มัธยมศึกษาปีที่ 5 ปีการศึกษาที่ 1

2888 Words
                  เปิดเทอมแรก ตอนนี้ฉันอยู่ ม.5                 ป้อนคงขึ้น ม.4 แล้วสินะ จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ ถึงแม้ว่าเราจะคุยกันบ้าง แต่ฉันก็ไม่ได้ถามเรื่องนี้กับป้อนเลยว่าสอบได้โรงเรียนที่ตั้งใจไว้หรือยัง                 เพราะคิดว่าคุยมากไป ป้อนจะรำคาญ                 คิดมากอีกแล้วนะมาศ                 และสุดท้ายป้อนก็สอบเข้าโรงเรียนเตรียมฯ ที่อยู่ข้าง ๆ ได้จริง ก็คนมันเก่งอยู่แล้วอะนะ                 แต่เราก็ไม่เคยเจอกันเลย                 ทั้ง ๆ ที่เปิดเทอมมาแล้วเกือบสองสัปดาห์                 ...                 ก็ฉันใจร้อนนี่นา คิดถึงจะแย่อยู่แล้วเนี่ย                     ช่วงเวลาหลังเลิกเรียนวันหนึ่ง                 เป็นปกติที่แม่ค้า และพ่อค้าจะเข้ามาขายของกินเล่น หน้าถนนทางเข้าอาคารมัธยมทุกวัน                 มีซาลาเปา                 น้ำหวาน                 หมึกย่าง                 ขนมโตเกียว                 โรตี                 ลูกชิ้น                 และของกินเล่นรอเวลากลับบ้านอีกหลายอย่าง                 เป็นปกติเช่นกัน ที่จะมีนักเรียนมากหน้าหลายตาวนเวียนมาซื้ออาหารที่นี่ตลอด                 เพราะทางโรงเรียน จัดให้ขายเฉพาะพื้นที่นี้เท่านั้น                 ทั้งมัธยมต้น                 มัธยมปลาย                 และโรงเรียนข้าง ๆ ที่ชอบมาที่นี่บ่อย ๆ ตอนเย็น                 เพราะบางคนก็มารอรถรับส่ง - ส่ง กลับบ้าน                 บางคนก็แวะเวียนมาเล่นเฉย ๆ เพราะเด็กที่เตรียมฯ ส่วนใหญ่ จบมัธยมต้นจากโรงเรียนนี้กันทั้งนั้น                   ฉันยืนเล่นโทรศัพท์                 ไม่ ๆ เล่นเกมในโทรศัพท์อยู่ข้างป้อมยาม ใกล้ ๆ กับที่เขาขายของกันนั่นแหละ                 ตอนนี้ฉันเปลี่ยนชุดนักเรียนออกแล้ว ใส่เสื้อกับกางเกงกีฬาแทน                 กำลังจริงจังเกมเมอร์อยู่เลย                 และตอนนี้ก็กำลังหัวร้อน                 เพราะมีคนมาดึงโทรศัพท์ออกจากมือฉันยังไงล่ะ กล้าดียังไงมาแกล้งกันตอนนี้เนี่ย                  ฉันขมวดคิ้วแน่น                 แม่ง...                 ใครวะ...                 เดี๋ยวโดนเกมเมอร์มาศสวดยับแน่                 ตอนนี้ในมือฉันไม่มีโทรศัพท์แล้ว แต่ในอ้อมแขนมีคนตัวเตี้ย และตัวหอมเข้ามาอยู่แทน                 ฉันคุ้นเคยกับกลิ่นนี้ดี และยังจำมันได้เสมอ                 กลิ่น...                 ของน้องป้อน                 ป้อนกอดฉันแน่น ซุกหน้าลงกับอกของฉัน จนตอนนี้หายใจลำบาก                 ฉันยกมือขึ้นลูบผมคนตัวเตี้ยที่อยู่ในอ้อมกอดเบา ๆ                 หืม...                 ผมสั้นเท่าติ่งหูตอน ม.ต้น ตอนนี้มันยาวแล้ว และน้องป้อนก็รวบมัดมันเอาไว้                 ถ้าปล่อยให้สยายออกคงหอมและนุ่มน่าดู                 และป้อนสูงขึ้นหรือเปล่านะ                 "คิดถึงพี่จัง"                 จากที่กำลังอ้าปากจะสวด                 ฉันยิ้ม                 ยิ้มเหมือนคนบ้า                 จะมีใครมีความสุขเท่ามาศตอนนี้ ไม่มีอีกแล้ว                 ไม่มีเลยสักคน                 ไม่มี...                 ฉันเหลือบสายตาไปมองด้านข้าง เห็นเพื่อนตัวดีกำลังยิ้มล้อเลียนอยู่                 เดี๋ยวนะ ลืมไป ว่านี่คือโรงเรียน หน้าป้อมยาม แล้วเรามายืนกอดกันอะไรตรงนี้เนี่ย                 ...ฉิบหาย                   ฉันดันตัวป้อนออก มองหน้าสวย ๆ และรอยยิ้มหวาน ๆ นั้น                 "คือตอนนี้"                 ฉันมองไปรอบ ๆ มีหลายสายตาจ้องเราอยู่ด้วย บางคนยิ้ม บางคนสงสัย                 โชคดี ที่ลุงยามไม่อยู่ตรงนี้ ไม่งั้นอาจซวยก็ได้                 ป้อนเองก็เหมือนรู้แล้ว ยิ้มเขิน ๆ ส่งมาให้ฉัน ก่อนจะก้มหน้าลง มือบีบโทรศัพท์ฉันไว้แน่น                 Gameover ไปเรียบร้อยแล้ว                 แต่ความรัก ฉันกำลังจะ Win...                 เรื่องของเรากำลังจะเริ่มอีกครั้ง ครั้งนี้มันจะดี และดีมาก ๆ ด้วย                 ป้อนยังบีบไว้แน่น                 จะเขินอะไรขนาดนั้นกันเล่า                 "เดี๋ยวก็แตก"                 ป้อนเงยหน้า สบตาฉัน แล้วยื่นโทรศัพท์คืนมาให้                 ฉันรับโทรศัพท์มาแล้วรีบกุมมือน้อยนุ่มนิ่มนั้นไว้                 มาศก็มีความเจ้าเล่ห์เหมือนกันแหละ                 ฉันเดินจูงมือน้องไปนั่งที่แสตนเชียร์ข้างสนามฟุตบอล                 นั่งลงข้างกันแล้วมองไปตรงกลางสนามฟุตบอล                 ที่ฉันเคยกลัวทั้งหมดมันไม่มีอะไรเลย แค่ฉันคิดมาก และกลัวไปเองก็เท่านั้น                 เคยคิดว่าถ้าหากเจอป้อน ฉันจะทำยังไง                 จะรู้สึกยังไง                 จะทำหน้ายังไง                 จะเสียใจหรือดีใจ                 ตอนนี้...                 ฉันนั่งอยู่ข้างกันกับป้อนโดยที่ยังไม่ปล่อยมือจากกัน                 รู้สึกมีความสุขมาก                 ฉันยิ้ม...และดีใจมาก อาจจะมากที่สุดในชีวิตเลยก็เป็นได้                 ฉันยังไม่ทันได้ตั้งตัวเลย คนตรงหน้าก็รุกหนักซะแล้ว                 ที่บอกว่าถ้าเจอฉันแล้วป้อนจะกอด เชื่อแล้วว่าเป็นความจริง เพราะป้อนกอดจริง และฉันก็โดนกอดจริง เขินจริง แก้มแดงจริง                 "เป็นไงบ้างอะ ขึ้น ม.4 มีอะไรหนักใจมั้ย"                 "หนักใจเรื่องเดียว"                 "เรื่องอะไร พี่พอจะช่วยได้มั้ย"                 "หนักใจว่าจะได้เจอพี่มั้ย และพี่ช่วยเค้าได้ ช่วยได้เยอะเลย เพราะเค้าเจอพี่แล้ว"                 ขยันหยอดจริง                 ฉันมองออกไปที่สนามฟุตบอล                 มองหญ้า                 มองคน                 มองขวดน้ำ                 มองมาร์กเกอร์                 มองเสาเหล็กสีขาวที่เริ่มขึ้นสนิมเป็นสีน้ำตาลประปราย                 มองถุงมือผู้รักษาประตู                 มองลูกฟุตบอล                 ความจริงคือแกล้งเฉไฉสายตาไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้น เพราะกำลังเขินมาก ๆ ยังไงล่ะ กลัวป้อนจับได้ว่าก้อนหัวใจของฉันน่ะกำลังเหลวเป๋วกลายเป็นน้ำไปหมดแล้วในตอนนี้                 และฉันก็รู้ ว่าป้อนมองฉันอยู่ คงกำลังมันเขี้ยวกับท่าทีขี้เก๊กของฉันแหละมั้ง ถึงได้ยื่นมือข้างที่เราไม่ได้จับกันขึ้นมาหยิกแก้มฉันเบา ๆ                  ก็เจ็บแหละแต่ถูกความเขินกลบเอาไว้หมดแล้ว                 "เขินตรง ๆ ก็ได้ ไม่ต้องแอบเขินหรอก"                 รู้อีก...                 "เฮ้ย มาซ้อมได้แล้ว จีบสาวอยู่นั่นแหละ"                 เพื่อนนี่ก็เหมือนกัน แซวอยู่นั่น ไม่รู้รึไงว่าเขิน                 "กลับเลยมั้ย มากับใครอะ"                 "เค้ามากับเพื่อน แต่เดี๋ยวจะกลับกับพี่ ไปส่งเค้าหน่อยนะ"                 เหยดดดดดดด                 สาวอ้อนให้ไปส่งว่ะทุกคน                 ให้ไปส่งแล้วต้องมีขึ้นไปบนห้องบ้างแหละวะ                 น้องป้อนจ๋า เราเพิ่งเจอกันเองนะจ๊ะ รุกเก่งเกิน                 แต่ก่อนที่ฉันจะลุกขึ้น ป้อนก็กระตุกมือฉันเบา ๆ แล้วหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋านักเรียนของตัวเอง                 มันคือกล่องของขวัญกล่องเล็ก ๆ ที่ข้างนอกตกแต่งอย่างสวยงามด้วยกระดาษสีฟ้าซีด ๆ คงนานแล้วสีเลยจางไป                 ด้านหน้ากล่องเขียนด้วยปากกาหมึกสีชมพูและเน้นตรงขอบด้วยสีดำ เพื่อช่วยให้มองเห็นตัวหนังสือได้ชัดเจน                 Congratulation to...Juthamas                 ลายมือน่ารัก ๆ นี้เป็นของน้องป้อน...ฉันรู้ดี                 ป้อนยื่นมันให้กับฉัน                 เปิดออกดู                 เห็นเป็นสร้อยข้อมือสีดำเข้ม ตรงจี้ของสร้อยมันสลักคำว่า มาศ                 อยู่ดี ๆ ในหัวฉันก็มีภาพของป้อนกับพี่ฟิล์ม ที่ยืนอยู่หน้าร้านขายของจุกจิกพวกนี้ แล่นเข้ามาในหัวสมอง                 และภาพที่ป้อนมองฉันบ่อย ๆ วันปัจฉิมฯ ก็ฉายมาทับซ้อน                 ฉันพลาดอะไรไปรึเปล่านะ                 "เค้าตั้งใจให้พี่วันปัจฉิมฯ"                 ฉันกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ นั่นไงล่ะ พลาดจริงด้วย                 "พี่ขอโทษนะ"                 "เราไม่พูดกันจริง ๆ แหละ เลยไม่เข้าใจกัน"                 "มันจะไม่เกิดขึ้นอีก"                 ฉันหยิบสร้อยข้อมือเส้นนั้นออกจากกล่อง ยื่นให้ป้อน และคนตรงหน้าก็รู้ใจ สวมมันใส่มือฉันด้วยความนุ่มนวล                 ฉันยกแขนขึ้น มองหน้าป้อน แล้วจุมพิตสร้อยเส้นนั้นแผ่วเบา                 ป้อนหน้าแดงแจ๋                 ฮึ่ม...จะน่ารักเกินไปแล้วนะ                   น้องนั่งรอฉันที่เดิมจนซ้อมเสร็จ และฉันก็โดนเพื่อนแซวไปตั้งหลายรอบ                 บอกตามตรงว่าเขินมาก เขินจนเล่นฟุตบอลไม่ออกเลยเพราะมัวแต่มองสร้อยข้อมือที่ 'หวานใจ' ลงทุนซื้อให้                 หลงว่ะ...น่ารักฉิบหายเลยน้องป้อน                 พอซ้อมเสร็จ ฉันก็มาส่งป้อนที่หอ                 แน่นอนว่าฉันเดินมาส่งน้อง                 ระหว่างทางเราคุยกันเรื่อยเปื่อย                 เรื่องชีวิต                 เรื่องอดีต                 เรื่องปัจจุบัน                 เรื่องอนาคต                 เรื่องดินฟ้าอากาศ                 "วันนี้ฟ้าครึ้ม ๆ เนอะ"                 "เค้าว่าฝนจะตก"                 "ถ้าไม่ตกล่ะ"                 "ถ้าฝนตก พี่เป็นแฟนเค้า ถ้าไม่ตก เค้าเป็นแฟนพี่"                 อีกแล้ว...                 รุกด้วยดาเมจรุนแรงแบบนี้อีกแล้ว                 "ขึ้นไปบนห้องเค้าก่อนมั้ย"                 อ่า...                 "จะดีหรอ"                 จะดีนะ จะดีมาก ๆ เลยนะ                 "เพื่อนเค้าก็อยู่"                 สุดท้ายเราทั้งคู่ก็ขึ้นมาบนห้องของน้อง และด้านนอกฝนก็ตกลงมาแบบมืดฟ้ามัวดิน                 เอาแล้ว ฝนฟ้าช่างเป็นใจเสียจริง จะตกนานมั้ยเนี่ย ฉันต้องโทร.บอกแม่สักหน่อยแล้วล่ะ                 ป้อนอยู่ห้องนี้สองคนกับเพื่อน ฉันไม่คุ้นหน้าน้องคนนี้เลย สงสัยจะเป็นเพื่อนจากโรงเรียนใหม่ที่ป้อนย้ายไปหลังจากต้องย้ายที่อยู่กะทันหัน                 "พี่หิวยัง"                 "ก็นิดหน่อย"                 "เดี๋ยวเค้าทำข้าวต้มให้กิน"                 "ทำเป็นหรอ"                 "นี่ใคร"                 ฉันแกล้งเลิกคิ้วสงสัย                 "นี่เกวลินไง คนที่ทำอาหารอร่อยที่สุดในโลก"                 จ้า...                 จ้าเกวลินจ้า เอาตามที่เธอสบายใจเลย พี่น่ะยังไงก็ได้อยู่แล้วขอแค่เป็นน้องป้อน ความรู้สึกของฉันตอนนี้เหมือนกับว่าตรวจพบบุคคลคลั่งรักเพิ่มขึ้นมาหนึ่งคนเลย ซึ่งคนนั้นก็คือฉันเองแหละ                  ฉันนั่งเล่นรอน้องสักพัก เพื่อนน้องก็ขอตัวออกไปทำการบ้านห้องเพื่อน คงอึดอัดแหละมั้ง ที่เห็น (ว่าที่ 'แฟน' เพื่อน) มาอยู่ในห้อง ฉันเองก็อึดอัด แต่ไปไหนไม่ได้เพราะฝนยังตกอยู่                 "แล้ว...เราไม่มีการบ้านหรอ"                 "มี แต่เค้านั่งทำตอนรอพี่ไง เคยสังเกตมั้ยเนี่ย"                 "อ้าวหรอ นึกว่านั่งหลับ"                 ป้อนหันมามองค้อนฉัน แล้วหันกลับไปทำข้าวต้มต่อ                 น่ารักจังวะ                 ขนาดทำหน้างอยังน่ารักขนาดนี้เลย                 เรากินข้าวกันจนอิ่มโดยมีโต๊ะญี่ปุ่นเล็ก ๆ ที่มีไว้สำหรับนั่งทำการบ้านตั้งอยู่กลางห้อง เพื่อทำหน้าที่ต่างโต๊ะอาหาร ให้เราได้นั่งกินข้าวอย่างสะดวก ข้าวต้มที่ป้อนทำอร่อยมาก                 และฝนที่เทกระหน่ำอยู่เมื่อสักครู่กำลังจะหยุดตกแล้ว                 "พี่จะกลับแล้ว"                 "ฝนยังไม่หยุดเลย"                 "มันใกล้หนึ่งทุ่มแล้วนะ"                 "ให้เค้าไปส่งที่รถประจำทางมั้ย"                 "ขับมอไซค์เป็นหรอเรา"                 "หมายถึงให้เพื่อนเค้าไปส่งมั้ย"                 ป้อนยิ้มจนตาหยี ที่โดนฉันจับได้ ว่าจนป่านนี้แล้วยังขับรถจักรยานยนต์ไม่เป็นอีก                 ฉันยื่นมือไปลูบหัวน้องเบา ๆ ยิ้มเอ็นดู ที่แค่มองหน้าจ๋อย ๆ ของป้อนก็ทำให้ฉันยิ้มได้แล้ว                 เราสบตากัน                 ฉันเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ป้อน                 เรื่อย ๆ ...                 เรื่อย ๆ ...                 จนรับรู้ได้ ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ของกันและกัน                 หลุบตามองลงมายังริมฝีปากแดงระเรื่อนั้น                 ทั้ง ๆ ที่ไม่เคย                 ทั้ง ๆ ที่ครั้งแรกที่เราจูบกัน คือฉันแค่อยากประชดและสั่งสอนให้ป้อนซื่อสัตย์กับแฟนเท่านั้น                 แต่ครั้งนี้มันต่าง                 ฉันไม่รู้ว่าต้องทำยังไง                 จูบ หรือ จุ๊บ                 ในหัวมีภาพของคนจูบกันในละคร                 ในหนังแนวไม่ใส่เสื้อผ้า ที่ฉันมักแอบดูในเว็บชื่อดังบ่อย ๆ                 หรือในภาพยนตร์ที่จะมีฉากเลิฟซีนให้เห็นบ้างประปราย                 ฉันวางปากตัวเองลงทาบทับกับปากน้อง รับรู้ว่าป้อนสั่นน้อย ๆ                 แล้วทำไงต่อนะ...                 ฉันเผยอปาก ดูดเอาริมฝีปากด้านบนของน้องเบา ๆ                 แลบลิ้นเลียริมฝีปากนุ่มนิ่มหวานฉ่ำนั้น                 ขบริมฝีปากล่างน้องเบา ๆ                 ป้อนกำคอเสื้อฉันแน่น หายใจแรง                 ลิ้นของฉันสอดเข้าไปทักทายลิ้นนุ่มนิ่มและเคลื่อนที่ไปมา เพื่อนควานหาความอ่อนนุ่มให้พอใจ                 สะเปะสะปะ                 วุ่นวาย                 สับสน                 และ...ลุ่มหลง                 เพราะไม่เคยทำเราทั้งคู่จึงเหนื่อยหอบ เนื่องจากยังควบคุมลมหายใจไม่ได้                 ป้อนซบหน้าลงตรงซอกคอฉัน และกอดไว้แน่น แผ่นหลังกระเพื่อมขึ้นลง จากจังหวะหอบเอาอากาศเข้าปอด                 "ไม่ชินเลย เราต้องให้พี่ฝึกบ่อย ๆ แล้วนะ"                   ป้อนทุบไหล่ฉันเบา ๆ ไม่เจ็บ แต่ป้อนน่ารักมาก ท่าทางที่แสดงออกทำเอาฉันแทบคลั่ง                 อยากจับกด                 แต่...                 กดแล้วทำไงต่อ นี่สิปัญหาของจริง                 "พะ พี่อยากกลับแล้ว"                 "งั้น เดี๋ยวเค้าให้เพื่อนไปส่งนะคะ"                 ป้อนถอยห่างออกไปจากฉันนิดนึง ยิ้มเขิน ๆ แล้วกดโทรศัพท์ยิก ๆ เพื่อต่อสายหาเพื่อนในทันที                 ฉันมองดูคนข้างกายด้วยรอยยิ้ม                 น่ารักจังวะ                 ป้อนสวยขึ้น                 ยิ้มหวานขึ้น                 น่ารักขึ้น                 และฉันเพิ่งรู้ว่าฉันรักป้อนมากขนาดไหนตอนวินาทีแรกที่ป้อนกอดฉัน                 วินาทีที่เราสบตากัน                 ฉันบอกกับตัวเองว่าจะไม่ปล่อยให้ป้อนหลุดมือไปไหนอีกแล้ว                 ฉันจะรัก และดูแล จนป้อนรู้สึกว่าฉันคือคนสุดท้ายที่ป้อนจะรัก                 "ป้อน"                 "..."                 "เป็นแฟนกับพี่นะ"                 "เชี่ย!!"                 "นี่มึงโทร.มาขิงกูหรอ บอกเลยว่าอิจฉามาก"                 เสียงนี้เป็นเสียงที่เล็ดลอดออกมาจากโทรศัพท์ของป้อน                 ป้อนหันหน้ามามองฉัน ตาเบิกกว้าง คงไม่คิดว่าฉันจะพูดคำนี้ออกมาเร็วขนาดนี้                 ฉันรู้จักป้อนดีแล้ว                 ป้อนรู้จักฉันดีแล้ว                 เรารู้จักกันดีแล้ว                 แค่ตอนนั้นเราสองคนยังไม่เข้าใจกันและกันเฉย ๆ                 อาจจะเด็กเกินกว่าจะเข้าใจความรัก                 ฉันช้าไป เราเลยยังไม่ได้เป็นแฟนกัน ความสัมพันธ์อันคลุมเครือยืดเยื้อมาจนถึงทุกวันนี้                 อืม...                 ฉันรู้แล้วล่ะ ว่าถ้าเจอป้อนอีกครั้ง ฉันจะทำยังไง                 ขอเป็นแฟนไงล่ะ                 "ว่าไง"                 ป้อนไม่ตอบ แต่วางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะญี่ปุ่นแล้วโผเข้ากอดฉันด้วยรอยยิ้ม                 ฉันรู้ว่าป้อนพยักหน้า เพราะเนื้อตรงช่วงไหล่ของฉัน มันรู้สึกได้ ถึงแรงสั่นขึ้นลงของใบหน้าป้อน                 "เราเป็นแฟนกันแล้วนะ"                 "อือฮึ"                 "เค้ารักพี่จัง"                 เดี๋ยว เดี๋ยวป้อนเดี๋ยว เขินนะเว่ย                 เห็นมั้ยว่า ต่อให้ฝนจะตก                 ต่อให้ฟ้าร้อง                 ต่อให้ไม่แข่งโครงงานวิทยาศาสตร์ได้ที่ 1-3                 ต่อให้ฉันจะยิงลูกโทษไม่เข้า                 ต่อให้ป้อนสอบเข้าโรงเรียนนี้ไม่ได้                 คนจะเป็นแฟนกัน มันก็ยังเป็นอยู่วันยังค่ำ ไม่ต้องมีเงื่อนไขอะไร ใด ๆ มาต่อรองทั้งสิ้น                 "ถึงบ้านแล้วนะ"                 "แม่ว่าไงคะ"                 "กลับค่ำไปแล้วนะวันนี้"                 "พี่ก็บอกแม่ว่าฝนมันตก แล้วขอขี่มอไซค์ไปโรงเรียน"                 "แล้ว?"                 "ระดับมาศแล้วอะค้าบ"                 "เข้าทางโจรเลย"                 "ช่าย เข้าทางมาศมาก ๆ เลย"                 ฉันได้ขี่รถจักรยานยนต์คันโปรดไปโรงเรียนแล้ว และมันเป็นการสะดวก ที่เวลากลับบ้านจะไม่ต้องรอรถประจำทางให้เสียเวลา                 บ้านฉันห่างจากโรงเรียนแค่แปดกิโลเมตร ถ้านั่งรถประจำทางกลับบ้าน บางวันก็เป็นชั่วโมงเพราะต้องรอให้คนเยอะด้วย รถถึงจะออกเดินทาง                 แต่ถ้าฉันขับมอไซค์มาโรงเรียน ไม่เกิน 15 นาทีก็ถึงแล้ว                 เหตุผลนี้แหละที่ฉันใช้มันเป็นข้ออ้างกับแม่                 และโป๊ะเช๊ะ!                 แม่เชื่อ เพราะว่ามันคือเรื่องจริง                 อีกเหตุผลแอบแฝงที่แม่ไม่รู้ ก็คือ ฉันจะได้ไปไหนมาไหนกับน้องป้อนได้สะดวกยังไงล่ะทุกคน ^^!                 "ดึกแล้วนะคะ"                 "นอนมั้ย"                 "อยากคุยกับพี่"                 "ค่อยมาหาพี่พรุ่งนี้นะ มาเป็นกำลังใจให้แฟนหน่อย"                 เงียบ                 ฮิฮิ...ฉันรู้ ว่าป้อนกำลังเขินอยู่                 "ฝันดีนะคะ"                 เปลี่ยนเรื่องเก่งจริง ๆ เลยแฟนพี่มาศ                 "พี่รักป้อนนะ"                 "ขี้โกง"                 ฉันหัวเราะเบา ๆ เพราะเอาคืนป้อนได้แล้ว เอาคืนที่เมื่อก่อนฉันบอกฝันดีป้อน แล้วป้อนบอกรักฉันกลับ                 ตอนนั้นฉันเขินจนไปไม่เป็นเลย                 ตอนนี้ป้อนอาจจะเป็นเหมือนฉันตอนนั้นก็ได้                 "ป้อน"                 "คะ"                 "ที่เราทำกันในห้อง"                 ฉันหมายถึงจูบ                 "พี่ว่าต้องทำบ่อย ๆ แล้วนะ จะได้ไม่เงอะงะ"                 "ไอ้พี่มาศตัวแสบ"                 นี่คำด่าหรอ                 อือ...ก็แบบ...                 น่ารักโคตร ๆ                 ด่าได้น่ารักขนาดนี้ จ้างมาด่าแทนแม่ตลอดชีวิตเลยได้มั้ย                   ตอนนี้ฉันรู้สึกดี ดีมาก ๆ                 เรากลับมาเป็นเหมือนเดิม                 แต่ขยับสถานะ                 จากพี่น้อง                 คนที่ชอบกัน                 แฟนคนอื่น                 คนคุย                 จนวันนี้ เราได้เป็นแฟนกันแล้ว                 จากนี้ไปจะเจอกับอะไรบ้างก็ไม่รู้ อย่างเดียวที่รู้ คือฉันรักป้อน และจะรักษาความรักนี้เท่าชีวิต แฟนฉันน่ะน่ารักที่สุดในโลกอยู่แล้ว                 ใครไม่เชื่อ...                 ก็เรื่องของเขาละกัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD