มัธยมศึกษาปีที่ 2 ปีการศึกษาที่ 1

2456 Words
                สวัสดีชีวิต ม.2                 มีน้อง ม.1 มากหน้าหลายตาเข้ามาใหม่เยอะมาก ตอนนี้ฉันเป็นรุ่นพี่แล้วนะ เป็นรุ่นพี่ ม.2 ที่ไม่ค่อยสนใจโลกสักเท่าไหร่ จะสนบ้างเล็กน้อยก็แค่เด็กรุ่นน้องจากหมู่บ้านฉันเท่านั้นแหละ                 ซึ่งหนึ่งในนั้นที่ฉันสนก็คือเบียร์ ก็แค่หวังดีกับรุ่นน้องเท่านั้นเอง เด็ก ๆ ขึ้นมา ม.1 ใหม่ ๆ ยังไม่ชินกับโรงเรียนนี้ ฉันก็แค่คอยแนะนำให้เท่านั้นเอง ไม่มีอะไรในกอไผ่หรอก                 แน่นอนว่าเข้ามาแรก ๆ น้องแก้ว น้องของกุ้งเพื่อนร่วมห้องของฉันพอเจอฉันก็รุกใหญ่เลย                 ซื้อน้ำมาให้กินบ้าง                 ซื้อขนมมาให้กินบ้าง                 บางครั้งก็มาขอนั่งด้วยตอนกินข้าวบ้าง ซึ่งฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร ปล่อยน้องตามสบายเลย อยากนั่งก็ได้ ไม่อยากนั่งก็ไม่เป็นไร                 เพราะฉันไม่ได้สนใจอยู่แล้ว                 น้องชอบมาเดินผ่านหน้าห้องบ่อย ๆ ตอนที่ฉันเรียนอยู่                 เหอะ ไม่สนใจเรียนก่อนหรอน้อง ออกมาเดินนอกห้องบ่อย ๆ ตอนครูสอนอยู่แบบนี้เดี๋ยวก็เรียนไม่รู้เรื่องหรอก                 แต่สิ่งหนึ่ง ที่สำหรับฉันแล้ว คะแนนน้องแก้วติดลบ นั่นก็คือ น้องแก้วชอบถามเสมอ ว่าฉันเคยเป็นแฟนกับเบียร์หรอ                 เคยคบกันหรอ                 แล้วทำไมถึงเลิก                 เบียร์เป็นคนยังไงหรอ                 ทำไมเราถึงไปกันไม่ได้                 คำถามวนเวียนซ้ำไปซ้ำมาอยู่แบบนี้ทุกวัน ฉันรำคาญ และไม่ชอบ                 ใช่...ไม่ชอบมาก ๆ                 ไม่ชอบที่คนอื่นถามถึงแฟนเก่า ไม่ใช่ว่ามันทำให้เจ็บปวดหรอกนะ แต่ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะรักใคร และเลิกกับใครก็ได้                 แต่เลิกแล้วก็ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะไปบอกกับใครว่าแฟนเก่าเป็นยังไง หรือคนที่เคยคบเป็นยังไง เลิกกันแล้วก็มีสถานะเป็นแค่คนที่เคยคบด้วยเท่านั้นแหละ ถ้าจะพูดเรื่องของแฟนเก่าให้คนอื่นฟังมันก็ไม่ต่างจากนินทาสักเท่าไหร่ในความคิดของฉัน                 ตอนที่คบกับเราแฟนเก่าอาจจะมีนิสัยอย่างหนึ่ง พอเลิกกับเราไปแล้วนิสัยนั้นที่เขาเคยทำหรือเคยเป็นอาจจะเลิกทำมันแล้วก็ได้ และพอเขาไปคบกับคนใหม่นิสัยเขาอาจเปลี่ยนไปอีกก็ได้                 แต่ละคนมีความแตกต่าง และพร้อมจะเปลี่ยนแปลงไปได้ทุกเมื่อ ถึงได้บอก ว่าไม่มีอะไรแน่นอน                 คนที่มาใหม่ และเป็นคนนอกอย่างน้องแก้วไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะถาม ว่าแฟนเก่าของฉันเป็นคนยังไง นิสัยยังไง ทำไมถึงเลิก บอกตามตรงว่าฉันค่อนข้างที่จะซีเรียสในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก                 ต่อให้เป็นการถามเพื่อต้องการข้อมูล ว่าฉันชอบคนแบบไหนก็เถอะ ยังไงก็ไม่สมควรอยู่ดี                 มันเป็นเหมือนการนินทาบุคคลที่สาม จะถามถึงทำไมในเมื่อต่างคนต่างเลิกรากันไปแล้ว                 ถ้าฉันบอกว่าเบียร์เป็นคนยังไง แน่ใจหรอว่าแก้วจะไม่ไปเล่าให้คนอื่นฟัง แล้วถ้าเกิดเบียร์รู้แน่นอนว่าความสัมพันธ์พี่น้องที่แน่นแฟ้นของเราจะสั่นคลอน                 ฉันทำได้แค่ยิ้ม แล้วพูดเรื่องใหม่กับเพื่อนไปเรื่อย                 ความจริงน้องแก้วไม่ใช่สเปคฉันหรอก ฉันไม่ได้ชอบ และไม่เคยรู้สึกชอบเลย แต่ถ้าจะให้บอกน้องตรง ๆ มันก็ใช่เรื่องที่ไหนกัน น้องแก้วไม่ได้ทำผิดอะไรแค่ชอบฉันเท่านั้นเอง                 นานวันไป ถ้าน้องเจอคนใหม่ หรือตื๊อจนถอดใจแล้ว น้องคงหยุดแหละ แต่แบบนี้ฉันก็ดูเหมือนเป็นคนเห็นแก่ตัวอยู่นะ                   แล้ววันหนึ่ง ฉันก็เจอกับคนที่ทำให้ใจฉันเต้นแรงแค่เพียงได้เห็นหน้า                 น้องเป็นเด็ก ม.1 ตัวเล็ก ไม่...ไม่สิ...เตี้ยต่างหาก                 ตัวเตี้ย ขาว เดินดุ๊กดิ๊ก ๆ น่ารักจนฉันใจเต้นแรงมาก เหงื่อออกมือ หน้าร้อน รู้สึกหนาวนิด ๆ เลยล่ะ อาการแบบนี้ตีวนสับสนไปหมด แบบนี้เรียกตกหลุมรักได้มั้ยนะ                 ฉันทำอะไรอยู่กันนะ เปิดเรียนมาจนจะจบเทอมแรกอยู่แล้ว แต่เพิ่งเจอน้อง                 แล้วที่เจอก็ไม่ได้เจอด้วยตัวเองด้วยนะ เพื่อนฉันที่ชื่อเจน ชอบเพ้อถึงน้อง ม.1 ให้ฉันได้ยินบ่อย ๆ เรียกว่าบ่อยมาก แต่ฉันไม่เคยได้สนใจ แค่หัวเราะกับอาการเพ้อฝันของเพื่อนเท่านั้นเอง                 แต่มาวันหนึ่ง วันนี้เราเรียนภาษาไทย และกำลังทำงานกลุ่มด้วยกันอยู่ในห้อง แล้วฉันได้อยู่กลุ่มกับเจน มันก็เพ้ออยู่นั่นแหละ                 "น้องป้อนน่ารัก"                 "น้องป้อนนิสัยดี"                 "น้องป้อนยิ้มสวย"                 "น้องป้อนตัวเล็ก"                 น้องป้อน...บลาๆๆ                 เฮ้อ สงสารเพื่อนจริง ๆ เป็นเอามากนะเนี่ย บุคคลผู้ชอบเพ้อฝัน                 "เจน เลิกพูดดิ๊ มาช่วยทำงานได้แล้ว"                 ฉันปรามเมื่อเพื่อนตัวดีเอาแต่นอนเพ้ออยู่แบบนั้น นอนแหละถูกแล้ว เพราะครูให้ลงจากเก้าอี้มานั่งทำงานกลุ่มอยู่บนพื้น และนักเรียนส่วนใหญ่นอน สังเกตได้ง่ายมาก คนที่ทำงานจะนั่งทำ ส่วนฉันก็นั่งนั่นแหละ                 เพราะแม่สอนว่าอย่าไปนอนหงาย หรือนอนคว่ำอยู่ต่อหน้าใคร เพราะมันดูไม่สวยงาม ถ้าจะนอนให้นอนตะแคงแทน                 ฉันไม่นอนหรอก วันนี้ใส่กระโปรงมาด้วย ถึงแม่ไม่บอกฉันก็ไม่นอนหรอกนะ ครูก็อยู่ในห้อง มันก็ดูจะไม่ให้เกียรติเกินไป ถ้าฉันจะนอนทำงาน แต่ความจริงฉันก็คิดมากไปเองนั่นแหละ                  "น้องป้อน!!"                 อยู่ดี ๆ เจนก็ตะโกนแล้วลุกขึ้นนั่ง ยกมือขึ้นหักนิ้วลงเป็นท่าไอเลิฟยู ฉันเงยหน้าจากแผ่นกระดาษตรงหน้าขึ้นช้า ๆ มองตามสายตาเจนไป                 น้องคนนั้นเดินมากับเพื่อน หันหน้ามาตามเสียงเรียกจากนั้นก็ยิ้มหวานชวนใจละลายให้เจนหนึ่งทีแล้วเดินจากไป                 น้องเดินผ่านประตูบานแรกแล้ว เหลือประตูบานที่สอง แต่โต๊ะกับเก้าอี้มันบังไว้อยู่ ทำให้มองไม่เห็น                 ฉันลุกขึ้น ยืนมองใบหน้าด้านข้างของน้องด้วยใบหน้าตกตะลึง                 และ...หยุดหายใจชั่วขณะ ใจเต้นแรง เหงื่อออกมือ ปากสั่น หนาว หน้าร้อน อาการแบบนี้เกิดขึ้นกับฉันในหนึ่งวินาที ตกหลุมรักซะแล้วสิ อาการแบบนี้ช่างน่ากลัวเสียจริง                   "จุฑามาศ!"                 "คะ"                 ครูเรียกฉันเสียงดัง และฉันก็หันไปตามเสียงเรียก เห็นครูนั่งอยู่ที่โต๊ะ มองฉันด้วยใบหน้าถมึงทึง                 อะไรวะ...                 "ครูให้นั่งทำงาน ลุกขึ้นทำไม"                 บอกดีมั้ยว่าลุกขึ้นมองหญิงสาว                 "จะส่งงานค่ะ"                 "จะส่งก็ส่ง ยืนเกะกะอยู่นั่นแหละ"                 เดี๋ยวนะ นี่ฉันยืนเกะกะหรอ และไอ้พวกที่นอนเหยียดสันหลังยาวอยู่นี่ล่ะ                 เพื่อนทุกคนทั้งห้องที่นั่งและนอนอยู่หันมามองทางฉัน เป็นตาเดียว                 โอเค...นั่ง                 งานฉันก็เป็นคนทำ แค่ยืนขึ้นนี่โดนด่าหรอ แล้วไหงเมื่อกี้นี้ครูบอกว่าให้นั่งทำงานไง ไอ้พวกที่นอนล่ะ                 หรือเพราะเป็นฉัน เป็นมาศคนนี้ที่มีท่าทางห้าว ๆ ไม่อ่อนหวานเหมือนคนทั่วไป ตอนเย็นก่อนเลิกเรียนชอบไปเล่นกีฬากับพวกผู้ชาย                 มีผู้หญิงทั้งรุ่นน้องและรุ่นพี่พูดถึงบ่อย ๆ                 ครูวิชาภาษาไทยแก่ ๆ คนนี้ถึงจับตามองและชอบพูดแขวะฉันอยู่เรื่อย                 และแน่นอน หลังจากเหตุการณ์นี้ ฉันโดด ไปอยู่ห้องสมุดเหมือนเดิม คราวนี้ไม่นอนเหมือนโดดคาบดนตรีแล้ว ฉันหยิบหนังสือภาษาไทยมาอ่าน วรรณคดีหลายเรื่อง การแต่งกลอนต่าง ๆ พจนานุกรม และอีกหลายอย่างที่ไม่ใช่เนื้อหาของ ม.2 ฉันอ่านและรู้จนหมด การแต่งกลอน ฉันก็แต่งได้จนคล่อง ไม่ง้อครูภาษาไทยขี้เหล้าคนนั้นด้วยซ้ำไป                 เรียกได้ว่าฉันรู้มากกว่าเรียนกับครูอีก จะว่าไป ครูคนนี้ก็ไม่ได้ดีเลิศเลอหรอกนะ เข้าสอนช้าไปเกือบครึ่งชั่วโมงทุกครั้ง พอเข้ามาก็สั่งให้อ่านกลอน จากนั้นก็ให้ถอดคำประพันธ์เป็นกลุ่ม ทำแบบนี้อยู่ทุกคาบ น่าเบื่อแต่ก็ต้องเรียน                 จนความอดทนของฉันหมดลงวันนั้นแหละ ฉันก็ไม่เข้าเรียนอีก เข้าเป็นบางครั้งที่เพื่อนบอกว่าจะมีสอบ                 ฉันโดดไปคนเดียว เพื่อนไม่ได้โดดด้วย และเพื่อนก็ดีมาก เข้าใจว่าฉันอึดอัด พวกมันก็คอยบอกว่ามีงานอะไร มีการบ้านอะไรให้ทำบ้างอยู่เสมอ                 ความจริงที่พวกมันไม่โดด เพราะอยู่ในห้องก็สบายแล้วไง กว่าครูจะมาสอนก็จะหมดคาบแล้ว แค่อดทนเรียนอีกสักยี่สิบนาทีเอง                  แต่ฉัน ทนอยู่ไม่ไหวหรอก หลายครั้งแล้วที่ครูคนนี้แขวะฉัน ที่สำคัญครูคนนี้ไม่เช็คชื่อด้วย เข้าทางฉันแหละ                 มากสุดที่ฉันได้ยินก็คือ ผู้หญิงต้องคู่กับผู้ชายเท่านั้น แบบอื่นเป็นเรื่องเพ้อฝันไร้สาระ พวกผิดเพศไม่สมควรมีในโลก พวกนี้บาปหนาชาติก่อนทำเรื่องเลวไว้เยอะ                 ครูสอนแบบนี้หรอ ครูสอนให้นักเรียนเหยียดเพศ สอนให้นักเรียนใจแคบแบบนี้หรอ                 ผิดหวังว่ะ...                 ชาตินี้จะไม่เป็นครู เพราะเกลียดเข้ากระดูกดำแล้ว                 เด็กน่ะ อดทนกับความกดดันไม่ได้นานหรอกนะ                   พอถึงตอนสอบกลางภาค ฉันทำได้นะ ทำข้อสอบได้หมดเลย ฉันเป็นท็อปของสายชั้นในวิชานี้ เพราะข้อสอบของครู ฉันอ่านมาหมดแล้วไง จากหนังสือในห้องสมุด                 น่าแปลก ทำไมครูไม่ออกข้อสอบจากเรื่องที่สอนนักเรียนล่ะ เพราะเพื่อนโอดครวญกับฉัน ว่าครูไม่ได้ออกข้อสอบในเรื่องที่สอน                 เฮ้อ ก็ดี ถือว่าเป็นโชคของฉันก็แล้วกัน                     "ทำไมไม่ไปเรียนคะ"                 ฉันสะดุ้งเล็กน้อย กำลังจะด่าคนที่หยิบหนังสือออกจากหน้าฉันอยู่แล้วแท้ ๆ                 แต่ก็ต้องชะงัก เมื่อลืมตาขึ้นมามองคนตรงหน้า ตัวหอม                 ผมสั้น ๆ นั้นดำขลับ คงจะนุ่มสลวยน่าดูแม้จะสั้นเท่าติ่งหูก็ตาม                 "ว่าไงคะ"                 น้องคนนั้นพูดขึ้นอีกครั้ง                 "ขี้เกียจ"                 ฉันตอบน้องเบา ๆ แล้วเสสายตามองไปทางอื่น ไม่กล้ามองหน้าน้องตรง ๆ ด้วยซ้ำเพราะใกล้เกิน เดี๋ยวน้องได้ยินเสียงหัวใจของฉันที่มันกำลังเต้นแรงเป็นจังหวะรักอยู่ในตอนนี้                 ฉันนอนอยู่บนโซฟายาว นอนได้ เพราะฉันเอาเสื้อกันหนาวมาปิดขาไว้แล้ว และในนี้ไม่มีครูอยู่ น้องเข้ามานั่งลงบนโซฟาตรงช่วงเอวของฉันพอดี                 ใกล้ไปแล้วนะ                 หายใจลำบากโว้ยยยยยยย                 จะลุกขึ้นนั่งดี ๆ ก็ไม่ได้ เพราะน้องนั่งกั้นอยู่ ชีวิตมาศช่างน่าสงสารยิ่งนัก                 "คาบนี้พี่เรียนภาษาไทยหนิ"                 "อืม"                 น้องรู้ได้ไงวะ แต่ฉันก็ขี้ขลาดเกินกว่าจะถามน้องออกไป                 "ทำไมไม่ไปเรียนคะ"                 "ตอบไปแล้ว"                 ฉันนอนมองเสี้ยวหน้าน้อง เหมือนจะอมยิ้มด้วยแฮะ น่ารักว่ะ ใจละลายไปหมดแล้วเนี่ย                 "แล้วไม่เรียนหรอเรา"                 "ครูไม่ว่าง เลยให้มาอยู่ในห้องสมุด"                 ฉันพยักหน้ารับรู้ แล้วเสสายตาไปมองดูเด็ก ม.1 หลายคนในห้องสมุดที่กำลังส่งเสียงเจื้อยแจ้ว                 เด็กพวกนี้ ไม่รู้รึไงว่านี่ห้องสมุด ห้ามเสียงดังนะ ฉันชักสีหน้า แล้วหันหน้ากลับมาส่งสายตาเป็นเชิงว่าอยากลุกแล้วไปให้น้อง                 ซึ่งน้องเองก็รับรู้ ยืนขึ้น ให้ฉันได้ยกขาตัวเองลงจากโซฟาได้อย่างสะดวก                 "พี่ชื่ออะไรคะ"                 "มาศ"                 "รู้แล้วค่ะอยากชวนคุยเฉย ๆ"                 กวน... ฉันอ้าปากมองน้องพี่เพิ่งรู้จัก และคุยกันยังไม่ถึงสิบคำอย่างทึ่ง ๆ                 "ชื่อป้อนนะคะ ม.1/1"                 "ทำไมพี่ไม่ค่อยเห็นเราเลยล่ะ"                 "พี่ไม่สนใจเค้าเองมั้ย เค้าเห็นพี่ออกจะบ่อย"                 อย่าเค้าได้มั้ย... คนได้ยินจะตายอยู่แล้วนะ                 น่ารักเกินปายแล้ว...                 "อ่า งั้นหรอ"                 เรานั่งอยู่บนโซฟาเดียวกันได้สักพัก ก็มีคนเข้ามาทักฉัน น้องแก้ว      นั่นเอง ลืมไปว่าน้องแก้วก็อยู่ 1/1 เหมือนกัน                 ตอนนี้ฉันนั่งอยู่ตรงกลาง ด้านซ้ายเป็นแก้ว ด้านขวาเป็นป้อน เราคุยกันเรื่องทั่วไป ส่วนใหญ่จะเป็นแก้วมากกว่าที่พูด ฉันกับน้องป้อนก็เออออบ้างเป็นบางทีเท่านั้น                 "ขอโทษนะ"                 ฉันหันหน้าไปมองน้องป้อน เพราะเริ่มรำคาญน้องแก้ว ฉันจึงขยับไปด้านขวามากขึ้น และขณะที่กำลังขยับมือฉันก็ดันไปจับโดนมือป้อนพอดี                 นุ่มเป็นบ้าเลย                 เพียงแค่แตะมือกันทำไมใจสั่นได้ล่ะเนี่ย                 "ไม่เป็นไรค่ะ"                 น้องยิ้มให้ฉันก่อนจะลุกขึ้นช้า ๆ                 "ขอตัวนะคะ"                 แล้วป้อนก็เดินจากไป                 "พี่ไปก่อนนะ"                 คราวนี้เป็นทีของฉันบ้าง ฉันหยิบกระเป๋าใบเก่งขึ้นสะพายแล้วเดินออกไปจากห้องสมุดทันที                   ตอนเย็นหลังเลิกเรียน ทุกคนต่างก็เดินไปที่จุดจอดรถรับส่งของตนเอง ฉันเองก็ด้วย                 ฉันรู้สึกเหมือนมีคนมองอยู่ เลยเงยหน้าขึ้นดูเป็นน้องป้อนนั่นเอง น้องกำลังยิ้มให้ฉัน                 ฉันยิ้มตอบจนแก้มแทบแตก หน้าร้อนไปหมด เดินขาสั่นไปที่รถรับส่งของตัวเองช้า ๆ                 น้องป้อนขึ้นรถคันนี้หรอ รถที่จอดต่อท้ายอยู่กับรถของฉันทุกวัน แต่ฉันทำไมไม่เคยรู้ และไม่เคยเห็นเลยล่ะ                 โถ่เอ๊ย...                 น่าเสียดายเวลาที่ผ่านมาจริง ๆ ฉันทำอะไรอยู่วะเนี่ย ต่อไปนี้ต้องเดินหน้าจีบน้องแล้วล่ะสิ                 ก่อนอื่น ต้องบอกน้องก่อนว่าฉันชอบ เดี๋ยวจะเป็นแบบกรณีพี่นุ๊กเกอร์อีก                 ฉันเปลี่ยนตัวเองแล้วแหละ หลังจากชอบพี่นุ๊กเกอร์แล้วไม่ได้บอก ฉันก็บอกตัวเองว่าชอบแล้วต้องบอก                 และฉันจะบอกชอบน้องป้อน มันจะเป็นยังไงก็แล้วแต่ จะสมหวังหรือเสียใจ อย่างไรก็ตามอย่างน้อยฉันก็ได้บอกความรู้สึกให้น้องรับรู้ ดีกว่าเก็บเอาไว้เพ้อเจ้อคนเดียว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD