บทที่ 4 : อุปสรรครัก (1)

1297 Words
ดาวเรืองที่ไม่รู้จะไปไหนหรือทำอะไรเลยเดินออกมาสูดอากาศอยู่ที่สวนหลังบ้าน เธอเดินชมนกชมไม้อย่างอารมณ์ดี ก่อนที่จะได้ยินเสียงของใครคนหนึ่งดังมาจากทางด้านหลัง “นี่เธอเป็นใคร มาอยู่ที่บ้านของฉันได้ยังไง” หยิงสาวค่อยๆ หันมาทางต้นเสียง แล้วก็พบกับชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าขาวตี๋ การแต่งตัวก็ออกไปทางวัยรุ่นเกาหลี ประเมินจากสายตาดูแล้วเขาก็น่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ “บ้านของนายอย่างนั้นเหรอ เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า” หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้นสูงถาม พร้อมกับยกมือขึ้นมากอดอก ขณะที่ใช้สมองคิดประมวลอยู่ว่าชายคนดังกล่าวเป็นใคร เพราะตั้งแต่เธอเหยียบเข้ามาในบ้านนี้ก็ไม่เคยเห็นหน้าอีกฝ่ายเลยสักครั้งเดียว ถ้าหากจะบอกว่าเป็นลูกแม่บ้าน หรือคนสวนแถวนี้ก็ไม่น่าจะใช่ เพราะผิวพรรณการแต่งตัวบ่งบอกถึงสถานะอันสูงส่งของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี “ฉันเนี่ยนะเข้าใจผิด บ้านนี้ และหลังอื่นๆที่อยู่ในรั้วนี้เป็นของตระกูลฉันทั้งหมด รวมทั้งหลังที่เธอกำลังเดินออกมาด้วย” ชายหนุ่มอธิบายพร้อมกับชี้ไปที่รอบๆ แล้วหยุดอยู่ตรงบ้านหลังปีกซ้ายที่เธอเดินออกมา และนั่นก็ทำให้ดาวเรืองคิดอะไรขึ้นมาได้ในทันที หญิงสาวเชิดใบหน้าขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับเอ่ยถามอย่างไม่เกรงกลัว “คุณเป็นหลานคนไหนของตระกูลล่ะ ใช่คนที่ขี้ขลาดหนีงานแต่งเมื่อวานหรือเปล่า” “นี่เธอ!” โดนด่าตรงๆ แบบนี้ทำให้ภาวิตที่ไม่เคยโดนใครว่ามาก่อน นอกจากบิดาถึงกับเลือดขึ้นหน้า ชี้ไปที่หน้าของเธออย่างเอาเรื่อง แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น เสียงของอาหนุ่มก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาหยุดอยู่ระหว่างทั้งสองคนที่กำลังยืนเผชิญหน้ากัน “ตาวิต กลับมาแล้วเหรอ” “สวัสดีครับคุณอา ผู้หญิงคนนี้เป็นใครครับ” ภาวิตไม่ตอบ หากแต่กล่าวทักทายผู้เป็นอาที่มีอายุห่างกันหนึ่งรอบตามมารยาท แล้วถามถึงผู้หญิงแปลกหน้าทันที “เป็นเมียฉันเอง ดาวเรืองภรรยาที่ฉันเข้าประตูวิวาห์แทนนายเมื่อวาน” คีรินทร์ตอบคำถามของหลานชายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่แสดงถึงอารมณ์กรุ่นโกรธอีกฝ่าย ที่ผลักความรับผิดชอบจนทำให้เขาต้องกลายเป็นเจ้าบ่าวสายฟ้าแลบแทน แต่คำตอบของเขานั้นทำให้เจ้าของคำถามถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะตั้งสติได้ในเวลาต่อมา “นี่คุณอาแต่งงานกับเธอเหรอครับ” “ถ้าไม่ให้ฉันแต่งกับเธอแล้วจะให้ใครแต่งกับเธอล่ะ ก็ในเมื่อนายหนีงานแต่งไปแบบนั้น มันเป็นทางเดียวที่จะกู้ศักดิ์ศรีตระกูลคืน” “แต่เธอเป็นของผม คุณอาไม่น่าแต่งงานกับเธอเลย” จู่ๆ ภาวิตก็เกิดรู้สึกเสียดายหญิงสาวตรงหน้าขึ้นมา เขายอมรับว่าตัวเองเป็นเสือผู้หญิงที่ไม่เคยคิดจะหยุดอยู่ที่ใคร เพราะชีวิตวัยรุ่นของเขากำลังเต็มไปด้วยสีสันที่ไม่อยากจะผูกมัดไว้ด้วยการแต่งงานตามที่ผู้ใหญ่เป็นคนจัดหามาให้ แต่ใครจะไปรู้ว่าเจ้าสาวบ้านนอกที่เขาเคยตราหน้าเธอไว้นั้นตัวจริงจะสวยปานนางฟ้าเดินดิน ที่มองแวบเดียวก็รู้ได้ในทันทีว่าใบหน้างดงามไร้ที่ติ และเรือนร่างสมบูรณ์แบบนั้นเป็นของจริง ไม่ได้ผ่านมีดหมอมาเลยแม้แต่น้อย นั่นเลยทำให้เขารู้สึกเสียดาย เหมือนตัวเองได้ตัดสินใจพลาดครั้งใหญ่ในชีวิต “นายเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าตาวิต ดาวเรืองไม่ใช่สิ่งของที่นายคิดจะทิ้งขว้างหรือกลับมาหาเมื่อไหร่ก็ได้ เธอเป็นคนมีชีวิตจิตใจ ถ้าคิดจะทำกับเธอแบบนั้นตั้งแต่แรกก็ควรบอกผู้ใหญ่ให้ทราบล่วงหน้าก่อน ไม่ใช่หนีไปในวันแต่งแบบนั้น วิธีที่นายเลือกใช้มันไม่ใช่ลูกผู้ชายเลยนะวิต” คีรินทร์ตำหนิหลานชายอย่างตรงไปตรงมาก เพราะเขาเองก็เหลืออดเต็มทีกับความเอาแต่ใจของอีกฝ่าย “คุณอาไม่ต้องมาสอนผม ผมโตแล้ว คิดและตัดสินใจเองได้” ภาวิตสวนกลับแทบจะทันที ก่อนที่จะหมุนตัวก้าวยาวๆ เดินออกไปจากที่ตรงนั้น ปล่อยให้ผู้เป็นอามองตามพลางส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนอกอ่อนใจ “เด็กสมัยนี้มันเป็นอะไรกันหมด ถึงได้ไม่ชอบฟังคำสั่งสอนจากผู้ใหญ่เอาเสียเลย” “บางทีคุณอาจจะแก่เกินไป จนไม่เข้าใจเด็กวัยรุ่นก็ได้นะ” “นี่หาว่าผมแก่เหรอ?” คีรินทร์หันขวับมาทางหญิงสาวที่กำลังยกยิ้มที่มุมปากกวนโมโหอยู่ไม่ไกลนัก “เปล่าสักหน่อย ใครร้อนตัวก็รับไปสิ” ดาวเรืองยักไหล่ พลางหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในบ้านอีกคน ปล่อยให้ชายหนุ่มมองตามพร้อมกับคำรามตามหลังไปติดๆ “ยายจอมแสบ!” …………………………………………… เรื่องนี้ภาวิตไม่ยอมง่ายๆ เพราะเขาไม่สามารถทำใจได้ที่ผู้เป็นอาแย่งเจ้าสาวไปจากเขา เขาเดินเข้ามาในคฤหาสน์หลังโตแล้วตรงไปหาผู้เป็นปู่ทันที “ทำไมคุณปู่ถึงอนุญาตให้คุณอาแต่งงานกับเจ้าสาวของผมละครับ” “แกจะมาทวงสิทธิ์อะไรตอนนี้ ในเมื่อแกเป็นคนหนีงานแต่งเอง” ประโยคตำหนิของคุณปู่ที่เคยรักตนนักหนา ทำให้ภาวิตรับรู้ได้ถึงชะตาชีวิตของตัวเองในทันที จากที่เคยเป็นหลานรักตอนนี้ก็ไม่ต่างจากหมาหัวเน่าตัวหนึ่ง เพียงเพราะการตัดสินใจทิ้งงานแต่งที่ท่านได้จัดเตรียมไว้ให้นั่นเอง แต่เขาก็ไม่คิดจะโทษตัวเองเลยสักนิด กลับมองว่าความผิดครั้งนี้เกิดจากผู้เป็นปู่ฝ่ายเดียว “ผมก็แค่สับสนแล้วหนีไปตั้งหลักก็แค่นั้นเอง ทำไมคุณปู่ถึงไม่ยกเลิกงานแต่ง รอจนกว่าผมจะพร้อมแล้วค่อยจัดใหม่ก็ได้” “หยุดพูดได้แล้วตาวิต หายออกจากบ้านหลายวันสมองกระทบกระเทือนหรือไงถึงจำไม่ได้ว่าตัวเองส่งข้อความมาให้แม่ว่ายังไง” คณิตที่มาทันได้ยินบทสนทนาของลูกชายกับผู้เป็นพ่อถึงกับเลือดขึ้นหน้า ต้องเดินเข้ามาขัดจังหวะลูกชายตัวดีที่บังอาจแสดงกิริยาก้าวร้าวต่อผู้มีพระคุณทันที “ถ้าจำไม่ได้ก็เอาไปอ่านซะ! เผื่อจะนึกอะไรขึ้นมาได้บ้าง” เขาพูดพร้อมกับส่งหลักฐานข้อความที่ลูกชายส่งมาให้กับภรรยาตรงหน้าลูกชายเพื่อเตือนความจำ ทว่าภวิตก็ยังคงปฏิเสธเสียงแข็งอยู่ดี “ตอนนั้นผมเมา ผมไม่รู้ว่าพิมพ์อะไรไปบ้าง” “หยุดแก้ตัวได้แล้ว ต่อไปนี้อยาจจะทำอะไรก็เชิญ แต่อย่าให้เดือดร้อนมาถึงคนในตระกูลพอ เพราะถ้ายังมีครั้งต่อไปพ่อจะไม่ใจดีกับแกอีกแล้ว” “คุณพ่อจะทำอะไรผมงั้นเหรอ”ชายหนุ่มเลิกคิ้วถามผู้เป็นพ่ออย่างท้าทาย “ฉันทำในสิ่งที่แกคาดไม่ถึงแน่ เพราะฉะนั้นอย่าคิดว่าเป็นลูกชายคนเดียวแล้วฉันจะไม่กล้าทำอะไรก็แล้วกัน” “โถ่เว้ย!” เมื่อไม่ได้ดังใจ ภวิตก็สบถออกมาพร้อมกับหมุนตัวเดินออกจากบ้านที่เขาเพิ่งเดินกลับเข้ามายังไม่ถึงห้านาทีด้วยอารมณ์หงุดหงิด ท่ามกลางสายตาของผู้เป็นพ่อ และปู่ที่มองตามด้วยความหนักอก ……………………………………….
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD