ตอนที่8.มันก็แค่เรื่องบังเอิญ

1575 Words
“เอาแบบนั้นก็ได้ แต่ห้ามลืมนะยะ” พิมนาราพยักหน้า แล้วก็เดินตรงไปยังทิศทางที่มีป้ายบอกเป็นระยะ เธอกับมัดมุกมาสัมมนาเรื่องการพัฒนาแผนการสอนให้กับเด็กนักเรียนชั้นประถม ซึ่งเป็นการพัฒนาแบบการเรียนรู้ของการเรียนการสอนในอนาคต “หากตัดเรื่องงานเลี้ยงตอนกลางคืนออกได้ งบประมาณคงไม่บานปลายแบบนี้หรอกนะ ฉันละเสียดายเงินจริงๆ” พิมนาราหันมาพูดกับมัดมุก ตอนที่ดูรายละเอียดเกี่ยวกับการสัมมนาจบ มัดมุกยิ้มให้ การคอร์รัปชันที่แฝงมาในแผนงานนี้ไม่มีทางแก้ไขได้ มันกลายเป็นวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาจากรุ่นก่อนๆ ผลประโยชน์น้อยนิดตกอยู่กับนักเรียน หากเทียบกับงบประมาณก้อนใหญ่ที่ถูกเบิกจ่ายออกไป “อย่าคิดมากน่า เธอคงไม่อยากถูกผู้ใหญ่เขม่นใช่ไหม” มัดมุกกระเซ้า “ฉันควรทำใจใช่มั้ยมุก” พิมนาราพึมพำ เธอทำใจไม่ได้สักทีกับระบบที่เอื้อให้ข้าราชการผู้ใหญ่ฉกฉวยผลประโยชน์จากเงินงบประมาณ แทนที่จะนำมาพัฒนาระบบการศึกษาเพื่อให้นักเรียนได้เพิ่มพูนความรู้ “เอาน่า สักวันต้องดีขึ้น ถ้าเราเลือกพรรคการเมืองที่ใส่ใจประชาชนมากกว่าผลประโยชน์ที่พวกเขาได้รับ” “ใช่!! ฉันจะไม่ยอมแพ้ ฉันรักอาชีพนี้ ฉันอยากเป็นครูมาตั้งแต่เด็ก ฉันจะไม่ยอมให้ผู้ใหญ่ไดโนเสาร์พวกนี้มาทำให้ความฝันของฉันพังลงหรอก” พิมนาราพูดปลุกปลอบใจตัวเอง เธอจะไม่ยอมถอยแล้วเปิดโอกาสให้ไดโนเสาร์ในกระทรวงศึกษาทำให้ระบบการเรียนการสอนถอยลงไปเรื่อยๆ ยังไงคนเหล่านั้นก็ไม่ได้มีอายุยืนยาวร้อยปีสักหน่อย ส่วนใหญ่ใกล้วันเกษียณ เลยเกิดความหวงอำนาจขึ้นมาดื้อๆ “ใช่แล้ว เราแค่รอโอกาสที่จะเปิดโปงคนเหล่านี้ ใจเย็นๆ เถอะ อีกไม่นานหรอก” มัดมุกตบหลังมือพิมนารา เธอและเพื่อนจะไม่มีทางเมินเฉยกับการฉ้อโกงซึ่งๆ แค่ตอนนี้เธอไม่มีหลักฐานเอาผิดคนพวกนี้เท่านั้น หากวันใดหาหลักฐานได้ มัดมุกสัญญา เธอจะเป็นคนเดินหน้าเอาเรื่องคนเหล่านี้ให้มารับผิดให้จงได้ “ว่าแต่...ผู้ชายคนเมื่อกี้หน้าคุ้นๆ จังเลย เธอแน่ใจนะมุกว่าไม่รู้จักเขา” มัดมุกสะดุ้ง!! จู่ๆ พิมนาราก็เปรยขึ้นมาลอยเหมือนนึกอะไรออก “มะ ไม่รู้สิ ฉันไม่รู้จักเขานะ” มัดมุกรีบปฏิเสธ หากสังเกตสักนิด พิมนาราย่อมรู้ หางเสียงของเธอสั่นพร่าทีเดียว “แต่ฉันคุ้นหน้า ‘เขา’ แบบบอกไม่ถูก มันติดอยู่ที่ริมฝีปากนี่เอง” พิมนาราเปรย ถึงจะไม่เห็นหน้าชายผู้นั้นจังๆ แต่แผ่นหลังของเขาก็คุ้นตาเธอแบบบอกไม่ถูก “อย่าสนใจเลย แค่คนที่บังเอิญผ่านมาเจอกันแค่นั้น” มัดมุกตอบเสียงแหบ ‘เขา’ ก็แค่คนที่บังเอิญผ่านมาเจอกัน มันเป็นได้แค่เรื่องบังเอิญ เกือบเจ็ดปีที่เธอกับกล้าตะวันไม่ได้เจอหน้ากัน เขาดูดีเหมือนเดิมไม่มีผิด มีสิ่งเดียวที่แตกต่างไป ‘แววตา’ ของเขาที่มองเธอ เต็มไปด้วยความเย้ยหยันและดูแคลน “ตอนเย็นไปเดินถนนคนเดินกันนะ ฉันเบื่ออาหารโรงแรมแล้ว” พิมนารากระซิบชวน มัดมุกพยักหน้าเห็นด้วย ไหนๆ ก็ได้ออกมานอกสถานที่ทั้งที เธอควรได้มีโอกาสเปิดหูเปิดตาบ้าง การอุดอู้อยู่แต่ในห้องพักยิ่งทำให้เธอเครียดหนักขึ้น การเจอกับคนคนนั้นทำให้ตะกอนในใจของมัดมุกกระจัดกระจายขึ้นมา เธอแอบระบายลมหายใจเพื่อลดความอึดอัด นับตั้งแต่วินาทีที่สบตาเขา เจ็ดปีแห่งความทรมานก็เพิ่มมากขึ้นจนน่าตกใจ เธอยังคงมีความรู้สึกเดิมไม่เปลี่ยนแปลง มัดมุกยิ้มสมเพชตัวเอง จนป่านนี้แล้ว เธอยังคงเก็บหัวใจดวงเดิมไว้เพื่อรอเขา รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ ความรู้สึกที่แตกสลายไปแล้ว ยากที่จะประกอบกลับมาเหมือนเก่า ผู้หญิงนัยน์ตาเศร้าอายุสิบแปดปีคนนั้น ก็ยังคงยืนอยู่ที่จุดเดิม ทั้งที่แน่ใจว่า คนที่เดินจากไปจะไม่มีทางเดินย้อนกลับมา มัดมุกจับใจความอะไรไม่ได้เลย เสียงที่เธอได้ยินผ่านเข้ามาในรูหูข้างซ้าย และทะลุออกไปทางรูหูด้านขวา เธอถอนใจถี่ๆ หากนับครั้งจริงๆ อาจจะเกินร้อยครั้ง เธอแอบขอโทษพิมนาราและผู้ร่วมสัมมนาในใจ เธอดึงสมาธิให้จดจ่อกับเรื่องที่ผู้บรรยายพูดให้ฟังไม่ได้จริงๆ มันน่าสมเพชตัวเองนัก!! “เป็นห่าอะไรไปอีกวะ มาเที่ยวทั้งที สีหน้าเหมือนจับได้ว่ามีคนในกำลังฉ้อโกงบริษัท” ทัพทองทักกล้าตะวัน ที่เดินหน้าตึงมากระแทกตัวนั่งข้างๆ เขาเลื่อนแก้วไวน์ที่เพิ่งรินน้ำสีแดงชาดใส่ลงไปหมาดๆ ให้ “นั่นสิ มีคนขัดใจมึงหรือไงไอ้ตะวัน” คิมหันต์กระดกแก้วไวน์จ่อปากหลังพูดจบ “มึงเชื่อเรื่องบังเอิญไหมวะ” กล้าตะวันเปรยลอยๆ เขาฉวยแก้วไวน์มากรอกใส่ปากรวดเดียว “เบาได้เบาเพื่อน ยังหัววันอยู่เลยนะ” ทัพทองรีบปราม ท่าทางกล้าตะวันเหมือนคนอยากเมา พอกรอกไวน์แก้วนั้นหมด เขาก็ฉวยขวดไวน์มารินใส่แก้วใบเดิม และกระดกดื่มไม่บันยะบันยัง “นี่ไวน์ขวดละสองหมื่นนะเพื่อน ดื่มเหมือนดื่มน้ำเปล่า มันจะทำให้เสียของโว้ย ไวน์แบบนี้เขาต้องค่อยๆ ละเลียดสิวะ” “มึงสั่งบรั่นดีให้กูเถอะ ไวน์แค่นี้ไม่ทำให้กูเมาได้แน่ๆ” กล้าตะวันหันมาพูดเสียงแข็ง “มึงอยากเมาเหรอวะ” คิมหันต์ถามเสียงเข้ม “เออ” กล้าตะวันตะคอกกลับ “ได้ เดี๋ยวกูเมาเป็นเพื่อนมึงเอง” อาการตาขวางเหมือนสุนัขบ้าแบบนี้ บางทีคนที่กล้าตะวันเพิ่งเจอมาอาจเป็น ‘ผู้หญิง’ คนนั้น คนที่ผ่านมาเจ็ด แปดปีแล้วกล้าตะวันก็ยังสลัดเงาหล่อนออกไปจากใจไม่หมดสักที ทัพทองมองสบตาคิมหันต์ แล้วก็แอบพยักหน้าให้กันเงียบๆ การง้างปากกล้าตะวันเพื่อให้เพื่อนยอมคายความคับข้องในใจออกมา ก็แค่มอมให้หนัก ไม่อย่างนั้นกล้าตะวันไม่มีทางยอมเปิดปากแน่ๆ ตอนที่9.ความรู้สึกที่บอกไม่ถูก “มึงเจอยัยนั่นมาเหรอวะ?” คำถามแรกหลังบรั่นดีดีกรีแรงแบบล้มม้าได้หมดไปเกือบสองขวด “เออ กูไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรอก แม่นั่นอาจวางแผนไว้แล้ว” กล้าตะวันพูดเสียงยานคาง น้ำเสียงอ้อแอ้ฟังแทบไม่รู้เรื่อง “อ้อ หล่อนคงวิ่งถลาใส่มึงเลยสินะ” ทัพทองลองหยอดอีกหนึ่งคำถาม กล้าตะวันเม้มปาก ยกมือตบโต๊ะดังปัง!! “เหอะ มึงคิดว่ากูอยากแตะตัวหล่อนหรือไงวะ!!” กล้าตะวันตะคอกจนน้ำลายกระเด็น แววตาของเขาเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา คงทั้งรัก ทั้งแค้น แถมพยายามบอกตัวเองว่าเขาเกลียดเธอ “กูจะไปรู้ใจมึงได้ไง” คิมหันต์พูดลอยๆ “เชอะ!!” กล้าตะวันกระแทกเสียงใส่ “หล่อนทำเหมือนกับว่าขยะแขยงกู ไม่แม้แต่จะให้แตะต้องทั้งๆ ที่ล้มจนหัวเข่าแตก” กล้าตะวันพึมพำ “มึงคิดว่ากูอยากแตะต้องหล่อนหรือไง กูเองก็ขยะแขยงผู้หญิงหิวเงินคนนั้นจะตายไป” น้ำเสียงที่เพิ่มขึ้นตามความพลุ่งพล่านของอารมณ์ คิมหันต์ส่ายหน้า “ไอ้ปากแข็ง” “มึงแน่ใจนะว่าผู้หญิงคนนั้นโลภ อยากได้เงินของแม่มึงจริงๆ” ทัพทองลองหยอดคำถาม ความสงสัยของเขาเองก็ค้างคาอยู่ในใจมาตลอดแปดปี หากมัดมุกโลภมากแบบนั้น การจับกล้าตะวันให้มั่น หล่อนน่าจะกอบโกยได้มากกว่า การรับเงินก้อนจากมารดาของกล้าตะวัน ในเมื่อขณะนั้น กล้าตะวันลุ่มหลงมัดมุกมาก ขนาดชี้นกแล้วบอกว่าไม้ กล้าตะวันก็คงคล้อยตาม “กูเห็นด้วยตาตัวเองนะโว้ย” กล้าตะวันตะโกนลั่น “มันก็ไม่ได้หมายความตามนั้นนี่หว่า ยัยนั่นไม่ได้โง่สักหน่อย หากเป็นกู เงินแค่นั้นก็ไม่ยอมสลัดมึงทิ้งหรอก เพราะหากกูยอมอดทนอีกหน่อย สมบัติทั้งหมดของตระกูลวรรธนะภูดิษฐ์ก็จะต้องตกเป็นของมึงทั้งหมด ลูกชายคนเดียวนะโว้ย!! พ่อ แม่มึงไม่มีทางตัดมึงออกจากกองมรดกหรอก” กล้าตะวันชะงัก เขานั่งนิ่งๆ พยายามรวบรวมสติที่กระจัดกระจายกลับคืนมา “มึงคิดแบบนั้นจริงๆ เหรอวะ” เสียงและความโกรธของเขาลดลงฮวบฮาบ “กูก็คิดเหมือนไอ้ทัพมันว่ะ” คิมหันต์พูดสนับสนุน “กูจะพิสูจน์ให้พวกมึงรู้ กูไม่ได้คิดผิด” กล้าตะวันพึมพำ คิมหันต์หัวเราะคนแรก จากนั้นทัพทองก็หัวเราะตาม เหมือนกับทั้งสองหนุ่มคิดอะไรดีๆ ออก กล้าตะวันแสยะยิ้ม แล้วก็ทิ้งตัวนอนแผ่ “อย่ามาหัวเราะใส่หน้ากู กูไม่ได้ซมซานกลับไปหาหล่อนสักหน่อย” เสียงพึมพำนั่นแผ่วเบาแทบไม่ได้ยิน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD