บทที่ ๔ - พบเจอชายผู้เป็นยาจก
แคว่ก
“…..” ทุกคนดูตกใจและไม่เข้าใจ ว่าลูกอนุแสนชังคนนี้ทำสิ่งใดอยู่
แต่แล้วก็ยิ่งตกใจหนักขึ้น เมื่อเป่ยฉิงจับมือของพี่ชายคนโตวางที่หน้าอกของตนเอง ด้วยความที่เป่ยฮ่วนชอบลวนลามน้องคนละแม่อยู่แล้ว จึงทำท่าจะขยำท่ามกลางสายตาตกใจปนความพึงพอใจของทุกคน
“อะ ทะ ท่าน”
แต่ก่อนจะถูกขยำเต้าอวบอิ่ม เป่ยฉิงก็สะบัดตัวพลางลงไปกองอยู่กับพื้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงร้องไห้อย่างขวัญเสีย ท่ามกลางอาการตกตะลึงของทุก ๆ คน ไม่เว้นแม้แต่ อูฟางยี่ นางไม่เคยเห็นผู้เป็นนายทำเช่นนี้กับใครมาก่อน จึงได้แต่อึ้ง ๆ
“ฮึก ตะ ต้าเกอ ทะ ท่าน ท่านทำข้าเช่นนี้ทำไม ข้าเป็นน้องท่านนะ ฮึก ทำไมใจร้าย ลวนลามข้าได้ลงคอ ท่านทำมาตลอดแล้วยังไม่พอใจใช่ไหม ฮึก แม่ใหญ่ แม่รอง ต้าจื่อ เอ้อร์จื่อ ช่างใจร้ายกับข้านัก ข้าไม่ใช่ลูกของท่านพ่อหรือ” เสียงร้องไห้อย่างเจ็บปวดของเป่ยฉิง ทำให้ทุกคนเกิดอาการมึนงงและสับสน เหตุใดนางถึงร้องไห้ปานจะขาดใจเช่นนี้ ก็ในเมื่อยังไม่มีใครทำอันใดนางเลย
โดยเฉพาะ ผู้ที่ถูกโยนความผิดมาหมาด ๆ อย่างเป่ยฮ่วน ถึงกับอึ้งกิมกี่
“นะ นี่ เจ้า เจ้าทำบ้าอันใดกัน” เสียงของฮูหยินใหญ่ดูแผ่วเบา เพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกคนทำแม้แต่น้อย
“ขะ ข้า” เป่ยฮ่วนเองก็เอ่ยไม่ออก บอกไม่ถูกในสิ่งที่ต้องเจอ และทุกคนต่างก็ผวาหนักขึ้น เมื่อเสียงดังมาจากทางด้านหลัง เป็นเสียงที่ทุกคนหวาดกลัวเหลือเกิน
“นี่พวกเจ้า มาหาเรื่องฉิงเอ๋อร์เช่นนั้นหรือ อยู่กันเงียบ ๆ เป็นใช่ไหม แล้วเจ้า อาฮ่วน เจ้ายังมาลวนลามฉิงเอ๋อร์อีกหรือ เจ้าเป็นพี่นะ แม้จะคนละแม่ แต่เป็นสายโลหิตของข้า แล้วเจ้ายังกล้าทำเช่นนี้ นี่เจ้าไม่มีความเป็นคนอยู่เลยหรืออย่างไร” ท่านเสนาบดีตวาดเสียงกึกก้อง เมื่อเห็นจะจะตา ว่าบุตรชายคนโตจับหน้าอกของเป่ยฉิง
“ขะ ข้า” เป่ยฮ่วนอ้ำอึ้ง ส่วนทุกคนไม่ต้องเอ่ยถึง เพราะไปไม่เป็นต่างก็ยืนตัวแข็งอยู่กับที่
“ข้าอยากจะตบหน้าของเจ้านัก แต่ข้าก็ทำไม่ลง เพราะว่าเจ้าเป็นบุตรของข้า พวกเจ้า นำตัวฮูหยินใหญ่ ฮูหยินรอง อาฮ่วน อ้ายเอ๋อร์ และเหรินเอ๋อร์กลับเรือน และทำการกักบริเวณ จนกว่าข้าจะมีคำสั่งให้ปล่อย” คำสั่งของผู้เป็นเจ้าของจวน เป็นที่สิ้นสุดในทุก ๆ อย่าง
“ขอรับท่านเสนาบดี” องครักษ์หลายนาย รีบนำตัวฮูหยินใหญ่กลับเข้าเรือนกลางตามคำสั่งท่านเสนาบดีฝ่ายซ้ายอย่างรวดเร็ว
“แต่ว่า ท่านพี่ ข้าไม่ได้ทำอันใดเลยนะเจ้าคะ” ต๋าฮูหยิน เพิ่งเข้าใจการกระทำของเป่ยฉิงอย่างแจ่มแจ้งก็ตอนนี้แหละ นางไม่คาดคิดมาก่อน ว่านังลูกเลี้ยงแสนชังจะมีพิษสงเช่นนี้ได้
“ไม่ทำเช่นนั้นหรือ แล้วใบหน้าของฉิงเอ๋อร์ รวมทั้งเนื้อตัวมีแต่บาดแผล มันคืออะไร เจ้าอธิบายมาสิ ฮูหยิน คงไม่ใช่ว่า ฉิงเอ๋อร์ซนเลยมีแผลเองนะ แม้ฉิงเอ๋อร์จะอายุเพียงแค่ 18 หนาว แต่ ฉิงเอ๋อร์รู้ดีว่าควรจะรักษากายตนได้อย่างไร แต่พวกเจ้าก็ยังอาจหาญเหลือเกิน…พวกเจ้านำตัวฮูหยินใหญ่ไปเดี๋ยวนี้ ข้าไม่อยากเอ่ยอันใดอีกต่อไปแล้ว”
“ขอรับท่านเสนาบดี”
“ไม่นะเจ้าคะ ท่านพ่อ” เป่ยอ้าย เป่ยเหรินคร่ำครวญ รวมทั้งเสียงของต๋าฮูหยินก็ดังเป็นระยะ ๆ ท่านเสนาบดี ไม่ใส่ใจกับเสี่ยงเหล่านั้น ท่านรีบเดินมาดูบุตรีสุดที่รักของท่านอย่างรวดเร็ว ด้วยความเป็นห่วง
และที่แน่ ๆ ท่านผู้นั้นจะต้องไม่พอใจอย่างแน่นอน หากเห็นร่องรอยตามเนื้อตัวของบุตรีท่าน
“ฉิงเอ๋อร์ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง บิดาขอโทษที่ไม่ได้ดูดำดูดีเจ้าเลย จึงทำให้ถูกรังแกเช่นนี้” ท่านเสียใจเป็นอย่างมาก เมื่อเลือดเนื้อเชื้อไขที่ท่านรักที่สุด กลับมาถูกคนใจร้ายรังแกจนเนื้อตัวมีแต่รอยฟกช้ำและบาดแผลแช่นนี้
“ฮึก ทะ ท่านพ่อ ขะ ข้าขออภัยที่ข้าเป็นลูกไม่ดี ทำให้ท่านต้องปวดหัว” กล่าวโทษตัวเองก่อน แต่ท่านเสนาบดีกลับส่ายหน้าอีกครั้ง
“บิดาต่างหากที่จะต้องขอโทษเจ้า หากหลิงเอ๋อร์รู้คงไม่พอใจบิดาแน่ บิดาขอโทษ” เสียงของท่านเสนาบดีแผ่วเบา เนื่องจากมีความปวดร้าวอย่างหนัก
เจียวลู่ จึงก้มกราบแทบเท้าท่าน เธอนั้นทำเพื่อเป่ยฉิง เพราะก่อนตาย นางไม่ได้ตอบแทนพระคุณของผู้ให้กำเนิด เธอจึงขอทำแทนก็แล้วกัน ‘หวังว่าเจ้าจะมีความสุขในส่งที่ฉันทำให้นะ เป่ยฉิง’
“ท่านพ่อ ข้าไม่โกรธและไม่คิดน้อยใจท่านแม้แต่น้อย ท่านอย่าได้โทษตัวเองเลยนะเจ้าคะ”
“บิดารักเจ้านัก ฉิงเอ๋อร์ แต่ทว่า บิดากลับดูแลเจ้าไม่ดีอย่างที่ควร ทั้งที่เจ้าเป็นตัวแทนหนึ่งเดียวของหลิงเอ๋อร์แท้ ๆ” ท่านเจ็บใจที่ปล่อยลูกรักให้อยู่ท่ามกลางเสือและฝูงจระเข้หลายตัว
“ท่านอย่าได้โกรธตัวเองเลยนะ ข้านั้นไม่ได้เป็นอะไร ทานโอสถตามที่เสี่ยวอูต้มให้ ก็ดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ” เอ่ยยิ้ม ๆ ทำให้ผู้กำเนิดเกิดความคิดสว่างวาบขึ้นมา
“เช่นนั้น พรุ่งนี้เจ้าไปซื้อสมุนไพรในตลาดนะ จะได้ต้มดื่มเยอะ ๆ เจ้าจะได้หายและร่างกายจะได้แข็งแรงเร็วขึ้น” ท่านพูด แต่เป่ยฉิงรู้สึกสงสัยเล็กน้อย สันชาติญาณผู้พิทักษ์สันติราษฎ์ของไทย มันพลุ่งพล่านชอบกล
“เจ้าค่ะ ท่านพ่อ”
ในตลาด
สองนายบ่าวต่างก็ได้สมุนไพรตามที่ต้องการแล้ว เป่ยฉิงผู้เพิ่งมาเยือนโลกโบราณเมื่อวาน จึงตื่นตาตื่นใจ เมื่อเห็นตลาดอันมีชีวิตชีวาของคนที่นี่ เธอจึงเดินเอ้อระเหยชมนู่นนี่อย่างมีความสุข
“เจ้าดูสิเสี่ยวอู มีแต่ของน่ารัก สวย ๆ ทั้งนั้นเลย” ใบหน้าแจ่มใสของผู้เป็นนาย ทำให้คนสนิทชื่นใจเป็นอย่างมาก นางรอคอยให้คุณหนูสดใสร่าเริงเช่นนี้มานานมากแล้ว
หลังจากป่วยครั้งนี้ คุณหนูเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด แต่ทว่าเป็นสิ่งดี คงเหลืออดแล้ว หลังจากที่ถูกทำร้ายมานาน ถึงกล้าหาญจะสู้
แต่ก่อนคุณหนูของนางดูไม่มีความสุขเท่าไหร่นัก เนื่องจากในแต่ละวัน ต้องเตรียมรับมือกับการกลั่นแกล้งของเหล่าเจี่ยเจีย และการลงโทษของฮูหยินเอก รวมทั้งฮูหยินรองด้วย
คุณหนูเล็กจึงมีใบหน้าที่เศร้าหมอง ไม่สดใสร่าเริงอย่างเช่นวันนี้
“เจ้าค่ะ คุณหนูอยากได้อะไรหรือไม่เจ้าคะ” เบี้ยยังพอเหลือ หากคุณหนูอยากได้ น่าจะพอซื้อ
“ไม่ล่ะ ข้าอยากเดินดูอย่างเดียว” ปากพูดแบบนั้น แต่ทว่า ไม่ถึงครึ่งเค่อ ทั้งมือและปากก็เต็มไปด้วย ถังหูลู่และซาลาเปาหลากหลายไส้ ทั้งนายและบ่าวต่างก็มีความสุขกับการกิน จนไม่รับรู้ ว่ามีใครมองอย่างไม่คลาดสายตา
และใครคนนั้น ก็พร้อมแล้วเช่นกัน ที่จะเปิดเผยตัวกับนาง
“โอ๊ยยย จะ เจ็บ ขะ ข้าขออภัยด้วยที่เข้ามาขอทานที่นี่ ทะ ท่านได้โปรด อยะ อย่าทำข้า” เสียงอ้อนวอนดังขึ้น ทำให้ได้รับความสนใจจากทุกคน โดยเฉพาะ เลือดผู้พิทักษ์สันติราษฎ์เข้มข้นอย่างเป่ยฉิง
เป่ยฉิงรีบวิ่งเข้าไปดู ตามหลังไปด้วยอูฟางยี่ เมื่อเห็นสภาพของคนโอดครวญ หัวใจดวงน้อยของสตรีในวัยเพียง 18 หนาว ก็เจ็บแปล๊บขึ้นมาทันที
จึงถลาเข้าไปตรงกลาง เพื่อกันไม่ให้ชายสี่ห้าคน รุมกระทืบชายผู้มอซอคนนั้น
“หยุดเดี๋ยวนะ” เอ่ยห้ามพร้อมทั้งกางแขนออกอย่างรวดเร็ว เสี่ยวอูเห็นผู้เป็นนายถลาเข้าสู่กลางวงฝ่าเท้าของชายฉกรรจ์เหล่านั้น นางก็แทบสิ้นสติ
“คะ คุณหนูเจ้าคะ โธ่” เสียงคร่ำครวญของสาวใช้คนสนิท ไม่ได้ทำให้เป่ยฉิงสนใจแต่อย่างใด เพราะชายผู้น่าสงสารนี่ต่างหาก คือความน่าสนใจของทั้งหมดทั้งปวง
“แม่นาง ถอยออกไปเถิด เจ้าจะมาขวางข้าด้วยเหตุใด เจ้าเป็นสตรี ควรอยู่ให้ไกล อย่าเข้ามายุ่งเรื่องของบุรุษ” เสียงของบุรุษหนึ่งในห้าพูดกับนาง
แต่สำหรับเจียวลู่ เธอกลับเดือดขึ้นมา เพราะเหมือนจะดูถูกเธอยังไงไม่รู้ คงไม่คิดสินะ ว่าผู้หญิงอย่างเธอ มันทำอะไรได้มากกว่าที่คิด
“ข้าต้องยุ่ง เพราะท่าน ทำร้ายคนไม่มีทางสู้ เขาทำมาหากินดี ๆ ไปกระทืบเขาทำไม” น้ำเสียงเอาเรื่องของสตรีเพียงหนึ่งเดียว ทำให้ชายมอซอ สวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ต้องหลบซ่อนอยู่ด้านหลังบอบบาง จนเธอสงสาร ไม่สามารถทิ้งไปได้ จึงยื่นมือเข้าช่วยเหลือ
เหล่าบุรุษสี่ห้าคน เมื่อเห็นเช่นนั้น จึงแหงนหน้าขึ้นฟ้าและหัวเราะออกมา
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เจ้าจะมีปัญญาทำอะไรพวกข้าได้ ถอยกลับเถิดแม่นาง อย่ามายุ่งเรื่องนี้ มันไม่เกิดประโยชน์อันใดของเจ้า หากบิดามารดาของเจ้ารู้เรื่องเช่นนี้ จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ที่ผู้เป็นบุตรีไม่รักดี มายุ่งเกี่ยวกับยาจก สกปรกมอมแมมเช่นนี้” คำกล่าวนั้น ทำให้เป่ยฉิงตาโตอยู่ดี ๆ ก็ถูกโยนความผิดมาให้ แถมฟังดูดี ๆ ก็เหมือนจะเป็นเรื่องชู้สาวอีกด้วย เธอจึงมองด้วยสายตาขุ่นจัด
ชายมอซอเงยหน้าขึ้นมองด้วยดวงตาวาววับ ผู้ที่พูดเมื่อครู่ ถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืด ๆ
‘ข้า เล่นละคร ตามที่ท่านบอก เหตุใดจะต้องโกรธข้าด้วย’
“ท่านดูถูกที่ข้านั้นเป็นหญิงเช่นนั้นหรือ แล้วผู้หญิงอย่างข้า มันเป็นยังไง ถึงจะเข้ามายุ่งวุ่นวายไม่ได้ ก็ในเมื่อ สิ่งที่พวกท่านทำ มันเลวทรามแค่ไหน คนจนเขาไม่มีจะกิน การที่เขามาขอทานแล้วเขาผิดเหรอ” ถามอย่างขับข้องใจ เพราะแบบนี้แหละ ประเทศถึงไม่พัฒนาสักที
ทุกคนที่ยืนออกันอยู่ ต่างก็อ้ำอึ้ง เพราะไม่คิดว่า สตรีตัวเล็ก ๆ จะกล้าต่อกรกับบุรุษรูปร่างกำยำเหล่านี้ ช่างกล้าเกินไปแล้ว
“ข้าว่า แม่นางผู้นี้อาจจะป่วย” อีกคนกระซิบ เป่ยฉิงเหล่ตามอง
“ข้าว่านางคงลืมไป ว่าตนเองเป็นสตรี” เสียงกระซิบจากใครหลายคน ทำให้บุตรีท่านเสนาบดีขุ่นมัวขึ้นมา
“บางที นางอาจจะป่วยหนักก็เป็นได้” เสียงซุบซิบแต่โคตรดัง ทำให้เป่ยฉิงหน้าแดง แววตาลุกวาบอย่างเอาเรื่อง
“ข้าเป็นผู้หญิงแล้วต้องเป็นยังไง ต้องงอมืองอเท้า เพื่อให้ชายอย่างพวกเจ้าหาอะไรมาป้อนใส่ปากให้กินอย่างนั้นเหรอ บ้าสิ ผู้หญิงอย่างข้า ก็มีสมอง มีมือ มีปาก มีเท้า ที่จะคิดไตร่ตรองได้ว่าควรจะทำยังไง อย่าได้มาดูหมิ่นกันให้มาก เพราะข้า ทำได้มากกว่าที่พวกเจ้าคิด” ขึงตาใส่ผู้ชายปากเปราะ แล้วจ้องเขม็ง จนเหล่าบุรุษที่ห้อมล้อมอยู่ต่างก็ถอยหนีไปคนละทิศละทาง แต่กลับเมียงมองคอยืดคอยาวด้วยความอยากรู้
เป่ยฉิงก้มหน้าลง พลันต้องชะงักไปเมื่อสบตากับผู้ชายขอทานคนนั้น ชายยาจกงั้นเหรอ ยาจกอะไร ตาสวยชะมัด
อดีตนายตำรวจหญิงมองตาคมของชายรูปหล่อร่างสูงใหญ่ ผู้มีนัยน์ตาสีเขียวปนน้ำตาลอ่อนอย่างเผลอไผล ใบหน้าของเขาเป๊ะมาก สันกรามนั้นช่างกร้าวใจเหลือเกิน ไหนจะลูกกระเดือกอีกมันช่างมีเสน่ห์ จนเธอรู้สึกวูบวาบไปทั่วร่างกาย หัวใจดวงเล็กพลันเต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
‘อย่าบอกนะ ว่าตำรวจหญิงอย่างเรา จะตกหลุมเสน่ห์ของคนโบราณเข้าแล้ว แบบนี้แย่แน่’