ตอนที่7.ก่อนพายุลมถล่มมักจะสงบเงียบ2

1573 Words
พะยอมเปิดร้านข้าวแกง มีลูกค้าหนาตา สองป้าหลานเลยไม่ลำบากเรื่องรายได้ แม้จะมีเงินทุนก้อนใหญ่ที่เพียงออจับยัดใส่มือมัดมุกมา สองป้าหลานก็ไม่ได้แตะเงินก้อนนั้นเลยสักสตางค์แดงเดียว “โอ้ย...ฉันหิวข้าวขึ้นมาติดหมัดเลย เธอน่ะชอบเอากับข้าวอร่อยๆ มายั่ว ฉันละตัดสินใจไม่ผิดเลย ที่เลือกมาสอนที่โรงเรียนนี้เหมือนเธอ” ตอนที่เลือกฝึกสอน พิมนาราก็เลือกไปฝึกสอนที่เดียวกับมัดมุก สองสาวทำตัวติดกัน จนเกิดคำครหา ซึ่งทั้งพิมนาราและมัดมุกไม่ได้ใส่ใจ เธอกับพิมนารามีสถานะไหนต่อกัน “เธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมุกเลยนะ พิม” “แน่ละสิ เธอหาเพื่อนที่ดีกว่าฉันไม่ได้แล้วละ” พิมนาราพูดพร้อมกับยิ้ม “เธอสองคนแอบอู้อีกแล้วสินะ” นิตยาเดินผ่านไป แล้วก็ทิ้งคำพูดแย่ๆ ไว้ให้พิมนารา มัดมุกส่ายหน้า “ฉันพยายามไม่สนใจแม่นั่นแล้วนะ ชุดความคิดอุบาทว์มาก จ้องจับผิดคนอื่นที่หนึ่ง” “คนเราเหมือนกัน โลกก็เงียบเหงาสิพิม” มัดมุกกระซิบ “เธอเห็นประกาศของ ผอ. หรือยังยะ” นิตยาตะโกนถาม พิมนาราไหวไหล่ “ฉันมัวแต่แอบอู้น่ะ เลยยังไม่ทันได้เห็น คนสาระแนแบบเธอคงเห็นแล้วสินะ” คำสัพยอกของพิมนารา เกือบทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกันขึ้น โชคดีที่ ผอ. เดินผ่านประตูเข้ามา บรรยากาศมาคุ เลยสงบลงได้ “เตรียมตัวให้พร้อมนะ อาทิตย์หน้ามีสัมมนานอกสถานที่” “ที่ไหนเหรอคะ ผอ.?” พิมนารามถาม “ทะเล” ผอ. ตอบแล้วก็เดินเลยไป มัดมุกกลอกตามองบน เอกสารบนโต๊ะกองสูงท่วมศีรษะ เธอยังเคลียร์ไม่ทัน นี่ต้องเสียเวลาเปล่าๆ กับการสัมมนาที่เน้นเรื่องเที่ยว มากกว่างานเชิงวิชาการ “งบมันเหลือ ต้องรีบใช้ให้หมด เมื่อไหร่วัฒนธรรมแบบนี้จะหมดไปสักทีนะ” มัดมุกอดบ่นไม่ได้ งานสอนก็ล้นมือ แถมงานเอกสารก็ทำแทบไม่ทัน ใครบอกเป็นครูแล้วสบาย มีวันหยุดเยอะแยะต่อปี แต่ความจริงที่คนทั่วไปไม่รู้ แม้โรงเรียนปิดเทอม ไม่มีนักเรียนมาโรงเรียน แต่บรรดาครูก็ยังมีงานเอกสารรอให้สะสาง “ตะวัน พรุ่งนี้ไปพักสมองกับพวกกูไหมวะ” ทัพทองโผล่หน้าเข้ามาในห้องทำงานของเพื่อน แล้วก็ถามเสียงลั่น กล้าตะวันที่กำลังเคร่งเครียดกับเอกสารสำคัญในมือละสายตาแล้วก็เงยหน้ามอง เขาส่ายหน้า “ไม่ละ ขอเคลียร์เอกสารพวกนี้ให้หมดก่อน” “เห้ย!! คนนะไม่ใช่หุ่นยนต์ มึงควรให้ตัวเองมีเวลาพักบ้าง” คิมหันต์ทวง นับตั้งแต่กลับมาจากต่างประเทศ รวมเวลาสามเดือนเต็มที่กล้าตะวันรับช่วงต่อจากบิดา เขาทำงานไม่พักเลย จนร่างกายทรุดโทรมลงอย่างเห็นได้ชัด “แต่...” “กูไม่รับคำปฏิเสธ กูกับไอ้คิมจองโรงแรมไว้แล้ว” ทัพทองพูดหน้าตาย พร้อมกับจ้องหน้ากล้าตะวันไปด้วย “มึงก็รู้ งานกูยุ่งแค่ไหน” กล้าตะวันท้วง “แล้วงานกู มันไม่ยุ่งงั้นสิ” คิมหันต์ชะโงกหน้ามาพูด “เออ ก็ได้วะ แต่กูไม่ปิดโทรศัพท์นะ” กล้าตะวันฝืนพยักหน้า เขาเองก็ล้าไม่น้อย ความจริงเขาควรให้ตัวเองมีเวลาพักสมองบ้าง เขาใช้ร่างกายหนักเกินไปแล้วจริงๆ “กูบอกก่อนเลยนะ มึงไม่ปิดโทรศัพท์ได้ แต่ห้ามเอาแล็ปท็อปไปด้วย” คนที่นอนเอาหมอนปิดหน้าส่งเสียงพูดออกมา ทัพทองหัวเราะ “กูเห็นด้วย” “งั้นกูไม่ไป” กล้าตะวันพูดโดยไม่สบตาเพื่อนสักคน “เห้ย! ได้ไงวะ มึงรับปากกูแล้ว” ทัพทองโวย คิมหันต์ก็เช่นกัน เขาผุดลุกขึ้นนั่ง “มึงเอาไปด้วยก็ได้ แต่ได้แค่ถือเอาไว้นะ ห้ามเปิด!!” คิมหันต์ยื่นข้อเสนอ พร้อมกับยิ้มแผล่ “กูเกลียดมึง” กล้าตะวันตะคอกใส่ เขารู้ว่าเพื่อนหวังดี อยากให้เขาได้ผ่อนคลายบ้าง กล้าตะวันยอมรับ การกลับมาเยือนถิ่นเกิดอีกครั้ง ทำให้ตะกอนในใจของเขาคละคลุ้งขึ้นมา ความคิดถึงที่กล้าตะวันเคยคิดว่าหายไปหมดสิ้นแล้ว แท้จริงยังคงเหลืออยู่ เขาคิดถึงผู้หญิงคนนั้นแทบคลั่ง เลยตั้งใจโฟกัสแค่งาน เพื่อให้ลืมๆ ความรู้สึกเช่นนั้นไป มันช่วยได้แหละ...แต่ก็แค่ชั่วคราว กล้าตะวันสูดลมหายใจลึกๆ “บางที คงถึงเวลาที่กูต้องหาใครสักคนมาอยู่ข้างกายแล้วละ” เขาพึมพำ ไม่ได้อยากได้คำตอบหรือแรงสนับสนุนจากใครเลย คิมหันต์กับทัพทองมองหน้ากัน พวกเขารู้คำตอบดี ไม่มีทางที่กล้าตะวันจะทำเช่นนั้นได้ หากในใจของเขา ยังสลัดภาพมัดมุกออกไปไม่หมด ตอนที่8.มันก็แค่เรื่องบังเอิญ หลังจากที่รับประทานอาหารกับเพื่อนสนิทไปได้สักพัก กล้าตะวันก็รีบเดินออกไปด้านนอกเพื่อรับสายสำคัญ เขาใช้เวลาเกือบสามสิบนาที แต่พอคุยเสร็จและกำลังจะเดินกลับเข้ามาในร้านอาหาร ก็บังเอิญชนเข้ากับใครบางคนเข้าอย่างจัง “อ่ะ! ว้าย!” มัดมุกอุทานด้วยความตกใจ มันไม่เหมือนที่เธอคิดเอาไว้ ชายแปลกหน้าที่ชนเธอ เขาควรคว้าเธอไว้เหมือนกับฉากโรแมนติกในซีรี่ย์ที่เธอชอบดูเวลาว่าง แต่เปล่าเลย! เธอหงายหลังล้มก้นจ้ำเบ้าและหัวก็เกือบจะฟาดกับพื้น ตึบ! “เป็นอะไรไหม เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” น้ำเสียงห้วนสั้น ไม่มีความห่วงใยในน้ำเสียงนั้นสักนิด แถมหางเสียงยังกระตุก เหมือนชายผู้นี้ไม่พอใจเธออย่างแรง “เจ็บสิคะ พื้นคอนกรีตนะคะ ไม่ใช้พื้นพรม” มัดมุกเงยหน้าขึ้นมองแล้วก็ชะงักไปนิดหน่อย ทันทีที่เธอเห็นโครงหน้าชายแปลกหน้าชัดเต็มสองตา รอยยิ้มที่ผุดขึ้นมุมปากของเขา เกือบทำให้มัดมุกถอยหลังหนี ทั้งๆ ที่เธอนั่งอยู่บนพื้นคอนกรีตนั่นแท้ๆ “ไปหาหมอไหม ความจริงฉันจ่ายค่ายาให้เธอเลยก็ได้นะ จะได้ไม่เสียเวลาทั้งเธอและฉัน” กล้าตะวันสอดมือล้วงกระเป๋ากางเกง ปรายหางตามองหญิงตรงหน้าที่เงยหน้ามองเขาด้วยแววตาผสมความตกใจนิดๆ “ขอบคุณ ไม่ต้องหรอกค่ะ แผลแค่นี้ไม่ได้ทำให้มุกเจ็บเลย” มัดมุกตอบเสียงห้วนเช่นกัน ในสายตาของเขา เธอคงเป็นผู้หญิงหิวเงินไม่เลิกสินะ “...” กล้าตะวันก้มมอง พลางแสยะยิ้มมุมปาก ท่าทางไม่ยี่หระแม้แผลที่หัวเข่าของเธอจะเริ่มมีลิ่มเลือดไหลซึมออกมา เขาไม่มีทางเชื่อมารยาจอมปลอมของเธอ อดีตครั้งนั้นย้ำเตือนในใจ เขาเกือบจะคิดว่าเธอแตกต่าง ความทระนงของเธอที่เคยสัมผัส แต่สุดท้ายแล้วมัดมุกก็เป็นเหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่พยายามจะเข้าหาทุกวิถีทางเพื่อเงิน “เธอคงรู้นะ จะเจอฉันได้ที่ไหน หากเธอต้องการค่ารักษาพยาบาล” กล้าตะวันเปรยเสียงแข็ง เขาไม่ควรใส่ใจหญิงผู้นี้อีกต่อไปแล้ว ความเจ็บปวดของเขาที่คิดว่าหายเป็นปลิดทิ้งไปนั้น แท้จริง เขายังคงเจ็บปวดเหมือนเช่นเดิม “ขอบคุณค่ะ ไม่จำเป็น” มัดมุกทรงตัวยืน เธอก้มมองแผลบนหัวเข่า ไม่ได้สนใจว่ากล้าตะวันยังยืนอยู่ที่เดิมหรือเปล่า เธอพยายามแสดงความเข้มแข็งให้เขาเห็น เธอไม่มีทางให้เขารู้หรอก ความบังเอิญครั้งนี้ทำให้เธอเจ็บปวดได้มากแค่ไหน หยดน้ำตาที่ไหลมารวมกันในกรอบดวงตานั้นจวนเจียนจะหยด มัดมุกสูดลมหายใจลึกๆ พยายามสะกดรอยน้ำตาไว้ ไม่ให้ไหลออกมาประจานความอ่อนแอของตัวเอง เธอไม่ใช่เด็กผู้หญิงอายุสิบแปดปีคนนั้นแล้ว ผู้หญิงที่บูชาความรัก ยอมให้คนรอบตัวตราหน้าว่าเป็นคนเห็นแก่ได้ เพราะเธออยากให้ชายผู้นั้นมีอนาคตที่ดีกว่า การจมปลักอยู่กับผู้หญิงจนๆ อย่างเธอ “มุกเป็นอะไร เจ็บไหม?” เสียงแหลมสูงของเพื่อนที่มาร่วมสัมมนาพร้อมเธอดังขึ้น มัดมุกเงยหน้าฝืนยิ้มให้ รอยยิ้มของเธอค่อยๆ จางลง กล้าตะวันไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว เขาคงเกลียดเธอเข้าไส้ ถึงได้จากไปแบบไม่มีแม้แต่คำลา “เจ็บสิ ล้มลงไปกระแทกพื้นแบบนั้น ไม่เจ็บได้ไง” มัดมุกพึมพำตอบ “เดินยังไงให้ล้มเหอะ!!” พิมนารากระซิบดุ พร้อมกับดึงแขนของมัดมุกให้ออกเดิน “มันเป็นอุบัติเหตุน่ะ” มัดมุกรีบขืนตัวเอาไว้ พลางล้วงกระเป๋าหยิบซองทิชชูที่เธอชอบพกติดตัวออกมาซับรอยเลือด “แวะหายางล้างแผลสักนิดดีไหม” พิมนาราไม่วายเป็นห่วง “อย่าเลย เสียเวลา แผลเท่านี้มุกไม่มีทางตายหรอกน่า” มัดมุกส่ายหน้า พร้อมกับยืดตัวตรง “ฉันเกรงว่าหากเธอไม่รีบหายากิน คืนนี้คงระบมไม่น้อย” พิมนาราติง ไม่เห็นด้วยกับความคิดของเพื่อนสนิท “ประชุมเสร็จ ค่อยหายากินทีหลังก็ได้” มัดมุกฝืนตัว แสร้งร่าเริงจนพิมนาราคลายความกังวล
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD