ตอนที่ 4 อยากได้
หลังจากเพื่อนกลับไปแล้วฉันจึงมานั่งคุยกับตัวเองอย่างจริงจัง คนที่มียอดฟอลในไอจีถึงห้าล้านคนถ้าจะกลับเข้าวงการมันไม่ยากสักนิดแต่ฉันมาคิดดูอย่างถี่ถ้วนแล้วเป็นฉันที่ตัดสินใจพักงานในวงการบันเทิงไปเอง ไม่ออกไปแก้ข่าว ไม่โผล่หน้าตางานอีเว้นท์ต่างๆฉันจะพิจารณาตัวเองให้ดีก่อนตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาฉันทุ่มเทกายใจให้งานภาพยนต์ผีสางไปหมดวันหยุดแค่วันสองวันต่อปีด้วยนะไม่ใช่เดือน ฉันเลยไม่มีแฟนไม่อินกับความสัมพันธ์ชู้สาวเลยโดนด่ามหันต์เมื่อเข้าไปวงการละครรัก ฉันควรให้เวลากับตัวเองมากกว่านี้โดยได้รับคำแนะนำจากจิตแพทย์ไม่ว่าจะเป็นการพาตัวเองไปอยู่ในที่ที่คนรักกันชอบไป ดูละครซี่รี่ส์บ้างไม่ใช่ดูแค่หนังผี และที่สำคัญลองเปิดใจให้ผู้ชายเข้ามาในชีวิต
‘ฮรึก โอ๊ยสงสารนางเอกจริงๆ’
ฉันพยักหน้าหงึกๆเห็นด้วยหลังจากดูซีรี่ส์รักตับพังถึงตอนจบอย่างตงกงตำหนักบูรพาจบเรียกได้ว่าร้องไห้จนตาบวม ขนาดผียังร้องไห้คนธรรมดาอย่างฉันคงไม่รอด
หลังจากว่างงานมาทำให้ฉันรู้สึกถึงการใช้ชีวิตของตัวเองโดยแท้จริง จะนอนดูซีรี่ส์ทั้งวันฉันก็ทำได้แล้วแบบที่ยังไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องเงินใช้จ่ายในอนาคตอะนะ ถ้าฉันเลือกทางหมอธรรม ร่างทรง อะไรเทือกนั้นฉันคงรวยง่ายเหมือนกัน เพราะฉะนั้นตอนนี้ฉันถึงทำตัวสบายๆไม่สนใจโลกเหมือนในตอนนี้ไง
แต่มันก็ว่างได้แค่หนึ่งเดือนเท่านั้นเพราะท่านจากเบื้องบนบอกว่าถ้าวิญญาณแม่หมอไม่ยอมไปเกิดภายในสามปีจะกลายเป็นวิญญาณร้ายแล้วไปเกิดไม่ได้ซึ่งมันเหลือแค่หกเดือนเท่านั้นก็จะครบสามปี ฉันไม่ยอมให้แม่หมอที่ดีกับฉันขนาดนี้กลายเป็นวิญญาณร้ายแน่
‘โอ๊ย! ช่วยด้วยรีนฉันปวดตัวไปหมด’
“เกิดอะไรขึ้นคะ?” ฉันหันไปมองร่างที่กำลังค่อยๆสลายไปด้วยความตกใจนี่เป็นครั้งแรกที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับคุณแม่หมอ
ฉันรีบคว้ากุญแจรถจับทางตามดวงวิญญาณของแม่หมออย่างว่าเรามีสัมผัสพิเศษบางอย่างที่คลื่นตรงกันทำให้ฉันรู้ว่าตอนนี้แม่หมออยู่ตรงไหน
ฉันวิ่งเข้ามาภายในสนามบินกวาดตามองรอบๆจนไปเจอเข้ากับวิญญาณที่คุ้นเคยจึงรีบวิ่งไปหาพอเข้ามาใกล้วิญญาณแม่หมอก็มองตรงไปยังคนกลุ่มหนึ่งฉันกวาดตามองตามจึงเห็นผู้ชายบุคลิคดีแถมหน้าตายังดูใจดียืนอยู่พร้อมกับชายชุดดำนับสิบคน
“ตามฉันมาถึงนี่เลยเหรอ”
เมื่อโดนบีบเข้าที่แขนอย่างแรงฉันเลยหมุนตัวกลับมาตามแรงอย่างช่วยไม่ได้และเจ้าของการกระทำห่ามๆนั้นกลับเป็นเรียวมะผู้ชายหน้าตาเย่อหยิ่งคนนี้อีกแล้ว
“ถึงกับตามมาที่นี้เลย?” ถ้าจะตามขนาดนี้ทำไมต้องปล่อยให้ผ่านไปตั้งเป็นสัปดาห์ถึงพึ่งมากัน
“ฉันไม่ได้ตามคุณมาสักหน่อย” เขาคงเห็นข่าวพวกนั้นเลยเข้าใจแบบนี้สินะ แต่ฉันไม่ได้มาตามเขาจริงๆ
“จับผมสิ ผมก็อยู่ตรงหน้าคุณนี้ไง”
“เอ๊ะ คุณฉันไม่ได้ ว้ายย!!”
เรียวมะกระตุกแขนฉันทีหนึ่งนั้นเป็นเหตุให้ฉันที่ลนลานอยู่ก่อนหน้าถึงกับตัวปลิวไปปะทะกับแผงอกแข็งๆของเขาเต็มแรงแต่หมอนี่กลับไม่ขยับสักนิดราวกับว่าตั้งรับไว้ก่อนหน้าแล้ว พอตั้งสติได้ก็ผลักเขาออกแต่ไม่ทันได้ถอยห่างเรียวมะก็ตวัดโอบแผ่นหลังฉันแล้วรวบฉันเข้าหาตัวเขาเหมือนเดิม
“ปล่อยฉันนะ” ฉันรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ไม่น่าคบค้าสมาคมด้วยสักนิด เขาอันตรายเกินไป
“เธอจะจับฉันหรือให้ฉันจับเธอ?”
“มะ...ไม่ทั้งสอง!” เมื่อเห็นผู้คนเริ่มหันมาสนใจคู่เราฉันก็หน้าเจื่อนลงทันทีรู้เลยว่าพรุ่งนี้จะมีข่าวคาวๆของตัวเองเกิดขึ้นอีกแน่นอน “ปล่อยฉันเถอะค่ะ” ฉันเริ่มดิ้นขลุกขลักกลั้นหายใจจนตัวชาไปหมดแล้วนะ
“ฉันชอบกลิ่นเธอนะ ติดจมูกชวนมีอารมณ์ดี”
“ปล่อย!”
เพี้ยะ!
ใช่ฉันหวดหน้าหล่อๆของเรียวมะไปแล้วเพราะเขาพูดจาแบบนั้นที่ฉันไม่ชอบไง หลังจากเป็นอิสระฉันก็ต้องขนลุกเกรียวอีกครั้งเมื่อมีบอดี้การ์ดร่างโตสับขาเดินเข้ามามือจับที่ปลายกระบอกข้างเอวตาจ้องมาที่ฉันเขม็ง
“กะ...ก็คุณพูดแบบนั้นฉันไม่โอเค” ฉันกลัวตายเลยรีบขอโทษคนตรงหน้าออกไป เขาเพียงสะบัดมือน้อยๆผู้ชายร่างยักษ์ก็ถอยหลังกลับไปยืนอารักขาที่เดิม “ฉันไปก่อนนะคะ ขอตัว อ้อเราไม่ควรเจอกันอีกนะคะ” ฉันพูดตามที่รู้สึกได้ก่อนจะสะบัดขาก้าวออกไปจากเหตุการณ์ชวนใจหายไม่หันหลังกลับไปมองอีกเลย
เอริคเดินถือแฟ้มงานเข้ามาในห้องใหญ่กลางห้องเป็นโต๊ะทำงานตั้งอยู่บนชั้นสูงสุดของโรงแรมเป็นทั้งที่พักส่วนตัวของเจ้านายและเป็นห้องทำงานด้วย
“รายชื่อลูกหนี้ที่เบี้ยวไม่ยอมจ่ายครับ”
“ปกติก็ไม่ได้ส่งให้ฉันนายก็จัดการได้นิ?” เรียวมะเงยหน้าขึ้นจากกองแฟ้มเอกสารมากมายตรงหน้าขึ้นมองคนสนิทของตัวเอง
“ผมก็ไม่คิดว่าว่าท่านมิยากิได้ปล่อยกู้ให้คนคนนี้ครับเป็นจำนวนเงินหนึ่งร้อยห้าสิบล้านวางสินทรัพย์เป็นบริษัทสร้างภาพยนตร์ชื่อดัง” เอริคอธิบายเท่านั้นเจ้านายเขาก็กระตุกยิ้มก่อนจะยกปากกาด้ามละหมื่นขึ้นมาหมุนเล่น “ผมกำลังจะบอกท่านว่าภาพภายนอกดูดีแต่ข้างในโบ๋หมดแล้วครับ”
“ทำยังไงล่ะเอริคฉันอยากได้หลานสาวเขาเสียด้วย”
“ผมจะไปจัดการให้ครับ” เอริคก้มหัวรับคำอย่างรู้ใจเจ้านาย
“เดี๋ยวก่อน เตรียมรถฉันจะไปเอง”
“ครับท่าน”
ในรอบปีเลยก็ได้ที่เชอรีนก้าวขาเข้ามาในบ้านที่มันเป็นชื่อของเธอเองแต่ไม่มีสิทธิ์ที่จะซุกหัวนอนในบ้านตัวเองตัวซ้ำ พอเดินเข้ามาในบ้านก็เจอกับสามแม่ลูกมองมาด้วยสายตายากที่จะคาดเดา
“ไสหัวออกไปทั้งทีแต่ยังสร้างเรื่องประหลาดใจให้ฉันได้เสมอเลยนะ”
แค่คำทักทายแรกมันยังไม่น่าฟังเลย ฉันกำมือเข้าหากันเผลอจิกเล็บเข้าอุ้งมือเวลาหันไปสบตากับสามคนพ่อแม่ลูก
“แกไปพูดอะไรกับคุณเรียวมะเขาถึงมายึดบริษัทของเรา เอาตัวเข้าแลกแบบที่ชอบทำเพื่อแก้แค้นพวกเรางั้นสิ!” คุณหนูดียืนขึ้นก่อนจะเดินเข้าไปผลักร่างของหลานสาวจนเซล้มลงพื้นกระเบื้องเย็นเฉียบ
“แกเตรียมตัวแต่งงานกับเขาซะ”
“หนูไม่ยอมนะพ่อหนูชอบคุณเรียวมะหนูบอกพ่อแล้วไง!” มัลลิกาโพร่งขึ้นมาหน้าตาโกรธจัดสายตาคาดโทษมาดหมายไปยังลูกพี่ลูกน้องของตน
“หุบปาก ก็เขาไม่เลือกแก” คุณเดชาพูดขึ้นก่อนจะกุมขมับเพราะหนี้ก้อนใหญ่ที่ยังไงก็ไม่สามารถหาเงินมาปลดได้ภายในหนึ่งเดือนเขาก็ต้องกัดปากตอบตกลงไปเหมือนกัน ใครจะไม่อยากได้เรียวมะมาเป็นลูกเขยแต่วันนั้นเขาก็สาธยายความดีงามของลูกสาวตัวเองไปแล้วเรียวมะไม่เพียงแต่ไม่เลือกแต่ยังไม่เปลี่ยนใจจากเชอรีนด้วยซ้ำ “แต่งงานซะแล้วทำให้คุณเรียวมะมาอยู่บ้านเราให้ได้”