เปิดเทอมแรก ตอนนี้ฉันอยู่ ม.5
ป้อนคงขึ้น ม.4 แล้วสินะ จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ ถึงแม้ว่าเราจะคุยกันบ้าง แต่ฉันก็ไม่ได้ถามเรื่องนี้กับป้อนเลยว่าสอบได้โรงเรียนที่ตั้งใจไว้หรือยัง
เพราะคิดว่าคุยมากไป ป้อนจะรำคาญ
คิดมากอีกแล้วนะมาศ
และสุดท้ายป้อนก็สอบเข้าโรงเรียนเตรียมฯ ที่อยู่ข้าง ๆ ได้จริง ก็คนมันเก่งอยู่แล้วอะนะ
แต่เราก็ไม่เคยเจอกันเลย
ทั้ง ๆ ที่เปิดเทอมมาแล้วเกือบสองสัปดาห์
...
ก็ฉันใจร้อนนี่นา คิดถึงจะแย่อยู่แล้วเนี่ย
ช่วงเวลาหลังเลิกเรียนวันหนึ่ง
เป็นปกติที่แม่ค้า และพ่อค้าจะเข้ามาขายของกินเล่น หน้าถนนทางเข้าอาคารมัธยมทุกวัน
มีซาลาเปา
น้ำหวาน
หมึกย่าง
ขนมโตเกียว
โรตี
ลูกชิ้น
และของกินเล่นรอเวลากลับบ้านอีกหลายอย่าง
เป็นปกติเช่นกัน ที่จะมีนักเรียนมากหน้าหลายตาวนเวียนมาซื้ออาหารที่นี่ตลอด
เพราะทางโรงเรียน จัดให้ขายเฉพาะพื้นที่นี้เท่านั้น
ทั้งมัธยมต้น
มัธยมปลาย
และโรงเรียนข้าง ๆ ที่ชอบมาที่นี่บ่อย ๆ ตอนเย็น
เพราะบางคนก็มารอรถรับส่ง - ส่ง กลับบ้าน
บางคนก็แวะเวียนมาเล่นเฉย ๆ เพราะเด็กที่เตรียมฯ ส่วนใหญ่ จบมัธยมต้นจากโรงเรียนนี้กันทั้งนั้น
ฉันยืนเล่นโทรศัพท์
ไม่ ๆ เล่นเกมในโทรศัพท์อยู่ข้างป้อมยาม ใกล้ ๆ กับที่เขาขายของกันนั่นแหละ
ตอนนี้ฉันเปลี่ยนชุดนักเรียนออกแล้ว ใส่เสื้อกับกางเกงกีฬาแทน
กำลังจริงจังเกมเมอร์อยู่เลย
และตอนนี้ก็กำลังหัวร้อน
เพราะมีคนมาดึงโทรศัพท์ออกจากมือฉันยังไงล่ะ กล้าดียังไงมาแกล้งกันตอนนี้เนี่ย
ฉันขมวดคิ้วแน่น
แม่ง...
ใครวะ...
เดี๋ยวโดนเกมเมอร์มาศสวดยับแน่
ตอนนี้ในมือฉันไม่มีโทรศัพท์แล้ว แต่ในอ้อมแขนมีคนตัวเตี้ย และตัวหอมเข้ามาอยู่แทน
ฉันคุ้นเคยกับกลิ่นนี้ดี และยังจำมันได้เสมอ
กลิ่น...
ของน้องป้อน
ป้อนกอดฉันแน่น ซุกหน้าลงกับอกของฉัน จนตอนนี้หายใจลำบาก
ฉันยกมือขึ้นลูบผมคนตัวเตี้ยที่อยู่ในอ้อมกอดเบา ๆ
หืม...
ผมสั้นเท่าติ่งหูตอน ม.ต้น ตอนนี้มันยาวแล้ว และน้องป้อนก็รวบมัดมันเอาไว้
ถ้าปล่อยให้สยายออกคงหอมและนุ่มน่าดู
และป้อนสูงขึ้นหรือเปล่านะ
"คิดถึงพี่จัง"
จากที่กำลังอ้าปากจะสวด
ฉันยิ้ม
ยิ้มเหมือนคนบ้า
จะมีใครมีความสุขเท่ามาศตอนนี้ ไม่มีอีกแล้ว
ไม่มีเลยสักคน
ไม่มี...
ฉันเหลือบสายตาไปมองด้านข้าง เห็นเพื่อนตัวดีกำลังยิ้มล้อเลียนอยู่
เดี๋ยวนะ ลืมไป ว่านี่คือโรงเรียน หน้าป้อมยาม แล้วเรามายืนกอดกันอะไรตรงนี้เนี่ย
...ฉิบหาย
ฉันดันตัวป้อนออก มองหน้าสวย ๆ และรอยยิ้มหวาน ๆ นั้น
"คือตอนนี้"
ฉันมองไปรอบ ๆ มีหลายสายตาจ้องเราอยู่ด้วย บางคนยิ้ม บางคนสงสัย
โชคดี ที่ลุงยามไม่อยู่ตรงนี้ ไม่งั้นอาจซวยก็ได้
ป้อนเองก็เหมือนรู้แล้ว ยิ้มเขิน ๆ ส่งมาให้ฉัน ก่อนจะก้มหน้าลง มือบีบโทรศัพท์ฉันไว้แน่น
Gameover ไปเรียบร้อยแล้ว
แต่ความรัก ฉันกำลังจะ Win...
เรื่องของเรากำลังจะเริ่มอีกครั้ง ครั้งนี้มันจะดี และดีมาก ๆ ด้วย
ป้อนยังบีบไว้แน่น
จะเขินอะไรขนาดนั้นกันเล่า
"เดี๋ยวก็แตก"
ป้อนเงยหน้า สบตาฉัน แล้วยื่นโทรศัพท์คืนมาให้
ฉันรับโทรศัพท์มาแล้วรีบกุมมือน้อยนุ่มนิ่มนั้นไว้
มาศก็มีความเจ้าเล่ห์เหมือนกันแหละ
ฉันเดินจูงมือน้องไปนั่งที่แสตนเชียร์ข้างสนามฟุตบอล
นั่งลงข้างกันแล้วมองไปตรงกลางสนามฟุตบอล
ที่ฉันเคยกลัวทั้งหมดมันไม่มีอะไรเลย แค่ฉันคิดมาก และกลัวไปเองก็เท่านั้น
เคยคิดว่าถ้าหากเจอป้อน ฉันจะทำยังไง
จะรู้สึกยังไง
จะทำหน้ายังไง
จะเสียใจหรือดีใจ
ตอนนี้...
ฉันนั่งอยู่ข้างกันกับป้อนโดยที่ยังไม่ปล่อยมือจากกัน
รู้สึกมีความสุขมาก
ฉันยิ้ม...และดีใจมาก อาจจะมากที่สุดในชีวิตเลยก็เป็นได้
ฉันยังไม่ทันได้ตั้งตัวเลย คนตรงหน้าก็รุกหนักซะแล้ว
ที่บอกว่าถ้าเจอฉันแล้วป้อนจะกอด เชื่อแล้วว่าเป็นความจริง เพราะป้อนกอดจริง และฉันก็โดนกอดจริง เขินจริง แก้มแดงจริง
"เป็นไงบ้างอะ ขึ้น ม.4 มีอะไรหนักใจมั้ย"
"หนักใจเรื่องเดียว"
"เรื่องอะไร พี่พอจะช่วยได้มั้ย"
"หนักใจว่าจะได้เจอพี่มั้ย และพี่ช่วยเค้าได้ ช่วยได้เยอะเลย เพราะเค้าเจอพี่แล้ว"
ขยันหยอดจริง
ฉันมองออกไปที่สนามฟุตบอล
มองหญ้า
มองคน
มองขวดน้ำ
มองมาร์กเกอร์
มองเสาเหล็กสีขาวที่เริ่มขึ้นสนิมเป็นสีน้ำตาลประปราย
มองถุงมือผู้รักษาประตู
มองลูกฟุตบอล
ความจริงคือแกล้งเฉไฉสายตาไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้น เพราะกำลังเขินมาก ๆ ยังไงล่ะ กลัวป้อนจับได้ว่าก้อนหัวใจของฉันน่ะกำลังเหลวเป๋วกลายเป็นน้ำไปหมดแล้วในตอนนี้
และฉันก็รู้ ว่าป้อนมองฉันอยู่ คงกำลังมันเขี้ยวกับท่าทีขี้เก๊กของฉันแหละมั้ง ถึงได้ยื่นมือข้างที่เราไม่ได้จับกันขึ้นมาหยิกแก้มฉันเบา ๆ
ก็เจ็บแหละแต่ถูกความเขินกลบเอาไว้หมดแล้ว
"เขินตรง ๆ ก็ได้ ไม่ต้องแอบเขินหรอก"
รู้อีก...
"เฮ้ย มาซ้อมได้แล้ว จีบสาวอยู่นั่นแหละ"
เพื่อนนี่ก็เหมือนกัน แซวอยู่นั่น ไม่รู้รึไงว่าเขิน
"กลับเลยมั้ย มากับใครอะ"
"เค้ามากับเพื่อน แต่เดี๋ยวจะกลับกับพี่ ไปส่งเค้าหน่อยนะ"
เหยดดดดดดด
สาวอ้อนให้ไปส่งว่ะทุกคน
ให้ไปส่งแล้วต้องมีขึ้นไปบนห้องบ้างแหละวะ
น้องป้อนจ๋า เราเพิ่งเจอกันเองนะจ๊ะ รุกเก่งเกิน
แต่ก่อนที่ฉันจะลุกขึ้น ป้อนก็กระตุกมือฉันเบา ๆ แล้วหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋านักเรียนของตัวเอง
มันคือกล่องของขวัญกล่องเล็ก ๆ ที่ข้างนอกตกแต่งอย่างสวยงามด้วยกระดาษสีฟ้าซีด ๆ คงนานแล้วสีเลยจางไป
ด้านหน้ากล่องเขียนด้วยปากกาหมึกสีชมพูและเน้นตรงขอบด้วยสีดำ เพื่อช่วยให้มองเห็นตัวหนังสือได้ชัดเจน
Congratulation to...Juthamas
ลายมือน่ารัก ๆ นี้เป็นของน้องป้อน...ฉันรู้ดี
ป้อนยื่นมันให้กับฉัน
เปิดออกดู
เห็นเป็นสร้อยข้อมือสีดำเข้ม ตรงจี้ของสร้อยมันสลักคำว่า มาศ
อยู่ดี ๆ ในหัวฉันก็มีภาพของป้อนกับพี่ฟิล์ม ที่ยืนอยู่หน้าร้านขายของจุกจิกพวกนี้ แล่นเข้ามาในหัวสมอง
และภาพที่ป้อนมองฉันบ่อย ๆ วันปัจฉิมฯ ก็ฉายมาทับซ้อน
ฉันพลาดอะไรไปรึเปล่านะ
"เค้าตั้งใจให้พี่วันปัจฉิมฯ"
ฉันกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ นั่นไงล่ะ พลาดจริงด้วย
"พี่ขอโทษนะ"
"เราไม่พูดกันจริง ๆ แหละ เลยไม่เข้าใจกัน"
"มันจะไม่เกิดขึ้นอีก"
ฉันหยิบสร้อยข้อมือเส้นนั้นออกจากกล่อง ยื่นให้ป้อน และคนตรงหน้าก็รู้ใจ สวมมันใส่มือฉันด้วยความนุ่มนวล
ฉันยกแขนขึ้น มองหน้าป้อน แล้วจุมพิตสร้อยเส้นนั้นแผ่วเบา
ป้อนหน้าแดงแจ๋
ฮึ่ม...จะน่ารักเกินไปแล้วนะ
น้องนั่งรอฉันที่เดิมจนซ้อมเสร็จ และฉันก็โดนเพื่อนแซวไปตั้งหลายรอบ
บอกตามตรงว่าเขินมาก เขินจนเล่นฟุตบอลไม่ออกเลยเพราะมัวแต่มองสร้อยข้อมือที่ 'หวานใจ' ลงทุนซื้อให้
หลงว่ะ...น่ารักฉิบหายเลยน้องป้อน
พอซ้อมเสร็จ ฉันก็มาส่งป้อนที่หอ
แน่นอนว่าฉันเดินมาส่งน้อง
ระหว่างทางเราคุยกันเรื่อยเปื่อย
เรื่องชีวิต
เรื่องอดีต
เรื่องปัจจุบัน
เรื่องอนาคต
เรื่องดินฟ้าอากาศ
"วันนี้ฟ้าครึ้ม ๆ เนอะ"
"เค้าว่าฝนจะตก"
"ถ้าไม่ตกล่ะ"
"ถ้าฝนตก พี่เป็นแฟนเค้า ถ้าไม่ตก เค้าเป็นแฟนพี่"
อีกแล้ว...
รุกด้วยดาเมจรุนแรงแบบนี้อีกแล้ว
"ขึ้นไปบนห้องเค้าก่อนมั้ย"
อ่า...
"จะดีหรอ"
จะดีนะ จะดีมาก ๆ เลยนะ
"เพื่อนเค้าก็อยู่"
สุดท้ายเราทั้งคู่ก็ขึ้นมาบนห้องของน้อง และด้านนอกฝนก็ตกลงมาแบบมืดฟ้ามัวดิน
เอาแล้ว ฝนฟ้าช่างเป็นใจเสียจริง จะตกนานมั้ยเนี่ย ฉันต้องโทร.บอกแม่สักหน่อยแล้วล่ะ
ป้อนอยู่ห้องนี้สองคนกับเพื่อน ฉันไม่คุ้นหน้าน้องคนนี้เลย สงสัยจะเป็นเพื่อนจากโรงเรียนใหม่ที่ป้อนย้ายไปหลังจากต้องย้ายที่อยู่กะทันหัน
"พี่หิวยัง"
"ก็นิดหน่อย"
"เดี๋ยวเค้าทำข้าวต้มให้กิน"
"ทำเป็นหรอ"
"นี่ใคร"
ฉันแกล้งเลิกคิ้วสงสัย
"นี่เกวลินไง คนที่ทำอาหารอร่อยที่สุดในโลก"
จ้า...
จ้าเกวลินจ้า เอาตามที่เธอสบายใจเลย พี่น่ะยังไงก็ได้อยู่แล้วขอแค่เป็นน้องป้อน ความรู้สึกของฉันตอนนี้เหมือนกับว่าตรวจพบบุคคลคลั่งรักเพิ่มขึ้นมาหนึ่งคนเลย ซึ่งคนนั้นก็คือฉันเองแหละ
ฉันนั่งเล่นรอน้องสักพัก เพื่อนน้องก็ขอตัวออกไปทำการบ้านห้องเพื่อน คงอึดอัดแหละมั้ง ที่เห็น (ว่าที่ 'แฟน' เพื่อน) มาอยู่ในห้อง ฉันเองก็อึดอัด แต่ไปไหนไม่ได้เพราะฝนยังตกอยู่
"แล้ว...เราไม่มีการบ้านหรอ"
"มี แต่เค้านั่งทำตอนรอพี่ไง เคยสังเกตมั้ยเนี่ย"
"อ้าวหรอ นึกว่านั่งหลับ"
ป้อนหันมามองค้อนฉัน แล้วหันกลับไปทำข้าวต้มต่อ
น่ารักจังวะ
ขนาดทำหน้างอยังน่ารักขนาดนี้เลย
เรากินข้าวกันจนอิ่มโดยมีโต๊ะญี่ปุ่นเล็ก ๆ ที่มีไว้สำหรับนั่งทำการบ้านตั้งอยู่กลางห้อง เพื่อทำหน้าที่ต่างโต๊ะอาหาร ให้เราได้นั่งกินข้าวอย่างสะดวก
ข้าวต้มที่ป้อนทำอร่อยมาก
และฝนที่เทกระหน่ำอยู่เมื่อสักครู่กำลังจะหยุดตกแล้ว
"พี่จะกลับแล้ว"
"ฝนยังไม่หยุดเลย"
"มันใกล้หนึ่งทุ่มแล้วนะ"
"ให้เค้าไปส่งที่รถประจำทางมั้ย"
"ขับมอไซค์เป็นหรอเรา"
"หมายถึงให้เพื่อนเค้าไปส่งมั้ย"
ป้อนยิ้มจนตาหยี ที่โดนฉันจับได้ ว่าจนป่านนี้แล้วยังขับรถจักรยานยนต์ไม่เป็นอีก
ฉันยื่นมือไปลูบหัวน้องเบา ๆ ยิ้มเอ็นดู ที่แค่มองหน้าจ๋อย ๆ ของป้อนก็ทำให้ฉันยิ้มได้แล้ว
เราสบตากัน
ฉันเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ป้อน
เรื่อย ๆ ...
เรื่อย ๆ ...
จนรับรู้ได้ ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ของกันและกัน
หลุบตามองลงมายังริมฝีปากแดงระเรื่อนั้น
ทั้ง ๆ ที่ไม่เคย
ทั้ง ๆ ที่ครั้งแรกที่เราจูบกัน คือฉันแค่อยากประชดและสั่งสอนให้ป้อนซื่อสัตย์กับแฟนเท่านั้น
แต่ครั้งนี้มันต่าง
ฉันไม่รู้ว่าต้องทำยังไง
จูบ หรือ จุ๊บ
ในหัวมีภาพของคนจูบกันในละคร
ในหนังแนวไม่ใส่เสื้อผ้า ที่ฉันมักแอบดูในเว็บชื่อดังบ่อย ๆ
หรือในภาพยนตร์ที่จะมีฉากเลิฟซีนให้เห็นบ้างประปราย
ฉันวางปากตัวเองลงทาบทับกับปากน้อง รับรู้ว่าป้อนสั่นน้อย ๆ
แล้วทำไงต่อนะ...
ฉันเผยอปาก ดูดเอาริมฝีปากด้านบนของน้องเบา ๆ
แลบลิ้นเลียริมฝีปากนุ่มนิ่มหวานฉ่ำนั้น
ขบริมฝีปากล่างน้องเบา ๆ
ป้อนกำคอเสื้อฉันแน่น หายใจแรง
ลิ้นของฉันสอดเข้าไปทักทายลิ้นนุ่มนิ่มและเคลื่อนที่ไปมา เพื่อนควานหาความอ่อนนุ่มให้พอใจ
สะเปะสะปะ
วุ่นวาย
สับสน
และ...ลุ่มหลง
เพราะไม่เคยทำเราทั้งคู่จึงเหนื่อยหอบ เนื่องจากยังควบคุมลมหายใจไม่ได้
ป้อนซบหน้าลงตรงซอกคอฉัน และกอดไว้แน่น แผ่นหลังกระเพื่อมขึ้นลง จากจังหวะหอบเอาอากาศเข้าปอด
"ไม่ชินเลย เราต้องให้พี่ฝึกบ่อย ๆ แล้วนะ"
ป้อนทุบไหล่ฉันเบา ๆ ไม่เจ็บ แต่ป้อนน่ารักมาก ท่าทางที่แสดงออกทำเอาฉันแทบคลั่ง
อยากจับกด
แต่...
กดแล้วทำไงต่อ นี่สิปัญหาของจริง
"พะ พี่อยากกลับแล้ว"
"งั้น เดี๋ยวเค้าให้เพื่อนไปส่งนะคะ"
ป้อนถอยห่างออกไปจากฉันนิดนึง ยิ้มเขิน ๆ แล้วกดโทรศัพท์ยิก ๆ เพื่อต่อสายหาเพื่อนในทันที
ฉันมองดูคนข้างกายด้วยรอยยิ้ม
น่ารักจังวะ
ป้อนสวยขึ้น
ยิ้มหวานขึ้น
น่ารักขึ้น
และฉันเพิ่งรู้ว่าฉันรักป้อนมากขนาดไหนตอนวินาทีแรกที่ป้อนกอดฉัน
วินาทีที่เราสบตากัน
ฉันบอกกับตัวเองว่าจะไม่ปล่อยให้ป้อนหลุดมือไปไหนอีกแล้ว
ฉันจะรัก และดูแล จนป้อนรู้สึกว่าฉันคือคนสุดท้ายที่ป้อนจะรัก
"ป้อน"
"..."
"เป็นแฟนกับพี่นะ"
"เชี่ย!!"
"นี่มึงโทร.มาขิงกูหรอ บอกเลยว่าอิจฉามาก"
เสียงนี้เป็นเสียงที่เล็ดลอดออกมาจากโทรศัพท์ของป้อน
ป้อนหันหน้ามามองฉัน ตาเบิกกว้าง คงไม่คิดว่าฉันจะพูดคำนี้ออกมาเร็วขนาดนี้
ฉันรู้จักป้อนดีแล้ว
ป้อนรู้จักฉันดีแล้ว
เรารู้จักกันดีแล้ว
แค่ตอนนั้นเราสองคนยังไม่เข้าใจกันและกันเฉย ๆ
อาจจะเด็กเกินกว่าจะเข้าใจความรัก
ฉันช้าไป เราเลยยังไม่ได้เป็นแฟนกัน ความสัมพันธ์อันคลุมเครือยืดเยื้อมาจนถึงทุกวันนี้
อืม...
ฉันรู้แล้วล่ะ ว่าถ้าเจอป้อนอีกครั้ง ฉันจะทำยังไง
ขอเป็นแฟนไงล่ะ
"ว่าไง"
ป้อนไม่ตอบ แต่วางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะญี่ปุ่นแล้วโผเข้ากอดฉันด้วยรอยยิ้ม
ฉันรู้ว่าป้อนพยักหน้า เพราะเนื้อตรงช่วงไหล่ของฉัน มันรู้สึกได้ ถึงแรงสั่นขึ้นลงของใบหน้าป้อน
"เราเป็นแฟนกันแล้วนะ"
"อือฮึ"
"เค้ารักพี่จัง"
เดี๋ยว เดี๋ยวป้อนเดี๋ยว เขินนะเว่ย
เห็นมั้ยว่า ต่อให้ฝนจะตก
ต่อให้ฟ้าร้อง
ต่อให้ไม่แข่งโครงงานวิทยาศาสตร์ได้ที่ 1-3
ต่อให้ฉันจะยิงลูกโทษไม่เข้า
ต่อให้ป้อนสอบเข้าโรงเรียนนี้ไม่ได้
คนจะเป็นแฟนกัน มันก็ยังเป็นอยู่วันยังค่ำ ไม่ต้องมีเงื่อนไขอะไร ใด ๆ มาต่อรองทั้งสิ้น
"ถึงบ้านแล้วนะ"
"แม่ว่าไงคะ"
"กลับค่ำไปแล้วนะวันนี้"
"พี่ก็บอกแม่ว่าฝนมันตก แล้วขอขี่มอไซค์ไปโรงเรียน"
"แล้ว?"
"ระดับมาศแล้วอะค้าบ"
"เข้าทางโจรเลย"
"ช่าย เข้าทางมาศมาก ๆ เลย"
ฉันได้ขี่รถจักรยานยนต์คันโปรดไปโรงเรียนแล้ว และมันเป็นการสะดวก ที่เวลากลับบ้านจะไม่ต้องรอรถประจำทางให้เสียเวลา
บ้านฉันห่างจากโรงเรียนแค่แปดกิโลเมตร ถ้านั่งรถประจำทางกลับบ้าน บางวันก็เป็นชั่วโมงเพราะต้องรอให้คนเยอะด้วย รถถึงจะออกเดินทาง
แต่ถ้าฉันขับมอไซค์มาโรงเรียน ไม่เกิน 15 นาทีก็ถึงแล้ว
เหตุผลนี้แหละที่ฉันใช้มันเป็นข้ออ้างกับแม่
และโป๊ะเช๊ะ!
แม่เชื่อ เพราะว่ามันคือเรื่องจริง
อีกเหตุผลแอบแฝงที่แม่ไม่รู้ ก็คือ ฉันจะได้ไปไหนมาไหนกับน้องป้อนได้สะดวกยังไงล่ะทุกคน ^^!
"ดึกแล้วนะคะ"
"นอนมั้ย"
"อยากคุยกับพี่"
"ค่อยมาหาพี่พรุ่งนี้นะ มาเป็นกำลังใจให้แฟนหน่อย"
เงียบ
ฮิฮิ...ฉันรู้ ว่าป้อนกำลังเขินอยู่
"ฝันดีนะคะ"
เปลี่ยนเรื่องเก่งจริง ๆ เลยแฟนพี่มาศ
"พี่รักป้อนนะ"
"ขี้โกง"
ฉันหัวเราะเบา ๆ เพราะเอาคืนป้อนได้แล้ว เอาคืนที่เมื่อก่อนฉันบอกฝันดีป้อน แล้วป้อนบอกรักฉันกลับ
ตอนนั้นฉันเขินจนไปไม่เป็นเลย
ตอนนี้ป้อนอาจจะเป็นเหมือนฉันตอนนั้นก็ได้
"ป้อน"
"คะ"
"ที่เราทำกันในห้อง"
ฉันหมายถึงจูบ
"พี่ว่าต้องทำบ่อย ๆ แล้วนะ จะได้ไม่เงอะงะ"
"ไอ้พี่มาศตัวแสบ"
นี่คำด่าหรอ
อือ...ก็แบบ...
น่ารักโคตร ๆ
ด่าได้น่ารักขนาดนี้ จ้างมาด่าแทนแม่ตลอดชีวิตเลยได้มั้ย
ตอนนี้ฉันรู้สึกดี ดีมาก ๆ
เรากลับมาเป็นเหมือนเดิม
แต่ขยับสถานะ
จากพี่น้อง
คนที่ชอบกัน
แฟนคนอื่น
คนคุย
จนวันนี้ เราได้เป็นแฟนกันแล้ว
จากนี้ไปจะเจอกับอะไรบ้างก็ไม่รู้ อย่างเดียวที่รู้ คือฉันรักป้อน และจะรักษาความรักนี้เท่าชีวิต แฟนฉันน่ะน่ารักที่สุดในโลกอยู่แล้ว
ใครไม่เชื่อ...
ก็เรื่องของเขาละกัน