อลงกรณ์เองแทบไม่อยากเชื่อเมื่อไปพบสภาพเจ้านายตัวเองอยู่ในบ้านหลังนั้น เขาสูญเสียน้ำตาของลูกผู้ชายให้อลงกรณ์เห็นอย่างไม่อาย อลงกรณ์นั้นได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดที่เขาได้รับจากการต้องตัดใจจากเทียมหทัยทุกวี่วัน เขาระบายความในใจลงในขวดเหล้า ขวดแล้วขวดเล่าเปรียบจะให้เหล้านั้นช่วยแก้ไขปัญหาให้ก็ไม่ปาน ข้าวปลาอาหารนั้นไม่ยอมแตะแม้แต่น้อย เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเจ้านายตัวเองนั้นจะรักเทียมหทัยมากถึงเพียงนี้
เพราะตั้งแต่เขารู้จักกับธรรทรนั้น นอกจากวันที่พ่อของเขาเสียไปแล้ว เขาก็ไม่เคยเห็นน้ำตาของเจ้านายอีกเลยจนกระทั่งวันที่เขาไปตามธรรทรที่บ้านพักตากอากาศ
“ฉันรักคุณขิม รักมาก รักจนไม่เหลือหัวใจให้ใครได้อีกแล้วกรณ์ แกรู้มั้ยว่ามันเจ็บปวดมากแค่ไหน ที่ต้องสูญเสียเธอไป ฉันไม่เคยรักผู้หญิงคนไหนมากเท่ากับเธอเลย แกรู้มั้ยว่ามันเจ็บๆ มากๆ จนฉันไม่สามารถจะพูดออกมาเป็นคำพูดให้แกได้รับรู้ได้ เธอคือชีวิตของฉัน ฉันรักเธอ แกได้ยินมั้ยไอ้กรณ์”
นั่นคือคำพูดประโยคแรกของธรรทรที่เขาได้ยินทันทีที่เขาไปถึง พร้อมกับน้ำในตาของธรรทรที่ไหลออกมาเหมือนกับเด็กที่สูญเสียของรักก็ไม่ปาน
“ไปเร็วยัยขิมเดี๋ยวจะได้เวลาประชุมแล้วนะ”
กรรชัยเร่งหลังจากที่รถจอดหน้าล็อบบี้โรงแรงหรู เพื่อที่จะเข้ามาประชุมสมาคมการท่องเที่ยวไทย
“แล้วทำไมเราไม่ให้คนอื่นมาคะพ่อ ไม่เห็นต้องมาเองเลย” เธอสงสัย
“ขิมไม่รู้อะไร การมาที่นี่ทำให้เราได้อะไรหลายๆ อย่างกลับไปนะลูก เพราะส่วนใหญ่นักธุรกิจใหญ่ๆ เขาจะมางานนี้กันรู้มั้ย” กรรชัยอธิบายให้ฟัง
“อ้าว! คุณหญิงสวัสดีครับ มากันเยอะแยะเลย ได้ข่าวว่าจะมีข่าวดีแหมไม่ทันไรก็มีลูกชายโตจนจะแต่งการแต่งงานซะแล้ว”
กรรชัยเอ่ยทักรสรินทร์เพราะเจอกันโดยบังเอิญที่ล็อบบี้ ซึ่งผู้เดินมาด้วยนั้นก็คือชุติมา สายชล อลงกรณ์และดวงแก้วนั่นเองการเจอกันโดยบังเอิญนี้ทำให้คนทั้งสามนั้นสีหน้าไม่ค่อยจะสู้ดีนัก
“คุณกรรชัย สวัสดีค่ะ ไม่เจอกันนานแล้วนะสบายดีหรือเปล่าคะ! พอดีดิฉันมาดูที่จัดงานแต่งเจ้าธรรน่ะค่ะ”
“อ้าว! ยัยขิมไหว้คุณหญิงสิลูกนี่แม่คุณธรรทรไงลูก เคยพบกันหรือยังครับคุณหญิง” กรรชัยรีบบอกลูกสาว
“ไหว้พระเถอะแม่คุณ ฉันเคยเจอแล้วล่ะคุณกรรชัย คนนี้ใช่มั้ยที่บอกว่าเก็บมาจากสถานเลี้ยงเด็กตั้งแต่เล็กๆ”
รสรินทร์รับไหว้เทียมหทัยอย่างเสียไม่ได้ พร้อมทั้งทำสีหน้าที่ไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย ซึ่งทั้งกรรชัยและเทียมหทัยเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
“อ้อ! นี่ฉันจะแนะนำให้รู้จักนี่หนูชุติมาว่าที่ลูกสะใภ้ฉันไงคะ คุณกรรชัย” “สวัสดีครับ”
กรรชัยรับไหว้ชุติมา ชื่อนี้ทำให้เทียมหทัยสงสัยยิ่งนัก เพราะเท่าที่เธอรู้นั้นดวงแก้วคือคู่หมั้นธรรทรไม่ใช่ชุติมาคนนี้แน่นอน
“แล้วนี่พอดีเลยไหนๆ ก็เจอกันแล้วงั้นดิฉันขอเสียมารยาทแจกการ์ดแต่งงานเจ้าธรรตรงนี้เลยก็แล้วกันนะ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเอาไปให้ที่บ้าน”
รสรินทร์พูดแล้วก็รับการ์ดจากสายชลและยื่นให้กรรชัย
“อ้าว! แล้วนี่เจ้าธรรไปไหนล่ะหนูชุ” รสรินทร์ถามเพราะไม่เห็นลูกชายเดินตามมา
“พี่ธรรไปเข้าห้องน้ำค่ะ นั่นไงคะมาพอดี พี่ธรรทางนี้ค่ะ”
ชุติมาร้องทักธรรทร ซึ่งทำให้เทียมหทัยงงและหันไปดูคนที่ถูกเรียกว่าธรรทรให้เห็นเต็มๆ ตา หลังจากที่เธอยืนงงกับการสนทนาของคนทั้งสองอยู่นาน ก็หันหน้าไปสบตากับคนที่เธอนั้นเฝ้าตามหาเขามานับเดือน เพราะจู่ๆ เขาก็หายไปเลย ถามอลงกรณ์ก็เอาแต่บอกว่าติดต่อเขาไม่ได้
อาการที่แทบช๊อคของเธอนั้นทำให้ธรรทรถึงกับหน้าเปลี่ยนสีเพราะไม่นึกว่าจะมาเจอกันโดยบังเอิญขนาดนี้ ทั้งๆ ที่เขาพยายามที่จะหลบหน้าและไม่ให้การแต่งงานเป็นข่าวมากที่สุด เพื่อไม่ให้เธอนั้นเจ็บมากเกินไปและที่สำคัญไม่ให้เขาเองเจ็บไปมากกว่านี้ด้วย
“อ้าว! คุณธรรทรพักนี้ไม่ค่อยเห็นหน้าเลยนะ ผมเห็นแต่รายงานของผลประกอบการสนามกอล์ฟไปได้สวยนะ ผมนี่มองคุณไม่ผิดเลยจริงๆ” กรรชัยเอ่ยทักธรรทรเมื่อเขาเดินมาที่กลุ่มพร้อมทั้งชุติมาเดินไปเกาะแขนแสดงความเป็นเจ้าของ
“ผมไม่ค่อยจะว่างครับคุณลุง” เขาบอกออกไป
“อ้าว! ยัยขิมทำไมทำหน้ายังงั้นน่ะลูก ทำเหมือนไม่รู้จักคุณธรรทรยังงั้นล่ะ”
“ค่ะคุณพ่อ! ขิมแทบจะไม่รู้จักเลยค่ะ! คุณพ่อคะพอดีขิมนึกได้ว่านัดลูกค้าไว้ค่ะ งั้นคุณพ่อประชุมคนเดียวนะคะ ขิมขอตัวค่ะ! สวัสดีค่ะคุณหญิง สวัสดีค่ะคุณธรรทร”
เทียมหทัยพูดพร้อมทั้งมองหน้าธรรทรด้วยความผิดหวังและเจ็บช้ำ และโดยไม่ทันจะฟังอะไรต่อไป เธอก็รีบวิ่งกลับออกจากโรงแรมด้วยน้ำตาที่นองหน้าและความเจ็บปวดในหัวใจ
“คุณขิมเดี๋ยวก่อนครับๆ”
ธรรทรร้องเรียกและวิ่งตามเธอออกมา ซึ่งทำให้กรรชัยและชุติมาที่ไม่ได้รู้เรื่องราวนี้ออกอาการงงไปตามๆ กัน หากแต่ใบหน้าของคุณหญิงรสรินทร์นั้นมีอาการสะใจเหลือเกินที่ได้เห็นภาพที่เธออยากจะเห็น คือวันที่เทียมหทัยได้รู้ความจริงเกี่ยวกับการแต่งงานของธรรทรนั่นเอง ส่วนอลงกรณ์ สายชลและดวงแก้วนั้น มองตามคนทั้งสองด้วยความเข้าใจและเห็นใจเป็นที่สุด เพราะสุดท้ายเรื่องที่ทั้งหมดกลัวก็มาถึง
“คุณขิมผมอธิบายได้นะครับ เรื่องที่เกิดขึ้นผมไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิด คุณขิมครับรอผมก่อน” เขาวิ่งออกมาและคว้าแขนเธอได้ในที่สุด
“ปล่อยค่ะ! นี่สำหรับคำหลอกลวงของคุณ ฉันคงจะโง่ในสายตาของพวกคุณมากสินะ คุณคงจะสะใจนะที่ได้แสดงละครให้คนโง่ๆ อย่างฉันดู”
เธอตบเข้าที่หน้าของเขาอย่างแรงด้วยความโกรธ และแสดงถึงแววตาแห่งความผิดหวัง เสียใจ ออกมาให้เขาได้เห็น