“คุณเอ้ย...” ซอมพอเรียกชื่อเขาเป็นครั้งแรก แต่น้ำเสียงค่อนข้างเขียว ตอนนี้ไม่อยากทำความรู้จักกับผู้ชายคนนี้แล้ว อีกอย่างต่างคนก็ต่างเลิกรากันไป ไม่เห็นจำเป็นต้องมาหลอกทำเป็นแฟนอะไรเลย
‘เธอมันก็เสียค่าโง่ไป’ เธอว่าให้ตัวเองอีกครั้ง
“ฉันอิ่มแล้วนะคะ ฉันจะกลับห้องแล้ว” เธอบอก รีบยกตัวขึ้น รู้สึกเสียหน้าและกระดากเกินไปที่จะนั่งต่อหน้าเขาอีกต่อไป
“อ้าว...คุณซอมพอครับ เดี๋ยวก่อนสิ อย่าเพิ่งนอยด์น่ะ” เขารีบบอก รีบลุกตามไปซอมพอที่เดินตรงไปทางประตู
“ไม่เอาแล้วค่ะ ไม่ต้องแล้วด้วย ฉันยกเลิกข้อตกลงเมื่อกี้ อีกอย่างฉันคิดว่าฉันทำใจได้แล้ว อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด” เธอพูดโดยที่ไม่หันหน้ามามองเขา รีบจ้ำอ้าวเดินไปทางประตู
“เดี๋ยวสิ...” เอ้ยคว้าข้อแขนเธอเอาไว้อีกครั้งหนึ่ง แล้วดึงเธอเข้ามาหาตัว ร่างบางของซอมพอหันหน้ากลับมาหาเขาทันที ก่อนจะปะทะเข้าไปกับแผงหน้าอกของเขา
ไวทินนึกถึงสีหน้าและแววกังวลของเธอตอนที่พี่สาวของเธอมาเจอเมื่อตอนเกิดเรื่อง รู้ว่านี่คงเป็นเรื่องที่หนักหนาพอสมควรสำหรับเธอ แล้วคนที่ผิด น่าจะเป็นเขาเสียมากกว่า
แกร๊ก... เสียงไขประตูเข้ามาในห้อง ซอมพอเงยมองหน้าเขาทันที เอ้ยก็ทำหน้างง ๆ เช่นเดียวกัน
“ไหนคุณว่าคุณอยู่คนเดียว” เธอพูดขึ้น ทั้งสองหันหน้าไปที่ประตูห้อง
“จีเน่...” ไวทินเรียกสาวน้อยที่กำลังเปิดประตูแล้วก้าวเข้ามา เด็กสาววัยสิบเจ็ดหน้าตาน่ารักยกมือที่ถือพวงกุญแจเอาไว้ และอีกมือหนึ่งหอบหิ้วข้าวของมาเต็มกำมือ เธอทำเป็นไม่สนใจหนุ่มสาวสองคนที่กอดกันอยู่ตรงหน้า เดินตรงไปที่โต๊ะอาหารแล้ววางสัมภาระของตัวเองลงตรงนั้น
ไวทินและปุณฑราผละตัวออกจากกัน แต่เขายังจับมือเธอเอาไว้แน่น ทั้งสองคนหันหน้าไปมองเด็กสาวรูปร่างกะทัดรัดด้วยหน้าตาที่มีคำถาม
“ก็...เออ...จีเน่เป็นห่วงพี่เอ้ยนี่คะ วันหยุด พี่เอ้ยก็เอาแต่นอน คงไม่ได้กินอะไร แล้วก็ไม่คิดว่าแฟนพี่เอ้ยจะยังไม่กลับ แต่ก็ไม่เป็นไรนี่คะ จีเน่จะอยู่อย่างเงียบ ๆ” เธอพูดเองเออเอง เดินไปนั่งที่โซฟาแล้วยกรีโมตขึ้นชี้ไปที่ทีวีแล้วเปิดมันขึ้น
“เดี๋ยวจีเน่ เอากุญแจห้องพี่ไปก๊อบปี้ใช่ไหม” ไวทินเอ่ยถาม เขาปล่อยมือจากซอมพอ แล้วเดินเข้าไปหาเด็กสาว
“อือ...” เธอพูดเหมือนไม่ใช่เรื่องเสียหาย หันมาขยิบตาให้กับซอมพอเหมือนผู้ถือไพ่เหนือกว่า ซอมพอถึงกลับหน้าเหวอ ไม่เข้าใจจุดประสงค์ของเด็กคนนี้เลย
“จีเน่กลับไปได้แล้ว พี่จะไม่เอาเรื่องนี้ไปฟ้องพี่เจ และก็ป๊ากับม้านะ ว่าเรากำลังทำอะไร เล่นอะไรอยู่ แล้วก็รีบกลับไปเลย” ไวทินพูดขึ้น เดินไปหยิบกุญแจที่เด็กสาวปั๊มเอาไว้มาถือ แล้วหยิบกระเป๋าถือของจีเน่ขึ้นมาเทของทั้งหมดออกมาด้วย
“พี่เอ้ย...” เด็กสาวขึ้นเสียงกับเขา ใช้มือยื้อแย่งกระเป๋าของตัวเองกลับ แต่เขาก็ยกขึ้น สิ่งที่ประจักษ์แก่สายตาของไวทินและปุณฑรา คือมีดอกกุญแจอีกหลายดอกที่จีเน่ปั๊มเอาไว้ ท่าทีไวทินหัวเสียเอามาก ๆ
“กลับไปเลยนะ แล้วพี่จะพูดเป็นครั้งสุดท้าย พี่ไม่ได้ชอบจีเน่แบบอื่น นอกจากเห็นเป็นน้องสาวของเพื่อน และพี่ก็มีเมียแล้ว” เขาหันไปมองหน้าซอมพอเหมือนขอความช่วยเหลือ จีเน่ยืนตัวสั่นมองหน้าพี่เอ้ยแบบเสียใจมาก ๆ ยืนน้ำตาร่วงเผาะ
“คุณคะ คุณเอ้ย ใจเย็น ๆ ก่อนค่ะ อย่าต่อว่าน้องเขาแรง ๆ เลย” เธอรีบเข้าไปห้ามทัพ แล้วก้มลงเก็บข้าวของของจีเน่ที่หล่นกระจัดกระจายทั้งบนโต๊ะและที่พื้น
“เชอะ ไม่ต้องมายุ่ง” จีเน่ใช้มือผลักซอมพออย่างแรงจนหญิงสาวก้นจ้ำเบ้า ก่อนจะสะบัดมือปัดมือของซอมพอที่กำลังเก็บของให้ด้วยอย่างแรง จีเน่ทำท่ากระฟัดกระเฟียดก้มเก็บข้าวของของตัวเอง แล้วดึงกระเป๋าถือที่อยู่ในมือของไวทินมาถือเอาไว้ แล้วยัดข้าวของพวกนั้นใส่ลงไป ยกมือขึ้นปาดเช็ดน้ำตาที่นองเต็มใบหน้า
เอ้ยเข้ามาประคองซอมพอที่ล้มลงแทบหงายหลัง ก้นกระแทกพื้นเพราะแรงผลักของจีเน่ พยุงให้ลุกขึ้น
“เจ็บตรงไหนบ้างครับ” เขาถามเธอออกมาด้วยน้ำเสียงอาทรและท่าทีที่เป็นห่วง
“ชิ... เชิญอี๋อ๋อกันให้พอใจเลย ไม่ต้องมาสนใจจีเน่นะ” เธอพูดพลางสะบัดตัวใช้หัวไหล่ชนกระแทกเข้าที่หน้าอกของซอมพอ แล้วเดินลงส้นเท้าปึงปังออกจากห้องไป ตามด้วยเสียงปิดประตูเสียงดังสนั่น “ปัง”
ทั้งสองหันมามองหน้ากันด้วยความตกใจ
“ฮู้...” ซอมพอพ่นลมหายใจออกมา
“อ้อ... คงมีผู้หญิงเยอะเหมือนกันนะคะ วันหลังคงไม่มีใครมาทึ้งฉันถึงที่นี่” ซอมพอพูดเปรียบเทียบ เริ่มมองเห็นความวุ่นวาย
“ฉันจะกลับแล้ว” เธอยกหน้าขึ้นบอกเขา ยกมือขึ้นปัดมือเขาที่จับตัวเธอเอาไว้อยู่
“อย่าเพิ่งรีบกลับซิครับ เดี๋ยวจีเน่กลับมาอีก” เขาหาเหตุผลให้เธออยู่นาน ๆ ก็ไม่รู้เหมือนกัน ทำไมตัวเขาเองถึงอยากรั้งเธอเอาไว้
“ฉันง่วง และฉันก็เหนื่อยด้วย” เธอพูดสะบัดหน้าหลุบ ๆ เพื่อปฏิเสธ รีบก้าวขายาว ๆ ตรงไปที่ประตูอีกครั้ง
“คุณ นอนที่นี่เถอะนะ ผมเหงา” เขาเข้าประชิดตัว กอดรัดเธอเอาไว้ทั้งร่าง ก่อนจะรวบอุ้มเธอขึ้นสู่อ้อมแขน
“คุณเอ้ย... จะบ้าหรือเปล่า” เธอรีบต่อว่าเขาขึ้นมาทันที
“อะไรของคุณ” เธอยังว่าเขาด้วยความสงสัย
“อือ ก็ไม่มีอะไร เมื่อคืนผมเมามาก คุณก็เมามาก เรามาทบทวนเรื่องเมื่อคืนกันสักหน่อยดีกว่า ไหน ๆ ผมก็รับปากจะช่วยคุณแล้ว” คำพูดของเขาทำให้เธอหน้าแดง ยกมือขึ้นยันหน้าอกของเขาไว้ สายตามองเลิ่กลั่ก เมื่อเห็นเขาพาเธอตรงไปยังห้องนอน
เขาวางเธอลงบนเตียง ก่อนจะเอนตัวลงไปนอนข้าง ๆ ในทันที
“คุยกันก่อน” เขาพูดขึ้น ใช้ทั้งขาทั้งแขนพาดร่างเธอเอาไว้ เธอรีบใช้มือผลักยันทั้งขาทั้งแขนเขาออกไปให้พ้นตัว
“คุณน่ารักดี” เขาพูดขึ้น ก่อนจะซุกหน้าลงตรงซอกคอขาว ๆ นั้น
“จะบ้าเหรอ ข้อตกลงของเรา ฉันแค่ให้คุณสมมุติ อ้างตัวว่าเป็นแฟนเฉย ๆ ไม่ใช่ให้ทำแบบนี้ แล้วเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นก็เพราะคุณนะ” เธอต่อว่าเขาอีกครั้ง ยกมือผลักหน้าเขาเป็นพัลวัน นายไวทินรีบรวบจับมือเธอเอาไว้แน่น
“ก็นั่นนะซิ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว เราก็ต้องแสดงให้ถึงบทบาทกันหน่อย”
“อ๊าก... ไม่เอา อย่านะ” เธอร้องออกมาเสียงดัง ส่ายหน้าหนีการรุกรานทันที
“เมื่อคืนคุณครางเพราะ ๆ เสียงนี่หวาน ๆ ผมยังประทับใจอยู่เลย” เขาพูดล้อเลียน
“ฉันเมา... แล้วฉันก็ไม่รู้ตัวด้วย”
“นั่นน่ะซิ งั้นเรามาทดลองทำตอนที่เราทั้งคู่มีสติสัมปชัญญะกันดีไหม"
“ใครเขาจะยอมคุณอีกครั้ง อุบ...” เธอเงียบเสียงลงทันทีเมื่อเอ้ยใช้ปากของตัวเองปิดปากที่กำลังส่งเสียงเสียสนิท
ปลายลิ้นที่หยอกล้อเกี่ยวตวัดดูดดึงเบา ๆ เชิญชวนให้เธอตอบรับ หญิงสาวเผลอดูดกลืนน้ำหวานลงคอ และตอบรับการจูบของเขา ซอมพอถึงกับครางอืออาในลำคอ หลับตาพริ้มอยู่ใต้ร่างของเอ้ยด้วยหัวใจที่เต้นแรง
“ผมจะทำให้คุณรู้สึกดีสุด ๆ ไปเลย” เขากระซิบบอกที่ข้างหู ก่อนจะลากริมฝีปากลงมาเรื่อย ๆ เขาปล่อยมือเธอเป็นอิสระ สองมือหนา ๆ กำลังช่วยกันปลดกระดุมเสื้อตัวที่เธอใส่อยู่เป็นระวิง
“เปื้อนทั้งคราบกาแฟ แล้วยังทำน้ำหกเข้าใส่อีก ถอดออกเถอะนะ” เขาบอกเธอน้ำเสียงทุ้ม คลุกหน้าลงไปในร่องหน้าอกที่เขาเป็นคนบอกเองว่ามันไม่เต็มไม้เต็มมือ
“อา...” เธอเผลอตัวร้องคราง ตอนนี้เอ้ยห่อปลายลิ้นและตวัดหยอกเอินกับเม็ดเชอร์รีตรงยอดอก อาการห่อไหล่ขนลุก ทำให้ไวทินย่ามใจ
“อย่านะ แค่ครั้งเดียว ฉันก็รู้สึกเสียใจจะแย่แล้ว” เธอพูดห้ามขึ้นมาตอนนี้น้ำตาเอ่อคลอหน่วย ไวทินเลื่อนตัวขึ้นไปสบตา
“ผมขอโทษ ตอนนี้ผมอยากทำให้คุณรู้สึกดี ๆ ไง”
“คนเอาแต่ใจ” เธอว่าเขา ดันมือผลักหน้าอกที่เบียดชิดเข้ามาอีก ตอนนี้อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน