ตอนที่ 3... เดินหน้าทำคะแนน

3477 Words
"ไปกันธี เราไปรอพี่เมย์ที่โรงอาหารเลย พี่เมย์ส่งข้อความมาบอกว่าจะเสร็จงานละ แต่เอาเอกสารไปเก็บที่ห้องก่อน เดี๋ยวตามมา" อัญญาเดินกลับมาหาที่ธีรนนท์หลังจากให้เขายืนรอเมื่อครู่ "ครับ เริ่มหิวพอดีเลย" เขาตอบรับและเดินตามเธอไปเงียบๆ “ในโรงอาหารที่ร้านให้เลือกน้อยมาก แต่ร้านข้าวตามสั่งดีที่สุด เพราะมีอยู่ร้านเดียว” “อ้าว!” “ไม่ขำเหรอ” เธอถามเพราะเมื่อครู่ตั้งใจปล่อยมุกตลก “ก็...” “แปลว่าไม่ขำ” “ขำ ขำนิดนึง” “คุยเรื่องข้าวเที่ยงต่อดีกว่า” เธอรู้หรอกน่าว่ามันไม่ตลก แต่ก็ขอบใจนะที่พยายามรักษาน้ำใจ “แต่ถ้าชอบกินเป็นก๋วยเตี๋ยว เราแนะนำร้านป้าชมพู่ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำอร่อยมากๆ น้ำซุปเข้มข้น ถ้ามีไข่ยางมะตูมด้วยนะ สุดยอด" "ขอบคุณนะ แต่วันนี้เรากินข้าวน่าจะอิ่มท้องกว่า เมื่อเช้าตื่นเต้น กินไปนิดเดียวเอง" "โอเค คิดไว้เลยนะ จะกินอะไร เราจะได้เขียนใส่กระดาษสั่งไว้ พี่เมย์สั่งไว้ละ มาถึงก็จะได้กินพอดี" "งั้นเราเอา ข้าวผัดหมูกรอบไข่ดาวละกัน" "จัดไป" อัญญาจำเมนูของเขาในสมองและเดินคุยกันไปเรื่อยเปื่อย ถามว่าก่อนนี้เขาทำงานที่ไหน บ้านเกิดอยู่จังหวัดอะไร แต่ระหว่างที่เดินผ่านลานจอดรถ เพื่อที่จะไปโรงอาหาร ทั้งคู่ก็ถูกกฤษนัยจับจ้องอีกครั้ง “แป๊บนึงนะ” เธอหันไปบอกธีรนนท์เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น “กฤษ” เพียงแค่เห็นชื่อคนที่โทร.เข้ามา เธอก็ตัดสายทิ้ง แต่ไม่กี่วินาทีต่อมา เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง “ธีรอเราตรงที่ร่มๆ ก่อนนะ เดี๋ยวเราตามไป" อัญญาพูดพร้อมกับเดินมายืนอยู่ข้างๆ รถของกฤษนัยที่จอดอยู่ใต้หลังคา ตัดสินใจรับสายก็แล้วกัน เขาอาจจะต้องการติดต่อพี่เมย์ก็ได้ "สวัสดีค่ะ" "สวัสดีครับคุณออม ทานข้าวเที่ยงหรือยังครับ" กฤษนัยมองหญิงสาวผ่านกระจกที่เขานั่งอยู่ด้านใน "คะ?” “ทานข้าวเที่ยงหรือยังครับ” “ยังไม่ได้ทานค่ะ มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ" อัญญาตอบพร้อมกับเบ้ปากใส่กระจกรถโดยที่ไม่รู้ว่าเขานั่งอยู่ในนั้น "งั้นถ้าทานข้าวแล้ว ให้วิศวกรคนใหม่หาน้ำมะนาวอุ่นๆ ให้คุณดื่มด้วยนะครับ ผมกลัวว่าคุณจะเจ็บคอ เห็นคุณพูดไม่หยุดเลย" กฤษนัยพูดด้วยความประชดประชัน พลางยิ้มให้กับหน้าของอัญญาที่ไม่ค่อยสบอารมณ์ "คุณรู้เรื่องงานฉันได้ยังไงคะคุณกฤษ” เธอหวาดระแวง มองซ้ายทีขวาทีก็ไม่เห็นเขาเลยเบาใจลงหน่อย “แต่ก็ขอบคุณที่เป็นห่วงสุขภาพคอของฉันนะคะ แต่คราวหลังไม่ต้องก็ได้ค่ะ" อัญญาเบ้ปากใส่กระจกอีกรอบ พร้อมกับเอามือจัดทรงผมให้ได้ทรงที่ถูกใจไปด้วย "ครับ วันนี้ผมคงรบกวนคุณแค่นี้ เพราะผมมีธุระที่ต้องไปทำต่อ เดี๋ยวคืนนี้ผมจะโทร.ไปรบกวนคุณออมใหม่นะครับ และขอบคุณที่เรียกผมว่ากฤษโดยที่ผมไม่ต้องย้ำว่าผมชื่ออะไรนะครับ" กฤษนัยพูดด้วยความอารมณ์ดี สายตาก็ยังคงมองอัญญาไม่กะพริบ "ค่ะคุณกฤษ แค่นี้นะคะ เชิญคุณไปทำงานของคุณตามสบาย ฉันก็จะได้ไปทำงานของฉันบ้างค่ะ" "ครับ สวัส..." กฤษนัยยังพูดไม่ทันจบ เธอก็วางสายไปซะแล้ว "จะโทร.มาจีบก็ต้องแจ้งล่วงหน้าด้วยเหรอ ทำอย่างกับจะนัดประชุมประจำปี” อัญญาพูดกับตัวเอง พร้อมกับยิ้มให้กับตัวเองในกระจก ก่อนจะเดินไปหาธีรนนท์ที่ยืนรออยู่อีกทาง “ผมอยากให้คุณเป็นนัดประจำวันของผมมากกว่า” “ปล. ยิ้มแบบเมื่อกี้น่ารักดีนะครับ” อัญญาอ่านข้อความในโทรศัพท์จบก็เงยหน้าขึ้นมาอย่างตกใจ เธอรีบหันกลับไปยังรถที่เธอยืนส่องกระจกเมื่อครู่ กระจกรถค่อยๆ ลดระดับ พร้อมกับใบหน้ากวนๆ ของกฤษนัยที่ส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้เธอ แต่เขาไม่รอให้เธอเดินมาต่อว่าหรอก เขารีบเร่งเครื่องยนต์และทิ้งให้อัญญายืนหงุดหงิดที่รู้ว่าตัวเองเผลอทำอะไรขายหน้าให้เขาเห็นตลอดเวลาที่คุยโทรศัพท์กัน “ไอ้คุณกฤษ...” เธอกัดฟันเรียกชื่อเขา ไม่กล้าโวยวายเพราะมีธีรนนท์ยืนรอ “เรียบร้อยดีไหมครับ” เขาถามเมื่ออัญญาเดินกลับมาหา “ค่ะ” เธอตอบสั้นๆ แม้ว่าความอายและความโมโหจะยังคงอยู่ก็ตาม "น้องธี ออมพูดมากไหมจ๊ะ" เมทินีถามเมื่อเดินมาถึงโรงอาหาร "นิดหน่อยครับ แต่คงเป็นเพราะรายละเอียดเรื่องงานมันเยอะ” เขาตอบอ้อมโลก เกรงว่าเธอจะโกรธหากพูดไปตามตรง “ผมว่าจะเลี้ยงน้ำออมสักแก้วเพื่อแก้กระหาย และขออนุญาตเลี้ยงพี่เมย์ด้วยนะครับ" เขาอยากตอบแทนน้ำใจที่สองสาวมีให้ "เราเอาน้ำแดงมะนาวโซดา ส่วนพี่เมย์กินแต่น้ำเปล่า" ออมตอบกลับอย่างรวดเร็ว "ไม่คิดจะปฏิเสธบ้างเหรอออม" "กลัวธีจะเสียน้ำใจค่ะพี่เมย์ ใช่ไหมธี" เธอถามธีรนนท์ที่นั่งอยู่ตรงข้าม "ใช่ครับ ผมยินดีครับ" “ขอบคุณนะธี” “ครับ” รับคำจบเขาก็ลุกไปซื้อน้ำ เรื่องแค่นี้ถือว่าเล็กน้อยมาก เมื่อเทียบกับความใส่ใจที่เมทินีและอัญญามีให้เขา หากเธอไม่ชวนมากินข้าว เขาก็คงจะนั่งกินเหงาๆ และเป็นจุดสนใจจากคนอื่นๆ มากกว่านี้เพราะเป็นน้องใหม่ของบริษัท ระหว่างทานข้าวเที่ยง ธีรนนท์แอบมองอัญญาเสมอ เขาสังเกตว่า ผู้หญิงคนนี้มีแต่รอยยิ้มให้กับคนรอบข้าง พนักงานที่เป็นลูกน้องของเธอก็ดูจะรักหัวหน้างานคนนี้ไม่น้อย รวมถึงพนักงานที่ตำแหน่งใหญ่กว่าก็เอ็นดูเธอเช่นกัน อัญญาพยายามชวนเขาคุยตลอด เธอคงไม่อยากให้เขารู้สึกอึดอัดกับการมาทำงานวันแรก แต่หารู้ไม่ว่าความห่วงใยที่เธอมี บวกกับเสน่ห์ที่โดนใจธีรนนท์เข้าเต็มๆ ทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าเธอจะมีเจ้าของหัวใจแล้วหรือยัง "พี่เมย์ เดี๋ยวเราเดินไปส่งธีที่ฝ่ายวิศวะกันก่อนดีไหมคะ" "ดีจ้ะ พี่ว่าจะชวนออมพอดี กลัวธีจะหลงทาง" "ขอบคุณครับพี่เมย์ ขอบใจนะออม" "ลืมถามเลย” อัญญาหันไปคุยกับเขาระหว่างทางเดินไปฝ่ายวิศวกร “เมื่อเช้ามาทำงานยังไง แล้วเย็นนี้จะกลับยังไง" "เราออกมาขึ้นรถหน้าปากซอย” "งั้นวันนี้กลับพร้อมเราก็ได้ เดี๋ยวเลิกงานแล้วมาเจอกันหน้าป้อมยามนะ" "ได้สิ มีคนนำทางแล้วค่อยอุ่นใจหน่อย" ธีรนนท์รีบตอบกลับด้วยความดีใจ โอกาสดีๆ แบบนี้เขาจะปล่อยไปได้ยังไง แกล้งลืมไปก่อนแล้วกันว่ารู้วิธีการเดินทางกลับที่พักที่สะดวกและรวดเร็วที่สุดอยู่แล้ว "ทำไมกลับพร้อมกันได้ละ อยู่หอเดียวกันเหรอ" เมทินีถามด้วยความสงสัย "อยู่หอตรงข้ามกันค่ะ จริงๆ คือห้องตรงข้ามกันเลยดีกว่า บังเอิญเนอะ” "บังเอิญมาก แบบนี้ธีระวังแมวออมแอบมองนะ เคยเห็นหรือยัง" "เห็นแล้วครับ เจอก่อนเจ้าของห้องอีก นอนมองผมอยู่บนโต๊ะที่ระเบียง ตอนแรกผมก็ตกใจ ตาฝาดหรือเปล่า อะไรดุ๊กดิ๊กๆ คิดว่าจะเจอดีซะแล้ว" "ธีก็เวอร์ ระวังเถอะ จะตกหลุมรักนมสดไม่รู้ตัว พี่เมย์ยังตกหลุมมาแล้วเลย" "นั่นสิ... กลัวว่าจะตกหลุมรักอยู่เหมือนกัน" ธีรนนท์พูดประโยคนี้พร้อมกับสบตาอัญญา “ธีชอบแมวด้วยเหรอ” “ชอบ น่ารักดี” “บ่ายนี้ก็ตั้งใจฟังพี่ๆ วิศวะนะ ถ้าช่วยแก้ปัญหางานผลิตเราไม่ได้ ธีซวยแน่" เธอเปลี่ยนเรื่อง ก่อนจะถูกเขาจับได้ว่าสายตาที่ส่งมาเมื่อครู่นั้นทำให้เธอรู้สึกเขินอายพอสมควร "ครับคุณออม ขอบคุณพี่เมย์ด้วยนะครับที่เดินมาส่ง" "จ้า พี่ยินดี ตั้งใจทำงานนะ" "ขอบคุณออมด้วยนะ เย็นนี้เจอกัน” "เจอกัน" อัญญาตอบสั้นๆ และยืนมองเขาเดินเข้าไปในพื้นที่ทำงานของตัวเองอย่างใช้ความคิด เมื่อครู่เขาคงไม่ได้ตั้งใจมองให้เธอรู้สึกอะไร อย่าเข้าข้างตัวเองมากนัก ความสวยก็ไม่ได้มีเยอะ อย่ามั่นใจเกินเหตุ "ออม เหม่ออะไร" เมทินีปลุกอัญญาให้ตื่นจากภวังค์ “คิดถึงคุณกฤษอยู่เหรอ” "พี่เมย์ว่าอะไรนะคะ" "พี่ถามว่าเราน่ะ เหม่อลอยคิดถึงคุณกฤษนัยอยู่เหรอ" "จะไปคิดถึงเค้าทำไมคะพี่เมย์” เธอหันไปมองหน้าที่สาวด้วยความไม่เข้าใจ "ก็วันนี้คุณกฤษนัยเค้าถามพี่ว่าออมมีครอบครัวหรือยัง" อัญญาตาโตด้วยความตกใจ นี่เขาจริงจังกับคำพูดของเธอมากขนาดนี้เลยเหรอ "แล้วพี่เมย์ตอบไปว่าอะไรคะ" "ก็บอกไปว่ายังไม่มี พอพี่บอกออมมีลูกสาวแล้ว คุณกฤษก็ทำท่าโกรธพี่ จนพี่ต้องรีบบอกเลยว่าลูกสาวของออมคือแมว หลังจากนั้นเค้าก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยนะ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว เร็วๆ นี้น้องพี่คงไม่ได้เป็นสาวโรงงานแล้วมั้ง เพราะจะมีแฟนเป็นถึงเจ้าของห้าง" เมทินีบอกอย่างอารมณ์ดี วาสนาของอัญญาแท้ๆ ที่มีคนทั้งหล่อ รวยและเก่งมาให้ความสนใจ "เค้าคงถามไปงั้นๆ แหละค่ะพี่เมย์ ไปทำงานกันดีกว่าค่ะ" อัญญาเปลี่ยนเรื่อง เธอเองก็ยังไม่แน่ใจกับท่าทีของกฤษนัยว่าเขามาจีบเธอจริงๆ หรือแค่กวนประสาทเธอเล่น นักธุรกิจร้อยล้านและรูปหล่ออย่างเขา คงมีผู้หญิงสวยๆ ให้เลือกมากมาย เขาจะมาจริงจังกับเธอที่เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาทำไมกัน สิบเจ็ดนาฬิกาโดยประมาณ อัญญาออกมายืนรอธีรนนท์ด้านหน้าโรงงานตามสถานที่นัดหมาย โชคดีที่วันนี้งานไม่ยุ่งมาก เธอเลยไม่ทำงานถึงสิบสองชั่วโมง ระหว่างรอเขามาถึง เธอก็ฆ่าเวลาด้วยการเดินดูอาหารและเครื่องดื่มที่พ่อค้า แม่ค้าขับรถมอเตอร์ไซต์มาขายในช่วงเย็น เธอซื้อแคนตาลูปที่ถูกหั่นแบ่งขายหนึ่งถุง เดินไปอีกไม่กี่ก้าวก็สั่งขนมโตเกียว และไม่ลืมสั่งเพิ่มอีกชิ้นเพื่อแลกเปลี่ยนกับน้ำที่เขาซื้อให้เธอเมื่อตอนเที่ยงด้วย "ออม... รอนานไหม" "ไม่นานๆ อะนี่ เราซื้อโตเกียวมาฝาก ลองชิมสิ" “เฮ้ย ขอบคุณมาก” เขารับมาด้วยความแปลกใจ แต่ก็ยินดีรับน้ำใจ “เราเลือกใส่ไส้รวมมาให้” “งั้นกินเลยนะ ไม่ได้กินนานแล้ว” “โอเค” เธอยืนมองเขากัดขนมที่กำลังอุ่นๆ เข้าปาก ไม่รู้ที่เคี้ยวหมุบหมับนั้นอร่อยจริงหรือรักษาน้ำใจ “อร่อยอะ พี่เขามาขายทุกวันหรือเปล่า” ธีรนนท์มองเห็นร้านก็เอ่ยถาม “น่าจะทุกวันนะ” “ดีเลย เลิกงานมาเหนื่อยๆ ได้กินโตเกียวรองท้องก็คง...” เสียงไอค่อกแค่กดังขึ้นก่อนที่เขาจะพูดจบประโยค “น้ำไหม” อัญญายื่นขวดน้ำเปล่าในมือส่งให้เขา กินไป พูดไป อาหารจะติดคอก็ไม่แปลก และเขาก็รับมาดื่มอย่างเลี่ยงไม่ได้ “ขอบคุณครับ” อัญญาคลี่ยิ้มจางๆ รับคำขอบคุณ ก่อนจะพูดเรื่องการเดินทางในฐานะรุ่นพี่ในโรงงานให้เขาได้ฟัง “เวลาจะกลับหอก็มารอรถตู้ตรงนี้แหละ คันที่มีป้ายสีเขียวกับสีแดง จะผ่านหน้าปกซอยหอพักของเรา รับรองว่าไม่มีหลง แค่จำชื่อซอยเราให้ได้ก็พอ ราคาเท่าตอนเช้าที่ธีนั่งมาทำงานเลย นั่งสิบนาทีก็ถึงปากซอย นี่อาจจะเป็นข้อดีที่โรงงานเราตั้งอยู่ชายแดนกรุงเทพ รถเลยไม่ติด” "ได้เลย แต่วันนี้ให้ออมเป็นเนวิเกเตอร์ก่อนนะ" "ได้สิ... รถมาพอดีเลย โบกๆ" เธอพูดพร้อมกับโบกมือเรียกรถตู้ให้จอดรับ ระหว่างทางก็บอกธีรนนท์ให้คอยสังเกตข้างทางตลอดทั้งซ้ายและขวา แขนเล็กๆ ที่โดนแขนเขาในบางครั้ง ทำให้เขารู้สึกถึงความนุ่มนิ่มน่าสัมผัส นุ่มเหมือนแก้มเด็กเลย แต่มันก็เป็นการถูกตัวในเวลาสั้นๆ เพราะเธอระมัดระวังตัวพอสมควร เมื่อลงจากรถที่ถนนฝั่งตรงข้ามซอย อัญญากำลังจะข้ามถนนก็ตกใจกับการกระทำของเพื่อนใหม่ เขาเดินอ้อมมาอีกฝั่งเพื่อจะดูรถ และเป็นคนพาเธอข้ามถนน เรียกว่า ถ้าเกิดรถชนก็ต้องชนเขาก่อนที่จะชนเธอ "กินข้าวเย็นด้วยกันไหมออม" ธีรนนท์หันไปถามหลังจากพาเธอข้ามถนนมาอย่างปลอดภัย "เราไม่อยากปฏิเสธนะ แต่ว่าเราปวดฉิ๊งฉ่องอะ" "อ๋อ” เขาผิดหวังเล็กน้อยที่การเสี่ยงชวนเธอนั้นไม่เป็นไปตามที่หวัง แต่จะคะยั้นคะยอชวนอีกรอบก็ไม่กล้า “วันนี้เราขอบคุณออมมากๆ นะ" “สบายๆ เราไปก่อนนะ” เธอโบกมือบ๊ายบายเขาเป็นการส่งท้าย รู้สึกว่าวันนี้ใช้เวลาอยู่กับเขามากเกินไปเลยปฏิเสธ และเธอก็ไม่ใช่คนมีมิตรไมตรีกับใครมากเท่าไหร่ แต่เพราะเป็นหน้าที่ที่ต้องสอนงาน รวมทั้งเขายังเป็นคนบ้านใกล้เรือนเคียง ชนิดที่ว่าเปิดประตูหากันก็เจอ เธอเลยคิดว่ารักษาระยะห่างจากเขาสักนิดก็ดี และเธอคิดถึงลูกสาวสุดที่รักจะแย่อยู่แล้ว “นมสด...” เมื่อกลับถึงห้อง หญิงสาวผู้เป็นทาสแมวก็ก้มลงอุ้มเจ้านายขนปุยมากอด เสวนาด้วยกันอยู่สองสามนาทีก็ลุกไปเข้าห้องน้ำ ปล่อยตัวปล่อยใจไปความเย็นของสายธาราที่ไหลลงบนตัว คิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ คิดว่าวันนี้ใช้เงินไปเท่าไหร่ เงินในบัญชียังเหลืออยู่กี่บาท อาหารแมวใกล้หมดหรือยัง คืนนี้นอนดูอะไรในยูทูปดีนะ และเธอก็คิดถึงสิ่งที่ไม่ควรคิดถึง นั่นก็คือข้อความที่กฤษนัยส่งให้ "ยิ้มแบบเมื่อกี้น่ารักดีนะครับ" เพียงแค่วลีสั้นๆ ก็ทำให้เธอเขินอายจนเผลอยิ้มออกมา อย่าหาว่าเธอใจง่ายเลยนะ แต่เธอไม่ใช่ผู้หญิงไร้ความรู้สึกและหัวใจ เจอผู้ชายเข้ามาหยอดคำหวานก็ต้องหวั่นไหวกันบ้าง แถมวันนี้ผู้ชายห้องตรงข้ามก็มีท่าทีสนใจเธอเช่นกัน ว่าแล้วก็พลันคิดถึงเพื่อนสนิทที่ไม่ค่อยได้เจอกัน ซึ่งรายนั้นชอบส่งคำทำนายเรื่องดวงและโชคชะตามาให้อ่าน “คนโสดจะมีคนเข้ามาทำให้หัวใจกระชุ่มกระชวย” “คราวนี้แม่น” นี่คือสิ่งที่อัญญาคิด เธอมีคนเข้ามาจีบอยู่เรื่อยๆ ตั้งแต่เธอเป็นวัยรุ่น เธอจึงรู้ทันความรู้สึกของผู้ชายทั้งสองคน แต่เธอก็ไม่อยากคิดมากเกินไปเพราะทั้งกฤษนัยและธีรนนท์ อาจจะแค่โปรยเสน่ห์เหมือนผู้ชายคนอื่นที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิต แต่สงสัยคำทำนายจะไม่แม่นแล้วแหะ เพราะทันทีที่ทิ้งตัวลงบนเตียง คนที่ทำให้หัวใจกระชุ่มกระชวยกลับเป็นคนที่ทำให้เธอรู้สึกรำคาญ เพราะเขาโทร.มาตรงเวลาที่บอกไว้เป๊ะๆ แต่เธอยังไม่พร้อมคุย “รับดีไหมนมสด” เธอถามลูกสาวพร้อมกับหันหน้าจอโทรศัพท์ไปให้เจ้านายที่กำลังทำความสะอาดขน นมสดหันมามองหน้าจอ คงจะถามว่าใครโทร.มาเหรอแม่ อัญญาจึงตอบกลับไป “เค้าชื่อกฤษนัย เป็นลูกค้าที่โรงงาน แล้วเค้าก็โทร.มาจีบ... มั้ง” “เหมียว” “รับเหรอ?” เธอถามเจ้าแมวที่ส่งร้องสั้นๆ ตอบกลับมา “เหมียว” "แม่ไม่รับหรอก” “เหมียว" “จะให้รับจริงดิ?” “เหมียว” "ถ้ารับนี่แรดเลยนะนมสด" "เหมียว...ว" นมสดตัวยุ่งส่งเสียงร้องยาวกว่าเดิม "ปรึกษาแค่นี้ต้องด่าเหรอ” “เหมียว...ว” “รับก็ได้" เป็นทาสก็ต้องฟังคำสั่งเจ้านาย นิ้วจึงสไลด์หน้าจอเพื่อรับสาย แต่ก็มิวายเบ้ปากใส่นมสดที่กระโดดลงจากเตียงหนีไปแล้ว "สวัสดีค่ะ" "สวัสดีครับน้องออม” กฤษนัยตอบกลับด้วยความดีใจ “นอนหรือยังครับ” "ยังค่ะ" "พี่โทร.มารบกวนน้องออมหรือเปล่าครับ" เธอไม่ตอบคำถาม แต่ถามเขากลับไป “นี่เราสนิทกันถึงขั้นเรียกพี่เรียกน้องกันแล้วเหรอคะ” "ผมอยากเรียกแบบนี้ เราจะได้รู้สึกสนิทกันมากขึ้นไงครับ" "แต่ฉันคงเรียกคุณแบบนี้ไม่ได้นะคะ คุณเหมือนเจ้านายของฉัน" "ผมไม่อยากให้คิดแบบนั้น ตอนนี้ไม่ใช่เวลางานแล้ว เรียกผมว่าพี่กฤษได้ไหม เราก็อายุต่างกันไม่มาก เรียกผมว่าพี่คงไม่มีปัญหาใช่ไหมครับ" "ฉันว่ามันไม่เหมาะ..." "มันไม่ใช่เรื่องความไม่เหมาะสม ออมคิดมากไปเอง แต่ถ้าไม่สบายใจ เวลาที่ทำงานด้วยกัน เรียกผมตามที่อยากเรียกก็ได้ แต่ถ้านอกเวลางาน ออมเรียกผมว่าพี่กฤษได้ไหม" กฤษนัยพยายามพูดโน้มน้าวอย่างสุดความสามารถ อัญญาเงียบไปสักพัก ก่อนจะตอบกลับ เพราะเธอทบทวนแล้วว่า เรื่องนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาจริงๆ แบบที่เขาให้เหตุผลมานั่นแหละ "ก็ได้ค่ะ" "ขอบคุณที่ให้เกียรติพี่นะครับน้องออม" กฤษนัยตอบด้วยความดีใจ "ไม่เป็นไรค่ะ... พี่กฤษ” กว่าอัญญาจะเรียกเขาว่าพี่ได้ก็ใช้เวลาหลายวินาทีเหมือนกัน “แต่! ออมขอย้ำนะคะ ว่าอย่าคิดอะไรไปไกล" "พี่ก็ยังไม่ได้คิดอะไรไปไกล แค่คิดใกล้ๆ ว่า ตอนนี้จะขอจีบน้องออมยังไงดี" กฤษนัยพูดในสิ่งที่เขาตั้งใจมาตั้งแต่ต้น "เอ่อ..." "น้องออมครับ” กฤษนัยหยุดเดินเพื่อตั้งสมาธิ หลังจากเดินวนไปวนมาในห้องนอนตั้งแต่เริ่มโทร.หาเธอ “เอาแบบนี้แล้วกันครับ พี่ไม่อยากให้ทำน้องออมอึดอัด พี่แค่อยากให้น้องออมรู้ว่าพี่รู้สึกดีกับน้องออมจริงๆ ถ้าน้องออมยังไม่รู้จะคุยอะไรกับพี่ วันนี้พี่ไม่รบกวนแล้วนะครับ" “ค่ะ" อัญญาตอบสั้นๆ เพราะยังคงอึ้งกับคำพูดของกฤษนัยอยู่ "ฝันดีนะครับ พรุ่งนี้พี่ขออนุญาตโทร.ไปหาอีกนะครับ" "สวัสดีค่ะ" อัญญาตอบพร้อมกับกดตัดสาย รู้สึกสับสนกับความรู้สึกของตัวเองตอนนี้ ใจหนึ่งก็ดีใจที่เขาบอกความรู้สึกที่มีต่อเธออย่างตรงไปตรงมา อีกใจก็งงว่าตัวเองทำอะไรผิดไปหรือเปล่า เขาถึงวางสายไปทั้งๆ ที่เพิ่งโทร.มาได้แค่สองนาที "พุทโธ ธัมโม สังโข ตั้งสติ ตั้งสติ" อัญญาบอกตัวเองไม่ให้เขาเข้ามาในความคิดมากเกินไป และเรื่องที่จะดึงสติให้กลับมาอยู่กับตัวเองคือการเดินไปเปิดตู้เย็น หยิบแคนตาลูปที่ซื้อมาจากหน้าโรงงานเข้าปาก ดูละครที่ไม่เคยดู ก่อนจะเดินเอาขยะไปทิ้งในที่ตั้งวางอยู่ตรงระเบียงห้อง ก่อนกลับเข้ามาก็เห็นว่าห้องตรงข้ามปิดไฟไปแล้ว ถ้าไม่นอนหลับก็คงออกไปข้างนอกเพราะนี่เพิ่งจะเป็นเวลาสามทุ่ม ความสบายใจจึงบังเกิดหลังจากเมื่อค่ำกังวลว่าหากพานมสดไปนั่งเล่น คงไม่ดีเพราะจะเจอหน้าธีรนนท์อีกครั้ง เธอจึงเดินกลับเข้าไปอุ้มลูกสาวมานั่งรับลม ป้อนขนมแมวรสโปรดให้เจ้านาย โดยหารู้ไม่ว่าที่ห้องฝั่งตรงข้ามปิดไฟ เพราะกำลังแอบมองเธออยู่หลังผ้าม่าน จากมุมมองของธีรนนท์ที่แอบมองอัญญา เขาเห็นเธอสวมชุดนอนลายการ์ตูนสบาย เห็นใบหน้าที่ปราศจากเครื่องสำอางแต่ยังดูสดใสภายใต้แสงไฟสีส้ม เห็นเธอถ่ายรูปคู่กับสัตว์เลี้ยง แต่อีกฝ่ายไม่ให้ความร่วมมือเท่าไหร่นัก และยังสังเกตเห็นรอยยิ้มเขินอายของเธอหลังจากก้มอ่านข้อความในโทรศัพท์ คนที่ทำให้เธอยิ้มแบบนี้เป็นใคร เห็นทีเขาต้องหาวิธีการพิชิตใจเธอให้ได้ก่อนจะถูกเจ้าของข้อความนั้นแย่งไปซะก่อน แต่ถ้าเจ้าของข้อความนั้นเป็นคนรักของเธอ เขาก็ต้องยอมรับสถานะเพื่อน... แบบไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่นัก 'ฝันดีนะครับน้องออม' อัญญาก้มอ่านข้อความในโทรศัพท์อีกครั้ง ก่อนจะอุ้มเจ้านมสดเข้าห้องแล้วปิดไฟเข้านอน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD