ขึ้น ม.1 ฉันเลือกเรียนโรงเรียนมัธยมประจำอำเภอใกล้บ้าน ที่พี่สาวของฉันก็เรียนอยู่ที่นั่นด้วย
ตอนสอบเข้ามาเรียนที่นี่ ฉันสอบได้ที่สองของระดับชั้นด้วยนะ แพ้คนได้ที่หนึ่งแค่คะแนนเดียวเอง
เจ๋งใช่มั้ยล่ะ
คงเจ๋งแหละ เพราะแม่คุยใหญ่เลยว่าฉันสอบได้ที่สอง คงภูมิใจน่าดู
ฉันเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบอะไรใหม่ ๆ หรือที่ใหม่ ๆ เพราะยังไม่คุ้นชินกับสถานที่ ฉันจะไม่ค่อยไว้ใจอะไรสักเท่าไหร่ในช่วงแรก ๆ ที่เข้ามาเรียนที่นี่
ทั้งสถานที่ ห้องเรียน
โรงอาหาร
ห้องน้ำ
หรือแม้แต่เพื่อนร่วมชั้นเรียนเองก็เถอะ
บางวันฉันไม่เข้าห้องน้ำด้วยซ้ำไป เก็บกลับมาปล่อยที่บ้านดีกว่า
ตอนเข้ามาเรียนในช่วงแรก ฉันรู้สึกว่าอยากกลับบ้านตลอดเลย ไม่อยากอยู่ที่โรงเรียน ไม่อยากคุยกับใครสักเท่าไหร่ เพราะยังไม่สนิท เอาจริง ๆ ข้าวเที่ยงฉันยังไม่ยอมลงไปกินที่โรงอาหารเลย ห่อจากบ้านไปกินในห้องเรียนแทน น้ำก็ต้องห่อด้วยนะเพราะที่โรงเรียนไม่มีให้ดื่มแบบฟรี ๆ ต้องซื้อเองเท่านั้นขวดละตั้ง 5 บาทแน่ะ ทั้งที่ครูมีน้ำให้ดื่มไม่อั้นและตอนจะดื่มเสือกมาใช้ให้นักเรียนไปยกมาให้ ไม่อยากบ่นหรอกนะ แต่โคตรนิสัยไม่ดีและสุดแสนจะเอาเปรียบนักเรียนเลย
บ้านของฉันปลอดภัยกว่าที่นี่ตั้งเยอะ แต่ฉันก็ไม่ได้โดดเรียนหรือหนีเรียนนะ
ยังไปทุกวัน และเข้าเรียนทุกคาบ เพียงแค่รู้สึกระแวง และไม่คุ้นชินกับสถานที่เท่านั้นเอง
เข้ามาได้แค่เทอมแรก ฉันก็เป็นที่จับตามองของใครหลายคนเลยทีเดียว
เพราะค่อนข้างหน้าตาดี เรียนดี กีฬาก็เก่ง ฉันจึงเป็นที่จับตามองของทั้งครู และนักเรียนด้วยกันเองถึงความสามารถของฉัน ไม่ได้อยากจะอวยตัวเองหรอกนะ แต่มันเป็นแบบนั้นจริง ๆ
คนมาจีบก็เยอะ
แต่แปลก ฉันไม่เห็นจะสนใจใครเลย
เคยมีคนเอาจดหมายรักมาให้ฉันด้วยแหละ เป็นผู้หญิง เรียนอยู่ชั้นเดียวกัน
พับเป็นรูปหัวใจ แล้วระบายสีชมพู จดหมายสวยนะเป็นศิลปะดี
ข้อความในจดหมายไม่มีอะไรมาก แค่เขียนคำว่า ชอบนะ ชอบนะ และชอบนะ เต็มกระดาษไปหมด
เห็นถึงความตั้งใจที่เขียนมาฉันก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้ ถ้าเกิดว่าฉันรู้สึกแบบเดียวกับเขาคงโรแมนติกน่าดู
แต่เปล่าเลย ฉันเฉย เฉยมาก
แค่อมยิ้ม ให้กับความตั้งใจ และลายมือน่ารัก ๆ นั้น ไม่ได้มีอะไรพิเศษเลย
ที่ไม่รู้สึกชอบใครคงเพราะในแต่ละวัน ฉันจะหมกมุ่นอยู่กับเรื่องของพี่สาวมากกว่า ว่าจะมีใครมาจีบมั้ย
เรื่องกันท่าไว้ใจมาศเถอะ
อีกอย่างที่คนสนใจฉัน เพราะบุคลิกห้าว ๆ ลุย ๆ ด้วยมั้ง ถึงชอบมาถามกันจังว่าฉันเป็นทอมรึเปล่า
เหอะ...ไม่ใช่เว่ย
ฉันตอบทุกคนแบบนั้น
แล้วถ้าฉันเป็น มันไปหนักหัวใครบ้างวะ ถ้าหนักหัวพวกเขาก็จัดการตัวเองนะ เพราะฉันก็อยู่ของฉันดี ๆ
และแล้วก็มีพี่คนหนึ่งอยู่ ม.2 น่ารักนะ ตัวเล็ก ๆ สูงแค่เท่าไหล่ฉันเอง ขนาดตอนนั้นฉันสูงแค่ร้อยหกสิบ
ชื่อแนน พี่แนนเป็นคนตัวขาว แน่นอนว่าชอบฉัน และพี่แนนมีแฟนอยู่แล้วด้วย ชื่อแนนเหมือนกันเลยแต่เป็นรุ่นพี่ ม.3 และพี่แนน ม. 3 นั้นเป็นทอม
น่ารักดีนะเป็นแฟนกันแล้วก็ยังชื่อเหมือนกันอีก เวลาเรียกคงมีคนสะดุ้งและสับสนกันบ้างแหละ
พี่แนน ม.2 เดินมาแซวฉันที่ห้องบ่อย ๆ เพราะห้องเรียนเราอยู่ติดกัน
ฉัน 1/1 พี่แนน 2/2 ห้องครูที่ปรึกษาของเราอยู่ติดกัน
ฉันไม่ได้คิดอะไรกับพี่แนนเลยนะ ไม่มีเลยสักนิดเดียวเอาฉันไปสาบานที่ไหนก็ได้
เหตุผลแรก พี่แนนมีแฟนแล้ว ฉันรู้ดี
เหตุผลที่สอง พี่แนนน่ารัก สวย แต่...ไม่ใช่สเปค ปัดพี่แนนทิ้งไปได้เลย
ฉันน่ะนะ ชอบเพื่อนของแฟนพี่แนนต่างหาก พี่เขาชื่อว่านุ๊กเกอร์
เหตุผลที่ชอบ เพราะ...สเปคเลย แค่นี้แหละ สูง สวย เป็นลูกครึ่งแต่ไม่รู้ว่าลูกครึ่งอะไร น่าจะครึ่งคนครึ่งนางฟ้าแหละมั้ง ความขาวเลยสว่างจ้าไปนิดนึง และฉันชอบมาก เก็บมาเพ้อตลอด
การบ้านคือยาพิษ
เสาร์อาทิตย์คือสวรรค์
จันทร์ถึงศุกร์ไม่สำคัญ
มาโรงเรียนทุกวันเพื่อพบเธอ...
กลอนชวนเลี่ยนแบบนี้แหละที่เข้ากับชีวิตของฉันช่วงนี้มากที่สุด
พี่นุ๊กเกอร์ทำให้คนที่ไม่ชอบออกจากบ้าน และไม่ชอบที่แปลกใหม่ อยากมาโรงเรียนทุกวัน ซึ่งตอนแรกโรงเรียนแห่งนี้เป็นที่แปลกใหม่สำหรับฉันมาก
แต่โชคมักไม่เข้าข้าง ทฤษฎีที่ว่าเรามักจะรู้สึกชอบคนที่รู้สึกเฉย ๆ กับเรา ใช้ได้ดีเสมอ และใช้ได้ทุกสถานการณ์ด้วย
ฉันเป็นแค่เด็ก ม.1 อะนะ ถึงจะฮอตแค่ไหนก็ไม่กล้าคุยกับพี่เขาหรอก
ไม่รู้เหมือนกัน ฉันชอบเจียมตัวและคิดไปเองเสมอว่าพี่นุ๊กเกอร์ไม่สนใจ คิดเองเออเอง นอยด์เองประจำเลย
ลืมบอกไป ว่าถึงฉันจะขึ้น ม.1 แล้ว แต่ทุกเย็น หลังจากเลิกเรียน ฉันกับเพื่อนจะมาซ้อมกีฬาวอลเลย์บอลให้รุ่นน้องอยู่เสมอ
บอกแล้วไงว่าฉันน่ะ ศิษย์รักครูพละแหละ
แน่นอนว่าทุกเย็นต้องเจอเบียร์ ความรู้สึกน่ะหรอ เฉย ๆ มาก
แปลกที่ในใจไม่มีอะไรติดค้างเลย เราเป็นพี่น้องได้อย่างสนิทใจ
พูดคุยกันได้แบบธรรมดา เหมือนคนอื่น ๆ ทั่วไปเขาคุยกัน ในใจว่างเปล่า อาจเพราะเรารู้สึกสนิทกันมากไปตั้งแต่ทีแรก พอคบกันความรู้สึกและการกระทำยังเหมือนเดิม พอเลิกกันความรู้สึกก็เลยยังเหมือนเดิม
"ถ้าพี่เลิกกับแฟน คบกับพี่มั้ย"
ห๊ะ เกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย ชัดเจนแล้วนะว่าฉันไม่ได้ชอบพี่แนน เคยบอกไปแล้วด้วย
แต่วันนี้ ตอนนี้ ในห้องน้ำหญิงแห่งนี้ พี่แนนคงสังเกตแหละ ว่าฉันมาเข้าห้องน้ำ เลยตามมา
ฉันทำธุระเสร็จ เดินออกมาล้างมือก็เจอพี่แนนยืนรออยู่ก่อนหน้าแล้ว
ทุกคนเป็นมั้ย เวลาเข้าห้องน้ำ ต่อให้ห้องแรกสะอาดแค่ไหนก็ไม่เข้า ต้องเดินส่องมาเรื่อย ๆ จนถึงห้องสุดท้าย ถึงแม้ว่ามันจะไม่สะอาดเท่าห้องแรกก็เถอะ ยังไงก็เลือกเข้าห้องสุดท้ายอยู่ดี หรือมีแค่ฉันหรือเปล่าที่เป็นแบบนี้
พี่แนนดันไหล่ฉันให้ชิดติดกับผนัง สบตาฉัน แล้วถามคำถามที่ทำให้ฉันโมโหที่สุดออกมา
"พี่คิดดีแล้วหรอ"
"อืม"
"คบกันมานานยัง"
"สองสามเดือนได้แล้วมั้ง"
เหอะ คงเป็นพวกเบื่อง่ายสินะ ขนาดคบกับแฟนอยู่ยังจะทิ้งแฟนมาหาฉัน แล้วถ้าเกิดคบกับฉันล่ะ จะไม่นอกใจฉันไปหาคนอื่นเหมือนกันหรอ คนนอกใจไม่สมควรได้รับการให้อภัยหรอกนะ เพราะมีครั้งแรกแล้วก็ต้องมีครั้งต่อไปเสมอยังไงล่ะ
"กลับไปเถอะ"
"จะเอาไงมาศ ตอบพี่ก่อน ถ้าพี่เลิกกับแฟน มาศจะคบกับพี่มั้ย"
ฉันก้มหน้าลงเรื่อย ๆ คล้ายจะจูบ และพี่แนนคงคิดแบบนั้น แหม เคลิ้มเชียวแม่คุณ
"ไม่!!"
ฉันตอบพี่แนนเน้น ๆ เสียงดังก้องจนคนที่เคลิ้มตั้งแต่ทีแรกสะดุ้งสุดตัว
เดินออกมาหน้าห้องน้ำถึงได้รู้ ว่าที่ไม่มีคนเข้าออกห้องน้ำเลยก็เพราะเพื่อนพี่แนนเฝ้าอยู่ และเพื่อนฉันก็ยืนหน้าเจื่อนอยู่ด้านหลัง สงสัยโดนขู่แน่เลย
"พวกนี้นิสัยไม่ดีว่ะแม่ง"
"พี่เขาคุยไรกับมึง"
"ขอคบกู"
"เฮ้ย! แล้วมึงว่าไง"
ฉันหันไปมองหน้าเพื่อนแล้วขมวดคิ้ว มันเองก็น่าจะรู้คำตอบดีอยู่แล้ว จะถามเพื่ออะไร
"ดีมากเพื่อน ยกนิ้วให้"
ฉันกับเพื่อนเดินกอดคอกันขึ้นบนห้องด้วยความรู้สึกโล่ง ฉันตอบชัดขนาดนั้น คงไม่มาตอแยอีกหรอกนะ ช่างไม่รู้จักพอเอาซะเลย
ฉันเดินหน้าแอบชอบพี่นุ๊กเกอร์อยู่ห่าง ๆ อย่างเจียมตัว
จนวันหนึ่ง อยู่ ๆ พี่นุ๊กเกอร์ก็ไม่มาโรงเรียน
วันแรกเฉย ๆ
วันที่สองเริ่มซึม
วันที่สามนั่งเหม่อ จนเพื่อนถามว่าอกหักหรอ
ถึงอกไม่หักแต่มันก็คล้าย ๆ แหละ เพราะกำลังใจไม่มาโรงเรียนหลายวันแล้ว
วันที่สี่
"ครูคะ พี่นุ๊กเกอร์ไปไหนหรอคะ"
ฉันยกมือขึ้นถามครูที่ปรึกษาห้องของพี่นุ๊กเกอร์ เพราะคาบนี้เป็นคาบวิทยาศาตร์ครูผู้สอนเป็นครูประจำชั้นของ ม.3 ห้องพี่นุ๊กเกอร์พอดี
"ย้ายแล้วล่ะ"
วันนั้น...ฉันไม่กินข้าวเที่ยง
นี่คืออาการอกหักหรอ
หรือเสียใจ ที่ไม่ได้บอกชอบพี่เขากันแน่
เฮ้อ เสียดายเหมือนกันนะ ต่อไปนี้ฉันจะลองปรับเปลี่ยนนิสัยบ้าง ถ้าหากชอบใครฉันจะบอกตรง ๆ ไปเลย จะได้ไม่เสียใจทีหลังแบบนี้อีก
รู้มั้ย...ขึ้น ม.1 มาฉันเริ่มไม่ชอบวิชาพละศึกษา แต่ยังชอบกีฬามาก ๆ อยู่เหมือนเดิม
เพราะอะไรน่ะเหรอ โรงเรียนนี้อนุญาตให้ใส่ชุดพละมาแค่วันอังคารวันเดียว วันอื่นถ้าใส่มาจะโดนหักคะแนน และถ้ามีเรียนพละให้นำชุดมาเปลี่ยนด้วย
มาศล่ะจะบ้ากับกฎระเบียบบ้าบอนี่
ห้องฉันดันเรียนพละวันพุธกับวันศุกร์ก็ต้องเอาชุดใส่กระเป๋ามาเปลี่ยนด้วยตลอด
พอเปลี่ยนช้า เข้าห้องสายเกินห้านาทีครูพละก็จะเอาไม้เรียวที่เป็นหวายมาตี
คิดดูนะว่าหวายอ่ะมันแข็งแรงแค่ไหน ก้นลายตลอด ตรรกะอะไรของครูวะเนี่ย ป่วยฉิบหาย มาศไม่โอเคกับความคิดนี้อย่างถึงที่สุด
แค่เรื่องเปลี่ยนชุดและเข้าห้องสายก็โดนตียกห้อง ทำไมไม่คุยกันด้วยเหตุผลล่ะ ดูด้วยว่าก่อนที่จะมาเรียนพละเนี่ย เรียนวิชาอะไรมาก่อน แล้วครูก็ปล่อยตรงเวลาบ้าง ปล่อยช้าบ้างแล้วแต่วัน
ถามนักเรียนบ้างดิว่าเหตุผลที่มาสายคืออะไร ไม่ใช่เอะอะตี เอะอะตีตลอด
นี่แหละคือสาเหตุของการไม่ชอบครูพละในช่วง ม.1
อีกวิชา คือศิลปะ แค่เรียนสัปดาห์ละคาบก็ช่วยสอนให้มีความรู้หน่อยได้มั้ย
นี่อะไรพอเข้าห้องมา ครูก็บอกเอาสมุดขึ้นมา จดเนื้อร้องของเพลงชาติไทยลงไป ตัวบรรจงเต็มบรรทัด ห้ามผิด ไม่งั้นจะโดนหักคะแนน
ครั้งแรกที่เจอก็ What...WTF...
ถามจริงเกิดเป็นครูนี่วัน ๆ คิดได้แค่นี้หรอ สบายนักนะ แล้วให้ทำแบบนั้นทุกคาบ
เหอะ คิดว่ามาศจะอยู่หรอ โดดแม่ง
ไม่ได้โดดไปไหนนะ ไปนอนในห้องสมุด สุนทรีย์กว่าเป็นไหน ๆ
ครูชอบบ่นว่านักเรียนโดดไม่สนใจเรียน ดูตัวเองบ้างนะว่าสนใจสอนนักเรียนรึเปล่า รู้หรอกว่าสอนไม่สอนเงินเดือนก็เท่าเดิม
แต่ช่วยมีจรรยาบรรณบ้าง ไม่ใช่ละเลยแบบนี้ สอนกับไม่สอนก็มีค่าเท่ากับไม่สอน แล้วแบบนี้จะให้มาโรงเรียนทำไมวะ นอนอ่านการ์ตูนวาดรูปเล่นอยู่บ้านยังได้ความรู้และประสบการณ์เยอะกว่านี้อีก
นี่ล่ะมั้งเพราะเอือมระอา ฉันจึงปฏิญาณตนว่า ชาตินี้จะไม่เป็นครู ไม่อยากทำอะไรแล้วคนไม่ชอบ และพลอยเกลียดขี้หน้า หรือเกลียดสิ่งที่เขาเคยรักมาตลอดแบบที่ฉันเป็น
พอเจอบ่อย ๆ เข้า เลยรู้สึกไม่ชอบอาชีพนี้ไปเลย
ไม่ได้เหมารวมครูทุกคนหรอกนะ แต่ในหนึ่งโรงเรียนมักจะมีครูแบบนี้อยู่เสมอ
และสุดท้ายฉันกลับได้เกรดสี่วิชาดนตรีและศิลปะเฉยเลย งงไปดิ
ชีวิต ม.1 ของฉันดำเนินไปเรื่อย ๆ จนถึงต้นเทอมสอง ประมาณปลายเดือนมกราคม โรงเรียนฉันก็จะแข่งกีฬาสี
พี่ที่รู้จักกันก็จับฉันลงทุกกีฬาเลย ทั้งจะซ้อมแข่งกีฬาสี และซ้อมแข่งกีฬาประจำจังหวัด ที่ทางโรงเรียนจะส่งทีมวอลเลย์บอลเข้าแข่งขัน
เรียกได้ว่าช่วงนั้นหัวหมุนกันเลยทีเดียว เสาร์อาทิตย์ฉันต้องขับรถจากบ้านมาโรงเรียนเอง เพื่อมาซ้อมตอน 5 โมงเช้า จนถึงสี่โมงเย็น
ทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ จากคนไม่ชอบที่แปลกใหม่และไม่ชอบเดินไปไหนมาไหนในโรงเรียนฉันกลับได้มาโรงเรียนทุกวันจนชินไปเสียแล้ว
ถ้าไม่มีใจรักไม่มานะเนี่ย
วันกีฬาสีมาถึง แน่นอนว่าสีแดงของฉันชนะเลิศได้ลำดับที่หนึ่ง
อีกเช่นเคย รางวัลเป็นขนมปิ๊บ พอแบ่งขนมออกให้แต่ละห้องแล้ว ได้กินคนละชิ้นนี่แหละมั้งขาไก่สองสามอัน กับขนมมีไส้คนละชิ้นเท่านั้นเอง
คุ้มมาก มากจริง ๆ กับที่ทุ่มเทลงไป
คุ้มแบบกัดฟันพูดน่ะนะ
วันแข่งกีฬาของจังหวัด โรงเรียนฉันเข้าร่วมแข่งขันและได้รางวัลรองชนะเลิศมา
มีเบียร์ไปเป็นกองเชียร์ด้วยแหละ เพราะแข่งขันรายการเดียวกัน แต่คนละระดับชั้น
บอกเฉย ๆ ไม่มีอะไร แค่รู้สึกดีเท่านั้น
ก่อนจบ ม.1 ช่วงสอบปลายภาค มีเพื่อนห้องเดียวกัน ชื่อกุ้ง
กุ้งเดินมาบอกกับฉันว่า รุ่นน้องที่เป็นญาติชอบฉัน
เราอยู่ ม.1 รุ่นน้องก็คงเป็น ป.6 แหละนะ
ฉันถามว่าชอบได้ไง เคยเห็นฉันหรอ กุ้งบอกว่าน้องเคยเห็นฉัน เพราะฉันขับรถผ่านบ้านเขาบ่อย ๆ ตอนเสาร์ - อาทิตย์ น้องเห็นฉันก็เลยชอบ
คงเป็นตอนที่ฉันมาซ้อมกีฬาแหละมั้ง
กุ้งยังเล่าให้ฟังอีกว่าวันนั้นเป็นวันอาทิตย์ กุ้งและน้องนั่งเล่นอยู่หน้าบ้านแล้วฉันขับรถผ่านพอดี
น้องถามว่ารู้จักฉันไหม
ฉันเป็นใคร
แล้วชื่ออะไร
เพื่อนฉันก็ตอบคำถามหมดทุกข้อเลย
น้องบอกว่าชอบฉัน และฝากให้กุ้งมาบอกฉันด้วย
กุ้งแถมท้ายให้ด้วยว่า ปีหน้าก็เจอกันแล้ว เพราะน้องจะมาเรียนต่อในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นที่นี่
น้องชื่อแก้ว ฉันก็เออ ๆ แล้วปล่อยผ่านไป
คนนี่ก็แปลกไม่รู้จักกันยังจะชอบได้อีก ความรักนี่ค่อนข้างเข้าใจยากอยู่เหมือนกันนะ
ไม่ได้หลงตัวเองว่าฮอตหรอกนะ แต่มีคนที่ไม่รู้จักมาชอบนี่ก็แบบว่า พอตัวอยู่อะแหละ อืม ;-;