“นี่คุณกรณ์ทำอะไรคะ แล้วที่นี่เป็นห้องของใครคะ”
เพราะลำพังแค่นายอลงกรณ์ก็คงจะไม่สามารถหาเงินมาซื้อห้องชุดสุดหรูอยู่ใจกลางเมืองได้ขนาดนี้
“ก็คุณธรรครับให้ผมยืมห้องนี้ใช้ได้ทุกๆ วัน ก่อนวันเกิดคุณทุกปี จนกว่า! เอ่อ...”
“จนกว่าอะไรคะ”
“ก็จนกว่าเราจะแต่งงานและอยู่กินกันน่ะสิครับ หรือไม่ก็จนกว่าคุณขิมจะหมดรักผมไป พบรักใหม่กับผู้ชายคนใหม่ครับ”
เขาพูดด้วยอาการขำๆ เพราะรู้ดีว่าบัดนี้เขาได้หัวใจของเธอมาครองไว้แต่เพียงผู้เดียวแล้ว
“งั้นปีนี้ก็คงจะไม่มีแล้วสิคะ เพราะขิมพบคนรักใหม่แล้ว”
เธอแกล้งกลับบ้างเพราะหมั่นไส้เขาขึ้นมาทันที พร้อมวางเค้กลงที่โต๊ะ และทำอาการจะเดินกลับ
“โถ! คุณขิมน่ะ แกล้งผมอีกแล้ว งั้นไม่เอาแล้ว มานั่งตรงนี้นะ หลับตาด้วย” เขาจูงแขนเธอให้มานั่งโต๊ะชุดเล็กที่หน้าระเบียง
“อะไรคะ”
“คุณหลับตาก่อนนะ ให้ผมนับสามก่อนแล้วคุณค่อยลืมตานะ”
เขาให้เธอหลับตา แล้วเธอก็ทำตามอย่างว่าง่าย
“อ้าว! หนึ่ง! สอง! สาม! ลืมตาได้ครับ” เขายกสิ่งที่อยู่ในมือของเขาออกมาให้เธอเห็น
“อะไรคะ ขิมไม่เข้าใจ”
เธองงเพราะมันคือแหวนเพชรน้ำงามที่ดูแล้วเหมือนเป็นมรดกตกทอดมาหลายสมัย
“แหวนนี้เป็นแหวนของคุณปู่ที่ท่านให้คุณพ่อเอามาหมั้นคุณแม่ผม และคุณพ่อท่านก็ให้แหวนวงนี้กับผมไว้ก่อนที่ผมจะไปเมืองนอก เพื่อมอบให้กับคนที่ผมรัก และจะเลือกมาเป็นคู่ชีวิตครับ และผมก็เลือกคุณ”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง และแฝงแววตาที่เศร้าสร้อยอย่างบอกไม่ถูก
“ขอบคุณค่ะ” เธอพูดไม่ออกนอกจากจะปลาบปลื้มใจกับท่าทีที่จริงจังของเขา
“ผมอยากให้คุณจงจดจำวันนี้ระหว่างเราสองคนเอาไว้ตลอดไป และคุณจงจำไว้ว่าเมื่อผมมอบแหวนวงนี้ให้ใคร คนๆ นั้นก็คือคนที่ผมอยากจะใช้ชีวิตร่วมกับเธอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตระหว่างเราสองคน ขอให้คุณคิดและจำไว้ว่าผมรักคุณมาก และจะรักคุณคนเดียวตลอดไป”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่มาจากความรู้สึกของเขาจริงๆ พร้อมทั้งบรรจงสวมแหวนให้เธอที่นิ้วนางข้างซ้าย และสิ่งที่เขาบอกเธอนั้นคือความจริงทั้งหมด ยกเว้นว่าคนที่พูดคือธรรทรไม่ใช่อลงกรณ์ในความคิดของเธอ
“ขิมรักคุณค่ะ และขิมก็จะรักษาแหวนวงนี้ไว้ตลอดไปค่ะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นตราบใดที่ขิมยังสวมแหวนวงนี้ที่นิ้วไว้ นั่นหมายถึงว่าทุกห้องหัวใจของขิมนั้นจะมีคุณคนเดียวค่ะ” เธอสวมกอดเขาเอาไว้ด้วยความรัก
“คุณกรณ์เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
เพราะสังเกตเห็นแววตาที่ไม่ค่อยจะสดใสเลย
“ผมไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ เพียงแต่แก้ปัญหาบางอย่างยังไม่ได้เท่านั้นเอง แต่ไม่นานก็คงจะมีทางแก้ไขได้ คุณไม่ต้องห่วงนะ วันนี้ผมอยากให้เป็นวันที่วิเศษสุดสำหรับเราสองคน คุณสัญญากับผมนะว่าคุณจะมาที่นี่ในวันนี้ของทุกๆ ปี”
เขาพูดพร้อมทั้งเชยคางเรียวงามของเธอขึ้นมาและจ้องมองไปที่ดวงตาเธอเพื่อเป็นการวิงวอน
“ค่ะขิมให้สัญญาว่าขิมจะมาที่นี่ทุกๆ วันนี้ของปีค่ะ แต่ถ้าคุณมีคนรักใหม่ที่ไม่ใช่ขิม ขิมขอไม่มานะคะ”
“คุณคือคนที่ผมรักคนเดียว และถ้าผมจำเป็นที่จะต้องมีคนใหม่ก็ต้องด้วยเหตุผลอื่นจะไม่ใช่เพราะผมรักเขาแน่นอน คุณเชื่อผมมั้ยคนดี” เขาบอกเธอด้วยน้ำเสียงที่ทำให้คนฟังนั้นรู้สึกไม่ค่อยจะสู้ดี
“ขิมก็เหมือนกันค่ะ ถ้าคนที่ขิมต้องเลือกมาเป็นคู่ชีวิตไม่ใช่คุณ ก็คงเป็นเพราะความจำเป็นอื่น ที่ไม่ใช่ความรักเหมือนกันค่ะ”
เธอบอกเขากลับ และทั้งคู่ก็สวมกอดกันเอาไว้ คล้ายๆ จะให้ท้องฟ้า และเมฆหมอกที่อยู่บนฟ้าได้เป็นพยานให้กับความรักของทั้งสองคน
“ฮัลโล! คุณธรรเหรอคะ ขิมนะคะ คุณธรรเห็นคุณกรณ์หรือเปล่าคะ ขิมพยายามจะโทรหาแต่ไม่เปิดมือถือค่ะ” เทียมหทัยพูดกรอกสายโทรศัพท์ไป
“เอ่อ! เจ้ากรณ์ไปดูงานที่ต่างประเทศได้หลายอาทิตย์แล้วครับคุณขิม ผมให้เขาไปแทนผมพอดีมีงานด่วนมา นี่เจ้ากรณ์มันไม่ได้บอกคุณขิมเหรอครับ เจ้านี่แย่จริงๆ เลย ถ้ากลับมาแล้วผมจะจัดการให้นะครับ คุณขิมไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”
อลงกรณ์พูดเสียงตามสาย ทั้งๆ ที่คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขานั้นคือธรรทรนั่นเอง
“ครับถ้ามันมาแล้วผมจะให้ติดต่อไปหาคุณขิมนะครับ สวัสดีครับ” เขาวางสายลง
“เอายังไงเจ้านาย ผมสงสารคุณขิมจะแย่อยู่แล้วนะ”
เขาถามธรรทร ทั้งๆ ที่เขาเองก็รู้คำตอบอยู่แล้วว่ายังไง เขาแทบจะไม่อยากจะเชื่อเลยว่าทั้งเขาและธรรทรนั้นช่วยกันแก้ไขปัญหามาสารพัด แต่ก็ไม่อาจจะแก้ปัญหาเรื่องหัวใจได้ เพราะคุณหญิงรสรินทร์พอถูกลูกชายขัดใจนั้นถึงขั้นช๊อกเขาโรงพยาบาล หมดสติไปตั้งหลายวัน จนทำให้ธรรทรนั้นต้องยอมแต่งงานกับชุติมาหลังจากที่รสรินทร์ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งๆ ที่หมอได้วินิจฉัยว่าถ้าไม่ฟื้นก็คงจะต้องเป็นเจ้าหญิงนิทราไปตลอดชีวิต แต่เมื่อปาฎิหาริย์ ทำให้เธอฟื้นขึ้นมา เขาก็ไม่กล้าแม้แต่จะขัดใจแม่เลย เขายอมทำตามทุกอย่างถึงแม้ว่าเขาจะบอบช้ำมากแค่ไหน
“อะไรจะเกิดเราก็ต้องปล่อยให้มันเกิดเถอะกรณ์ งั้นฉันจะไปรับคุณแม่ที่โรงพยาบาลก่อนนะ ถ้าคุณขิมเขาโทรมาอีกก็บอกว่าติดต่อฉันไม่ได้ก็แล้วกัน”
“แล้วคุณธรรจะปิดเธอไปอีกนานแค่ไหน”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ก็ดูว่าความรักของเธอที่มีให้ฉันมันนานแค่ไหน ฉันก็จะปิดไปแค่นั้นล่ะ ไปล่ะนะ”
ธรรทรบอกพร้อมเดินออกจากห้องทำงานของอลงกรณ์ด้วยอาการของคนที่ไร้ซึ่งความสุข สังเกตได้จากการแต่งตัวของเขา หนวดเคราที่ปล่อยให้ขึ้นรุงรัง รู้สึกตั้งแต่ที่รสรินทร์เข้าโรงพยาบาลจนถึงวันนี้เขาไม่ได้ดูแลตัวเองเอาเสียเลย ก่อนวันที่เขาจะตัดสินใจยอมแต่งงานนั้น เขาไปขลุกอยู่ที่บ้านพักตากอากาศที่เขาเคยบอกรักเทียมหทัยเป็นอาทิตย์ปล่อยให้อลงกรณ์นั้นคอยดูแลแม่แทนเขา