เคเซย์...
ผมเห็นโซรีนหายไปนานไม่รู้เธออยู่ที่ไหนเลยออกตามหา เห็นกลุ่มนักเรียนหญิงกำลังมุ่งอยู่หน้าประตูห้องเก็บอุปกรณ์โรงยิม ตอนแรกผมไม่ได้สนใจคิดว่าพวกนักเรียนหญิงคงเอาอุปกรณ์มาเก็บ
ปัง! ปัง! ปัง!
ผมได้ยินเสียงตะโกนของเธอพอเดินไปดูเห็นห้องถูกล็อกกุญแจ ตอนนั้นถึงได้รู้ว่าโซรีนคงถูกแกล้งเสียแล้ว ที่สำคัญนักเรียนหญิงพวกนั้นวิ่งออกไปแล้ว ให้ตายสิ! ผมต้องวิ่งไล่ตามพวกนั้นซึ่งแยกย้ายกันไปคนละทิศละทาง โชคดีที่ผมจำหน้าพวกเธอได้
หมับ!
ผมคว้าข้อมือหนึ่งในสามคนนั้นไว้ แล้วจ้องมองผ่านแว่นตาด้วยสีหน้าหงุดหงิด
“เอาลูกกุญแจมา ในห้องเก็บอุปกรณ์โรงยิมมีคนติดอยู่!”น้ำเสียงขมขู่ไม่ได้ทำให้นักเรียนหญิงคนนี้สลดเลย เธอเชิดหน้าท้าทาย
“เรื่องอะไรล่ะ ให้มันติดอยู่ในนั้นล่ะดีแล้ว อยากอ่อยปีแอร์ดีนัก!”
“ถ้าไม่ให้ก็อย่าหาว่าใจร้ายก็แล้วกัน เรื่องนี้ได้รู้ถึงหูอาจารย์แน่!”
“นึกว่ากลัวหรือไง แกก็เหมือนกันทำร้ายกล้าดียังไงทำร้ายปีแอร์!”
เพียะ!
ฝ่ามือเธอสะบัดมาที่หมายคือใบหน้าแสนหวงของผมแต่เพราะหลบเลยพ้น แต่แว่นตาของผมกระเด็นออกจากใบหน้า กรามขบแน่นสูดหายใจเข้าปอด ผมไม่ใช่ผู้ชายเรียบร้อยและไม่ใช่สุภาพบุรุษแต่เพราะไม่ชอบความยุ่งยากเลยปกปิดใบหน้าตนเองไว้ ผมหันขวับจ้องมองสายตาเอาเรื่องปล่อยข้อมือนักเรียนหญิงคนนั้นเป็นอิสระยกมือขึ้นเสยผมด้วยความหงุดหงิด
เธอมองผมนิ่งค้างไม่กระดุกกระดิก ผมเอียงคอมองว่าเธอจะเอายังไงกันแน่ แต่ก็ไม่เห็นปฏิกิริยาอะไรเกิดขึ้นนอกจากสายตาเธอหยุดที่ใบหน้าผมไม่มองที่ไหนเลย
“จะให้ไหมกุญแจน่ะ!”ผมถามย้ำอีกครั้ง
“คะ...คือว่า กุญแจไม่ได้อยู่ที่เราหรอกนะ”น้ำเสียงเธอเปลี่ยนไปราวกับคนละคน ที่สำคัญไอ้สายตาหวานเยิ้มนี่มันคืออะไรกัน
“แล้วอยู่ที่ใคร!”
“อยู่ที่ยัยหมวยน่ะ”เธอตอบผมแล้วยิ้มยั่วมาให้
“แล้วยัยหมวยเนี่ย อยู่ที่ไหนเหรอ”ผมถามพยายามเก็บอารมณ์เต็มที่
“เดี๋ยวเราโทรตามให้ก็แล้วกันนะ นายจะได้ไม่ต้องเหนื่อยด้วยเคเซย์...”
ผมชะงักโคตรแปลกใจเลย... อะไรจะเปลี่ยนท่าทางอย่างกับคนละคน มันแปลกมากหรือเพราะหนังหน้าของผม สงสัยจะใช่เพราะเมื่อเพื่อนๆ เธอมาถึงก็เอาแต่มองหน้าผมไม่วางตา
“มิ้นท์นี่ใครเหรอ”ยัยหมวยที่บอกถามเพื่อนตัวเองในทันที
“ก็เคเซย์ไง!”
“เคเซย์เหรอ!”อีกคนร้องออกมาสีหน้าตกใจสุดขีด
แต่ผมไม่ได้สนใจแบมือต่อหน้า เพราะต้องการลูกกุญแจป่านนี้โซรีนคงกลัวมากแน่ๆ ในห้องนั้นมืดมากแถมไม่ค่อยสะอาดเสียอีก
“ลูกกุญแจด่วนเลย ถ้าไม่ให้อย่าหาว่าโหดแล้วกัน!”ผมเริ่มรำคาญ ถ้าไม่ให้จะเรียกอาจารย์ล่ะ
“ก็ได้”
ยัยหมวยหย่อนวางลูกกุญแจใส่มือผม แถมยังจับอยู่นั่นล่ะไม่ปล่อยสักที ผมมองหน้าหมวยเริ่มไม่สบอารมณ์ เธอเลยยิ้มเขินแล้ววางลูกกุญแจให้
“ขอบใจ ทีหลังก็อย่าทำแบบนี้อีกก็แล้วกัน”ผมบอก แล้วเดินไปหยิบแว่นที่ตกอยู่กับพื้นขึ้นมาใส่แล้วเดินหนีมา แม้ว่าสามสาวนั้นจะมองผมไม่วางตาก็ตาม
โซรีน...
ความมืด... มันทำให้ฉันอ่อนแอ น้ำตาฉันกำลังไหลออกมา พยายามทนไม่ให้ร่างกายสั่นแต่มันกลับทำอะไรไม่ได้เลย เวลานี้ฉันอยากให้มีใครสักคนมาอยู่เป็นเพื่อนเหลือเกิน เข่าสองข้างยกชันขึ้นมาแล้วนั่งกอดสะท้านอยู่กับพื้นพยายามให้แผ่นหลังติดผนังเพราะอะไรรู้ไหม หากเคยดูหนังผีจะเห็นว่าพวกมันชอบมาสะกิดทางด้านหลัง และฉันมักจะคิดอย่างนั้นเสมอ
สักพักเหมือนฉันได้ยินเสียงอะไรบางอย่างหน้าประตู และแล้วมันก็เปิดออกติดตามมาด้วยร่างใครบางคน เขาเดินมาหยุดต่อหน้าฉัน
“โซรีนเป็นอะไรไหม เราเองนะเคเซย์”
“เคเซย์!”ฉันสะอื้นออกมา โผเข้ากอดเขาไว้แน่นจนรับรู้ถึงไอร้อนของอีกฝ่าย
ร่างแกร่งยืนนิ่งเงียบปล่อยให้ฉันกอดโดยไม่ได้ขัดขืน ฉันเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าเขาไม่ได้ผอมแห้งเลย ทั้งที่เขาดูเหมือนผู้ชายไร้เรี่ยวแรงแต่กลับมีมัดกล้ามเหมือนออกกำลังกายประจำ เมื่อได้สติฉันรีบผลักไสเขาออกปาดน้ำตาทิ้ง
“ดีขึ้นหรือยัง เราออกไปข้างนอกกันเถอะ”เคเซย์ก้มหน้าเดินออกไปด้านนอก ฉันเดินตามไปเงียบๆ ในใจคิดไม่ตกว่าเมื่อครู่ทำอะไรลงไป
ฉันหยิบกระเป๋าเดินออกมาจากโรงเรียนพร้อมกับเขา ระหว่างทางไม่ได้พูดคุยอะไรกันสักเท่าไหร่ ฉันยืนรอรถเมล์อยู่จังหวะนั้นเห็นรถเบนซ์สีดำเคลื่อนมาจอด
“เราไปส่งที่บ้านเอาไหม?”เคเซย์หันมาถามฉัน
“ไม่เป็นไร”
“ไปเถอะ!”
เขาไม่ได้รอให้ฉันอนุญาตกลับลากฉันเข้าไปในรถเบนซ์คันนั้น ฉันรู้สึกตกใจมากไม่นึกว่าเขาจะรวยมากขนาดมีคนขับรถประจำตัวด้วย
“ฉันจะลงปล่อยฉันลงไปเลยนะเคเซย์!”ฉันโวยวายเสียงดังในรถ
“เราแค่จะไปส่ง ทำไมต้องโวยวายด้วยโซรีน”
เห็นสายตาคนขับรถมองมาฉันเลยนั่งเงียบไปตลอดทาง สุดท้ายรถก็เคลื่อนมาจอดหน้าบ้านฉัน ทั้งๆ ที่ไม่ได้บอกอะไรกับเขาเลยสักคำว่าบ้านอยู่ตรงไหน ฉันรีบเปิดประตูออกมาจากรถเดินสะบัดก้นเข้าบ้านโดยไม่ได้กล่าวขอบคุณอะไรเขาเลย เปิดประตูรั้วเข้าไปในบ้านได้ยินเสียงรถเคลื่อนออกไปแล้ว