ตอนที่1. ความแตกต่างของชาติกำเนิดตอนที่ไม่มีชื่อ
ตอนที่1. ความแตกต่างของชาติกำเนิด
“ยัยนั่น ยังกล้ามาโรงเรียนด้วยเหรอหึ!!”
“คนจนก็งี้แหละ หวังรวยทางลัด น่ารังเกียจชะมัด”
ความจริงมัดมุกควรชินได้แล้วกับคำครหาที่เกิดขึ้นในช่วงสองเดือนหลังมานี่ หลังจากที่เธอกับกล้าตะวัน ลูกชายผู้มีพระคุณของเธอเปิดตัวว่ากำลังคบหากัน ความแตกต่างเรื่องฐานะกับชาติกำเนิด แถมชายผู้นั้นยังเป็นขวัญใจของเด็กสาวทั้งโรงเรียน ผลลัพธ์นั่นเลยทำให้เกิดแรงกระเพื่อมมหาศาล เธอซึ่งถูกเย้ยหยันมานาน เท่ากับวันเวลาที่เธอมาเป็นนักเรียนทุนของโรงเรียนชื่อดังแห่งนี้ วันนี้เธอตกที่นั่งลำบากกว่าเก่า
“ทำไมมานั่งคนเดียวหะ”
กล้าตะวันทรุดนั่ง วางจานอาหารมื้อเช้าลงและมองสบตากับมัดมุกตรงๆ แววตาที่เคยสดใสแฝงความเศร้าจนเขารู้สึกใจหาย
“มุกบอกแล้วนี่คะ คุณไม่ควรทำแบบนี้ที่โรงเรียน” มัดมุกตอบ แล้วก็ผ่อนลมหายใจยาวเหยียด
เป็นความคับข้องใจที่เธอพยายามไม่แสดงออก เธอควรรู้สิ กล้าตะวันที่เธอรู้จักเขาเป็นคนแบบไหน เขาเป็นบุตรชายคนเดียวของตระกูลวรรธนะภูดิษฐ์ ที่มั่งคั่งจนไม่มีใครกล้าแหย็มไม่ว่าเมื่อก่อนที่เขาจะทำตัวแย่ขนาดไหน กล้าตะวันก็ยังสามารถเป็นนักเรียนในโรงเรียนที่ค่าเทอมแพงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศแห่งนี้ได้
แล้วทำไมเธอถึงมาเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ได้นะเหรอ ทั้งๆ ที่มัดมุกเป็นแค่หลานสาวกำพร้าของ สายชล และครอบครัวมีฐานะยากจนสุดๆ
ก็เพราะว่า...เธอเป็นเด็กอุปถัมภ์ของครอบครัวตระกูลวรรธนะภูดิษฐ์ไงละ เด็กสาวกำพร้าที่ได้รับความเมตตาของผู้มีพระคุณทั้งสองท่าน และตอนนี้เธอกำลังทำตัวเลว เนรคุณความหวังดีของพวกเขา ด้วยการอาจเอื้อมเป็น ‘คนรัก’ ของบุตรชายคนเดียวของพวกเขานั่นเอง
“ฉันพอใจแบบนี้นี่” กล้าตะวันลอยหน้าตอบ
แล้วก็ลากจานข้าวที่มัดมุกกินค้างไว้ มากินต่อหน้าตาเฉย
“อย่าทำแบบนี้สิคะ” มันมุกท้วง เสียงแฝงความเหนื่อยล้า
“คุณพ่อเรียกเธอไปดุอีกแล้วเรอะ” กล้าตะวันผลักจานข้าวออกห่าง สีหน้าบึ้งตึงขึ้นเล็กน้อย
“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ” มัดมุกรีบแก้ต่าง
ความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยลงรอยกันของผู้นำตระกูลกับบุตรชายไม่ควรห่างกันมากขึ้นเพราะเธอเป็นต้นเหตุ
“อย่าปิดบังฉันเลย ฉันเองก็ไม่ได้ชอบให้เป็นแบบนี้สักหน่อย แต่ตอนนี้ฉันยังทำอะไรไม่ได้ ฉันยังไม่โตพอที่จะปกป้องเธอได้นะมุก” กล้าตะวันเปรย เขายกมือกอดอก คิดหาทางออกดีๆ สำหรับตัวเองและมัดมุก “ไปเรียนต่อเมืองนอกพร้อมฉันเถอะมุก”
มัดมุกเงยหน้ามอง พร้อมกับฝืนยิ้มให้ “ไม่ดีกว่าค่ะ”
“ทำไม!!” เสียงห้วนสั้นที่มัดมุกชินแล้ว ทุกครั้งที่กล้าตะวันไม่พอใจ เขาจะชักสีหน้าและพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงเช่นนี้
“จำได้ไหมคะ คนรอบตัวเรา กำลังจับตามองความสัมพันธ์ของมุกกับคุณอยู่ หากมุกทำแบบนั้น มุกก็คงไม่เหลือศักดิ์ศรีอะไรแล้วค่ะ” มัดมุกพยายามอธิบายให้กล้าตะวันเข้าใจ ผู้หญิงฐานะแบบเธอ เข้าหาเขา ไม่มีใครคิดในแง่ดีหรอก มัดมุกแค่อยากเหลือพื้นที่ให้ตัวเองพอหายใจได้เท่านั้นเอง
“เธอมีข้อเสียข้อเดียวที่ขัดใจฉันที่สุดรู้ใช่ไหมมุก”
กล้าตะวันตอบเสียงกระแทก
มัดมุกฝืนยิ้ม “หากมุกตามใจคุณทุกอย่าง มันจะแย่ไปกันใหญ่สิคะ กินอะไรดีคะ เดี๋ยวมุกไปซื้อมาให้” มัดมุกเปลี่ยนเรื่องพูด วันดีๆ เช่นนี้บรรยากาศไม่ควรมาเสียเพราะเรื่องหยุมหยิม
“อะไรก็ได้ เอาสตางค์ที่ฉันไปสิ”
“เล็กน้อยเองค่ะ มุกพอมี ไม่ต้องหรอกค่ะ” มัดมุกปฏิเสธแล้วก็เดินเลยไปที่ร้านอาหารที่ทางโรงเรียนมีไว้บริการ เธอสั่งข้าวราดกับข้างรสอ่อนๆ ให้กล้าตะวัน ก่อนจะถือเดินมาส่งให้เขา
“ความจริง กินข้าวเช้าที่บ้านฉัน แล้วมาพร้อมกัน เธอน่าจะประหยัดได้มากกว่านะ” กล้าตะวันท้วง พลางยื่นมือไปรับจานอาหารจากมือมัดมุก
มัดมุกทรุดนั่งไม่ได้ทักท้วงอะไร กล้าตะวันเสียอีกที่ร้อนตัว จนต้องรีบแก้ตัวเสียงลนลาน
“ฉันรู้ ฉันตื่นสาย แต่เธอแก้ไขเรื่องแบบนั้นได้นี่” มัดมุกอาศัยอยู่ใต้ชายคาบ้านวรรธนะภูดิษฐ์ด้วย ปัญหาเรื่องนี้ไม่เกิดขึ้นแน่ หากคนที่ปลุกให้กล้าตะวันตื่นคือมัดมุก
“มุกมาเองได้ค่ะ แล้วค่าอาหารก้ไม่ได้แพงอะไร”
เธอมีเงินเดือนประจำในฐานะเด็กที่ครอบครัววรรธนะภูดิษฐ์อุปถัมภ์ เงินนั่นเธอใช้จ่ายได้อย่างสบายไม่ได้อัตคัดอะไรเลย
“แต่กับข้าวที่นี่รสชาติหมาไม่แดกนะ” กล้าตะวันอดบ่นไม่ได้
“เพราะคุณเคยกินแต่อาหารดีๆ ไงคะ เลยไม่ชินกับอาหารพื้นๆ ที่คนทั่วไปชินชา” มัดมุกติงแบบไม่กล้าสบตากล้าตะวัน บุตรชายคนเดียวที่เป็นทายาท คนที่อนาคตจะเป็นผู้สืบสานกิจการของวรรธนะภูดิษฐ์ต่อ คนที่ไม่เคยลำบาก คาบช้อนทองมาเกินตั้งแต่วันแรกที่ลืมตาดูโลก
“ฉันก็กำลังพยายามอยู่นี่ไง” กล้าตะวันตอบเสียงผสมความไม่สบอารมณ์
เขาชอบเด็กสาวตรงหน้า นับถือความมานะของเธอ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจำเป็นต้องปรับตัวตามเธอไปเสียทุกเรื่อง
“อย่าพยายามเลยค่ะ คุณใช้ชีวิตเป็นคุณต่อไปเถอะค่ะ”
“เธอพูดแบบนี้หมายความว่าไงหะ!!” กล้าตะวันกระชากเสียงถาม
มัดมุกเงยหน้าฝืนยิ้มให้ “หมายความตามที่มุกพูดนั่นแหละค่ะ คุณไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อมุก คุณเคยทำตัวแบบไหน ก็ทำเหมือนเดิมนั่นแหละค่ะ”
“ฉันไม่เข้าใจ”
“คุณไม่จำเป็นต้องพยายามไงคะ”
“เธอต้องการบอกอะไรฉันมัดมุก” เสียงของกล้าตะวันเข้มขึ้น
“คุณตะวันคะ ฟังมุกนะคะ ตอนนี้เราสองคนควรโฟกัสที่การเรียนมากกว่า ยังไม่ถึงเวลาที่มุกกับคุณจะมาใส่ใจเรื่องที่มันไกลตัวเลย” มัดมุกพยายามดึงสติทั้งของเขาและของเธอ เธอกับกล้าตะวันยังไม่ควรไขว้เขวเพราะเรื่องความอ่อนไหวทางอารมณ์ที่ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ตอนนี้ดีขึ้นเลย
“พ่อฉันเรียกเธอไปด่ามาสินะ”
มัดมุกถอนใจแรงๆ “คุณท่านแค่เตือนให้มุกรู้จักตัวเองดีขึ้นค่ะ”
“เหอะ!!” กล้าตะวันพ่นลมหายใจผ่านช่องจมูกแรงๆ “เธอพูดเหมือนฉันโง่ จนไม่รู้จักนิสัยของพ่อฉันดี”
“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ ท่านแค่หวังดี”
“พ่อฉันไม่มีทางหวังดีกับเรื่องที่ฉันทำนี่หรอก” กล้าตะวันตอบเสียงกระแทก
“ท่านพูดถูกนะคะ ตอนนี้มุกควรโฟกัสแค่เรื่องเรียน”
“ฉันไม่ได้โง่นะมุก พ่อฉันแค่อยากแยกเธอกับฉันเท่านั้นแหละ”
“หลังสอบ ค่อยมาคุยกันนะคะ แต่หากคุณต้องไปเรียนต่อ มุกคิดว่าคุณควรรับไว้พิจารณา อนาคตของคุณไม่ควรถูกมุกรั้งไว้”
“เราจะคุยกันเรื่องนี้อีกทีแล้วกัน ตอนนี้ฉันยังไม่อยากอารมณ์เสีย”
กล้าตะวันตัดบท เขาตั้งข้าวใส่ปาก แววตาเต็มไปด้วยความคิด
มัดมุกแอบผ่อนลมหายใจ เธอกับชายตรงหน้า ระยะห่างเพิ่มขึ้นจนน่าใจหาย
“เธอคิดไว้หรือยัง เธอจะไปเรียนอะไรต่อ” กล้าตะวันอดถามไม่ได้
ไม่มีความเป็นไปได้เลยที่มัดมุกจะยอมตามใจเขา ผู้หญิงตรงหน้าแบกศักดิ์ศรีไปเต็มบ่า ทั้งที่ตัวเองจน จนน่าสมเพช มัดมุกไม่มีความทะเยอะทะยาน ในแววตาของเธอไม่มีความโลภ เขาชอบความทระนงตัวของเธอแบบนี้แหละ และเพราะนิสัยเย่อหยิ่งแบบนี้ของเธอ เขาถึงสนใจเธอเป็นพิเศษ
มัดมุกยิ้มจางๆ “ยังเลยค่ะ ยังตัดสินใจไม่ได้” ความจริงเธอไม่ได้คิดเรื่องอนาคตนักหรอก ตัวเลือกของเธอมีไม่มาก มันติดขัดไปเสียทุกอย่างเลยพยายามใจเย็น และขอตัดสินใจในนาทีสุดท้าย
“ระดับเธอ สอบที่ไหนก็ติดแหละ” กล้าตะวันไม่ได้ชม มัดมุกเป็นคนเรียนดี ระดับของเธอไม่เคยตก คะแนนดีจนแม้แต่บิดาปากหนักของเขายังชมให้ฟังบ่อยๆ
“คุณละคะ คิดแล้วหรือยัง”
“ฉันต้องคิดด้วยหรือหะ พ่อฉันคงจัดการไว้ให้หมดแล้วละ” กล้าตะวันเปรยแล้วก็ถอนใจ ใครว่าเป็นทายาทเศรษฐีแล้วสบาย สำหรับเขาแล้ว มันน่าเบื่อแทบขาดใจทีเดียว บนถนนชีวิตของเขาถูกกำหนดไว้หมดแล้ว และการที่เขาแหกคอก คือการระบายความอึดอัดแบบที่บิดาไม่กล้าทักท้วง