาวเจ้าก็โหมกระหน่ำเข้าใส่ไม่มียั้ง ขณะมือหนาที่รั้งเรือนสะโพกมนสวยนั้นบีบขยำเพิ่มความเสียวกระสันไม่มีหยุด
จวนมาถึงจังหวะสุดท้าย คามินทร์รีบผลักกายขึ้นเป็นผู้นำ ตอกย้ำความแกร่งกล้าอลังการเข้าหาหญิงสาวอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นจับจูงมือกันโบยบินขึ้นไปยังท้องนภาแสนสวยงาม ล่องลอยอยู่บนนั้นอย่างมีความสุข...
มองผ่านออกไปยังหน้าต่าง เห็นแค่แสงนีออนยามค่ำคืนที่เฉิดฉาย ชาลิตาเองก็เพิ่งรู้สึกตัว หลังจากที่เผลอหลับไปเกือบค่อนครึ่งชั่วโมง ซึ่งคามินทร์เองนั้นไม่ยอมปลุก เขายังคงนอนกกกอดร่างอรชรไว้ให้หน่ายหนำใจ เก็บแต้มให้คุ้มพร้อมกับคืนความสุขให้ตนเอง หลังจากที่ทนทรมานมาตลอดทั้งวัน
ครั้นมองเหลือบเห็นนาฬิกาที่วางบนโต๊ะ ชาลิตารีบเด้งกายออกห่างจากคนตัวใหญ่ ในขณะที่คามินทร์นั้นเฝ้าจ้องมองพร้อมเอ่ยถาม
“จะรีบลุกไปไหนล่ะหือ...”
“เออ เชอร์รี่รีบกลับบ้านน่ะค่ะ ตอนนี้ก็มืดแล้ว เดี๋ยวไม่ทันรถประจำทางเที่ยวสุดท้ายค่ะ”
“เดี๋ยวฉันไปส่ง” คามินทร์เอ่ยบอก ขณะที่ชาลิตานั้นยังรั้นที่จะลุกขึ้นไปให้ได้ แต่ทว่ายังติดแหง็กในอ้อมกอดอุ่น
“มะ ไม่ดีกว่าค่ะ เดี๋ยว”
“เดี๋ยวอะไรล่ะ”
“เดี๋ยวคนอื่นเห็นค่ะ” พูดจบก้มหน้างุดเอียงอาย ขณะที่คามินทร์นั้นค่อนข้างพอใจ เมื่อเห็นพวงแก้มใสสองข้างแดงปลั่งเหมือนมะเขือเทศสุกงอม
เขากดปลายจมูกโด่งดอมดมแล้วเอ่ยเสียงแหบพร่า “ไม่มีใครเห็นหรอก... เขาเลิกงานกันหมดแล้ว...”
ซุกไซ้ใบหน้าคม พร้อมขบเม้มอย่างบ้าคลั่ง และนับวันเข้าเขาล่ะไม่อยากห่างเธอไปไหน อยากจะอยู่ใกล้ๆตลอดเวลา แม่เชอร์รี่น้อยแสนหวาน
“อุ๊ย! อย่าค่ะคุณคราม ปล่อยเชอร์รี่นะคะ เชอร์รี่จะแต่งตัว” เตรียมลุกขึ้นยืนเพื่อหาเสื้อผ้าที่หล่นเกลื่อนห้องมาสะสวม ทว่า...
“ยังลุกไหวอยู่เหรอ ไม่ขาสั่นบ้างหรือไง” คำพูดของเขาทำเอาสาวเจ้าอายม้วนต้วน พลางหลุบตามองต่ำ พร้อมขยับเขยื้อนกาย แต่ชายหนุ่มรีบเอ่ยห้ามเอาไว้เสีย
“อยู่นี่ล่ะ เดี๋ยวไปเอามาให้” พูดจบร่างสูงลุกขึ้นยืนแล้วเดินอย่างไม่กระดากอาย เมื่อบนกายชายไม่ได้สวมอาภรณ์ใดๆ ชาลิตาเบือนหน้าหนี
และในระหว่างที่คามินทร์หมุนร่างเดินกลับ มุมปากหยักยกกระตุกและเอ่ยเย้า
“จะอายทำไมหือ... ขนาดฉันยังไม่อายเธอเลย” ก็ใช่ซี้ เขานี่! ไม่ใช่เธอเสียหน่อย
“คนบ้า” เรียวปากสวยบ่นมุบมิบ ทำให้อีกคนเห็นแล้วมันเขี้ยวสุดๆ
“เอ้า! ยกขาขึ้น เดี๋ยวใส่ให้” ไม่เพียงพูดเปล่า หากแต่จับเรียวขาเสลายกขึ้นแล้วสอดผ้าผืนบางเข้าไป ชาลิตาอยากจะเอ่ยห้ามแต่ทว่าคนเผด็จการไม่ยอมเปิดโอกาสให้เธอเสียเลย
“เอ่อ”
“ถ้าดื้อไม่เลิกฉันจะ ‘ปล้ำ’ อีกรอบ”
เสียงเข้มที่พ่นออกมาทำให้หญิงสาวถึงกับนิ่งเป็นหุ่น และยอมจำนนให้เขาจับแต่งตัว หญิงสาวได้แต่นั่งมองเขาทำตาปริบๆ บ้างก็สะดุ้งตื่นตกใจ เมื่อครั้นพ่อคนมือไวฉวยโอกาส จับนู่นบีบนี่ และกว่าจะเสร็จเรียบร้อยดีนั้น ทำเอาหญิงสาวหน้าแดงแล้วแดงอีก กินเวลาไปร่วมสิบกว่านาที
“เดี๋ยวฉันไปส่ง” เสียงเข้มเอ่ยขึ้น หลังจากที่เดินออกมาจากห้องทำงานใหญ่พร้อมกัน ทำให้ชาลิตาต้องขยับปากเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“คุณครามมีนัดทานข้าวกับลูกค้าไม่ใช่หรือคะ” จริงอย่างที่เธอว่า เขามีนัดทานข้าวกับลูกค้า แต่ว่าไม่ไปหรอก! เดี๋ยวให้ลูกน้องไปก็ได้ ไปส่งคนที่เดินข้างกายนี่ดีกว่า จะได้รู้ด้วยว่าชีวิตเธอเป็นอย่างไรบ้าง
“ยกเลิกไปแล้ว” บอกปัดออกไป แต่ชาลิตายังสงสัยไม่เลิก
“ตะ แต่นั่นมันการเจรจาครั้งสำคัญ มะ ไม่ใช่หรือคะ” นัยน์ตาคมกล้าตวัดมาจ้องมองพร้อมกระตุกปากหยักอย่างเอาเรื่อง
“ถ้าไม่หยุดพูด ฉันปล้ำเธออีกรอบแล้วปล้ำมันเสียตรงนี้เลย ท่าจะเร้าใจพิลึก!”
“ไม่ค่ะ” พูดจบก้มหน้างุด ขณะที่เรียวปากรูปกระจับบ่นอุบอิบตามประสา ทว่าคามินทร์ไม่ใส่ใจ ฝ่ามือใหญ่รั้งร่างบางเข้ามาไว้ในอ้อมกอดตลอดเวลาที่เดินมายังลานจอดรถส่วนตัว ซึ่งขณะนั้นเองชาลิตาแวบเห็นรถของผู้จัดการเพิ่งวิ่งออกไปจากบริษัท แต่สาวน้อยไม่ทันได้เอ่ยอันใดเพราะเสียงเข้มเอ่ยขึ้นสั่งเสียก่อน
“ขึ้นรถได้แล้ว เดี๋ยวค่ำกว่านี้รถจะติด และถ้าเธอถึงบ้านช้าอย่าว่าฉันนะ”
“เออ” ชาลิตาลังเล พร้อมทำท่าทีจะปฏิเสธ
“ไป! ขึ้นรถ” พูดจบ ผลักร่างบางขึ้นไปและไม่มีโอกาสให้หญิงสาวได้เอ่ยอะไรออกมา สาวเจ้าได้แต่พยักหน้าและขานรับเสียงแผ่วเบา
“ค่ะ”