“ทำไมรีนต้องแต่ง หรือคุณลูกเอาบริษัทของพ่อรีนไปเป็นสินทรัพย์ให้เขาเพื่อหยิบยืมเงินเขามา”
“พูดถึงเงินหรือว่าแกมี ถ้ามีก็เอามาให้ฉันยืมก่อนหรือจะทดแทนบุญคุณก็แล้วแต่” คุณเดชาก็ไม่อยากปล่อยให้บริษัทที่ทำเงินได้ล้นหลามต่อปีต้องสูญเปล่าแต่เพราะเขาและภรรยาติดการพนันเงินเหล่านั้นจึงหมดเกลี้ยงไปปีต่อปี จนได้ไปหยิบยืมพ่อค้าชาวญี่ปุ่นที่มาลงทุนในประเทศไทยเพื่อเอามาหมุนบริษัทเมื่อรายจ่ายมากกว่ารายรับ
“ลุงติดหนี้เขาเท่าไหร่คะ?”
“ไม่มากแค่ร้อยห้าสิบล้าน”
“ว่าไงนะคะ นี่ไม่มากเหรอ” ฉันแทบเป็นลมเมื่อได้ฟังตัวเงินที่เป็นหนี้ บริษัทคุณพ่อคุณแม่ฉันสร้างมามั่นคงแค่ไหนฉันไม่มีทางไม่รู้แต่ทำไมบริษัทที่สร้างแต่กำไรวันนี้ถึงมาเป็นหนี้มหาศาลขนาดนี้ ผัวเมียคู่นี้ทำอะไรกับบริษัทกันแน่
“แกเข้าวงการมากี่สิบปีเงินแค่นี้แกคงมีปัญญาจ่าย รับทั้งงานนอกงานในอย่ามาพูดว่าไม่มีเงินเชียว”
“รีนจะมีเงินได้ยังไงคะ ค่าประกันกี่ร้อยล้านของพ่อกับแม่หนูลุงก็เอาไปหมดบอกหนูว่าเป็นค่าเลี้ยงดูหนูแต่มีสักกี่มื้อไหมคะที่คุณได้เลี้ยงหนูจริงๆ”
เพี้ยะ!
“คิดว่าจะได้แต่งกับคนรวยแล้วแกจะมาทำปีกกล้าขาแข็งใส่ฉันได้เหรอเชอรีน!” คุณเดชาถึงกับลุกขึ้นมาหวดฝ่ามือหนักๆใส่ใบหน้าสวยๆของหลานสาวหลังจากหล่อนพูดจี้จุด
“รีนไม่แต่ง ใครสร้างหนี้ไว้ก็ไปหาจ่ายเองสิคะ จะไปล้างจานวันละสามร้อยสามคนก็วันละเก้าร้อยนู้น หัดเห็นค่าเศษเงินที่พวกคุณไม่เคยสนใจบ้างสิคะ” พูดจบฉันก็หมุนตัววิ่งออกไปจากบ้านหลังนี้ทันที น้ำตาเธอไหลพรากเจ็บทั้งก้นขบปวดทั้งแก้มซ้าย
“พ่อดูมันสิคะ ไม่สำนึกบุญคุณที่เราให้อาหารให้ที่อยู่ไม่พอยังหาว่าเราหลอกเอาเงินพ่อแม่มันอีกต่างหาก” มัลลิกามองตามหลังลูกพี่ลูกน้องของตนในใจก็พลันคิดว่าหล่อนจะต้องแย่งคุณเรียวมะมาให้ได้ ไม่อยากจะเชื่อว่าคุณเรียวมะจะชอบยายแปลกนี่ให้ตายเถอะเธอสวยกว่าตูมกว่าเป็นไหนๆ
“คุณก็ใจร้อนจริงๆ ยังไงครั้งนี้เราก็ต้องตะล่อมให้ยายเด็กนั่นแต่งให้ได้นะคะ”
“อืม ผมร้อนใจไปหน่อยจริงๆ คนอย่างเชอรีนไม่มีทางปล่อยให้บริษัทที่พ่อแม่ที่มันรักมากถูกขายทอดตลาดแน่นอนคุณเชื่อผม เราไปบ่อนคลายเครียดกันดีไหมคุณ?” เดชาหันไปถามภรรยาสุดที่รักอยากไปหาอะไรคลายกังวลสักหน่อย
“เอาสิคุณ ฉันก็อยากจะไปแก้มือมาตั้งนานแล้ว”
“ริกาไม่ไปนะคะ พ่อโอนเงินมาด้วยริกาจะไปซื้อกระเป๋ากับเสื้อผ้า”
“เดี๋ยวพ่อโอนไปให้ลูก”
“ดีค่ะพ่อ ให้ไวเลยนะคะ”
เป็นวันที่ฉันรู้สึกแย่มากที่สุดวันหนึ่งเลยก็ว่าได้ฉันลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่มาที่โรงแรมเดิมที่เคยมาของเขาคนนั้นทั้งที่เป็นคนออกปากเองว่าเราสองคนไม่ควรเจอกันอีกแต่ฉันกลับเป็นฝ่ายมาหาเขาก่อน ฉันลากกระเป๋าใบใหญ่ตรงไปยังฝ่ายประชาสัมพันธ์พอแจ้งไปว่ามาเจอใครพนักงานสามคนนั้นก็ค่อมหัวให้จนเกือบถึงเข่าฉันได้แต่ตกใจกระพริบตาปริบๆแถมยังพูดว่าอะไรอีกนะฉันไม่ได้หูฝาดใช่ไหม
“ท่านประธานบอกว่าคุณเชอรีนขึ้นไปได้ 24 ชั่วโมงค่ะ”
“เอ่อ...ค่ะขอบคุณค่ะ”
แม้จะงงแต่ไม่ได้ถามอะไรไปมากฉันจึงลากกระเป๋าเดินตามพนักงานคนนั้นไปจนถึงลิฟต์ซึ่งแขวนป้ายไว้ชัดเจนว่าสำหรับผู้บริหารเท่านั้น ฉันเข้ามาพร้อมกับพนักงานสาวสวยเธอกดที่ชั้นสูงสุดนั้นคือชั้นที่ 49 บอกชัดเจนว่าเป็นชั้นสำหรับผู้บริหาร พอมาถึงผู้หญิงที่ขึ้นมาด้วยก็ผายมือให้ฉันเดินออกไปแต่ฉันยังคงหยุดนิ่งเพราะตลอดทางเดินมีผู้ชายชุดดำสวมแว่นตาดำตัวสูงใหญ่กว่าฉันหลายเท่ายืนขนาบตามทางเดินจนถึงประตูบานใหญ่ ทั้งชั้นมีแค่ห้องตรงหน้าห้องเดียวสินะ ฉันหันไปมองคนด้านข้างเมื่อเธอไม่ยอมเดินออกไปและเหมือนพนักงานคนนี้จะรู้ทันฉันเลยส่ายหน้าเบาๆพร้อมกับผายมือให้ฉันเดินออกไปอีกครั้ง
ฉันเลยยิ้มเจือนให้ก่อนจะลากกระเป๋าเดินทางออกไปจากลิฟต์พอขาก้าวมาอยู่ด้านนอกแล้วชายชุดดำทั้งหมดก็โค้งหัวให้ฉันพร้อมเพียงกันอีกแล้ว สงสัยจะคิดว่าฉันเป็นคนสำคัญของเจ้านายพวกเขากระมังฉันรีบลากกระเป๋าใบใหญ่ผ่านหน้าชายหน้าโหดไปเกร็งๆพอมาถึงก็มีคนเปิดประตูบานใหญ่ให้ฉันพูดขอบคุณเบาๆก่อนจะลากกระเป๋าเข้าไป
“ยังไม่ได้แต่งก็หอบเสื้อผ้ามาอยู่กับผมแล้วเหรอ” คนหลังโต๊ะทำงานเพียงเอนหลังด้วยท่าทีสบายๆยกขาไขว่ห้างสายตามองมายังคนมาใหม่พร้อมกับกระเป๋าใบใหญ่
“คุณหยาบคายกันฉันตลอดเลยนะคะ” เชอรีนว่าเบาๆก่อนจะล้มกระเป๋าใบใหญ่ลงพร้อมกับเธอที่นั่งลงข้างๆเอื้อมมือไปรูดซิบกระเป๋าพร้อมกับเปิดมันออกกว้าง ทันทีที่ของด้านในปรากฎต่อสายตาทั้งเจ้านายลูกน้องต่างมองหน้ากันเลิกลั่ก
“ร้อยห้าสิบล้านฉันเอามาใช้หนี้คุณค่ะ”
อึ้ง ทั้ง ห้อง
ไหนไอ้เอริคบอกว่าเขาเชอรีนไม่ได้รับทรัพย์สมบัติใดๆเลยไง เงินจากกันแสดงก็ถูกป้าลุงหักเปอร์เซ็นที่โหดแสนโหด
เอริคมองเจ้านายพร้อมกับส่ายหน้าไปมาเหมือนกันใครจะคิดว่าผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้กำลังหอบเงินที่ทั้งชาตินี้เขาคงหาไม่ได้มาวางตรงหน้าเจ้านายเขาในตอนนี้
“ไม่ได้!!” เรียวมะโพร่งออกมาเสียงดังทำให้เชอรีนและเอริคสะดุ้งขึ้นมาพร้อมกัน
“ท่านประธานหมายความว่า คุณเดชาเป็นคนหยิบยืมไปในสัญญาถ้าคนอื่นเป็นคนจ่ายให้ดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นเป็นสองร้อยล้านครับ นี่คือสัญญาระบุไว้”
“เดี๋ยวฉันกลับไปเอามาให้อีกห้าสิบล้านค่ะ”
จบแล้วเจ้านายผม!
อาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกตกมาอยู่ที่สองหนุ่มใครจะคิดว่าคนที่ไม่มีแบรนด์เนมติดมาสักชิ้นหน้าตาไม่ผ่องใสคนนี้จะเป็นเศรษฐีใช้ชีวิตแบบยาจก เรียวมะประเมินคุณเชอรีนต่ำไปจริงๆ
“ถ้าคุณใช้หนี้แทนลุงคุณบริษัทนั้นก็จะถูกขายให้เจ้าอื่น มันจะดีกว่าไหมถ้าคุณแต่งงานกับผมแล้วบริษัทนั้นก็กลับมาเป็นของคุณ”
“ฉันไม่เห็นว่ามันจะต่างกันตรงไหน” เชอรีนคิ้วขมวดจะขายให้เขาหรือขายให้ใครเธอก็ก้าวเข้าไปนั่งตำแหน่งประธานไม่ได้เพราะหุ้นส่วนฝ่ายคุณลุงเยอะกว่า
“ต่างกันตรงที่ผมจะหนุ่นหลังคุณเอง”
นี่ใช่ไหมประโยคที่ว่าอยากได้เขาจนตัวสั่นเอริคส่ายหัวน้อยๆให้เจ้านาย ใครก็รู้ว่าบริษัทนั้นเกินจะเยียวยาแต่เรียวมะยังอยากที่จะสอดมือเข้าไปช่วยแผลใหญ่เหวอะหวะนั้นอีก ถ้าไม่ใช่อยากแต่งงานกับคุณเชอรีนมันจะมีเหตุผลอะไรที่เรียวมะจะทำแบบนั้นยิ่งเขาที่ทำงานกับเจ้านายมานานยิ่งรู้ว่าเรียวมะไม่เคยช่วยใครแบบที่ตัวเองต้องเสียผลประโยชน์ร้อยเปอร์เซ็นอย่างนี้มาก่อน!