EP 1
ตอนที่ 1
“น้องขิมไปไหนมาพี่ตามหาแทบแย่แน่ะรู้มั้ย แล้วเราไปซนอะไรกับคุณกรรชัยหรือเปล่าฮึ”
แพรวพรรณเดินเข้ามาสมทบกับชายหญิงวัยกลางคนที่มีท่าทางภูมิฐานบ่งบอกว่าเป็นคนมีฐานะดี ถึงแม้ว่าคนทั้งสองจะอยู่ในเครื่องแต่งกายสีดำทั้งคู่ ซึ่งบ่งบอกว่ากำลังไว้อาลัยให้กับคนที่เขาและภรรยาได้สูญเสียไป ซึ่งนั้นก็คือลูกสาวคนสุดท้องของเขานั่นเอง เขาและภรรยายิ้มให้แพรวพรรณด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร เขายืนขึ้นพร้อมกับมืออีกข้างจับมือของเด็กหญิงตัวน้อยๆ ที่เธอเรียกว่ายัยขิมอยู่
“ดิฉันต้องขอประทานโทษด้วยนะคะคุณกรรชัย ไม่ทราบว่ายัยขิมซนอะไรหรือเปล่าคะ”
แพรวพรรณถามด้วยอาการกังวลเนืองๆ เพราะรู้กิตติศัพท์ ของเจ้าตัวเล็กที่ถูกพูดถึงดีว่าเอาการแค่ไหน
“อ๋อไม่เป็นไรครับ พอดีผมกับณีเห็นหนูคนนี้ไม่เข้าไปร่วมสนุกกับเพื่อนๆ ก็เลยแปลกใจ เราก็เลยเข้ามาถาม และจะชวนให้เข้าไปหาเพื่อนๆ ครับ เห็นกำลังกินไอศรีมกันอย่างเอร็ด อร่อยกันเลยครับ และอีกอย่างหนึ่งเด็กน้อยคนนี้ ก็หน้าตาจิ้มลิ้มเหมือนๆ กับ เอ่อ!”
ชายหนุ่มพูดไปพลางนึกถึงเจ้าตัวน้อยแสนซนของเขาอย่างช่วยไม่ได้
“คุณคะเราสัญญากันแล้วนะว่าเราจะพยายามไม่ให้ยัยขิมที่อยู่บนสวรรค์ต้องเสียใจที่ไม่ได้อยู่กับเราแล้ว”
พรรณี ผู้เป็นภรรยารีบเดินเข้ามาจับมือผู้เป็นสามี เพื่อไม่ให้นึกถึงเรื่องราวที่มันขมขื่นจากเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาเมื่อไม่กี่เดือนนี้
“ผมขอโทษนะ ผมจะพยายามทำไม่ให้ยัยขิมต้องเสียใจอีก ผมให้สัญญานะคุณ” กรรชัยให้คำมั่นสัญญากับภรรยา พร้อมทั้งกุมมือภรรยาอย่างคนมีความมั่นใจ
“ดิฉันต้องขอแสดงความเสียใจกับคุณกรรชัย และคุณพรรณีอีกครั้งนะคะ กับการสูญเสียคุณน้องขิมไป แต่ดิฉันเห็นด้วยกับคุณพรรณีนะคะคุณกรรชัย ถ้าเรามัวแต่เศร้าโศกจะพลอยให้วิญญาณของคุณน้องขิมไม่เป็นสุขไปด้วยนะคะ” แพรวพรรณกล่าวเสริมอีกแรงเพื่อให้กรรชัยคล้อยตามไปกับพรรณี
“เมื่อกี้คุณแพรวบอกว่าเด็กคนนี้ชื่ออะไรนะคะ ใช่ยัยขิมหรือเปล่าคะ”
พรรณีถาม เพราะรู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่ชื่อที่ทุกคนเรียกเจ้าตัวเล็กนี้ ช่างเหมือนกับชื่อยัยขิมของเธอซะเหลือเกิน แถมก็เป็นวัยเดียวกันด้วย และที่สำคัญครั้งแรกที่เธอเจอใบหน้าน้อยๆ นี้แล้ว ทำให้เธอและสามีนึกถึงลูกสาวขึ้นมาจับใจอย่างบอกไม่ถูกเลย ซึ่งทั้งเธอและสามีก็กำลังจะทำใจได้ในระยะหนึ่งแล้ว แต่เมื่อเธอและสามีได้เข้ามาทำบุญและเลี้ยงอาหารกลางวันให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ ก็ทำให้ความรู้สึกที่มีต่อลูกสาวที่จากไปด้วยอุบัติเหตุของคนทั้งสองหวนกลับมาอีก
“ใช่ค่ะ เราจะเรียกว่ายัยขิมค่ะ และเพื่อนๆ กับพี่เลี้ยงบางคนก็จะเรียก ว่ายัยขิมเพี้ยนค่ะ”
แพรวพรรณสาธยาย ซึ่งสร้างความฉงนสนเท่ห์ให้กับคนทั้งสองพอสมควรซึ่งแพรวพรรณสามารถดูออกได้จากทางสีหน้าของคนทั้งสอง ว่าต้องการเหตุผลว่าทำไม
“ทำไมล่ะครับ”
“ก็เจ้าตัวนี้ซนเหลือเกินค่ะ วันๆ มีเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้พี่เลี้ยงและเพื่อนต้องปวดหัวทุกวันค่ะคุณกรรชัย”
แพรวพรรณอมยิ้มเล็กน้อย และเอามือไปลูบหัวเจ้าตัวเล็กด้วยอาการเอ็นดู ซึ่งก็เป็นคุณสมบัติของนักสังคมสงเคราะห์ทั่วๆ ไปที่จะรักและเอ็นดูผู้ที่เธอกำลังให้การดูแลอยู่เป็นอย่างดี
“อ๋ออย่างนี้นี่เองเหรอคะ” พรรณีพยักหน้ารับรู้
“ก็บางครั้งเท่านั้นนะคะ แต่ก็มีบางอารมณ์ที่จะชอบอยู่คนเดียวเป็นตัวของตัวเองค่ะ จะไม่อยากให้ใครมายุ่ง เหมือนตอนนี้ไงคะ ยัยขิมก็จะแยกออกมาจากเพื่อนๆ อย่างนี้ล่ะค่ะ” แพรวพรรณตอบ
“ผมไม่ยักกะรู้นะครับว่านิสัยยิ่งเหมือนยัยขิมของผมเปี๊ยบเลยครับ รายนั้นน่ะ ถ้าลองไม่ถูกใจใครหรืออะไรก็แล้วแต่ล่ะครับ ผมต้องเดือดร้อนไปตามที่บ้านคุณย่าทุกทีเลย” กรรชัยอธิบายถึงลูกสาว
“ไม่ค่อยเหมือนเจ้าพี่ชายเท่าไหร่ครับ รายนั้นมีอะไรก็จะเก็บเอาไว้ไม่ค่อยบอกให้ใครเขารู้เท่าไหร่ เราต่างหากต้องเป็นคนคอยเดาใจว่าเขาต้องการอะไร ไม่ชอบอะไร ก็ต่างกันพอสมควรพี่น้องคู่นี้”
กรรชัยพูดถึงลูกชายคนโตซึ่งตอนนี้อายุก็ 11 ขวบกว่าๆ ที่กำลังขะมักเขม้นกับการตักไอศรีมให้เพื่อนๆ ทางด้านในโรงอาหาร “แต่น้องปลายก็อายุเพิ่งไม่เท่าไหร่นะคะ แต่ดูแล้วจะเป็นคนที่ควบคุมตัวเองได้ดีมากๆ เลยค่ะ ดูเป็นผู้ใหญ่เอามากๆ ต่าง จากเมื่อปีที่แล้วที่คุณกรรชัยมาเลี้ยงข้าวเด็กๆ ไปมากเลยนะคะ หรืออาจจะเป็นเพราะว่าน้องปลายกำลังเสียใจเรื่องน้องสาวอยู่คะ” แพรวพรรณถามเพราะสงสัยจริงๆ
“อายุก็ห่างจากน้องสาว 6 ปีเท่านั้นเองค่ะคุณแพรว แต่ตั้งแต่ยัยขิมจากไปเขาก็บอกกับณีว่าไม่อยากให้คุณพ่อคุณแม่ต้องกังวลเรื่องเขา และอีกอย่างเขาก็บอกนะคะว่าเขาจะต้องทำงานเลี้ยงพ่อแม่และก็คุณย่าต่อไปน่ะค่ะ” พรรณีอธิบายเพิ่ม
“ดูช่างน่าเอ็นดูจริงๆ เลยนะคะ ตัว แค่นี้ยังรู้จักคิดเรื่องการเรื่องงาน แล้วไม่ทราบว่าน้องปลายจะบินไปเรียนที่อเมริกาเมื่อไหร่นะคะ”
แพรวพรรณถามเพื่อความแน่ใจ เพราะจำได้ว่าคุณกรรชัยบอกเมื่อวันที่โทรมาแจ้งว่าจะเลี้ยงข้าวเด็กๆ ว่าลูกชายจะไปเรียนที่อเมริกา
“ก็อีกสองเดือนครับ นี่ถ้าเสร็จจากนี่ก็ต้องเตรียมอะไร ให้เขาล่ะครับ แล้วก็ให้คุณแม่ไปส่ง ส่วนผมก็ต้องดูงานที่โรงแรม พอดีเดือนหน้าก็จะไปเปิด
สาขาใหม่ที่พัทยา และก็อีกสามเดือนก็จะไปเปิดที่หัวหินต่อครับ ก็เลยยุ่งๆ คงต้องพึ่งณีกับคุณแม่ผมล่ะครับคราวนี้”