ประถมศึกษาปีที่ 6
"เลิกกันเถอะนะ"
คำพูดนี้หลุดออกมาจากปากของ เบียร์ แฟนคนแรกตอน ป.6 ของฉันนั่นเอง
อ่า จะบอกว่ารู้สึกยังไงดีล่ะ
เจ็บมั้ย...ก็ไม่เท่าไหร่ แต่ก็แสบ ๆ คัน ๆ กว่ามดกัดนิดหน่อย
ร้องไห้มั้ย...ก็ไม่เคยร้องไห้กับเรื่องแบบนี้เลยสักครั้งในชีวิต เลยไม่รู้ว่าจะร้องไห้ไปทำไม แค่ถูกบอกเลิกเองนะ ไม่ได้จะมีใครมาพรากลมหายใจไปจากฉันสักหน่อย
ความจริงฉันก็ไม่เคยร้องไห้กับความรักอยู่แล้ว ก็บอกแล้วไงว่าเบียร์เป็นแฟนคนแรก
รักเบียร์มั้ย...รักสิ รักมาก แต่รักตัวเองมากกว่า
ฉันเองเป็นคนที่ชอบเบียร์ก่อน รักเบียร์ก่อน และจีบเบียร์ก่อน สุดท้ายเลยเป็นฝ่ายที่ถูกบอกเลิกก่อน ตลกดีนะ
เราเคยสัญญาว่าจะรักกันตลอดไป แต่จะเอาอะไรกับเด็ก ป.6 กันล่ะ และเบียร์เองก็เพิ่ง ป.5 ไม่มีอะไรแน่นอนอยู่แล้ว ถ้าเป็นเรื่องของความรัก
เบียร์เป็นน้องสาวของเพื่อนสนิทที่อยู่กลุ่มเดียวกันกับฉัน เราคบกันเพราะเงื่อนไขบางอย่าง ที่ฉันนึกสนุกและคิดขึ้นมาต่อรองกับเบียร์
เงื่อนไขที่ว่าก็คือ ถ้าเราแข่งวอลเลย์บอลชนะ เบียร์ต้องเป็นแฟนฉัน
ฉันเป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลของโรงเรียน เบียร์เองก็เช่นกัน เบียร์เล่นในตำแหน่งตัวเซตบอล เพราะโค้ชเห็นว่าเบียร์ตัวเล็กกว่าทุกคนในทีม และฉันก็เล่นเป็นตำแหน่งมือตบประจำทีม
พูดถึงเรื่องกีฬาฉันเล่นเป็นทุกชนิดตั้งแต่อยู่ ป.3 แล้ว เพราะเป็นลูกรักของครูพละจึงได้เข้ามาอยู่ในทีมตั้งแต่ ป.3 เด็กกว่าเพื่อนในทีมและเพราะว่าตอนนั้นตัวเล็กมากจึงได้เล่นเป็นตำแหน่งตัวเซตตอนที่เข้ามาเล่นในทีมแรก ๆ
ครูที่ฝึกสอนกีฬาให้ท่านสอนมาตั้งแต่รุ่นแม่ฉันเลยแหละ แม่ฉันก็เป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลมาก่อนสมัยแม่เรียนประถม ครูจึงยิ่งรักฉันมาก เหมือนเป็นลูกคนหนึ่งเลย แต่ความจริงก็รู้สึกว่าตัวเองเอาเปรียบคนอื่นอยู่นะ หลายครั้งที่พลาดแต่โค้ชก็ไม่เคยบ่นหรือด่าเลย
จะเตือนด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะมากกว่า ผิดกับคนอื่นที่พอพลาดหน่อยก็จะโดนด่าทันที แต่ฉันก็ไม่ได้ถูกเพื่อนในทีมหมั่นไส้หรอกนะ เพราะยังไงเราก็ให้กำลังใจและเตือนกันเองในทีมเสมอ
ในโรงเรียนฉันเล่นกีฬาได้ทุกชนิด และเล่นเป็นทุกอย่างเลย เพราะมีพรสวรรค์ด้านนี้อยู่แล้ว เล่นตั้งแต่วอลเลห์บอล เบสบอล แบตมินตัน ตะกร้อ เปตอง บาสเกตบอล ฟุตบอล ฟุตซอล และอะไรอีกนะ...
อ้อ...ปิงปองหรือเทเบิลเทนนิสนั่นเอง อันนี้เล่นเป็นเพราะความบังเอิญ บังเอิญว่าฉันเป็นน้องสาวของคนที่นักกีฬาปิงปองชอบ พี่เขาก็เลยบังคับให้ฉันมาเล่นปิงปองด้วย เพราะเขาอยากให้ฉันไปช่วยพูดให้พี่สาวฟังว่าเขาเก่งขนาดไหน
แต่...รุ่นพี่คนนั้นคิดผิดแล้วแหละ ฉันไม่เคยพูดถึงเขาให้พี่สาวฟังเลย ไอ้พี่คนนั้นรู้น้อยไปซะแล้ว ว่าฉันน่ะหวงพี่สาวมากขนาดไหน
เหอะ...อย่าหวังว่าฉันจะยกพี่สาวให้
และท้ายที่สุดฉันก็เล่นปิงปองเป็นและเล่นเก่งด้วย ได้เป็นตัวแทนของโรงเรียนไปแข่งขัน ชนะเลิศลำดับที่ 1 ระดับอำเภอมาด้วย ต้องขอบคุณคนที่สอนฉันให้เก่งแหละนะ เป็นชัยชนะที่ฉันภูมิใจมากเลยแหละ เพราะแม่ชมฉันด้วย
สุดท้ายพี่สาวฉันก็ไม่ได้คบกับพี่นักกีฬาปิงปอง สมน้ำหน้ามาก แต่ก็ขอบคุณที่สอนให้ฉันเล่นเป็นนะ
กลับมาที่เรื่องของฉันกับเบียร์ดีกว่า หลังจากที่ฉันหยอกล้อ และแกล้งเบียร์ตอนซ้อมกีฬาด้วยกันอยู่หลายเดือน แกล้งยีหัวให้ผมฟูบ้าง
เอาขาไปขัดเพื่อให้น้องสะดุดบ้างเวลาเดินผ่าน
แกล้งกินนมน้องบ้าง นมโรงเรียนนะ อย่าคิดลึกล่ะ
แกล้งเอารองเท้าน้องไปซ่อนบ้าง
เวลาจะซ้อม พอน้องหารองเท้าไม่เจอ ฉันก็โทษเพื่อนผู้ชายและบอกน้องว่าจะไปตามหามาให้
แล้วก็เจอ แหงล่ะ ก็ฉันเป็นคนซ่อนเองนี่เนอะ
น้องน่ารักไงเลยอยากแกล้ง แก้มย้วย ๆ อมชมพูเวลาเบะแล้วน่ารักที่สุด
พอเอามาคืนน้องได้ฉันก็แกล้งลูบหัวและบีบแก้มน้องเบา ๆ เพื่อปลอบใจว่าไม่เป็นไรนะ มีพี่มาศอยู่ด้วย น้องเบียร์ปลอดภัยเสมอ วางใจได้เลย
ความจริงหลอกแต๊ะอั๋งน้องแค่นั้นแหละ ^_^!
นิสัยแบบนี้มันเป็นนิสัยที่ไม่ดีเอาเสียเลย ไอ้การที่ชอบหรือไม่ชอบใครแล้วไปแกล้งเขาเนี่ย หนักเข้าคนที่ถูกแกล้งอาจเก็บกดและกลายเป็นปมด้อยของเขาไปตลอดชีวิตก็ได้ ตอน ป.6 ยังเด็ก
สังคมรอบข้างเป็นแบบเดิม ไม่มีอะไรแปลกใหม่ และไม่มีใครตระหนักว่าแท้จริงแล้วการแกล้งคนอื่นมันเป็นเรื่องที่ไม่ดี ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นคนที่เราชอบหรือไม่ก็ตาม พอเห็นเป็นเรื่องปกติและคนอื่นก็ทำกันฉันจึงทำ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะกลับไปเขกกบาลตัวเองสักครั้งข้อหาที่เป็นคนนิสัยไม่ดีและทำตัวไม่ต่างจากขยะเหม็นเน่าสักเท่าไหร่
ได้เวลาที่ฉันต้องบอกชอบน้องสักทีสินะ
กีฬาวอลเลย์บอลใกล้วันแข่งขันเข้ามาเรื่อย ๆ อำเภอของฉันจะส่งโรงเรียนที่ฉันเรียนอยู่เข้าไปเป็นตัวแทนเพื่อแข่งขันระดับจังหวัดเสมอ
เวลาไปแข่งเราต้องเดินทางด้วยรถกระบะเกือบ ๆ หนึ่งร้อยกิโลเมตรเพื่อเข้าไปยังสถานที่แข่งขัน ซึ่งก็คือสนามกีฬาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในตัวจังหวัด
เวลานั่ง ฉันจะนั่งเอาหลังพิงกับขอบรถกระบะ ให้น้องนั่งตรงหว่างขาอีกที กอดน้องไว้จากทางด้านหลังทุกวันที่เราต้องเดินทาง
วันไหนฝนตก ครูที่รับหน้าที่เป็นโค้ชจะเอาพลาสติกสีฟ้าแผ่นใหญ่ ๆ ออกมาจากหน้ารถแล้วให้คนที่นั่งด้านหลังคลุมไว้ เพราะกลัวว่าฝนจะตกลงมาทำให้นักกีฬาเปียก และไม่สบายได้ในที่สุด
ถามว่าลำบากไหม ก็ไม่นะ เด็ก ๆ ไม่รู้หรอกว่าอะไรคือความลำบาก มีแต่ความสนุกสนานเท่านั้นที่สัมผัสได้
วันชิงชนะเลิศ
ใช่...
เราแข่งและชนะมาตลอดจนถึงรอบชิงชนะเลิศ ฉันบอกกับเบียร์ว่า ถ้าทีมโรงเรียนเราแข่งชนะ เบียร์ต้องเป็นแฟนฉัน
"เบียร์"
"ว่า"
"ถ้าโรงเรียนเราชนะเป็นแฟนกับพี่นะ"
"พี่ชอบเบียร์หรอ"
โหแกล้งทุกวัน ดูแล เทคแคร์ขนาดนี้ เกลียดเข้ากระดูกดำมั้ง ตายก็ไม่ต้องไปเผาผีกันหรอก ฉันแอบคิดในใจพรางส่งยิ้มไปให้เพื่อนร่วมทีมที่รับหน้าที่เป็นตัวเซตบอล
"ชอบสิ ก็เบียร์น่ารัก"
"พี่มาศก็น่ารักเหมือนกัน"
ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเบียร์เองก็ชอบฉันเหมือนกัน
"งั้น ถ้าชนะเป็นแฟนกับพี่นะ"
"ถ้าแพ้ล่ะ"
เออว่ะ...ไม่ได้คิดเผื่อไว้เลยว่าจะแพ้ บอกน้องยังไงล่ะทีนี้
"ยังไม่คิดเลย แข่งเสร็จเดี๋ยวค่อยคิด"
"ฮ่า ๆ ตกลงค่ะ ถ้าชนะเราจะเป็นแฟนกัน"
^,^ น่ารักว่ะ อนาคตแฟนพี่มาศ
และแน่นอนทีมเราชนะเลิศได้ที่หนึ่งระดับจังหวัด ฉันกับเบียร์เป็นแฟนกัน
ระหว่างที่เราเป็นแฟนกันก็ไปมาหาสู่เป็นธรรมดา เพราะบ้านใกล้กัน แม่ฉันไม่รู้หรอกเพราะคิดว่าเราเป็นแค่พี่น้องกันธรรมดา บอกแล้วไง เบียร์เป็นน้องสาวของเพื่อนฉัน น้องเพื่อนจะมาเล่นที่บ้านเพื่อนพี่ แล้วเพื่อนพี่จะไปเล่นที่บ้านน้องเพื่อนไม่ได้รึไงกัน
แต่ไม่นานแม่ก็รู้ว่าเราคบกัน เนื่องจากพ่อกับแม่เบียร์ทำงานอยู่ที่ต่างจังหวัด พอปิดเทอมเบียร์และพี่ต้องเดินทางไปอยู่กับพ่อแม่ และฉันเองทนคิดถึงเบียร์ไม่ไหว
ไม่กี่วันก็โทร.ไปตามเบอร์ที่เบียร์ให้ไว้ตั้งแต่ก่อนเดินทาง
หึ แน่นอนว่าเป็นโทรศัพท์ของแม่ เพราะตอนนั้นฉันยังไม่มีโทรศัพท์มือถือเป็นของตัวเองเลย
แม่เบียร์รับสาย และฉันบอกว่าฉันต้องการคุยกับเบียร์ แม่เบียร์ก็ให้คุย
ความจริงก็ไม่มีอะไรคุยมากหรอกนะ เด็กอย่างฉันไม่เคยไปไหนมาไหนไกลบ้านด้วยสิ ได้แต่ถามว่าที่ที่เบียร์อยู่เป็นยังไง ตอนที่พ่อกับแม่ไปทำงานเบียร์อยู่ยังไง ทำอะไรบ้าง อาหารการกินที่นั่นอร่อยเหมือนที่บ้านเราหรือเปล่า
และแน่นอนคำตอบของเด็ก ป.5 ก็คือดูการ์ตูน ฉันเองได้แต่จินตนาการตามคำพูดที่เบียร์บอก เพราะไม่เคยได้ใช้ชีวิตแบบนั้น อยู่กับพ่อและแม่ตั้งแต่เด็กจนโตไม่เคยห่างบ้านไปไหนเลย
"เราเลิกกันเถอะนะ"
เบียร์บอกกับฉัน หลังจากที่เราปั่นจักรยานเล่นด้วยกันรอบโรงเรียน
ตอนเย็นหลังจากซ้อมวอลเลย์บอลเสร็จ ฉันจะปั่นจักรยานคันเก่งของฉันให้เบียร์นั่งซ้อนท้ายกินลมชมวิวรอบสนามฟุตบอลเสมอ
บางครั้งก็แกล้งเบรกให้เบียร์เสียหลักและกอดฉัน
บางครั้งก็แกล้งปั่นเร็ว ๆ ให้เบียร์กลัวและกอดฉัน
มีฟามฉุกที่ฉุดเยยยยยยย
แต่วันนี้พิเศษกว่าวันไหน ๆ เพราะเบียร์กำลังบอกเลิกฉันแทนที่จะบอกรักเหมือนดังเช่นทุกวัน
ฉันเป็นคนปั่น ส่วนเบียร์นั่งซ้อนด้านหลัง
ฉันไม่หันไปมองหน้าน้องสักนิด
ไม่ได้กลัวน้องเห็นน้ำตา แต่รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องปกติ
รักได้...
ก็เลิกได้...
มาศรู้สึกชิว...
"เอางั้นหรอ"
"ใช่ เดี๋ยวพี่ก็ขึ้น ม.1 แล้ว คงเจอคนอีกเยอะ"
"ยังเป็นพี่น้องกันอยู่ใช่มั้ย"
"แน่นอนค่ะ"
"เบียร์สบายใจแบบไหนก็ทำแบบนั้นเถอะ"
ฉันยังปั่นจักรยานไปเรื่อย ๆ เช่นในตอนแรก ไม่หันมาดูคนที่นั่งซ้อนหลังอยู่แม้แต่หางตา
ไม่มีน้ำตา
ไม่ฟูมฟาย
ไม่ถามถึงเหตุผล
ราวกับว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกอย่างเหมือนเดิม อาจเพราะความรู้สึกของเราเข้าที่แล้ว
นี่แหละเด็ก
นี่แหละความรัก
ความรักอีกแบบหนึ่งที่บริสุทธิ์จริง ๆ
เราคบกันได้ประมาณเกือบปีแหละนะ เพราะคบกันตั้งแต่ ป.6 เทอมแรก จนปิดเทอมตอนที่ฉันกำลังจะขึ้น ม.1 เบียร์ก็มาบอกเลิกเสียก่อน
หากจะถามว่าเลิกกับแฟนแล้วเป็นเพื่อน เป็นพี่เป็นน้องกันได้เหมือนเดิมมั้ย บอกได้เต็มปากเต็มคำเลยว่าได้ ได้สิ! ทำไมจะไม่ได้ล่ะ แต่ต้องเป็นความรักแบบเด็ก ๆ นะ
ถ้าเป็นตอนที่เราทั้งคู่โตแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะมองหน้ากันติดหรือเปล่า ยิ่งโต ยิ่งคิดเยอะ ยิ่งโตก็ยิ่งให้อภัยไม่เป็น
ความรักของเรา เป็นความรักที่บริสุทธิ์ เหมือนอยากรู้ และอยากจะลองดูว่ามันเป็นยังไงมากกว่า
เลิกกันแล้วก็ยังกลับมาเป็นเพื่อน เป็นพี่เป็นน้องกันได้แบบเดิมอย่างสนิทใจเลยแหละ
เพราะชีวิตเราต่อจากนี้มันอีกยาวไกลมาก เราอาจพบเจอผู้คนจากทั่วทั้งโลกเลยก็ว่าได้ในช่วงชีวิตที่เหลืออยู่
เป็นประสบการณ์ความรัก ที่รู้สึกดี และรู้สึกขอบใจเบียร์เป็นอย่างมาก ที่เข้ามาสร้างความทรงจำให้
อย่างน้อยมาศคนนี้ก็เคยมีประสบการณ์เรื่องความรักกับเขาบ้าง