สะโพกเริ่มเคลื่อนไหว มันเป็นความรู้สึกที่แปลกใหม่ของทั้งคู่ ใครจะคิดละว่าไอ้เรื่องบนเตียงที่ตรีศูลผ่านมานักต่อนัก มันจะรู้สึกดีมากถึงขนาดนี้ ร่างกายของเขาและเธอเข้ากันได้ดีอย่างน่าเหลือเชื่อ จะเป็นไปได้อย่างไรกัน ที่ผ่านมาชายหนุ่มไม่เคยเจอความรู้สึกแบบนี้มาก่อน
“ดีชะมัด!” ชายหนุ่มสบถคำนี้ไม่รู้กี่ครั้ง เพียงได้ลิ้มลองก็รู้สึกติดใจ ไม่สามารถควบคุมร่างกายได้เลย แม้เคยบอกกับเจ้าหล่อนว่าจะถนอม แต่เมื่อได้กัดกินเข้าไปเพียงครั้ง การถนอมอะไรนั่น กลับกลายเป็นอดีตไปเสียแล้ว
“คะ... คุณตรี! บะ... เบาหน่อย ค่ะ ชะ... ช้าลงนะ... หน่อย” เสียงเธอขาดห้วงไปตามจังหวะ เขาไม่ได้ผ่อนแรงลงเลยแม้แต่นิดเดียว มิหนำซ้ำยังเพิ่มแรงเหมือนประชดเข้าไปอีก
“อ่า!~ โทษที มันหยุดไม่ได้” คงมีแค่ต้องทำใจ เครื่องติดขนาดนี้แล้ว จะหยุดดื้อ ๆ คงทำได้ยาก ตรีศูลตอกอัดความต้องการลงไปไม่ยั้ง ร่างเล็กสั่นคลอนตามจังหวะของเขา มือน้อยปัดป่ายด้วยความเสียวกระสันกำลังแล่นไปทั่วร่าง สติเหมือนจะหลุดลอยเอาง่าย ๆ
“อ๊าย!! คุณตรีขา~ ขอร้อง... ฉันขอร้อง” เสียงกระเส่ายิ่งทำให้อารมณ์คุกรุ่นฟุ้งกว่าเดิมเสียอีก แก้มสาวแดงก่ำ มันแดงไปทั้งตัว อีกทั้งร่องรอยตามตัวจากฝีมือเขา คนมองจากด้านสูงดูภูมิใจในฝีมือไม่น้อย ยิ่งเพิ่มแรงขัดกับความต้องการของเธอเข้าไปอีก
“จะเสร็จแล้ว! เด็กน้อย” เขาครางต่ำอยู่ในลำคอ เพิ่มความเร็วขึ้น โถมกายเข้ากอดร่างนิ่ม พร้อมแขนเรียวเล็กมาโอบรัดคอแกร่งเอาไว้ เล็บสวยจิกทึ้งไหล่กว้างจนเป็นรอยยาว มันเจ็บ แต่ก็ทำให้ทั้งร่างซาบซ่าไปทั่ว จนกระทั่ง...
“อ๊ายยยยยยยยยยยย!!!” แม้จะขัดใจ แต่ก็ต้องรีบถอดถอนอาวุธของตัวเองออกมาให้เธอได้เสร็จสม เพราะแรงบีบจากเจ้าหล่อน มันยากจะทนรับไหว
“ต่อนะ” ไม่พูดพร่ำอะไรมาก เมื่อเห็นว่าเธอสงบลงเพียงครู่ ความแข็งขืนก็เข้าไปประจำที่อีกครั้ง หญิงสาวร้องเสียงหลง ทั้ง ๆ ที่เธอยังไม่ได้เตรียมใจจะรับศึกต่อไป แต่เขากลับเริ่มโดยไม่รีรอ
“คะ... คุณตรี ฉันเพิ่ง อ๊าย!! เพิ่งเสร็จไปเอง” เธอเหมือนจะวอนขอให้ชายหนุ่มเห็นใจ แต่มีหรือที่ตรีศูลจะใจอ่อนและสงสารเธออีกครั้ง เพราะความต้องการมันมากเหลือเกิน อยากจะกัดกินมากกว่านี้ อยากดื่มด่ำกับความหวานมากขึ้นไปอีกขั้น
“เอาน่า~ เดี๋ยวก็ดีเอง” อีกครั้งที่สะโพกเริ่มเคลื่อนไหว ร่างเล็กกระตุกเป็นช่วงตามจังหวะช้า ๆ ที่เขากำลังเริ่ม มันเลยทำให้ชายหนุ่มรู้ว่าเธอชอบแบบไหน “อ่า~ ชอบแบบนี้สินะ ฉันก็ชอบ”
“น่าอายที่สุด คุณตรีอย่าพูดแบบนี้สิคะ” เสียงออดอ้อนของเธอ มันแทบจะทำให้คนมากประสบการณ์คลั่งเสียตรงนี้ ดวงตากลมปรือมองคนด้านบน พร้อมมือนิ่มลูบไล้อกแกร่งของเขา ขนกายทั้งคู่ลุกซู่ นี่มันยิ่งกว่าการยั่วยวนจากหญิงคนอื่นที่ตรีศูลเคยเจอเสียอีก
“นี่... ไม่อยากนอนสินะ” เขาขู่ และเป็นคำขู่ที่ดูจะเป็นจริงเสียด้วย
แม้เธอจะชอบจังหวะช้า ๆ และเน้นหนักก็ตาม แต่ตอนนี้เขาเองก็อยากไขว่คว้าจุดสูงสุดบ้าง เลยรีบเร่งจังหวะเข้าไปอีก เสียงครางเล็ก ๆ มันช่างหวานและไพเราะ ร่างนิ่มขยับตามแรงสะเทือนที่ชายหนุ่มก่อ มากขึ้น เร็วขึ้น และในที่สุด...
“อ๊ากกกก!!”
“อ๊ายยยยย!!!”
มันเป็นการสุขสมของทั้งสองฝ่าย ร่างเธอกระตุกลอยวืดรับความแน่นหนึบจากเขา บีบรัดทุกส่วนจากร่างกายชายอันเป็นรักแรก สูบฉีดน้ำอุ่นร้อนเข้าร่างทุกหยด อ่า~ มันดีเสียจริง เธอไม่เคยพบเจออะไรแบบนี้ ครั้งแรกของเธอยอมมอบให้ชายคนนี้ที่เป็นดั่งรักแรกมาตลอดชีวิต และเป็นความทรงจำที่แสนล้ำค่า...
อยากสัมผัสมากกว่านี้ อยากเหนี่ยวรั้งเขาเอาไว้แค่เพียงผู้เดียว เพทาย... ยัยเด็กอ้วนคนนี้ จะหวังมากไปหรือเปล่า?
“ดีจริง ๆ เธอสุดยอดมากเลยรู้หรือเปล่า” ตรีศูลยังคงพร่ำชมเธอไม่หยุดปาก ตะโบมเข้าจูบทั่วใบหน้าของคนหลับตาพริ้มในอ้อมกอดเขา และมอบจูบอันหวานล้ำให้เธออีกครั้ง
‘พี่ตรีจำพายไม่ได้สินะคะ แต่ช่างเถอะ... แค่นี้พายก็มีความสุขแล้วค่ะ’
รอยยิ้มส่งผ่านไปหาคนเบื้องบน ตรีศูลยิ้มตอบแม้จะไม่เข้าใจว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ แต่สิ่งที่ต้องการตอนนี้ คืออยากกัดกินเธออีกครั้ง และอีกครั้ง จนกว่าจะหมดแรงไปเท่านั้น
ไม่รู้ว่าตอนนี้มันเวลาอะไร บนเตียงยังคงร้อนรุ่มดั่งไฟมาสุม จังหวะรักของชายหญิงยังดำเนินต่อเนื่องจนแทบหายใจไม่ทัน ในเมื่อตรีศูลไม่หยุด เพทายก็มีแต่ต้องตามใจ ให้เขาได้ดื่มด่ำร่างกายของเธอจนกว่าจะหมดแรง
ร่างเล็กหมดแรงจากศึกอันยาวนาน ลมหายใจยังไม่ทันที่จะคงที่ ร่างสูงก็เข้ามารุกล้ำเธออีกครั้ง ตรีศูลไม่คิดจะอ่อนโยนอย่างที่เคยบอก เขาตักตวงเธอราวกับว่าหญิงสาวจะหายไป
“อ๊ะ!! คุณตรี ฉันบอก... ว่าจะ... ขอพัก... ก่อน” เสียงตกร่องไม่แทบไม่เป็นศัพท์ เขายังคงโถมกายเข้ามาหาเธอ พร้อมยัดเยียดตัวตนเข้าไปข้างในถ้ำแสนหวานไม่ให้ได้พัก
“ไม่ไหวแฮะ มันทนไม่ได้ เห็นเธอนอนอยู่เฉย ๆ ฉันก็มีอารมณ์แล้ว” เขากระซิบบอกจากด้านหลัง พร้อมขยับสะโพกให้เร็วขึ้น และแรงขึ้น มือหน้าตะปบอกอิ่มขอเธอไว้ รั้งร่างสาวขึ้นมานั่งบนตักแกร่ง อยากให้เธอปนเปรอเขาบ้าง “ขยับสิ อย่างที่เธอต้องการเลย เมียจ๋า~”
“ฉันเหนื่อยมากเลยค่ะ ไม่มีแรง” ถึงอย่างนั้น แต่สะโพกของเธอยังคงขยับขึ้นลงตามที่ใจต้องการ เสียงกระเส่าเล็ดลอดออกมาเป็นระยะ ตรีศูลส่งแรงไปช่วยให้เธอวูบวาบยิ่งกว่าเดิม
“แน่ใจใช่หรือเปล่าว่าไม่มีแรง” เป็นคำแซวที่ดูน่าอาย แต่เธอกลับเพิ่มแรงจนชายหนุ่มเริ่มพอใจกับเด็กใหม่หัดขับคนนี้ยิ่งนัก ความซ่านเสียวของเด็กน้อยคนนี้กำลังมอบให้ มันทำให้ชายหนุ่มมากประสบการณ์อย่างเขาพอใจ จนเผลอขบกัดไหล่มนไปหลายครั้ง “อ่า~ ดีชะมัด ดีมาก ถูกใจมากจริง ๆ!!”
“คะ... คุณตรี ฉัน...”
“เรียกใหม่สิ ตอนนี้เราเป็นผัวเมียกันอยู่นะ เรียกฉันใหม่ อย่างที่ฉันชอบเรียกเธอไง... เมียจ๋า~” มันน่าอายกว่าอะไรทั้งหมด แต่ตรีศูลก็อยากเล่นบทผัวเมียกับเจ้าหล่อนเหมือนกัน มันยิ่งทำให้เธอกระตุกตอดเขาหนักทุกครั้งเวลาใช้คำนี้
“ผะ... ผัวขา~ อ๊ะ!!” ไม่ใช่แค่เธอหรอก เขาเองก็รู้สึกชอบกับคำแสดงความเป็นเจ้าของแบบนี้เช่นกัน อ่า~ เด็กคนนี้มันจะน่ากินตลอดเวลาเลยหรืออย่างไร ให้ตายเถอะ จะบ้าตายอยู่แล้ว!!
เสียงเรียกแสนหวานมันกระตุ้นอารมณ์ของเขายิ่งกว่าครั้งไหน เลยเผลอออกแรงกระแทกกระทั้นเจ้าหล่อนจนเธอล้มฟุบลงบนเตียงอีกครั้ง แต่มีหรือที่เขาจะหยุด ยังตามไปจัดการเธอต่อ โดยไม่ยอมให้เธอได้พักหายใจ
“อ๊าย!! คุณตรี!! เบาหน่อยค่ะ ฉันจะไม่ไหวอยู่แล้ว!!” เธอร้องขอ แต่ก็เท่านั้น
“ไม่ไหวก็ไม่ต้องกลั้น ปล่อยออกมาเลยเมียจ๋า อยากเสร็จก็เสร็จเลย” เหมือนคนขาดสติทั้งสองถาโถมแรงเข้าหากัน เสียงครางผสมเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นไปทั่วห้องกว้าง แม้ข้างนอกจะมีฝนโปรยเย็นฉ่ำ แต่ข้างในกลับร้อนดั่งจะละลายกายเนื้อทั้งสองเข้าหากันตลอดเวลา
“อ่า!! ไม่ไหวแล้ว จะเสร็จอีกแล้ว เมียจ๋า!!” เขาครางต่ำกว่าครั้งไหน ๆ โถมกายเข้ามากดจูบเธอเต็มแผ่นหลังเนียน โอบกอดพร้อมตอกอัดเธออีกหลายครั้ง จนกระทั่ง..
“กรี๊ดดดดดดดดด!!!”
“อ๊ากกกกกกก!!”
ทั้งคู่ไขว่คว้าหาความสุขสูงสุดไปพร้อม ๆ กัน
เสียงเหนื่อยหอบกับร่างกายอันชื้นเหงื่อ ก่ายกอดด้วยแรงที่เหลือน้อยเต็มที เพทายพลิกใบหน้ามองคนที่ทิ้งตัวนอนลงข้างกาย เขาหลับตาพริ้มพร้อมหอบหายใจแรง กลิ่นกายอันหอมดูเหมาะกับตัว กำลังเข้ามาในจมูกของเธอช้า ๆ
“พี่ตรีเซ็กซี่จัง” เธอยิ้มให้ ก่อนจะหลับตาลง...
“หืม?” ตรีศูลหันมามองหญิงสาวข้างกาย เธอคงหลับไปแล้ว แต่ก็แปลก... รอยยิ้มที่เปื้อนอยู่บนใบหน้าแบบนี้ ทำไมกันนะ... มันถึงได้คุ้นตาแบบนี้
กลับมาที่ 15 ปีก่อนอีกครั้ง...
เสียงดนตรีช่างบีบหัวใจ บรรยากาศอึมครึมเต็มไปด้วยความเศร้าโศก โดยเฉพาะผู้เป็นแม่ เธอยังคงมีความหวังเสมอว่าสักวันหนึ่งลูกสาวจะหายจากอาการป่วย แต่มันก็เป็นได้แค่ความหวัง
ตอนนี้... ปรายฝนได้จากไปแล้ว
เธออายุเพียง 18 ปีเท่านั้น ยังไม่ได้ใช้ชีวิต และยังไม่ได้ทำตามความฝัน แต่ทุกอย่างก็ต้องหยุดลง เพราะเธอไม่สามารถมีชีวิตต่อไปได้อีก แต่ตอนนี้ คงไม่มีใครเสียใจได้เท่าผู้เป็นพ่อและแม่อีกแล้ว
“ใครให้เอาตุ๊กตาผีมาที่นี่ด้วย สกปรก!” ปฐพี หรือ ดิน เท้าเอวมองเด็กตัวอ้วนด้วยความโกรธ เพทายเจ้าเด็กไม่มีใครคบ มีแต่ตุ๊กตาที่เธอถือติดตัวไปด้วยทุกที่ แม้กระทั่งงานศพก็ไม่เว้น
“ทำไมจะไม่ได้ แม่บอกเอามาได้ พายก็เอามาสิ ดินจะมาว่าพายทำไม” เธอเถียงขาดใจ นี่เพื่อนคนเดียวของเธอเชียวนะ!
“ตุ๊กตาเน่า เจ้าของก็เน่า อีหมูพาย!!” เด็กน้อยตะโกนดังลั่น จนคนทำครัวต้องออกมาดู โดยเฉพาะคนเป็นแม่ แม้จะอ่อนล้าและเสียใจแค่ไหน แต่ลูกชายก็ดื้อเสียเหลือเกิน มันอดไม่ได้ที่จะตักเตือน
“ดิน!!” คนเป็นแม่เรียกลูกชายดังลั่น จนเจ้าของชื่อสะดุ้ง ค่อย ๆ หันไปเจอผู้เป็นแม่กำลังถลึงตาใส่ด้วยโทสะ “แม่บอกแล้วใช่หรือเปล่าว่าอย่าพูดแบบนี้กับพาย ทำไมถึงไม่เชื่อฟังแม่บ้าง!!”
“ก็...”
“มานี่เดี๋ยวนี้!!” กลายเป็นว่าไอ้สิ่งที่ปลายฟ้าปล่อยผ่านมาตลอด วันนี้เธอไม่อยากจะปล่อยมันไปอีกแล้ว ลูกคนเล็กถูกตามใจจนเสียนิสัย ไม่ว่าจะพูดอะไร มักจะมีพ่อและพี่สาวคอยโอ๋ตลอดเวลา แต่วันนี้เหลือแค่ปฐพีเพียงคนเดียว จะปล่อยให้ทำนิสัยแย่ ๆ คงไม่ได้อีกแล้ว
“พี่ฟ้า อย่าไปว่าดินมันเลย เดี๋ยวดินมันจะร้องไห้เอานะ” เพชรไพลินออกมาดูสถานการณ์พลางถอนหายใจ ช่วงนี้ปลายฟ้าอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ตลอดเวลา เพราะเสียใจกับการจากไปของลูกสาว จากคนที่เคยอ่อนโยน กลายเป็นคนเงียบขรึม และดูโมโหร้ายในบางที
“ถ้าไม่สอนตอนนี้ แล้วจะสอนตอนไหน” ปลายฟ้าพูดพร้อมจ้องไปที่ลูกคนเล็กด้วยสายตาเกรี้ยวกราด
พอเห็นแบบนั้น เพชรไพลินเลยเลือกจะเดินไปหาลูกตัวเอง ที่ยืนแข็งทื่อไม่ยอมขยับ ก่อนจะย่อตัวลงมองลูกสาวตัวป้อมของตัวเอง จัดแต่งชุดสีดำของเธอให้เข้าที่ เพราะมาช่วยงานในครัวเลยไม่ได้ดูแลเรื่องชุดเจ้าลูกคนนี้ ดูสิ ใส่เสื้อดำกางเกงแดงเชียว
“พายลูก เวลามางานศพหนูต้องใส่เสื้อสีดำ และกางเกงสีดำเข้าใจหรือเปล่า กลับบ้านไปเปลี่ยนไป” เธอบอกลูกสาวอย่างแผ่วเบา ส่วนเจ้าตัวกางเกงแดงน่ะหรือ ตอนนี้อายจนหน้าแดงแล้ว
“ก็สีแดงมันสวย พี่ฝนบอกว่าพายเหมาะกับสีแดง”
เป็นเด็กนี่มันดีจริง ๆ เพชรไพลินสะอึกกับคำพูดของลูกสาว รู้สึกสงสารคนบ้านใกล้จับใจ พอลองคิดว่าคนที่จากไปเป็นยัยหมูน้อยตรงหน้า ตัวเองคงแตกสลายน่าดู
มือเรียวซึ่งเริ่มแตกเพราะจับจอบเสียมทุกวัน มันแห้งกระด้างเนื่องจากไม่มีเวลาดูแลเหมือนผู้หญิงคนอื่น ๆ ยกขึ้นลูบผมนุ่มของลูกสาวอย่างเบามือ ส่งยิ้มให้เธอ อย่างน้อยก็มีแค่คนตรงหน้านี่แหละ ที่ไม่มองเธอเป็นตัวน่ารังเกียจ
“กลับบ้าน แล้วไปเปลี่ยนกางเกงมานะพาย เดี๋ยวแม่ไปเอาขนมให้กินระหว่างทาง”
พอเอาของกินมาล่อเจ้าเด็กอ้วนก็เผลอดีใจชั่วครู่ แต่ก็สลดลงเพราะตอนนี้เธออยากสวยแล้วน่ะสิ เรื่องขนมอะไรนั่น... “ไม่เอา พายไม่กิน ไม่ต้องเอาขนมมาให้พายหรอก พายกลับเฉย ๆ ได้” ว่าแล้วเจ้าหล่อนก็เดินหันหลังขวับไปทันที
เพชรไพลินเลิกคิ้วสูงมองดูเจ้าหมูน้อยของตัวเองเดินออกห่างไป ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าเพราะอะไรลูกสาวถึงยอมทิ้งของที่ชอบง่ายขนาดนี้กัน
“เฮ้อ~ สุดท้ายก็หิวโซไปหาของในตู้เย็นตอนดึกอีกเหมือนเดิม”
แต่ดูเหมือนความอดทนจะต่ำไปนิด
ชายหนุ่มยืนเหม่อมองศาลาวัดจากที่ไกล ๆ เพราะโดนไล่ออกมา มิหนำซ้ำ ยังโดนตบเสียฉากใหญ่ ก็ไม่แปลกหรอกที่คนเป็นแม่จะทำแบบนั้น เพราะดูอย่างไรก็เหมือนกับตัวเอง... เป็นสาเหตุให้เพื่อนสนิทอย่างปรายฝนต้องจากไปเร็วกว่าที่คิด
‘ไม่ต้องมาอีก ไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้า เพราะแก!! ฝนจะรอดอยู่แล้ว แต่ทั้งหมดมันพังเพราะแก ตรีศูล!!’ เสียงร้องไห้ปานจะขาดใจของคนเป็นแม่ มันสะเทือนใจจนหลายคนไม่กล้าจะห้ามเธอ มือแห้งกร้านทุบตีชายหนุ่มพร้อมน้ำตาที่ไหลริน แม้จะมีคนพยายามดึงเธอเอาไว้ แต่ก็เหมือนว่าความโกรธในตัวของตรีศูล จะมีมากกว่า
“อ่า~ มันอาจจะเป็นเพราะฉันจริง ๆ ก็ได้... ฝน ฉันมาส่งเธอแล้วนะ” แววตาเศร้ามองไปข้างหน้าเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด ก่อนจะก้มลงมองตัวประหลาด กำลังอุ้มตุ๊กตาตัวโปรด แต่ที่สะดุดตามากที่สุดก็คือกางเกงสีแดงแสบตานั่นแหละ “ฮ่า ๆ เด็กคนนั้นนี่เอง”
เด็กน้อยเดินตุปัดตุเป๋เข้ามาใกล้ พร้อมบ่นพึมพำอยู่คนเดียว จากอารมณ์เศร้า กลายเป็นหัวเราะเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู “ไง แม่สาวกางเกงแดง”
“เอ๋!” เธอหันขวับมองคนทักทาย พอเห็นว่าเป็นใครเท่านั้น หน้างอง้ำของเธอก็ยิ้มร่าออกมาทันที “พี่ตรี”
“จะไปไหน ทำไมมาคนเดียว” ตรีศูลเดินตรงไปยังเด็กน้อย แม้เธอจะพยายามถอยกรูดออกไปก็ตาม “จะไปไหน มาคุยกันก่อน”
“มะ... ไม่เอา พายต้องรีบกลับบ้าน” เธอก้มงุดมองพื้นเพราะเขินอายชายหนุ่ม ยิ่งเข้ามาใกล้ เด็กน้อยก็อยากจะวิ่งหนีเสียตอนนี้
“เดี๋ยวพี่ไปส่ง เอามั้ย?”
เธอส่ายหน้าเป็นคำตอบ ก่อนจะเงยถามด้วยความสงสัย “แล้วพี่ตรีไม่เข้าไปเหรอ?”
รอยยิ้มนั้นมันหายไป เด็กถามเพราะไม่รู้ เขาไม่โกรธหรอก แต่ที่เธอถามมา มันจี้ใจดำชะมัด “อืม พวกเขาคง... ไม่อยากให้พี่เข้าไปหรอก”
“ทำไม?” เพทายขยับเข้ามาใกล้เพราะความอยากรู้ อีกทั้งแก้มของตรีศูลก็แดงขึ้นทุกที “พี่ตรีไปโดนอะไรมา?”
“ไม่มีอะไรหรอก” ชายหนุ่มเดินไปย่อตัวลงตรงหน้าเด็กน้อย มือหนาวางบนกระหม่อมของเธอเบา ๆ “น้องพาย วันนี้เราคงเจอกันเป็นครั้งสุดท้ายแล้วนะ”
“ทำไม พี่ตรีจะไม่มาแล้วเหรอ?” พลันดวงตากลมก็เศร้าลงทันที
“อืม พี่ต้องไปเรียนต่อที่ต่างประเทศแล้ว น้องพายต้องเป็นเด็กดี อย่าไปกระโดดน้ำอีกล่ะรู้หรือเปล่า?” เขายิ้ม ยิ่งเห็นเด็กที่คอยแอบมองตัวเองบ่อย ๆ ทำหน้าเศร้า ก็เผลออดเศร้าไปด้วยไม่ได้
“แล้วพายจะได้เจอพี่ตรีอีกมั้ย?”
“ไม่รู้สิ อาจจะได้เจอ หรือไม่ได้เจอก็ได้ เพราะที่นี่... ไม่มีใครอยากเจอพี่แล้ว”
“แต่พายอยากเจอ” ดวงตาเข้มยังไม่ทันจะสลด ก็เบิกกว้างทันที มองเจ้าหนูตัวป้อมตรงหน้า เธอกำลังทำหน้าเศร้าพร้อมน้ำตาคลอเบ้า “พายอยากเจอพี่ตรี”
“เขินเลยนะเนี่ย” เขาหัวเราะเบา ๆ เอ็นดูเด็กน้อยตรงหน้า แต่ก็เพราะเธอนั่นแหละ ทำให้ไอ้ความเศร้าหม่นมันหายไปเกือบหมด