“คุณกำลังเข้าใจผิดครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะหลอกคุณนะให้โอกาสผมอธิบายบ้างเถอะครับ” เขาอ้อนวอนหล่อน แต่รู้สึกว่าจะไม่เป็นผลเอาเสียเลย
“มีอะไรที่คุณยังไม่ได้บอกดิฉันอีกคะคุณธรรทร” เธอพูดพร้อมสายตาที่มองมาที่เขานั้นส่อประกายของความเฉยชา ก่อนจะวิ่งไปขึ้นแท็กซี่จากเขาไป
กรรชัยเดินเข้ามาในห้องของเทียมหทัยหลังจากที่เขาเคาะประตูอยู่นานแต่ไม่มีเสียงตอบรับ เขากวาดสายตาไปเห็นลูกบุญธรรมที่นั่งลงกับพื้นคว่ำหน้าลงกับเตียงนอน เมื่อเดินเข้าไปใกล้เขาก็รู้ว่าเธอกำลังร้องไห้ซึ่งเขาเองก็ยังไม่เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร พอไต่ถามธรรทรก็บอกว่าจะมาเรียนให้รับรู้วันหลัง
“ขิม! เป็นอะไรไปลูก! แม่รอกินข้าวด้วยแน่ะ คุณย่าด้วย มีอะไรบอกพ่อได้มั้ย คุณธรรทรเขาทำอะไรให้ขิมโกรธหรือลูก บอกพ่อได้มั้ย”
ผู้เป็นลูกแหงนมองผู้เป็นพ่อแล้วก็ปล่อยให้น้ำตาแห่งความเสียใจไหลรินออกมา
“คุณพ่อคะวันนี้ที่เราเจอเขาที่โรงแรมใครคื่อคุณธรรทรกับคุณกรณ์คะในความรู้สึกของคุณพ่อ” เธอถามเพราะไม่แน่ใจตัวเองว่าผู้เป็นพ่อนั้นจะโดนหลอกเหมือนกับเธอหรือไม่
“ทำไมล่ะยัยขิม เราทำงานกับเขามาตั้งนานแล้ว ทำไมถามพ่ออย่างนี้ล่ะลูก” กรรชัยทำหน้างงกับคำถามลูกสาวนอกไส้พร้อมนั่งลงบนเตียงเอามือไปลูบหัวลูกสาวที่เขารัก
“ตอบขิมมาเถอะค่ะคุณพ่อ ขิมอยากรู้” เธอพูดด้วยสีหน้าที่ราบเรียบแต่น้ำตานั้นเอ่อ!นองใบหน้า
“คุณกรณ์ก็คือคนที่เราเจอตอนแรกที่เดินมาพร้อมคุณหญิงรสรินทร์ ไงลูก ส่วนคุณธรรทรก็คนที่เดินมาสมทบทีหลังและวิ่งตามขิมออกมาไงล่ะ แล้วขิมเข้าใจยังไงหรือลูกถึงได้ถามพ่ออย่างนี้” เขาตอบลูกสาวในที่สุด และก็อดสงสัยไม่ได้
“งั้นคุณพ่อก็ไม่ได้ถูกหลอกสิคะ คงจะมีแต่ขิมคนเดียวมั้งคะ ที่ถูกพวกเขาเห็นเป็นตัวตลก” พูดไปแล้วน้ำตาก็ไหลพรั่งพรูออกมา
“มันอะไรกันขิม เล่าให้พ่อฟังได้มั้ย พ่อกับแม่ไม่สบายใจเลยที่ขิมต้องร้องไห้ ใครทำอะไรให้ลูกพ่อต้องเสียใจบอกพ่อมา” กรรชัยถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“เขาทำให้ขิมเข้าใจว่าคุณธรรทรคือคนที่เราพบตอนแรกที่เดินมาพร้อมกับคุณหญิงรสรินทร์ ส่วนคุณกรณ์นั้นความเข้าใจของขิมคือคนที่เดินมาสมทบค่ะพ่อ ขิมเข้าใจอย่างนั้นมาโดยตลอด และขิมก็เข้าใจว่าพ่อก็เข้าใจอย่างนี้ เพราะตลอดเวลาคุณพ่อกับขิมจะเจอเขาสองคนไม่ค่อยจะพร้อมกันเลย ขิมเองก็ไม่ได้เอะใจอะไร แล้วที่ขิมเคยบอกพ่อว่าไปทำงานกับคุณธรรทรและคุณกรณ์พ่อก็ไม่ได้ซักถามอะไรเลยค่ะ”
“แล้วถ้าขิมเข้าใจผิด ทำไมเขาไม่บอกให้ขิมเข้าใจได้ถูกต้องล่ะลูก ทำไมเขาปิดบังขิม เห็นทีพ่อจะต้องเรียกมาคุยให้รู้เรื่องทั้งสองคนแล้ว” กรรชัยทำน้ำเสียงโมโหแทนลูก
“นั่นเป็นเพราะเขาคงเห็นว่าขิมเป็นตัวตลกมั้งคะพ่อ” เธอบอกแล้วน้ำตาก็ไหลรินออกมา
“ขิม! พ่อถามลูกตรงๆ ได้มั้ยลูก” กรรชัยตัดสินใจถาม
“มีอะไรคะพ่อ” เธอบอกไม่เต็มปาก ประหนึ่งจะรู้ว่าผู้เป็นพ่อนั้นจะถามคำถามที่เธอไม่อยากจะตอบ
“ขิมรักคุณธรรทร หรือคุณกรณ์ในความเข้าใจของขิมใช่มั้ยลูก” เขาถามในที่สุด
“มันคงไม่มีประโยชน์อะไรแล้วล่ะค่ะคุณพ่อ ในเมื่อเขาก็กำลังจะแต่งงานแล้ว”
เทียมหทัยไม่ได้รับปากแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ ซึ่งนั่นก็ทำให้กรรชัยนั้นหนักใจแทนเธอไม่น้อย
“คุณท่านคะ คุณธรรทรมาขอพบค่ะ บอกว่ามีเรื่องสำคัญจะเรียนให้ทราบค่ะ” เตยเด็กรับใช้เข้ามาบอก
“จะเอายังไงลูก” กรรชัยถามความเห็นเธอ
“ขิมไม่อยากเจอใครทั้งนั้นค่ะพ่อ ขิมอยากจะอยู่คนเดียวค่ะ พ่อช่วยบอกให้เขากลับไปด้วยนะคะ ต่อไปนี้ขิมกับเขาจะไม่เกี่ยวข้องกันอีก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว ขิมจะโอนงานสนามกอล์ฟทั้งหมดให้คุณชาญชัยรับช่วงต่อ” เทียมหทัยพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
“งั้นพ่อก็ตามใจขิมนะ แล้วเราค่อยคุยกันใหม่นะลูกไม่ต้องคิดอะไรมาก” กรรชัยยกมือลูบหัวลูกด้วยอาการเอ็นดูและห่วงใย
นับเป็นเวลาสองอาทิตย์แล้วที่ตั้งแต่เทียมหทัยรับรู้ความจริงแล้ว ก็ไม่ได้เปิดโอกาสให้ธรรทรและอลงกรณ์เข้าใกล้ได้เลย หรือแม้แต่ดวงแก้วที่ขอเข้าพบเพื่ออธิบาย เทียมหทัยก็ไม่ปรารถนาที่จะฟังอะไรทั้งนั้น
เทียมหทัยเอาแต่ทำงานไม่สดชื่น ไม่พูดจาชวนให้หัวเราะกับใครเลย แม้แต่คนในบ้านซึ่งสร้างความไม่สบายใจให้คุณพร้อม กรรชัย กับพรรณีเป็นยิ่งนัก กรรชัยเองก็อยากจะรู้ว่าเพราะอะไรธรรทรถึงได้ทำแบบนี้ แต่เขาก็ไม่อยากจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องส่วนตัวมากเกินไป และอีกอย่างหากเทียมหทัยไม่ใช่คนที่ธรรทรจะแต่งงานด้วยแล้วนั้น กรรชัยยิ่งไม่อยากที่จะรับรู้ว่าเพราะเหตุใดเลย
“กลับมาแล้วหรือคะคุณ ยัยขิมเป็นยังไงบ้างลูกเหนื่อยมั้ย คุณอลงกรณ์มารอพบเราตั้งแต่บ่ายแล้วลูก บอกว่าไม่ว่ายังไงก็จะต้องพบคุณกับยัยขิมให้ได้ ณีไม่รู้จะทำยังไง คุณว่ายังไงคะ”
พรรณีซึ่งออกมารอรับสามีที่หน้าประตูบอกด้วยความเป็นห่วง
“ว่าไงยัยขิม” กรรชัยถามความเห็น
“ขิมแล้วแต่คุณพ่อค่ะ”
“แต่พ่อว่าฟังเขาหน่อยก็ดีนะ ถ้าขิมไม่สะดวกให้พ่อกับแม่ไปพบเขาก็ได้ เราไปรอที่เรือนคุณย่าก็ได้นะลูก” เขาออกความเห็น
“ไม่เป็นไรค่ะคุณพ่อ เรื่องของขิมๆ ก็น่าจะรับฟังนะคะ ไม่ควรเอาเรื่องมาหนักที่คุณพ่อกับคุณแม่ คุณย่าด้วย”
เธอบอกพร้อมทั้งเดินนำหน้าทั้งสองไปยังห้องรับแขกทันที
“คุณขิม คุณลุงสวัสดีครับ ผมต้องขอบคุณมากๆ ครับที่กรุณาให้ผมพบ” อลงกรณ์ลุกขึ้นยืนให้เจ้าบ้านตามมารยาท
“ไม่ต้องพิธีรีตองอะไรหรอกคุณกรณ์ มีอะไรที่จะบอกก็เชิญผมไม่ค่อยมีเวลา” กรรชัยตัดบทแล้วก็ทรุดตัวลงนั่ง โดยมีพรรณีและเทียมหทัยนั่งข้างๆ
“คุณขิมครับ จำวันที่เราพบกันครั้งแรกได้มั้ยครับ” เขาเริ่ม
“ค่ะจำได้ค่ะ คุณธรร เอ่อ! คุณกรณ์ถามทำไมคะ”
“ตามสภาพวันนั้นมันทำให้คุณขิมเป็นคนเข้าใจว่าคุณธรรทรเป็นคนขับรถหรือลูกน้องผม แล้วส่วนผมนั้นเป็นเจ้านายใช่มั้ยครับ”