bc

ภารกิจพิชิตใจ

book_age16+
189
FOLLOW
1K
READ
HE
sweet
office/work place
secrets
like
intro-logo
Blurb

เรื่องราวของหญิงสาวแสนธรรมดาชื่อ "อัญญา"

ที่หมอดูบอกว่า ความเหงาจะหายไปและความวุ่นวายใจจะเข้ามา

แต่ชีวิตต้องวุ่นวายคูณสอง เมื่อมีชายหมายปองเธอถึงสองคน

เหงามานาน แต่ยังดี ที่มีเหมียว

แมวสุดเฟี้ยว เขี้ยวขาว ลามยันขน

แต่ทว่า โชคชะตา อันซุกซน

กลับพาคน ย่องมาป่วน กวนหัวใจ

หนึ่งคนชื่อ กฤษนัย เป็นรุ่นพี่

ฐานะดี การงานเด่น ลูกเล่นหลาย

ส่วนอีกคน ธีรนนท์ เป็นเพื่อนชาย

เข้าถึงง่าย อบอุ่น คุ้นเคยกัน

ทำไงดี เมื่อความสวย เกิดทำพิษ

ให้ชีวิต ต้องคิด เลือกคู่หมาย

พี่ก็โดน เพื่อนก็ดี ลองทำนาย

จะเลือกใคร เป็นคู่กาย มาลุ้นกัน

chap-preview
Free preview
ตอนที่ 1... เจ้าของห้างผู้น่าหมั่นไส้
"โอ๊ย! ทำไมต้องตื่นแต่เช้าแบบนี้" อัญญาหญิงสาววัยยี่สิบห้าปีบ่นงึมงำกับตัวเองอย่างเบื่อหน่าย เมื่อใกล้ถึงเวลาต้องเดินทางออกจากที่พักเพื่อไปทำงานให้ทัน ทว่ามือยังง่วนอยู่กับการเลือกสีลิปสติกให้เข้ากับเสื้อเชิ้ตตัวใหม่ที่บริษัทแจกให้ แต่จะโทษใครได้ล่ะ ในเมื่อหลังจากเรียนจบคณะวิทยาศาสตร์การอาหารเมื่อสามปีที่แล้ว เธอก็ยินยอมและพร้อมใจทำงานในตำแหน่งพนักงานควบคุมการผลิตอาหารแช่แข็งในโรงงานผลิตอาหารขึ้นชื่อของประเทศ ซึ่งแม้เธอต้องทำงานมากกว่ามนุษย์เงินเดือนทั่วไป คือบางวันต้องทำงานวันละสิบสองชั่วโมง แต่ผลตอบแทนก็คุ้มค่าเกินกว่าจะปฏิเสธเงินค่าทำงานล่วงเวลา ที่รวมแต่ละเดือนแล้วสูงถึงเลขสี่หลัก "คอยดูนะ ถ้าฉันเก็บเงินได้หนึ่งล้านเมื่อไหร่ จะลาออกไปเที่ยวให้หนำใจเลย” อัญญายังคงบ่นอุบไม่เลิก ไม่รู้ว่าติดนิสัยพูดคนเดียวเพราะชีวิตสาวโสดนั้นเหงาถึงขั้นที่เรียกว่าโดดเดี่ยวและตัวคนเดียวมานาน หรือเป็นเพราะเจ้าสิ่งมีชีวิตตัวขาวขนปุกปุยที่มักจะเป็นเพื่อนคุยของเธอเสมอ “นมสดคะ นมสดไปเที่ยวกับคุณแม่นะลูก มาให้แม่กอดก่อนไปทำงานหน่อยเร็ว" เธอพูดคุยกับเจ้าแมวตัวเล็กแต่ขนพองที่เก็บมาเลี้ยงจากข้างถนน นมสดเปรียบเสมือนลูกของเธอ เป็นเพื่อนคลายเหงา เป็นสัตว์เลี้ยงที่แสนน่ารัก และเธอมักพูดคุยกับนมสดอยู่เสมอ แม้ว่าเจ้าแมวจะตอบกลับเพียงคำสั้นๆ "เหมียว" "อยู่ห้องอย่าดื้อนะ เดี๋ยวแม่กลับมา" อัญญาค่อยๆ วางนมสดลงกับพื้น ก่อนจะลูบหัวเจ้าแมวที่เปรียบเสมือนหัวใจของตัวเอง เอาวะ! ขี้เกียจไปทำงาน แต่พอคิดว่าถ้าไม่มีงานก็ไม่มีเงินซื้อข้าวให้แมวกิน พลังงานความขยันก็ไหลเข้าสู่ร่างกายเพิ่มขึ้น... นิดหน่อย "สวัสดีค่ะพี่เมย์ วันนี้มาทำงานเร็วจังเลย" หญิงสาวที่แสนจะอารมณ์ดีทักทายรุ่นพี่ที่อัญญารักและเคารพ เพราะพี่เมย์หรือเมทินีคอยสอนงานต่างๆ ให้เธอตั้งแต่เข้ามาทำงานที่โรงงานแห่งนี้ใหม่ๆ รวมทั้งคอยช่วยเหลือและให้คำแนะนำเรื่องงานให้กับเธอเสมอ "วันนี้ตื่นเร็วแล้วก็หิวข้าวพอดี เลยมากินข้าวที่โรงงานดีกว่า" เมทินีตอบน้องสาวผู้ร่วมงานที่เธอเอ็นดูด้วยความสนิทสนม "รู้นะว่ามากินข้าวกับใคร พี่ต้นผู้จัดการฝ่ายใช่ไหมคะ" อัญญาไม่พูดเปล่า สายตากรุ้มกริ่มยังส่งไปมองพี่สาวด้วย "นี่ออม เอาใหญ่แล้วนะเรา เมื่อไหร่จะเลิกแซ็วพี่" "เป็นแฟนกันเมื่อไหร่ก็เลิกแซวเมื่อนั้นแหละค่ะ" "เปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่า” เมทินียิ้ม รู้ว่าถูกแซ็วเล่นๆ แต่ตัวเองนี่สิ เหนื่อยจะยิ้มแล้ว “เดี๋ยวพรุ่งนี้วิศวกรคนใหม่จะเข้ามาทำงานแล้วนะ เห็นแผนกบุคคลบอกว่า หล่อและน่ารักมาก พี่ละอยากเห็นหน้าซะตั้งแต่วันนี้เลย และข่าวดีอีกอย่างคือ ออมต้องเป็นคนสอนงานให้เค้าด้วย หัวหน้าแผนกสั่งมาจ้ะ" เมทินีร่ายยาวเป็นชุด เพื่อบ่ายเบี่ยงเรื่องของตัวเอง "อะไรนะคะ! ทำไมเป็นออม ออมแย่แน่เลย ถ้าสอนไม่ดี เงินเดือนขึ้นน้อยแน่ๆเลยปีนี้ โอ๊ย! จริงๆ เราไม่เห็นต้องสอนงานพวกวิศวกรเลยนะคะ เค้าก็แค่มาคอยดูแลเครื่องจักรเวลามันเสีย แต่...สอนก็ได้ค่ะ เค้าต้องรู้ว่าเครื่องไหนทำงานอะไรยังไง โอ๊ยๆ เครียดเลยค่ะ จี๊ดๆ ขึ้นสมองเลยค่ะพี่เมย์ แบบนี้ต้องไปกินชาเขียวสักแก้วแก้เครียดแล้วค่ะ เดี๋ยวออมนะคะ พี่เมย์เอาอะไรไหม" เมทินีมองอัญญาไปก็ยิ้มน้อยๆ ไปด้วย เธอเข้าใจดีว่าน้องสาวที่รู้จักกันมาหลายปีนั้นชอบพูดคนเดียว เพราะเคยชินกับการคุยกับแมวของตัวเอง แต่เมื่อถึงเวลาต้องจริงจังในการทำงาน อัญญาก็ทำงานได้อย่างดีและเป็นที่ยอมรับจากผู้บริหาร ไม่ใช่ว่าเธอจะพูดเพ้อเจ้อตลอดเวลา เพราะแบบนั้นคงสติไม่ค่อยดีแล้ว "พี่ไม่กินอะไรแล้ว ขอบใจนะ” “โอเคค่ะ” “เดี๋ยวออม” เมทินีเพิ่งนึกได้ว่ายังไม่ได้พูดเรื่องสำคัญ เสียงดังจึงรั้งอัญญาไว้เพื่อบอกข่าว “วันนี้มีลูกค้ามาตรวจงานตอนสิบโมงเช้านะ เป็นลูกค้าเจ้าเดิมจากอาทิตย์ที่แล้วจ้ะ" "ได้ค่ะ เดี๋ยวมานะคะพี่เมย์" อัญญายกมือทำท่าโอเค ไม่มีอะไรต้องกังวล เป็นเรื่องปกติที่จะมีคู่ค้าของบริษัทเข้ามาตรวจสอบการผลิตอาหารแช่แข็งที่รับไปขายต่อเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ทันทีที่เท้าก้าวเดินไปเพียงไม่กี่เมตร เธอก็หยุดชะงักเพราะคิดอะไรบางอย่างออก “เฮ้ย ลูกค้าเจ้าเดิมก็ต้องเป็นผู้ชายคนนั้นสิ” เธอคิดถึงลูกค้าที่มาตรวจสอบการผลิตของโรงงานเมื่อสัปดาห์ก่อน บริษัทของเขาต้องการซื้ออาหารแช่แข็งไปขายในห้างสรรพสินค้าที่เขาเป็นเจ้าของ ซึ่งกำลังจะเปิดใหม่ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ แต่การสนทนาของเขากับเธอไม่ค่อยราบรื่นสักเท่าไหร่ เพราะเจ้าของห้างถามทุกอย่าง ถามละเอียดเหมือนแกล้งให้เธอตอบไม่ได้ ถามเหมือนเธอเป็นเอนไซม์ในเม็ดข้าว เหมือนเธอเป็นโมเลกุลเล็กๆ ในถาดพลาสติกใส่อาหาร แต่เธอก็ตอบได้ทุกข้อสงสัยเพราะรายละเอียดของงานที่ทำ บวกกับประสบการณ์กว่าสามปีนั้นฝังแน่นอยู่ในสมอง เธอยังคุยกับเมทินีหลังเลิกงานวันนั้นเลยว่า หากให้คำตอบเขาไม่ได้แค่คำถามเดียว มีหวังทำให้โรงงานขายหน้าและชวดกำไรก้อนโตจากการทำธุรกิจครั้งนี้แน่ และพอถึงเวลานัดหมายตอนสิบโมงตรงเป๊ะ เพียงแค่เห็นหน้าเขาวินาทีเดียว อัญญาก็รู้แล้วว่าเขาต้องมีคำถามอีกแน่นอน "...ค่ะ กระบวนการผลิตขั้นตอนนี้ก็เป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนจะนำไปเข้าห้องแช่แข็งและทำการขนส่งต่อไปให้ห้างคุณลูกค้าค่ะ" อัญญาแอบสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หลังจากอธิบายการทำงานของการผลิตอาหารแช่แข็งมาเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็ม และน้ำเสียงน่าฟังและความตั้งใจที่ในการนำเสนอ ทำให้เจ้าของห้างสรรพสินค้าที่กำลังจะเปิดใหม่ให้ความสนใจเธอเป็นอย่างมาก "ถ้าทางห้างของเราต้องการอาหารแช่แข็งของคุณในปริมาณที่มากกว่าเดิมในช่วงเทศกาล ทางฝ่ายผลิตของคุณจะสามารถส่งสินค้าให้เราตามกำหนดและครบจำนวนที่ผมสั่งไว้ไหมครับ และสมมติว่าถ้าไม่ทันตามกำหนดหรือมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นระหว่างการขนส่งสินค้าไปให้ห้างของผม ทางคุณจะมีวิธีการแก้ปัญหายังไง" กฤษนัยเจ้าของห้างสรรพสินค้าและนักธุรกิจหน้าใหม่ไฟแรงของประเทศไทย ถามคำถามกับอัญญา โดยไม่มีการละสายตาจากเธอเลยแม้แต่วินาทีเดียว "ถ้าคุณลูกค้าต้องการสินค้าปริมาณมากกว่าปกติในช่วงเทศกาล คุณลูกค้าติดต่อกับฝ่ายวางแผนการผลิตล่วงหน้าได้เลยนะคะ ส่วนการส่งสินค้าก็จะมีฝ่ายจัดส่งคอยดูแลหน้าที่นี้อยู่แล้ว รับรองว่าถึงห้างของคุณทันเวลาแน่นอน แต่หากคุณไม่สบายใจ สามารถใช้บริษัทขนส่งอื่นๆ ที่ลูกค้าไว้วางใจมาขนสินค้าเองได้ โดยแจ้งเรื่องกับฝ่ายดูแลลูกค้าเพื่อสรุปข้อตกลงที่ลูกค้าสะดวกค่ะ" อัญญาตอบกลับเจ้าของห้างอย่างไม่ละสายตาเช่นกัน "แล้วถ้าผมพบว่าในอาหารของคุณมีสิ่งผิดปกติปนเปื้อนเข้ามาในอาหาร แบบนี้ผมต้องติดต่อที่ฝ่ายไหนครับ" กฤษนัยถามต่อในทันที "ถ้าคุณลูกค้าพบ..." "เรียกผมกฤษเฉยๆ ก็ได้ครับ" "ค่ะ” เธอยิ้มหวานที่สุดเท่าที่จะยิ้มได้ ยิ้มเข้าไว้เพื่อเก็บอาการหงุดหงิดที่ถูกเขาพูดขัดจังหวะ หากเผลอทำหน้าไม่พอใจลูกค้าขึ้นมาละก็ ผู้จัดการโรงงานที่ยืนร่วมวงสนทนาอยู่ด้วยต้องยื่นซองขาวให้เธอแน่ “ถ้าคุณกฤษพบสิ่งผิดปกติในอาหารก็ติดต่อฝ่ายดูแลลูกค้าเช่นเดียวกันค่ะ  หลังจากนั้นทางฝ่ายผลิตจะได้รับแจ้งปัญหาและเราจะทำการตรวจสอบหาสาเหตุให้โดยเร็วที่สุด แต่ดิฉันมั่นใจว่าคุณลูกค้า...” "กฤษครับ เรียกผมว่ากฤษ" “คุณกฤษจะไม่พบสิ่งผิดปกติอะไรในอาหารแช่แข็งของเราแน่นอนค่ะ" อัญญาเน้นเสียงหนักๆ ที่ชื่อของเจ้าของห้าง ก่อนจะจ้องหน้าเขาตาเขม็งซึ่งอีกฝ่ายก็ยืนกอดอกจ้องตาเธออย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน "โอเคครับ ผมพอใจในขั้นตอนการผลิตของโรงงานคุณมากๆ เอาเป็นว่าผมตกลงทำธุรกิจกับโรงงานของพวกคุณนะครับ ผมจะให้เลขาของผมเตรียมเอกสารตามที่เคยคุยกันไว้ ทางโรงงานสะดวกวันไหนก็นัดวันเซ็นสัญญาได้เลยนะครับ" กฤษนัยหันมาบอกผู้จัดการโรงงานที่ยืนลุ้นว่าการเจรจาครั้งนี้จะสำเร็จหรือไม่ เพราะถ้าสำเร็จเท่ากับว่าโรงงานจะได้กำไรจากงานเขาเป็นเวลานานสามปีเลยทีเดียว "ได้เลยครับคุณกฤษ ส่วนเรื่องเซ็นสัญญา ผมอยากให้คุณกฤษเป็นคนนัดดีกว่าครับ เอาวันที่คุณกฤษสะดวกจะดีกว่า” “ถ้าอย่างนั้นก็เอาเป็นว่า เอกสารผมพร้อมเมื่อไหร่ ผมจะให้เลขาติดต่อเรื่องวันเซ็นสัญญาอีกทีนะครับ” “ครับผม ขอบคุณคุณกฤษนัยมากเลยนะครับที่ไว้ใจและเลือกรับอาหารแช่แข็งจากโรงงานของเราไปจำหน่าย รับรองว่าลูกค้าของคุณกฤษจะได้บริโภคอาหารแช่แข็งที่รสชาติดีและได้มาตรฐานการผลิตในระดับสากลแน่นอนครับ" ผู้จัดการใหญ่ของโรงงานพูดด้วยความดีใจจนออกนอกหน้า "ยินดีครับ ผมเชื่อมั่นใจการผลิตของคุณมาก อย่าทำให้ผมผิดหวังนะ" กฤษนัยพูดประโยคนี้กับผู้จัดการ แต่สายตากลับหันไปมองอัญญาพร้อมรอยยิ้ม ซึ่งเธอก็ยิ้มตอบกลับไป แต่ที่จริงเธอยิ้มเพราะดีใจที่ช่วยให้โรงงานได้เซ็นสัญญากับลูกค้ารายใหญ่ ไม่ได้ตั้งใจจะยิ้มให้เขาหรอก "เรียกผมกฤษเฉยๆ ก็ได้” อัญญาทวนคำพูดของกฤษนัยอยู่หน้ากระจก ช่างเป็นการบอกชื่อตัวเองที่น่าหมั่นไส้ที่สุดในบรรดาลูกค้าที่เธอเคยเจอ แถมรอยยิ้มนั้นก็น่าหมั่นไส้ ไม่รู้เขาคิดว่าตัวเองเป็นณเดชน์หรือไงถึงได้ทำหน้ามั่นอกมั่นใจขนาดนั้น แต่พอคิดได้ว่าควรจะให้เกียรติลูกค้าทั้งต่อหน้าและลับหลัง รวมถึงยังมีงานอีกมากมายให้ทำ เธอจึงล้างเรื่องของเขาออกไปจากสมองผ่านมือที่กำลังล้างให้สะอาดน่าจะดีกว่า “อุ้ย!” กรรมเหมือนจะตามทันเพราะไปคิดร้ายกับเขา ออกมากจากห้องน้ำเลยเดินชนกฤษนัยซะนี่  “ขอโทษค่ะ คะ... คุ.. คุณขอโทษค่ะคุณลูกค้า ฉันไม่ทันได้มองทาง อ้าว โทรศัพท์ฉัน คุณ! เอามาคืนนะคะ เอามาเลย" อัญญาพยายามเอื้อมหยิบโทรศัพท์จากคนตรงข้ามที่ยืนถือโทรศัพท์ของเธอด้วยท่าทางยียวนกวนประสาทแต่ก็ไม่เป็นผล เพราะเธอตัวสูงเพียงหนึ่งร้อยหกสิบเซนติเมตร ต่างกับชายหนุ่มที่สูงกว่าเธอเกือบหนึ่งไม้บรรทัด แถมแขนข้างที่ถือโทรศัพท์ยังถูกยกขึ้นสูงจนเธอเอื้อมไม่ถึง "นี่คุณอัญญา ผมบอกคุณสองครั้งแล้วว่าให้เรียกผมว่ากฤษ ผมชื่อกฤษ เข้าใจไหมครับ" ชายตัวสูงบอกกับอัญญาในขณะที่ยังถือโทรศัพท์เธอชูขึ้นเหนือหัว "ค่ะ เข้าใจค่ะ คุณชื่อกฤษ ฉันจำได้ค่ะ ขอโทรศัพท์คืนนะคะ" "แล้วคุณชื่ออะไรครับ" "ฉันก็ชื่ออัญญาไงคะ เมื่อกี้คุณก็เรียกชื่อฉันไปแล้วนิ" "ไม่ใช่แบบนี้สิคุณ ยกตัวอย่างนะครับ ผมชื่อกฤษนัย ชื่อเล่นชื่อกฤษ คุณไม่มีชื่อเล่นเหรอ" "มีค่ะ" อัญญาตอบห้วนๆ อาการหงุดหงิดเพิ่มขึ้นทุกที "แล้วคุณอัญญาชื่อเล่นว่าอะไรครับ" กฤษนัยย่อตัวลงมาให้สูงเท่ากับเธอ "คุณทำท่าอะไรคะ" อัญญาถามด้วยความตกใจ ขาก้าวไปข้างหลังเล็กน้อย เพื่อระวังตัว "ช่างผมเถอะน่า ตกลงคุณชื่อเล่นว่าอะไรครับ" กฤษนัยยังอยู่ท่าเดิม แต่ครั้งนี้เค้าส่งยิ้มหวานให้กับอัญญาด้วย "ฉันชื่อออม พอใจหรือยังคะ" "พอใจแล้วครับ" กฤษนัยส่งยิ้มกว้างกว่าเดิมให้กับอัญญาที่หันมองทางอื่นอย่างรวดเร็ว รอยยิ้มของเขาเมื่อครู่มันเกิดขึ้นพร้อมแผ่นดินไหวหรือเปล่า ทำไมอยู่ดีๆ ก็ใจสั่นละ "พอใจแล้วก็เอาโทรศัพท์ฉันคืนมาด้วยค่ะ” "ได้ครับ แต่ผมแถมเบอร์โทรศัพท์ผมให้ด้วย ผมบันทึกชื่อให้ก่อนนะ... ชื่อว่าอะไรดี”   “กฤษเฉยๆ แล้วกัน เผื่อคุณมีปัญหาเรื่องการผลิตจะได้แจ้งผมโดยตรง ไม่ต้องผ่านเลขาผม สะดวก รวดเร็ว ทันใจแน่นอนครับ" กฤษนัยกดบันทึกเบอร์โทรศัพท์ตัวเองลงในโทรศัพท์ของอัญญา ก่อนจะส่งคืนให้หญิงสาวที่มีท่าทีหงุดหงิดกับการกระทำของเขา จนเขาแทบจะกลั้นขำไว้ไม่อยู่ "คุณกฤษคะ งานที่ฉันทำอยู่มันไม่มีปัญหาอะไรร้ายแรงถึงขนาดต้องโทร.หาคุณหรอกค่ะ และถึงแม้ว่าจะมีปัญหาเกิดขึ้นจริงๆ ฉันก็ไม่จำเป็นต้องติดต่อคุณ โรงงานมีระบบการทำงานเป็นขั้นตอนค่ะ เอาโทรศัพท์ฉันคืนมาได้แล้ว" อัญญายื่นมือจะรับโทรศัพท์จากกฤษนัย แต่ก็เขายังไม่ยอมคืนให้ "งั้นผมโทร.ออกเลยดีกว่า จะได้รู้ว่านี่เบอร์คุณ สมมติว่าคุณโทร.หาผมตอนที่คุณเบื่อๆ จากพวกหมู ไก่ กุ้ง หอย ปู ปลา พวกอาหารแช่แข็ง ผมจะได้ไม่ต้องสงสัยว่าใครโทร.มา" พอเสียงโทรศัพท์ตัวเองดังขึ้นเขาจึงตัดสาย แล้วยื่นโทรศัพท์คืนให้กับเธออย่างง่ายดาย "ขอบคุณค่ะ” เธอส่งยิ้มอย่างซึ้งใจที่เขาอุตส่าห์ส่งคืนให้เธอ แต่วินาทีต่อมา รอยยิ้มของเธอก็จางหายไป “ถ้าอยากได้เบอร์โทรศัพท์ฉันจริงๆ ไม่ต้องอ้อมค้อมขนาดนี้ก็ได้นะคะ" "คุณรู้ด้วยเหรอว่าผมสนใจคุณ เฮ้อ...อ ผมไม่น่ายืนยกแขนให้เมื่อยอยู่ตั้งนาน" กฤษนัยตกใจไม่น้อย เมื่ออัญญาพูดประโยคที่ผู้หญิงส่วนใหญ่คงไม่พูด หากตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเธอ "ฉันอายุยี่สิบห้าแล้วนะคะ ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว คุณเล่นมองฉันตาเป็นมันตลอดทั้งสองครั้งที่เจอฉัน ฉันไม่รู้สึกอะไรก็บ้าแล้วค่ะ" กฤษนัยหลุดเสียงหัวเราะหลังจากเก๊กท่าอยู่นาน เขาก็สงสัยเหมือนกันว่าเธอไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอ เพราะเขามองแล้วมองอีก เธอก็ยังนิ่ง ถ้าเขากับเธอเป็นปลากัด ตอนนี้เธอคงท้องจนออกลูกหลายร้อยตัวแล้ว "ผมคิดว่าคุณจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ซะอีก ผมดีใจที่ได้ร่วมงานกับคุณนะครับคุณออม" กฤษนัยบอกอัญญา ในขณะที่สายตาก็มองดวงตาคู่สวยของเธอไม่กะพริบ "ขอบคุณมากค่ะ แต่ขอบอกเรื่องที่คุณจำเป็นต้องรู่นะคะ” “อะไรครับ” ความยียวนหายไป ไม่รู้ว่าเธอจะพูดอะไร แต่ต้องเป็นเรื่องที่เขาไม่อยากได้ยินแน่ “ฉันมีลูกสาวและครอบครัวที่ต้องดูแล พนักงานธรรมดาอย่างฉันไม่คู่ควรกับคุณหรอกค่ะ ถ้าไม่มีธุระเรื่องงานแล้วฉันก็ขอตัวนะคะ สวัสดีค่ะ" อัญญาบอกพร้อมกับก้าวเท้าเดินไป โดยมีกฤษนัยมองตามหลังเธอไปด้วยความผิดหวัง ทำไมเธอต้องพูดในสิ่งที่เขาไม่อยากได้ยินด้วย   ระหว่างทางกลับห้างสรรพสินค้าเพื่อไปดูแลความเรียบร้อย กฤษนัยได้แต่สงสัยว่าผู้หญิงที่เขาสนใจตั้งแต่แรกพบเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว จะมีลูกและครอบครัวแล้วจริงๆ เหรอ ผู้หญิงวัยเดียวกันกับอัญญาที่เขาเคยเจอ เป็นวัยที่เริ่มทำงานและเก็บเงินสร้างอนาคต เขาแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองที่เคยเสียมารยาทพิจารณาเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าเลยว่าเธอจะผ่านการตั้งภรรค์และมีลูก "ลุงสุขครับ ป้าอนงค์ตอนสาวๆ นี่สวยไหม" กฤษนัยถามลุงสุข ลุงสุขเป็นคนขับรถประจำบ้าน มาตั้งแต่สมัยพ่อของเขายังเป็นหนุ่ม แต่คุณพ่อเสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็งเมื่อไม่นานมานี้ กฤษนัยจึงต้องเข้ามาดูแลกิจการของครอบครัวอย่างเต็มตัว ทั้งห้างสรรพสินค้าและกิจการปั๊มน้ำมันที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ ส่วนป้าอนงค์คือภรรยาของลุง ที่ทำงานเป็นแม่บ้านที่บ้านของเขามากว่ายี่สิบปี เรียกได้ว่า ตั้งแต่เขาจำความได้ก็เห็นลุงสุขกับป้าอนงค์อยู่ในบ้านเหมือนเป็นญาติผู้ใหญ่ไปแล้ว "โอ๊ย! ยายนงเหรอครับคุณกฤษ ตอนสาวๆ นี่สวยที่สุดในหมู่บ้านแล้วครับ ตัวนี่เล็กเท่าไม้ขีดไฟ ลมพัดทีนี่แทบจะปลิวเลยครับ" ลุงสุขตอบกลับเจ้านายที่เขาเอ็นดูเหมือนลูกชาย เพราะซึ้งในน้ำใจของพ่อกับแม่ของกฤษนัยที่คอยช่วยเหลือให้งานทำ ทำให้ครอบครัวของเขาอยู่ดีมีสุขจนถึงทุกวันนี้ "อ้าว แล้วป้านงเริ่มตุ้ยนุ้ยตอนไหนครับ ตั้งแต่ผมจำความได้ ก็เห็นป้านงหุ่นน่ากอดซะแล้ว" กฤษนัยถามต่อเพื่อไม่ให้ลุงสุขสงสัย “แหม ดูเลือกใช้คำเข้าสิคุณกฤษ ยายนงก็อ้วนตั้งแต่ตั้งท้องไอ้ภูมิ ลูกชายคนเล็กของลุงไงครับ ตอนท้องแรกที่คลอดไอ้ภาคย์ไม่เห็นจะอ้วน สงสัยเป็นท้องแรก ท้องตอนสาวๆ ครับคุณกฤษ พอมีคนที่สองก็อ้วนเอาๆ ลุงนี่คิดว่านอนกับโอ่ง” ลุงสุขเล่าไปก็หัวเราะไป แต่พอเห็นว่าเจ้านายไม่มีอารมณ์ร่วมเท่าไหร่นักจึงเงียบเสียงลง “ว่าแต่คุณกฤษถามลุงเรื่องนี้มีอะไรหรือเปล่าครับ" "ไม่มีครับ แค่สงสัยเฉยๆ ว่าป้านงตอนสาวๆ สวยหรือเปล่า เดี๋ยวลุงสุขแวะปั๊มเราข้างหน้าด้วยนะ ไหนๆ ก็ผ่านมาแล้ว แวะดูความเรียบร้อยสักหน่อยก็ดี" กฤษนัยบอกลุงสุขเรียบๆ ก่อนจะนั่งคิดถึงคำพูดของอัญญา เธอมีลูกสาว ถ้าเธอมีจริงๆ คงเป็นท้องแรกสินะ และถ้าเธอมีลูก มีครอบครัวแล้วจริงๆ เขาก็คงต้องเลิกยุ่งกับเธอ เพราะไม่อยากทำลายครอบครัวของใคร แต่อีกใจก็เชื่อในสัญชาตญาณแรกพบ เขาเชื่อว่าเธอยังไม่มีครอบครัว เธอจะมีแฟนหรือเปล่าเขาก็ไม่แน่ใจ เธออาจจะแค่พูดเป็นข้ออ้างเพื่อตัดรำคาญ แต่ยังไงซะเขาต้องรู้ให้ได้ว่าอัญญามีครอบครัวแล้วจริงหรือเปล่า แต่จะรู้ด้วยวิธีไหนคงต้องหาวิธีการทีหลัง ระหว่างทางไปปั๊มน้ำมันเขาจึงปล่อยใจให้คิดถึงกับอัญญาไปเรื่อยๆ ตั้งแต่พบกันครั้งแรกเมื่อสองอาทิตย์ก่อน ผู้หญิงคนนี้ทั้งเก่ง มีความสามารถในงานที่ทำ สามารถตอบคำถามที่เขารู้คำตอบอยู่แล้วได้อย่างไม่ผิดพลาด เวลาที่เธอพูดอะไรก็ดูน่าฟังหมด เวลาที่อัญญายิ้ม เขาอยากจะเอานิ้วไปจิ้มบนลักยิ้มที่แก้มซ้ายของเธอ มันน่ารัก น่าหยิก เห็นแล้วหมั่นเขี้ยว ดวงตาคู่นั้นก็มีความมุ่งมั่นและตั้งใจในการทำงาน แต่ตอนแรกเขาไม่ได้คิดจริงจังอะไร เพราะคงเห็นผู้หญิงสวยและเก่งเลยถูกใจแบบที่เคยเป็นมาตลอด ทว่าพอจะเข้านอน ภาพเธอกำลังยิ้มก็ปรากฏขึ้นมาในหัว และเมื่อได้พบ้อีกครั้งในวันนี้ เขาก็แน่ใจแล้วว่าตัวเองสนใจเธอมากจริงๆ เพราะไม่ว่าเธอจะพูดอะไร จะเดินไปทางไหน มันก็ทำให้เขาสนใจไปหมดทุกอย่าง เขาละสายตาจากเธอไม่ได้เลย "คุณกฤษ ยิ้มให้ใครครับ" ลุงสุขเอ่ยถาม เพราะเห็นเจ้านายเผลอยิ้มออกมาตลอดทาง "ผมยิ้มเหรอครับ" กฤษนัยถามลุงสุขอย่างแปลกใจตัวเอง "ครับ คุณกฤษนั่งยิ้มมานานแล้ว จะถึงปั๊มแล้วนะครับ" "โอเคครับลุง" แทนที่ถูกจับได้อล้วเขาจะหุบยิ้ม แต่กฤษนัยกลับยิ้มกว้างกว่าเดิมเพราะหยุดความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อเธอตอนนี้คงจะไม่ทันเสียแล้ว "นมสด... แม่กลับมาแล้ว” “เหมียว” “คิดถึงแม่ไหมคะ" "เหมียว" "คิดถึงเหรอคะ คุณแม่ก็คิดถึงหนูเหมือนกันค่ะ มาให้คุณแม่กอดทีนะ" อัญญาวางกระเป๋าลงบนโต๊ะ ก่อนจะอุ้มเจ้าแมวตัวน้อยมากอดให้หายคิดถึง เชื่อไหมว่าทำงานเหนื่อยๆ มาทั้งวัน แค่ได้กอดแมวเธอก็รู้สึกว่าร่างกายได้ชาร์จพลังงาน ไม่เชื่อเหรอ? เชื่อหน่อยนะ อิอิ "เดี๋ยวแม่ไปเก็บผ้าที่ตากไว้ก่อนดีกว่า" อัญญาเดินไปเปิดประตูกระจกที่เป็นทางผ่านไปยังระเบียงห้อง แต่วันนี้ภาพตรงหน้าต่างเปลี่ยนไปจากทุกวันที่เคยเห็น เพราะหอพักที่อยู่ติดกันและห้องพักห้องตรงข้ามที่ว่างเปล่ามาหลายเดือนนั้นมีคนเข้ามาอยู่เสียแล้ว แต่สิ่งที่แปลกตามากกว่านั้นคือเพื่อนบ้านไม่ยอมใส่เสื้อ สายตาเลยมองเห็นกล้ามท้องของเขา ก็จะไม่ให้เห็นภาพคมชัดระดับเอชดีได้ยังไงล่ะคะคุณ ลองคิดภาพว่าคุณอยู่ในแหล่งชุมชนที่มีประชากรอยู่รวมกันค่อนข้างหนาแน่น และพื้นที่มีอยู่อย่างจำกัด ทำให้คนมีเงินทุนสร้างหอพักบนที่ดินขนาดพอเหมาะของตัวเองไว้ให้คนอยู่อาศัย บริเวณนี้จึงมีหอพักตั้งอยู่ติดกัน และห้องพักของอัญญาและชายหนุ่มที่กำลังเปลือยท่อนบนนั้นอยู่ห่างกันเพียงไม่ถึงยี่สิบเมตร แต่เลิกมองเถอะ เดี๋ยวเขาจะรู้ตัวและเข้าใจผิดว่าเธอเป็นโรคจิต เอ๊ะ หรืออาจจะเข้าใจถูก "นมสด มีคนมาอยู่ห้องต้องข้ามเราแล้ว อดไปนั่งเล่นรับลมตอนดึกๆ เลย" "เหมียว" นมสดร้องตอบพร้อมกับเดินพันขาอัญญาที่กำลังเก็บเสื้อผ้าใส่ตู้ "อะไรนมสด อ้อนจัง” ว่าแล้วเจ้านมสดก็เดินไปที่ระเบียง เพราะปกติจะเป็นเวลาที่ทาสอย่างอัญญาจะพาแมวเหมียวไปนั่งรับลมเย็นๆ และกินขนม  อัญญาทนลูกอ้อนไม่ไหว เพราะเจ้านายเดินกลับมาอ้อน ขาจึงต้องก้าวเดินไปหยิบขนมของลูกสาวขนปุยที่เธอรัก ก่อนจะออกไปนั่งเก้าอี้เล็กๆ ที่เธอจัดไว้สำหรับนั่งเล่น และมีโต๊ะเล็กๆ เป็นที่นอนของเจ้าตัวยุ่งด้วย เธอมักจะมานั่งที่ระเบียงและป้อนขนมนมสดเป็นประจำ แต่วันนี้เธอดึงผ้าสีขาวบางๆ ที่แขวนไว้สำหรับบังแดดและสายตาลงมา เพราะกลัวว่าจะรบกวนความเป็นส่วนตัวของตัวเธอเองและคนตรงข้ามที่ย้ายเข้ามาใหม่ แต่ระหว่างที่เธอกำลังจะเลื่อนผ้าปิดก็มีเสียงของใครสักคนดังขึ้นมา "ขอโทษนะครับ” “เหมียว” “เอ่อ... ขอโทษนะครับ" ชายหนุ่มห้องตรงข้ามเรียกอัญญา "คะ?" "สวัสดีครับ ผมเพิ่งย้ายมาใหม่ แถวนี้มีร้านข้าวตรงไหนตรงบ้างครับ มาถึงที่นี่ก็เย็นแล้ว เลยไม่ได้เดินสำรวจอะไรเลย" หนุ่มห้องตรงข้ามถามอย่างผูกมิตร "อ๋อ ร้านข้าว เดินไปหน้าปากซอยก็มีค่ะ แต่จากหน้าหอเลี้ยวไปทางขวามือก็มีร้านบะหมี่ แล้วก็มีร้านสะดวกซื้อด้วย" "เหมียว" “ขอโทษทีค่ะ แมวชอบเผือก” เธอรีบหันไปลูบหัวนมสดที่กำลังมองคนแปลกหน้าอย่างพิจารณา "ไม่เป็นไรครับ เมื่อตอนเย็นเจอกันแล้ว น่ารักนะครับ เห็นเค้านอนบนโต๊ะมองผมตลอดเลย แล้วไม่กล้าเค้ากระโดดลงมาเหรอครับ" "เค้าไม่กระโดดหรอกค่ะ มันสูง อีกอย่างเค้ารู้ภาษาค่ะ เค้ารู้ว่าห้ามออกจากห้อง" อัญญาอวดความแสนรู้ของนมสด แมวสุดที่รักของตัวเอง "ครับ ขอบคุณที่แนะนำร้านข้าวนะครับ" ชายหนุ่มห้องตรงข้ามบอกด้วยรอยยิ้ม และเป็นเวลาเดียวกันนี้เองที่อัญญาสังเกตว่าเขาไม่ได้โชว์เรือนร่างแล้ว “ไม่ต้องปิดม่านก็ได้ครับ เดี๋ยวผมก็ออกไปกินข้าวแล้ว ตามสบายเลยครับ" เขายิ้มปิดท้ายประโยค ก่อนจะหันหลังเดินเข้าห้องของตัวเองไป "นมสด เค้าก็เป็นมิตรดีนะ ดูไม่มีพิษภัย แล้วนี่นอนมองเค้านานเลยละสิ” อัญญาเดินมานั่งที่เก้าอี้ มือหยิบขนมป้อนนมสดไปด้วย แต่สายตาแอบมองห้องตรงข้ามที่กำลังปิดไฟแล้วเดินออกจากห้องไป แต่แล้วอยู่ๆ ภาพของกฤษนัยกับรอยยิ้มหวานๆ นั้นก็โผล่เข้ามาในห้วงความคิดโดยไม่มีสัญญาณเตือน หน้าตากวนประสาทของเขาก็โผล่ขึ้นมาโดยที่เธอไม่รับเชิญ จนเธอต้องรีบเบี่ยงเบนความสนใจด้วยการหยิบโทรศัพท์มือถือมาถ่ายรูปนมสดที่น่ารักกว่าคุณกฤษนัยล้านเท่า

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

Relazione เจ้าหัวใจสายใยรัก

read
4.1K
bc

เมื่อฉันแอบรักซุปตาร์นายเอกซีรีส์วาย

read
13.6K
bc

เล่ห์รักนายหัว

read
6.7K
bc

สะใภ้ขัดดอก

read
26.0K
bc

สวาทรักใต้เพลิงแค้น

read
14.3K
bc

ลุ้นรักสลับใจ

read
1K
bc

หวงรักเมียเด็ก

read
1K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook