Chapter 4

1293 Words
รุ่งเช้าฉันมาถึงโรงเรียนดั่งเช่นทุกวันลมหายใจถูกถอนออกมาหลายเฮือก นักเรียนเดินเข้าห้องเรียนหลังจากเคารพธงชาติเรียบร้อยแล้ว เมื่อนั่งประจำที่ฉันเอากระหนังสือสอดไว้ใต้โต๊ะ แต่รู้สึกเหมือนมันติดอะไรสักอย่างเลยก้มลงมอง มันเป็นกล่องของขวัญผูกโบว์สีชมพูดูน่ารักมาก แม้แปลกใจว่าใครเอามาใส่แต่ใครจะสน ฉันเปิดดูและพบว่าข้างในบรรจุกล่องดนตรีรูปหัวใจซึ่งมันน่ารักมาก เราให้นะโซรีน... เวลาเธอเหงาเปิดมันออกจะได้ยินเสียงเพลง มันคือกำลังใจจากเรานะ เพียงแค่เห็นข้อความริมฝีปากฉันก็แย้มกว้างจนหุบไม่ลง เพื่อนๆ ต่างมามุงดู พยายามกวาดสายตามองไปรอบห้องเพื่อค้นหาว่าใครคือคนนั้น จังหวะนั้นฉันสบตาเข้ากับเคเซย์โดยบังเอิญเขารีบหลบสายตา และการกระทำเช่นนั้นมันทำให้ฉันเริ่มสงสัย “อะไรน่ะโซรีน!”ปีแอร์ถามแล้วคว้ากล่องดนตรีในมือฉันออกไป “เอามานะปีแอร์ มันของฉัน!”ฉันลุกยืนหันไปตวาดเขา ผู้ชายอย่างปีแอร์นิสัยเสียที่สุด “อะไรวะเนี่ย ใครให้เธอมาเหรอโซรีนสงสัยไอ้หมอนี่มันคงชอบเธอมากแน่ๆ”หมอนั่นเบ้ปากพลิกกล่องดนตรีไปมาเหมือนของสนุก แล้วหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะของปีแอร์มันทำให้ฉันหงุดหงิดสุดๆ เขาต้องการอะไรกันแน่มายุ่งวุ่นวายกับฉันทำไม ทั้งที่พยายามไขว่คว้าหาทางแย่งของสำคัญในมือเขา แต่ปีแอร์กลับยกกล่องดนตรีแสนสวยไว้เหนือหัว ความสูงของเขามันสุดเอื้อม ฉันเลยกระโดดเพื่อยื้อแย่ง เลยทำให้สมดุลร่างกายไม่ดีจนเซล้มลง ปีแอร์รีบคว้าเอวฉันไว้แน่น “ปล่อยฉันนะปีแอร์!”ฉันตวาดลั่นดิ้นรนด้วยความหงุดหงิด “ไม่ปล่อยมีอะไรไหม”รอยยิ้มยียวนส่งมา มันทำให้ฉันเดือดสุดๆ ปีแอร์ล้อเลียนแลบลิ้นให้ เพื่อนในห้องเริ่มหันมามองส่งเสียงแซว จังหวะนั้นกล่องดนตรีในมือปีแอร์ก็ถูกชิงไป ฉันหันมองเห็นเคเซย์ถือมันอยู่ “ไม่เข็ดหรือไง ไอ้ปีแอร์!”เสียงเข้มขู่ออกไป เอวฉันถูกปล่อย ปีแอร์หันมองแววตาของอีกฝ่ายผ่านแว่นหนา ฉันเห็นสายตาของทั้งคู่มันเหมือนกำลังจะเกิดสงครามย่อมๆ เลยทีเดียว “ไม่เข็ด แล้วจะทำไมวะ คิดว่าเอาชนะฉันได้ครั้งหนึ่งแล้วคิดว่าตัวเองเก่งนักหรืองไงไอ้เคย์เซย์!”ปีแอร์เริ่มผลักอก กล่องดนตรีถูกยื่นต่อหน้าฉันรีบรับมา ระหว่างนั้นปีแอร์ตั้งท่าจะเข้ามาแย่งอีกครั้ง หมอนั่นจงใจเพื่อจะยั่วโมโหเคเซย์ หมับ! “โอ้ย!”ปีแอร์ร้องออกมาเมื่อข้อมือถูกจับไว้แน่น บวกกับแรงกดทำให้หมอนั่นร้องโอดครวญออกมา “อย่ายุ่งกับโซรีน เพราะเธอไม่ชอบ!” “จะยุ่งแล้วจะทำไม มึงเป็นแฟนโซรีนหรือไงไอ้เคเซย์ หน้าตาทุเรศอย่างมึงโซรีนไม่เอาหรอก!”ปีแอร์ยิ้มเยาะออกมา ฉันเห็นสีหน้าเคเซย์เรียบเฉยไม่ได้สะทกสะท้านกับคำด่าเหล่านั้นเลย “แล้วมึงล่ะปีแอร์ เป็นแฟนโซรีนหรือไงถึงได้วุ่นวายกับเธอนัก หรือว่ามึงชอบโซรีน!”เคเซย์ย้อน แววตาของปีแอร์เปลี่ยนไป ใบหน้าของเขาเริ่มแดงก่ำลามไปถึงใบหู “กูไม่ได้เป็นแฟนโซรีน แล้วกูก็ไม่ชอบผู้หญิงขี้เหร่แบบนี้หรอก!”เขารีบปฏิเสธเสียงสั่น สะบัดข้อมือจากเคเซย์ “แล้วมึงจะยุ่งกับโซรีนทำไม!” “สนุกยังไงวะ ยัยนี่น่าแกล้งมันผิดตรงไหน”ปีแอร์ย้อน “แต่ฉันไม่สนุกด้วย อย่ามายุ่งกับฉันอีกปีแอร์”ฉันตะโกนผ่ากลางวงไป เห็นสีหน้าปีแอร์สลดลงแววตาหม่นจนนึกแปลกใจ เคเซย์ยอมปล่อยข้อมือของปีแอร์เมื่อเห็นว่าหมอนั่นเย็นลงแล้ว เขากลับไปนั่งที่ตัวเอง ฉันเห็นสายตาปีแอร์มองแผ่นหลังของอีกฝ่ายเหมือนต้องการแก้แค้น แล้วเดินจากไป เช้าของอีกวันฉันรีบมาโรงเรียนอยากรู้ว่าใครคือคนที่เอาของขวัญมาใส่ไว้ สองเท้าหยุดยืนหน้าห้องเรียนสายตาหยุดลงที่เคเซย์เห็นเขากำลังบรรจงสอดกล่องของขวัญไว้ใต้โต๊ะ เหมือนความฝันฉันยกมือปิดปากไว้แล้วรีบเดินหนีออกมาหัวใจเต้นโครมครามไม่หยุดเลย ยังหาคำตอบไม่ได้ทำไมเคเซย์ถึงได้ทำเช่นนั้น หรือว่าหมอนั่นจะชอบฉันคงไม่หรอกเพราะไม่เคยเห็นเขามาจีบเลยสักครั้ง แต่ข้อความในกระดาษโน้ตมันทำให้หัวใจฉันชุ่มชื่นทุกครั้งที่ได้อ่าน ความจริงหมอนี่ก็เป็นคนดีไม่น้อยเลย เขาช่วยฉันไว้หลายครั้ง บางที... ฉันคิดว่าควรหันมามองเคเซย์บางจะดีกว่าไหม “เคเซย์นายทำอะไรอยู่เหรอ?”ฉันถามเขาทันทีที่ถึงห้องเรียนเห็นเขานั่งอยู่ก่อนแล้ว ความจริงก่อนหน้านั้นฉันทำใจอยู่นานเลยทีเดียว เขามามองฉันทำหน้าแปลกประหลาด เหมือนไม่เชื่อว่าฉันตั้งใจจะทักทายเขาจริงๆ “กำลังทำบัญชีของที่บ้านน่ะ”เขาตอบเสียงอ้อมแอ้ม ใบหน้ากำลังแดงก่ำ ฉันทำหน้างงๆ อายุแค่นี้ทำบัญชีให้ที่บ้านแล้วเหรอ เหมือนว่าเขาจะรวยมากเสียด้วยสิจำได้ว่าวันนั้นเธอนั่งรถเบนซ์ของเขา นึกสนใจในตัวหมอนี่ขึ้นมาเลยลากเก้าอี้มานั่งตรงข้าม “นี่เคเซย์ นายรวยออกขนาดนี้ทำไมไม่ไปเรียนเอกชนล่ะ”ขณะถามฉันมองรอดแว่นตาหนาเตอะอันนั้น ความจริงดวงตาของเขาสวยมากเลยทีเดียว โครงหน้าก็ดูดีแต่ทำไมเขาถึงเอาผมมาปิดหน้าปิดตา “เพราะผมอยากพิสูจน์ให้ครอบครัวได้เห็นว่าผมมีความสามารถมากพอจะเข้าโรงเรียนดังๆ ของรัฐบาลได้” คำตอบของเคเซย์ทำให้ครุ่นคิด เขาเป็นคนแปลกจริงๆ คิดเรื่องแบบนี้มาได้ นักเรียนในระดับชั้นเคเซย์เองเป็นอันดับหนึ่งตลอดส่วนฉันแม้อยากจะไล่ตามแต่ก็ทำไม่ได้สักที “นายนี่ครบสูตรเลยนะ บ้านรวย แถมเรียนเก่งอีก”ฉันเริ่มแซว เคเซย์เงยหน้าขึ้นมามองเหมือนว่าจะเห็นรอยยิ้มที่มุมปาก “แล้วเรื่องความหล่อล่ะ ไม่มีเลยเหรอ”หมอนี่ย้อนถามฉันแววตาเป็นประกาย “นายต้องถอดแว่นออกก่อนฉันถึงจะบอกได้ว่าหล่อหรือไม่ แต่จากที่ดูก็น่าจะพอไปวัดไปวาได้ล่ะนะ” ใบหน้าเขาเริ่มแดง เหมือนว่าเคเซย์กำลังเขินฉันนะ แต่ว่า... มันน่าแปลกทำไมฉันถึงได้นั่งคุยกับหมอนี่ก็ไม่รู้ ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเราสองคนไม่เคยสนิทสนมกันเลยด้วยซ้ำ พอฉันรู้เรื่องที่เขาเป็นคนเอาของขวัญมาใส่ไว้ใต้โต๊ะ ความรู้สึกดีมันก็เริ่มเพิ่มพูน ระยะเวลาที่เราสองคนนั่งคุยกันนั้นเพื่อนในห้องจ้องมองเหมือนอยากรู้ ฉันไม่ได้สนใจหรอกนะแค่คิดว่าเขาเป็นคนดีเลยพูดคุยด้วยก็เท่านั้นเอง เรื่องความสัมพันธ์หลังจากนี้คงต้องปล่อยตามกาลเวลาเท่านั้น ฉันไม่ได้สนใจสักเท่าไหร่ว่าจะมีแฟนหล่อหรือเปล่า แค่สนใจผู้ชายที่เป็นสุภาพบุรุษและอบอุ่นเท่านั้นเอง แม้ใครจะไม่รู้แต่ฉันรู้ดีว่าอ้อมแขนของเคเซย์อบอุ่นมากเพียงใด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD