“จีเน่” เอ้ยเรียกชื่อเธอ ก่อนจะดันตัวเธอให้ออกห่าง แล้วผลักเธอให้นั่งลงตรงเก้าอี้ตัวที่อยู่ใกล้ที่สุด
“พี่เจให้หนูเอากุญแจห้องมาคืนพี่ เมาปลิ้นเพิ่งกลับมาถึงเมื่อกี้นี้ จีเน่ก็รีบออกมาทันทีเลยค่ะ” เด็กสาวอายุสิบเจ็ดปี น้องสาวคนสุดท้ายในบรรดาพี่น้องทั้งสี่คนของเจ ที่แสดงออกมาว่าชอบปลื้มเพื่อนพี่ชายที่ชื่อ เอ้ย นักหนา
“นี่ค่ะ” เธอยกกุญแจยื่นมาตรงที่หน้าเขา พอเขาจะยื่นมือไปรับ เธอก็ชักมือกลับ
“ต้องให้จีเน่ไปเล่นที่ห้องพี่เอ้ยก่อน แล้วจีเน่จะคืนให้” เด็กสาวมีข้อต่อรอง
“ไม่เหมาะมั้ง วันนี้วันหยุด พี่เอ้ยต้องอยู่กับแฟน” เอ้ยพูดพร้อมทั้งยกมือขึ้นโอบไหล่ของซอมพอที่มองหน้าทั้งเขาและเธออยู่อย่างเงียบ ๆ เข้ามาแนบชิด ก่อนจะหอมแก้มเธอเบา ๆ เพื่อโชว์ให้จีเน่เห็น เด็กสาวหน้าเสียลงทันที เธอรักพี่เอ้ยของเธอสุดหัวใจ
“นี่พี่ซอมพอแฟนพี่” เอ้ยเอ่ยแนะนำ จีเน่ถึงกับหน้าจ๋อย มองหน้าซอมพออย่างไม่เป็นมิตร แต่ปุณฑราผงกหัวยิ้มเจื่อน ๆ ให้กับจีเน่
“ไปจีบกันตอนไหน จีเน่ไม่เห็นรู้เรื่อง” เธอรีบพูดออกไปทันที ชักสีหน้าไม่พอใจเอามาก ๆ
“สวยก็ไม่สวย จืดก็ปานนั้น พี่เอ้ยชอบผู้หญิงแบบนี้เหรอคะ” คำพูดของเด็กสาวทำให้นางสาวซอมพอทำตาโตอ้าปากหวอ มองหน้าสาวน้อยจีเน่กลับไปตรง ๆ บ้าง
"เด็กอะไรปากไม่ดี" ซอมพอพูดออกเสียงไปทันที เพิ่งเคยเห็นเด็กนิสัยก้าวร้าวแบบนี้
เอ้ยเห็นบรรยากาศมาคุอยู่ตรงหน้ารีบพูดขึ้น
“จีเน่เอากุญแจห้องมาให้พี่แล้ว ก็ขอบใจนะที่เอากุญแจห้องมาให้ ไว้พี่จะหาโอกาสเลี้ยงข้าวและไอติมเราวันหลัง” เอ้ยรีบไล่ อย่างไรวันนี้ เขาก็มีเรื่องให้สะสางมากพออยู่แล้ว ไม่อยากเอาเรื่องของจีเน่มาทำให้ปวดหัว
เด็กสาวยื่นกุญแจมาตรงหน้าเขาแบบขัดใจ มองหน้าซอมพอแบบหาเรื่อง
“ฮึ... ถ้าจีเน่เป็นสาวมากกว่านี้ โตมากกว่านี้นะ จีเน่เอาพี่เอ้ยของจีเน่คืนแน่ ๆ” พูดจบเธอก็เดินสะบัดตัวออกไปทันที ทิ้งให้ทั้งเอ้ยและซอมพอมึนงงไปกับพฤติกรรมของเธอ
“กินเด็กเหรอ...” ซอมพอพูดขึ้นมาอีกครั้ง ชักสีหน้า
“หึงเหรอ...” เอ้ยพูดขึ้น ย่นหน้าและยิ้มมุมปากให้
“ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับคุณ” เธอเถียงเขาเสียงแว้ดขึ้นมาทันที
“อือ... แต่ถึงผมจะเมามากไปสักหน่อย แต่เมื่อคืนคุณก็ร้อนแรงมาก ๆ เลยนะ” คำพูดที่เอ่ยขึ้น ตอนที่เขายกหน้ามาใกล้ ๆ ทำให้เธอขนพอง มองหน้าเขาทำหน้าตาแดง ก่อนที่จะลงมือทุบที่หน้าอกของเขาทันที
“อย่าพูดแบบนี้อีกนะ” ซอมพอไม่พอใจ เธอรีบหุนหันลุกขึ้น เอ้ยดึงมือเธอเอาไว้ จนร่างที่บอบบางเซลงมานั่งที่บนตัก
“ผมยังกินกาแฟไม่หมดเลย คุณจะไปไหน” เขาแกล้งชิดจมูกลงตรงแก้มนุ่ม
“ไปหาเพื่อน” เธอพูดออกมาทันที เพื่อนสนิทเธอก็มีอยู่คนเดียว คือ เฟ และวันนี้นางก็คงนอนกับพี่คิวที่ไหนสักแห่งหนึ่ง
“ผมรู้ว่าหน้าอย่างนี้มีเพื่อนไม่เกินสองคนหรอก เดี๋ยวไปที่ห้องผม ไว้คุณสบายใจดีและพร้อมที่จะรับมือกับพี่สาวของคุณ ค่อยกลับไปที่ห้องของคุณก็ได้” พูดจบเอ้ยจับมือเธอเอาไว้แน่น เดินถือบิลเข้าไปจ่ายที่เคาน์เตอร์ข้างใน ซอมพอถอนหายใจออกมาอีกครั้ง คงต้องเป็นอย่างนั้น ตอนนี้หัวเธอมึนตึ๊บมืดบอดไปหมดแล้ว เธอเดินตามเอ้ยไปอย่างหมดอาลัยตายอยาก
“คุณอยู่คนเดียวหรือคะ” ซอมพอถามขึ้น ก่อนจะเดินตามเขาเข้าไปข้างในห้อง
“ครับ” เอ้ยตอบสั้น ๆ ก่อนจะเดินไปหยิบขวดน้ำดื่มที่ในตู้เย็นออกมายื่นให้ ซอมพอรับมันมาถือเอาไว้ทั้งสองมือ
“ผมขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ” เขาบอกเธอ ยกมือขึ้นมาถูกันเหมือนไม่รู้จะทำอะไรดี
“ตามสบายค่ะ” เธอผายมือให้เขา
“เอ่อ คุณก็ตามสะดวกนะ ไม่ต้องเกรงใจ คิดว่าเป็นที่หลบภัยของคุณก็ได้” เขาพูดกับเธอทำสีหน้ายิ้ม ๆ ซอมพอหน้าเจื่อนลงไปในทันที
“ฉันรบกวนคุณไม่นานหรอกค่ะ” เธอพูดเบา ๆ รู้ซึ้งถึงคำพูดของเขา เจ็บหนึบ ๆ ขึ้นมานิด ๆ
‘เป็นเพราะใครล่ะ’ เธอค่อนขอดเขาในใจ มองตามหลังไวทินที่เดินเข้าไปในอีกห้องหนึ่ง
ซอมพอมองไปรอบ ๆ ห้อง ฝั่งนี้ห้องดูจะแคบกว่าฝั่งที่พี่สาวกับพี่เขยของเธอซื้อเอาไว้ เหมาะที่จะเป็นครอบครัวเดี่ยว ๆ หรือตัวคนเดียว
‘ง่วงจัง’ เธอยกมือขึ้นมาหาวหวอด ๆ ก็ไม่ให้ง่วงได้อย่างไร เมื่อคืนกลับมาถึงก็ปาเข้าไปเกือบตีหนึ่ง แล้วยังถูกผู้ชายคนนั้นทำปู้ยี่ปู้ยำอยู่ตั้งนาน
แค่นึกถึงตรงนี้ ซอมพอก็หน้าแดง ก่อนจะนั่งทบทวนว่าเมื่อคืนตอนที่มีอะไรกันกับเขา นายไวทินได้ใช้ถุงยางอนามัยหรือเปล่า
“คิดอะไรอยู่น่ะคุณ” เขาทักขึ้น เธอถึงกับผวาตกใจขึ้นมาทันที
“บ้าแล้ว ตกใจหมดเลย เดินมาก็ไม่ให้ซุ่มให้เสียง” เธอหันไปว่าเขา ยกมือขึ้นทาบอกก่อนจะถอนหายใจออกมาเสียงดัง
“ผมเรียกคุณตั้งนานแล้ว เห็นคุณไม่ได้ยิน จะกินอะไรหน่อยไหม ตอนนี้ก็เกือบสี่โมงเช้าแล้วนะ” เขาชี้ให้เธอดูนาฬิกา
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกลับไปที่ห้องเลยดีกว่า ไม่อยากรบกวนคุณแล้ว คุณก็จะได้พักด้วย” เธอรีบลุกขึ้น ก่อนจะเดินผ่านหน้าเขาไป
“ไปไหน กินข้าวด้วยกันก่อน อีกอย่างเรายังไม่ได้ทำความรู้จักกันมากกว่านี้เลย” คำพูดของเขาทำให้เธอชะงักลง เงยหน้ามองหน้าเขาที่ยิ้มหวานมาให้
“รอผมอุ่นอาหารแป๊บเดียว มานั่งตรงนี้ก่อน” เขาดึงมือเธอแล้วพาไปนั่งรอที่โต๊ะกินข้าว ก่อนจะหันไปหาตู้เย็น เอาอาหารสำเร็จรูปที่เป็นกล่อง ๆ ซื้อมาจากเซเว่น เอ้ยเอาส้อมจิ้มเข้าไป และก็ส่งมันเข้าไปในตู้ไมโครเวฟ
“คุณกินแบบนี้ทุกวันเลยเหรอคะ” เธอถามขึ้น
“ส่วนมากก็ไม่ค่อยได้ทำอะไรกินเองหรอกครับ เพราะผมไม่ค่อยได้หยุดงาน และก็ไม่ค่อยกลับบ้านหัวค่ำด้วย ส่วนใหญ่ก็ฝากท้องไปตามร้านอาหารแถวที่ทำงาน แล้วคุณล่ะ” เอ้ยหันหน้ามาถามเธอ
“ฉันทำอาหารกินเองน่ะ ไม่ค่อยอยากไปซื้อกินเท่าไร แพงก็แพง อีกอย่างฉันชอบทานพวกผักสด ๆ มากกว่า” เธอเล่าเรื่องของตัวเอง
“งั้นถ้าผมเป็นแฟนกับคุณ คุณก็จะทำอาหารพวกนั้นให้ผมกินใช่ไหม” เขาหยอกเอินเธอด้วยคำพูด ยกอาหารกล่องออกมาจากตู้ไมโครเวฟ แล้ววางมันลงตรงหน้าของซอมพอ เธอเงยหน้าขึ้นมองหน้าเขาทำหน้าเรียบเฉยแต่ก็ลอบถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
“กินเข้าไปเถอะนะ กันตาย อีกอย่างมื้อเดียวคงไม่ทำให้คุณเสียสุขภาพหรอก รู้นะว่าหิวน่ะ” เขาพูดดักคอ
“คุณไม่ใช่คนที่นี่ใช่ไหม ลักษณะหน้าตาผิวพรรณน่าจะเป็นคนทางเหนือ” เอ้ยคาดเดา ตอนนี้เขานั่งลงตรงกันข้ามกับเธอ
“อือ... ฉันเป็นคนลำพูนน่ะ” เธอบอกกล่าว ตอนนี้รู้สึกหิวขึ้นมาจริง ๆ กินข้าวผัดปูที่วางอยู่ตรงหน้า หอมขึ้นจมูกจนเธอต้องหยิบช้อนขึ้นมาตัก และเป่าให้มันหายร้อน
“กินเยอะ ๆ หน่อยสิครับ คุณดูผอมจัง ไม่เต็มไม้เต็มมือไปสักหน่อย” คำพูดของเอ้ยทำให้เธอแทบสำลัก เธอมองหาน้ำดื่มเลิ่กลั่ก เอ้ยยิ้มออกมาหัวเราะขันในท่าทีของเธอ รีบเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำออกมารินใส่แก้วให้
“เอาน้ำ...คุณ” เขาพูดกลั้วเสียงหัวเราะ ซอมพอรีบยกน้ำขึ้นดื่ม และยกมือขึ้นลูบและตบที่หน้าอกของตัวเองดังปึก ๆ หญิงสาวหลบตาไม่กล้าสบตากับเขา ตอนนี้เธอรู้สึกว่าเขาจดจ้องมองมาที่เธอตลอดเวลา
“คุณทำงานอะไร” ไวทินถามต่อ
“บัญชี เป็นหัวหน้าฝ่ายบัญชี ที่ศรีณวัตรคอร์ปอเรชัน”
“คุณอายุมากกว่าผมสองปีใช่ไหม งั้น...ปีนี้คุณก็ยี่สิบเก้าปี” เขาทำหน้าคิดไปด้วย กินข้าวไปอย่างช้า ๆ
“คุณไม่มีแฟนมาก่อนใช่ไหม” เขาพูดมาอีก ตอนนี้เธอแทบสำลักน้ำที่กำลังกลืนลงคอ
“แค่ก แค่ก แค่ก...” ซอมพอไอออกมา น้ำทะลักออกมานอกปาก เปรอะไปทั้งคอทั้งเสื้อ
“คุณเลิกถามฉันตอนกินข้าวได้ไหม” เธอแว้ดใส่เขาทันที ยกหน้าขึ้นมองเขาสีหน้าไม่พอใจ
“อ้าว...คุณ” เอ้ยพูดได้เท่านี้ พอเห็นสีหน้าและท่าทีของเธอ เขาก็หัวเราะขึ้นมาขำ ๆ หยิบกระดาษทิชชูที่อยู่ตรงหน้าส่งให้
“เปิ่น ๆ อย่างคุณนี่คงหาคนมาจีบยาก” เขาพูดต่อ