บทนำ
บทนำ
เท้าเรียวเล็กบนรองเท้าส้นสูงสีดำสูงสี่นิ้ว ก้าวเดินตามทางเท้าเข้ามายังอาคารใหญ่ของเอ็มพี(MP) กรุ๊ปจำกัด ซึ่งเป็นบริษัทส่งออกปาล์มน้ำมันขนาดใหญ่ของทางภาคใต้ และส่งออกเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ โดยมีผู้คุมบังเ**ยนกิจการดังกล่าวคือ คามินทร์ มหาดิเรกพงศ์พันธ์ หรือคุณครามบุตรชายคนเล็กของบ้านมหาดิเรกพงศ์พันธ์
กิตติศัพท์ในวงการธุรกิจเขาคือ สุดยอดผู้นำยุคใหม่ มีความคิดที่เป็นระบบ บริหารจัดการ พัฒนางานไปอย่างก้าวไกล ทำให้ชายหนุ่มติดทำเนียบนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรงและมีอายุน้อยที่สุด ทว่าอีกด้านคามินทร์คือ เพลย์บอยจอมล่ามีหน้าตาเป็นอาวุธสามารถฉุดกระชากให้สาวน้อยสาวใหญ่ทั้งในและนอกวงการมาสนใจ แล้วพาไปจบความสัมพันธ์ลงที่เตียง
และคามินทร์ก็เป็นเจ้านายจอมเนี๊ยบ เจ้าระเบียบ แสนหฤโหดของเธอนั้นเอง แต่ยังถือว่าโชคดีที่วันนี้เจ้านายออกไปพบลูกค้าอยู่ข้างนอก ทำให้การมาทำงานไม่ตรงเวลาของเธอไม่น่าจะมีปัญหา เนื่องจากว่าชาลิตา ธนากิจ หรือเชอร์รี่ผู้ช่วยเลขาสาวสวยวัยยี่สิบสองปีได้พามารดาไปโรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการผ่าตัดมะเร็งลำไส้ และถือว่าโชคดีที่คุณหมอประจำคนไข้ขันอาสาดูแลมารดาให้ ในช่วงเวลาที่เธอมาทำงาน
ระหว่างเร่งรีบหมายจะเดินข้ามถนนเพื่อเชื่อมมายังตัวอาคารอีกฝั่งซึ่งปลอดการจราจร เนื่องจากเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเจ้านาย แต่ความนึกคิดทุกอย่างต้องดับพรึ่บ! ชั่วพริบตา เมื่อเสียงล้อรถบดกับพื้นถนนดังลั่นบริเวณ พร้อมกลิ่นเหม็นไหม้คละคลุ้ง
เอี๊ยด!!!
ไม่ทันที่หญิงสาวจะเอ่ยคำใด เจ้าของรถหรู BMW ลดกระจกติดฟิล์มดำลงมา แล้วตวาดเสียงแหลมดังแว้ดๆ ต่อว่า
“อยากตายรึไงยะ หล่อน! ถึงได้มาวิ่งตัดหน้ารถฉันอย่างนี้” ชักสีหน้าใส่อย่างไม่ชอบใจกอรปกับที่อารมณ์เสียสุดๆ ในขณะที่ชาลิตานั้นตัวสั่นระริกด้วยความหวาดกลัวระคนตกใจ สาวเจ้ารีบตั้งสติและละล่ำละลักขอโทษขอโพยยกใหญ่
“ดิฉันขอโทษค่ะ ดิฉันไม่ได้ตั้งใจ ดิฉันขอโทษนะคะ”
“ฉันจะฟ้องครามขา ว่าผู้ช่วยเลขาหน้าไม่สวยอย่างหล่อน วิ่งตัดหน้ารถฉัน!” ได้ยินแม่คนขี้ฟ้องร้องขู่ ทำเอาชาลิตาต้องรีบเผยอปากพ่นเสียงหวานเอ่ยห้ามปราม
“ยะ อย่านะคะ” แต่มีหรือที่คุณหนูแสนเอาแต่ใจอย่างแพทริเซียจะสนใจ แม่คุณเชิดหน้าแล้วเลื่อนปิดกระจก พร้อมควบยานพาหนะสุดหรูตรงไปยังลานจอดรถส่วนตัวของเจ้าของบริษัททันที
ทางด้านคนขวัญเสียได้แต่ยืนชะงักและฉุกคิดในใจ ครั้นเรื่องเมื่อครู่ถึงหูเจ้านายล่ะก็เธอไม่รอดแน่! เพราะเขาย่อมเชื่อแฟน(คนปัจจุบัน) อยู่แล้ว!
ศีรษะทุยสวยสะบัดสองสามที จากนั้นจึงนำพาร่างชวนขยี้ตรงไปยังห้องทำงาน...
“ไม่มาเที่ยงเลยล่ะแม่คุ๊ณ” เสียงเข้มพร้อมสายตาดุเอาเรื่องของหัวหน้าฝ่ายบุคคลเอื้อนเอ่ย ขณะจะสืบเท้าเข้ามาในห้องทำงาน
ชาลิตายืนตัวตรง พร้อมกับรีบยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อมระคนรู้สึกผิดกับเรื่องที่โดนเหน็บ
“อะ เอ่อ สวัสดีค่ะคุณบังอร เชอร์รี่ต้องขอโทษทีค่ะ พอดีเชอร์รี่ติดธุระนิดหน่อยน่ะค่ะ”
“ฉันจะรายงานเรื่องนี้ให้คุณครามทราบ เพราะเดือนนี้เธอมาสายติดกันสามครั้งแล้ว” น้ำเสียงเอาจริงและสายตาน่าหวาดกลัวนั้น ทำเอาผู้ช่วยเลขาสาวถึงกับก้มหน้าแต่มิวายเอ่ยบอก
“แต่เชอร์รี่มีธุระจริงๆนะคะ”
หัวหน้าฝ่ายปกครองได้ยินแล้วเชิดหน้าพลางบอกปัดเสียงห้วน
“ช่างสิ! ไป๊! ไปทำงานได้แล้ว”
ชาลิตาพยักหน้ารับทราบ แล้วเดินไปยังโต๊ะทำงานของตนอย่างเงียบๆ
ผู้ช่วยเลขาสาวคนสวยนั่งทำงานไปสักพัก และระหว่างที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ อยู่นั้น เสียงเรียกเข้ามือถือส่วนตัวพลันสั่นเตือนเมื่อมีสายเรียกเข้า
ครืดๆ ครืดๆ
ด้วยหัวใจที่ประวิงตลอดเวลาทำให้หญิงสาวชะโงกหน้าไปมอง และเบอร์ที่ปรากฏบนหน้าจอก็ทำให้เธอไม่สามารถปฏิเสธได้ มือบางรีบคว้าเครื่องมือสื่อสารมากดรับสาย
“สวัสดีค่ะคุณหมอ” กรอกเสียงหวานทักทาย
“สวัสดีครับคุณชาลิตา ตอนนี้คุณแม่ของคุณปลอดภัยแล้วนะครับ” คุณหมอเจ้าของไข้รายงานผลการผ่าตัดให้หญิงสาวได้ทราบข่าว หัวใจดวงน้อยที่คอยเป็นห่วงมารดานั้นชื้นขึ้นมาเป็นกอง หลังจากที่ต้องทนกังวลนานหลายชั่วโมง
“เชอร์รี่ขอบคุณคุณหมอมากๆค่ะ เดี๋ยวเลิกงานเชอร์รี่จะรีบไปหานะคะ อย่างไรเชอร์รี่รบกวนฝากคุณหมอดูแลคุณแม่ด้วยนะคะ”
“ครับผม”
ได้ยินคำขานรับจากคุณหมอผู้ใจดี ใบหน้างามถึงกับแย้มยิ้มกอรปกับดีใจที่มารดาของตนนั้นปลอดภัยทำให้หญิงสาวมีความสุขที่สุด
ในจังหวะที่ลดเครื่องมือสื่อสารลงห่างหู เสียงเข้มคุ้นเคยพลันเอ่ยดังขึ้นเหนือศีรษะ
“ไง คุยธุระเสร็จหรือยัง” ชาลิตารีบกดวางสาย แล้วค่อยๆ แหงนหน้ามอง “อะ เอ่อ เจ้านาย!” หัวใจดวงน้อยที่พองโตเมื่อครู่ เหี่ยวแฟบลงชั่วพริบตาเมื่อเห็นสีหน้าแววตาเอาเรื่องของเจ้านายหนุ่มหล่อ
ด้านคามินทร์ก็กรุ่นไม่น้อย หลังจากที่ตนไปส่งแฟนสาวแล้วกลับเข้ามาเห็นผู้ช่วยเลขาเอาเวลาทำงานไปนั่งคุยโทรศัพท์แล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“ใช่! ฉันเอง รู้ใช่ไหมว่าเวลางานห้ามคุยโทรศัพท์” เรียวปากหยักสีกุหลาบสดกระตุกเอ่ยถาม ชาลิตาได้ยินแล้วแทบอยากจะมุดหัวและแทรกตัวลงไปหลบซ่อนใต้ตู้ ณ บัดนั้น แต่ทว่า...
“รู้ค่ะ แต่เมื่อครู่เชอร์รี่คุยธุระ อะ เอ่อ”
“ธุระอะไร ทำไมต้องพูดจาคะ ขา หัวเราะเริงร่าอย่างมีความสุขแบบนั้น ฉันจะหักเงินเดือนๆนี้ของเธอชาลิตา” ตัดบทด้วยการเอ่ยประโยคทำร้ายจิตใจคนฟังสุดๆ
หักเงินเดือนงั้นเหรอ? แล้วเธอจะเอาเงินที่ไหนไปตัดดอกเบี้ยเจ้เจี๊ยบล่ะ? เวรแล้วไง!
“ไม่นะคะเจ้านาย เชอร์รี่ไม่ได้ตั้งใจ เชอร์รี่ขอโทษ เชอร์รี่จะไม่ทำอีก เชอร์รี่ขอร้องล่ะค่ะ เจ้านายอย่าหักเงินเดือนเชอร์รี่เลยนะคะ” อ้อนเจ้านายเสียงหวาน พร้อมกับใบหน้างามซีดเผือดด้วยความตกใจ ทว่าคามินทร์หาได้สน ซ้ำชายหนุ่มยังเอ่ยทวนกฏเหล็กของบริษัทให้ผู้ช่วยเลขาสาวคนสวยฟังอย่างชัดเจน
“กฎของบริษัทห้ามคุยโทรศัพท์ส่วนตัวในเวลางาน แต่เธอไม่ยำเกรง เอาโทรศัพท์ขึ้นมาคุยเล่น มันใช้การณ์ได้ที่ไหนล่ะ” นัยน์ตาคมกริบที่ทอดมองลงมา ทำเอาชาลิตาหัวใจไหวหวั่นด้วยความหวาดกลัว
“แต่ว่าเชอร์รี่คุยธุระสำคัญจริงๆ นะคะ” มุมปากหยักกระตุกยิ้มหยัน พลันถามเชิงประชดประชันกลับไปว่า
“ธุระสำคัญอะไรล่ะฮึ! นัดกับผู้ชายงั้นเหรอ!” ชาลิตาเผยอปากเตรียมตอบ ทว่าไม่ทันเสียเมื่อคนกำลังกรุ่นเอ่ยแทรกขึ้นก่อน “อ้อ! แล้วเมื่อเช้าเข้างานสาย แถมยังก่อคดีเอาไว้อีก แล้วยังไม่นับรวมกับที่ลางานบ่อยๆ นั่นอีกนะ”
แน่นอนว่าคุณบังอรต้องรายงานความประพฤติของเธอให้เจ้านายรับทราบ แล้วไหนจะคุณแพทตี้จอมขี้ฟ้องนั่นอีก! ทว่าผู้ช่วยเลขาสาวเพียงแค่คิดในใจไม่ได้เอ่ยถึงคนอื่นออกมาให้เขาได้ยิน เว้นแต่การกล่าวบอกว่าสิ่งที่ชายหนุ่มกำลังเข้าใจนั้นมันไม่ใช่ความจริง
“คือเชอร์รี่มีธุระจริงๆ นะคะ” คามินทร์ได้ยินคำแก้ต่างแล้ว กระแทกเสียงห้วนตอบโต้
“ฉันไม่เชื่อ! อย่างไรซะ เงินเดือนๆ นี้โดนหัก 30%”
“จะ เจ้านาย” ครางเสียงแผ่วพร้อมกับทำหน้าอ้อนวอนขอความเห็นใจ ทว่าคามินทร์ไม่แยแส
“ถือว่าฉันใจดีมากๆนะที่ไม่หักถึง 50% และพึงระลึกไว้เสมอว่าฉันจ้างเธอมาทำงาน มิใช่จ้างให้มานั่งคุยโทรศัพท์กับหนุ่มๆ ถ้าฉันเห็นอีกล่ะก็! ไม่ใช่แค่หักเงินเดือน แต่ฉันจะไล่เธอออกทันที!”
“ค่ะ” ชาลิตาขานรับเสียงแผ่วเบา ขณะที่เจ้าของร่างสูงนั้นเดินกระแทกฝีเท้าหนักแน่นเข้าไปข้างในห้องทำงานของตนด้วยความกรุ่นโกรธ ในขณะเดียวกันพนักงานที่ผ่านมาเห็นเข้าต่างก็หันไปซุบซิบนินทา ชาลิตาได้แต่เม้มปากเป็นเส้นตรงด้วยความอดทนระคนเจ็บใจ
คุยธุระเรื่องมารดาป่วย โดนหักเงินเดือน!
“เฮ้อ!” สาวเจ้าถอนหายใจเสียงดัง ก่อนจะตั้งใจทำงานตรงหน้าให้แล้วเสร็จก่อนจะพักเที่ยง...