บทที่ ๕ -เจ้าเป็นของข้า
ดวงตาของยาจกหนุ่มคนนี้ มีสิ่งดึงดูดให้เธอเผลอไผล และตกอยู่ในวังวน หากว่า ไม่รีบตั้งสติ อาจพลาดพลั้งถูกล้างสมองแน่ ๆ
แววตาของอดีตตำรวจหญิงที่สบกับชายยาจกช่างเวิ้งว้างหาจุดสิ้นสุดไม่ได้ คนทั้งตลาด ต่างสัมผัสได้ว่า มีความอุ่น ๆ ล่องลอยอยู่รอบ ๆ กายทั้งคู่ ซึ่งพวกเขานั้นต่างก็คิดว่า คงเป็นไอปราณของบุรุษฉกรรจ์ทั้งห้านายเป็นแน่
ท่ามกลางคนมุงและแสงแดดที่แผดเผา แต่ทว่า เธอผู้มาจากต่างยุคกลับยังไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อย ว่าตอนนี้ เธอเป็นอะไร ดูท่าเจียวลู่คงถูกชายยาจกตกเข้าแล้ว แบบนี้แย่แน่ ทั้งที่เพิ่งถูกหักหลังมาหมาด ๆ จะเข้าอีหรอบเดิมไหมนี่
“แฮ่ม คะ คุณหนูเจ้าคะ” อูฟางยี่ตะโกนก้อง คนเป็นนายจึงได้สติ พร้อมกับกระพริบตาปริบ ๆ เมื่อเห็นว่า คนที่ตนมองอยู่อย่างอึ้ง ๆ เป็นผู้ชายหน้าตาดี ช่างคล้ายกับพระเอกซีรี่ส์เมนของเธอ หญิงสาวถึงกับหน้าแดงก่ำขึ้นมา
“เอ่อ…ท่านเป็นยังไงบ้าง เจ็บมากหรือไม่” กัดฟัน ตั้งสติก่อนจะเอ่ยปากถามขึ้น หลบดวงตาคู่คมสำรวจไปทั่วกายกำยำล่ำสันแทน แต่ก็ไม่เห็นมีเลือดหรืออะไรที่เกิดมาจากการถูกรุมกระทืบแม้แต่น้อย
คราวนี้เป่ยฉิงมองอย่างสงสัย ก็ในเมื่อไม่มีร่องรอยบาดเจ็บ แล้วเมื่อครู่ เขาร้องทำไม แล้วร่างกายนี่อีก ดูแน่นน่าลูบ เหมือนคนยกเวทอยู่เป็นประจำ แล้วยาจกที่ไหน เขาจะมัวมาออกกำลังกายได้ล่ะ เพราะวัน ๆ ต้องทำงานหาเงินกลับเข้าบ้าน จะเอาเวลาไหนมาจัดสรรให้ร่างกายของตนมีกล้ามชวนให้สาว ๆ น้ำลายหกอยู่แบบนี้
เมื่อสติมาปัญญาก็เกิด แต่กลับลืมตัว เพราะว่า มือน้อย ๆ ของเธอนั้น ลูบไล้อยู่บนแผงอกแกร่งของยาจกหนุ่มอย่างเลื่อนลอย
“ท่าน…เป็นยาจกงั้นหรือ” เสียงถามคล้ายละเมอของบุตรีท่านเสนาบดี ทำให้ทุกคนชะงัก พร้อมทั้งเหล่ตามองมือน้อย ๆ ของแม่นางผู้งดงาม ที่ลูบไล้อกแกร่งของบุรุษผู้มอมแมมอย่างไม่วางตา
“แฮ่ม…” ดูเหมือนชายยาจกจะรู้ว่า สตรีที่ช่วยเหลือตนนั้นเริ่มสงสัย เขาจึงเอ่ยขึ้น แม้ในใจแสนจะมีความสุข เพราะคนงามเหมือนจะตกหลุมเสน่หาของตนเข้าแล้วก็ตาม
“ข้าไม่เป็นอันใดแล้ว แม่นาง ต้องขอบคุณเจ้า ที่ช่วยเหลือข้านะ แค่ก แค่ก” เอ่ยเสียงแหบ ๆ พร้อมทั้งไอโขลก ๆ ออกมา
เป่ยฉิงชะงักมือที่ลูบแผงอก ก่อนจะตาโตเมื่อเห็นว่า ตนเองทำอะไรอยู่ คนสวยจึงเกิดความเห่อร้อนบนใบหน้า พร้อมทั้งอัตราการเต้นของหัวใจ ที่มันรุนแรงกว่าเดิมมากมายหลายเท่า
แต่พอมองเห็นเลือดที่หยดลงมากระทบกับมือของเธอ คนข้ามยุคก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นว่า ชายผู้เป็นยาจกไอเป็นเลือด เปรอะเปื้อนทั้งปากและคาง กลิ่นคาวคละคลุ้งไปทั่ว
“ตายแล้ว ท่านไอเป็นเลือด แสดงว่าน่าจะเกี่ยวกับระบบภายในอย่างแน่นอน หรือไม่ พวกท่านกระทืบเขาแล้วทำให้ปอดทะลุหรือเปล่านี่” เธอก็พูดไปเรื่อย ในใจนั้นหวังให้ชายสี่ห้าคนนั้นรู้สึกแย่ ที่ทำให้คนจน ๆ คนหนึ่ง ต้องบอบช้ำข้างในมากขนาดนี้
“เจ้าอย่าพูดเป็นเล่น ปอดจะทะลุได้อย่างไร” ก็เขาไม่ได้กระทืบจริง ๆ นี่นา เล่นใหญ่เกินไปแล้ว
“ก็เห็น ๆ อยู่ ว่ายาจกคนนี้ไอเป็นเลือด มันจะต้องมาจากอวัยวะภายในบอบช้ำอย่างรุนแรง ไม่อย่างนั้นจะมีเลือดได้ยังไง พวกท่านนี่ มันเลวทรามจริง ๆ” เสียงของสตรีเพียงหนึ่งเดียวในกลุ่มชายหน้าตาเหี้ยม ไม่ได้ดังเบา ๆ แต่กลับตะโกนพูดกึกก้อง ทำให้คนมุงอยู่ไกล ๆ เริ่มเข้ามาดูใกล้ ๆ
“เจ้า หยุดนะ” เหล่าชายฉกรรจ์เอะอะหน้าแดงก่ำขึ้นมา ไม่คาดคิดว่าบุตรีท่านเสนาบดีจะร้ายกาจเช่นนี้
“เจ้าข้าเอ๊ย พวกท่านดูนี่” ละครจักร ๆ วงศ์ ๆ ก็มา ยิ่งผู้คนสนใจมาก เสียงยิ่งดังเป็นเท่าตัว
“ชายยาจกผู้นี้ ถูกชายทั้งห้าทำร้ายจนเลือดออก แต่กลับไม่ยอมรับ ทำไม่รู้ไม่ชี้ เราจะปล่อยให้คนเช่นนี้อยู่ในสังคมต่อไปได้ยังไง” เริ่มปลุกระดม ทุกคนอือออตาม
“ใช่ ๆ เช่นนี้ไม่ดีแน่”
“เช่นนี้เราจะแย่เอาได้นะ” ชาวบ้านร้านตลาดเริ่มคล้อยตาม ทำให้ชายยาจกมีดวงตาพราวระยับ เผลอมองหน้าเนียนใสของคนงามอย่างชื่นชม
“ข้าเปล่า” ชายฉกรรจ์มีความเลิ่กลั่ก ไม่คิดว่าจะเจอเหตุการณ์เช่นนี้ จึงรีบปฏิเสธอย่างทันทีทันใด
“เปล่าอะไรกัน ทำเองแท้ ๆ กลับไม่ยอมรับ ท่านเป็นลูกผู้ชายบ้างไหมนี่” เอียงคอพูด พลางหันหน้ามาหายาจก แล้วชะงักไปอีกรอบ
“เอ่อ…ท่าน มีอะไรจะพูดหรือไม่” ไม่รู้อะไร จึงทำให้เป่ยฉิงสะดุด อาจจะเป็นเพราะ ดวงตาคมกล้าสีเขียวปนน้ำตาลอ่อน ดูมีบางอย่างสะกดให้ทุกคนยอมสยบ หรือเพราะใบหน้าของเขา ที่ได้รูปเหมือนพระเอกซีรี่ส์ เมนของเธอกันนะ เธอถึงเกิดอาการ ณ จังงังได้แบบนี้
ทั้งคู่ต่างสบตากันด้วยความเผลอไผล ไออุ่นระหว่างทั้งสองลอยอยู่รอบ ๆ กาย จนสามารถมองเห็นเป็นสีชมพูจาง ๆ ได้อย่างชัดเจน
ชายทั้งห้ามองตากันอย่างตกตะลึง เมื่อเห็นเช่นนี้ หรือว่า สตรีผู้งดงามนี้จะเป็นคู่ชะตาและคู่วาสนาของชายยาจก ถ้าเป็นเช่นนี้ ย่อมเป็นเรื่องดีอย่างแน่นอน
ชายยาจกมองสตรีผู้แสนเย้ายวนด้วยความหลงใหล แต่ก่อนนั้น เขาได้ลอบเข้าจวนท่านเสนาบดีฝ่ายซ้าย เพื่อไปเมียงมองดูนาง เห็นไกล ๆ ว่างามแล้ว วันนี้ได้อยู่ใกล้ถึงเพียงนี้ แถมกลิ่นอายแห่งความสาวบริสุทธิ์จากกายเนียนละมุน หัวใจของเขายิ่งเต้นรัว ๆ ราวกับเต้นระบำจนแทบจะหลุดออกจากขั้ว
ความหวงแหนและความเป็นเจ้าของ พลันก่อเกิดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“เจ้าเป็นของข้า…ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าไปเป็นของผู้ใด” เสียงแหบต่ำเอ่ยขึ้น ทำให้เป่ยฉิงชะงัก ไม่แน่ใจนัก ว่าที่ได้ยินนั้น มันถูกต้องไหม
“เอ่อ…ท่าน ท่านพูดอะไรหรือ” ขออีกรอบได้หรือเปล่า
“…..” คนตัวโตในสภาพมอมแมมกระพริบตา เมื่อตนนั้นเผลอพูดความในใจออกมาเสียแล้ว ใบหน้าคมแต่เปื้อนไปด้วยถ่านและคราบมันแดงขึ้นมาเล็กน้อย โดยที่ไม่มีใครเห็น
“ข้าบอกว่า เจ้างามนัก เจ้ามีชายในดวงใจหรือไม่ มีชายใดมาทาบทามสู่ขอเจ้าให้แต่งเข้าจวนหรือไม่” ถามเสียงแหบ ๆ
“…ทำไมคะ มันเกี่ยวอะไรกับการที่ท่านไอเป็นเลือด” ชักจะงง ว่าสิ่งที่เจอมานี่ มันเป็นเรื่องเดียวกันรึเปล่า
“อาจไม่เกี่ยว แต่ข้าเอ่ยออกมานั้น มันเป็นความจริงและเป็นความต้องการของข้า” รุกคืบไปอีกขั้น เป่ยฉิงอึ้ง ๆ เมื่อมั่นใจแล้ว ว่าถูกหนุ่มโบราณจีบ เธอจึงสบตากับเขาอีกครั้ง
ในขณะที่ทุกคนกำลังมุงดูเหตุการณ์อย่างสนใจ แต่ทว่า ชายหญิงทั้งคู่กลับเอาแต่สบตากันอย่างไม่ละสายตา โดยเฉพาะชายยาจกผู้นี้ มองสตรีผู้มีใบหน้าผุดผาด เย้ายวนตาไม่กระพริบ ยิ่งมองยิ่งเกิดความรู้สึกหลงใหล จนความต้องการของร่างกายเริ่มส่งผล
ความงามยืนหนึ่ง หาได้ยากจากสตรีทั่วไป จริงอยู่ ทั่วทั้งแผ่นดินมีหญิงงามนับไม่ถ้วน แต่ทว่า จะดึงดูดใจและกายให้หยุดชะงักและมีความต้องการมากเช่นนี้ เห็นว่าจะไม่มีอีกแล้ว
เขาอยากได้นางมาเคียงข้างกาย และจะไม่มีวันปล่อยมือจากนางเด็ดขาด ไม่ว่าจะมีอันใดเกิดขึ้น หรือมีเรื่องราวใหญ่โตมาเพียงใด มือของเขา จะจับและประคองนาง ตลอดไป
ความคิดและความต้องการ มันเป็นหนึ่งเดียวกัน มารยาที่ไม่เคยคิดว่าจะใช้กลับควักออกมา เพื่อนางเพียงคนเดียวเท่านั้น
“อะ ซี้ดด แค่ก แค่ก” ขยับกายจะลุกขึ้น แต่กลับซวนเซ พร้อมไอโขลก ๆ โลหิตสีแดงยิ่งทะลักออกมา จนต้องทรุดกายลงกับพื้นตามเดิม เป่ยฉิงรีบคว้าแขนแกร่งได้ทัน ก่อนที่เขาจะล้มลง
“อะ”
“อะ ท่าน” เจียวลู่ดึงอีกคนเต็มแรง แต่เพราะร่างที่เธออาศัยอยู่นั้น เป็นผู้หญิงที่ร่างกายไม่แข็งแรง แถมแรงน้อย จึงกลายเป็นว่า ตัวของเธอเองถลาเข้าไปแล้วทับร่างกายใหญ่โตของเขาเข้าเต็ม ๆ เหมือนเป็นฉากกอดกันของพระนางในซีรี่ส์ ให้เหล่าชาวมุงเห็นภาพหวานชัด ๆ ถนัดตา
ทุกคนจึงตาโตกับสิ่งที่เห็น โดยเฉพาะ อูฟางยี่ และบุรุษทั้งห้า
“อะ” ถ้าในเหตุการณ์ตามปกติ เธอสามารถหลบหลีกได้ แต่เพราะร่างกายของเป่ยฉิงอ่อนแอ จึงทำไม่ได้ ทั้งที่เมื่อวานยังถีบพี่สาวคนละแม่ตกน้ำได้ แต่ทำไมวันนี้กลับไม่มีแรงแม้แต่จะลุกขึ้น เธอจึงใช้มือน้อย ๆ ยันอกแกร่งเอาไว้แทน
หมับ
ใบหน้าเนียนใสแดงก่ำ เพราะชายยาจกได้ถือโอกาสตวัดเอวคอดกิ่วของบุตรีท่านเสนาบดีฝ่ายซ้ายอย่างรวดเร็ว จากนั้นกดศีรษะทุยสวยให้ซุกซบตรงแผงอกแกร่งของตนเอง โดยที่ใบหน้าเข้มของเขาจรดจมูกโด่งลงกลุ่มผมนุ่มสลวยหอมกรุ่น ท่ามกลางสายตาของเหล่าชาวมุงเต็มตลาด ต่างก็อึ้งกันถ้วนหน้าเมื่อเห็นฉากพรอดรักของชายหญิงเข้าให้
“อะ นะ นั่น คุณหนูเป่ย คุณหนูเป่ยนี่นา เหตุใดถึงให้ยาจกสกปรกผู้นี้กอดได้” ใครบางคนเอ่ย คราวนี้ถึงกับเป็นไฟลามทุ่ง เมื่อทุกคนรู้แล้ว ว่าคุณหนูคนงามของท่านเสนาบดีฝ่ายซ้าย มานอนกอดกับบุรุษผู้ไม่มีอันใดเทียบกันได้เลยแม้แต่น้อย อยู่กลางตลาด
คนต้นเหตุทั้งสอง กลับไม่มีทีท่าว่าจะได้กลิ่นทะแม่ง ๆ นี้เลย เพราะมัวแต่มองตากันอย่างเคลิบเคลิ้ม
“เอ่อ ทะ ท่าน” ความวาบหวามก่อเกิดขึ้นในหัวใจ พลางขยับออกห่างก่อนร่างกายนุ่มนิ่มนี้จะอ่อนระทวยมากไปกว่านี้
“อะ ขะ ข้าเจ็บ เจ้าพาข้าไปที่บ้านข้าได้ไหม ข้าเจ็บตรงอกเหลือเกิน ข้าอยากจะนอนนิ่ง ๆ สักครู่ บางทีอาการนี้อาจจะดีขึ้น” เสียงอันอ่อนระโหยโรยแรงของชายร่างใหญ่ ผู้มอซอ เป็นเหตุให้อดีตตำรวจหญิงต้องยอมทำตาม แม้จะเขิน ๆ ที่ถูกมอง แต่เพราะความสงสารที่มีอยู่เป็นทุนเดิม จึงตอบตกลง
“อื้อ ได้ ข้าจะพาท่านไปส่งที่เรือนท่าน…ว่าแต่ไกลมากไหม” เป่ยฉิงขยับออกเล็กน้อย ยาจกหนุ่มปล่อยคนในอ้อมกอดด้วยความเสียดาย
บุตรีของท่านเสนาบดีถาม โดยไม่ได้มองดูสีหน้าคนสนิท ว่าตกตะลึกแค่ไหน ที่ผู้เป็นนายจะไปเรือนของบุรุษตามลำพัง
‘คุณหนูเจ้าคะ ทำเช่นนี้ ท่านเสนาบดีจะตำหนิเอาได้นะเจ้าคะ’ อูฟางยี่คิดอย่างกลุ้มอกกลุ้มใจ ใบหน้าเนียนดูร้อนรน จนแทบจะร้องไห้อยู่รอมร่อ