ตอนที่ 6 สูญเสีย 1

2139 Words
แบงก์ออฟอเมริกาทาวเวอร์ ตึกสูงระฟ้าที่ตั้งอยู่ใจกลางเขตเมืองแมนฮัตตัน ของมหานครนิวยอร์ก ที่ทำการของกลุ่มบริษัทในเครือตระกูลแอนเดอร์สัน ซึ่งอยู่ภายในอาคารนี้ทั้งหมด ผู้บริหารระดับสูงต่างค่อยๆ ทยอยออกมาจากห้องประชุมใหญ่ในการประชุมวิสามัญ วาระเร่งด่วน ตามคำสั่งของประธานกรรมการบริหาร อลัน แอนเดอร์สัน ร่างสูงของท่านประธานหนุ่ม ก้าวเดินออกมาจากห้องประชุมด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด ใบหน้าที่เรียบเฉยและเย็นชาของเขาในยามนี้ยิ่งเย็นยะเยือกเพิ่มขึ้นไปอีกยามอยู่ใกล้ เห็นแล้วขนหัวลุกขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว แต่ใครจะล่วงรู้ได้ว่าท่าทีอันน่ากลัวของท่านประธานหนุ่มเป็นเพราะเหตุการณ์หลายอย่างทางเมืองไทยที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กัน ราวกับว่าได้มีการตระเตรียมแผนการเอาไว้ล่วงหน้า น้องชายของเขาจู่ๆ ก็หายสาบสูญหาตัวยังไม่เจอ ใบหน้าเรียบเฉย เย็นชาราวน้ำแข็ง กำลังทอดสายตามองผ่านกระจกบานใหญ่ของตัวตึก เบื้องหน้าคือท้องฟ้าและตึกสูงระฟ้ามากมาย ในยามนี้ใครจะรู้บ้างว่าเขารู้สึกอย่างไรบ้าง ความเหงา ว้าเหว่และเดียวดายวิ่งแล่นเข้าเกาะกุมหัวใจของเขาอย่างหนัก เขาคาดหวังที่จะได้พบน้องชายฝาแฝด และพบพ่อแท้ๆ ของเขา คำว่า “ครอบครัว” สำคัญสำหรับเขาที่สุดในชีวิต ซึ่งเขาก็ล่วงรู้ว่าบิดาของเขาก็ทุ่มเทสืบหาตัวเขาจนพบ และล่วงรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเขาเช่นกัน ความหวังที่จะได้พบน้องชายในสายเลือดและพ่อแท้ๆ ของเขา อยู่ทุกลมหายใจเข้าออกเลยทีเดียว แต่สิ่งหนึ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ มีอะไรเกิดขึ้นกับครอบครัวของเขาทางเมืองไทยกันแน่ พรึ่บ! พรึ่บ! ดวงตาสีสนิมเหล็กภายใต้ขนตางอนเป็นแพราวอิสตรี กะพริบตาติดๆ กัน พร้อมสะบัดศีรษะไปมา เมื่อจู่ๆ มีภาพบางอย่างเกิดขึ้นแวบขึ้นมาในหัวของเขาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ภาพที่จู่ๆ ก็ผุดขึ้นมานั้นเป็นภาพผู้ชายที่เหมือนเขาราวพิมพ์เดียวกัน “เร็วๆ หน่อยสิวะ ลากมันไปที่ท่าน้ำ แล้วมัดมันติดกับเสาปูนตรงท่าจอดเรือนั่นแหละ ให้มันเป็นผีเฝ้าทะเลสาบอยู่ตรงนั้น มันจะได้ไม่ลอยไปโผล่ที่ไหนให้ตำรวจตามดมกลิ่นฉันกับแกได้ ขืนชักช้าได้โดนซิวไปนอนในคุกกันทั้งคู่หรอก เร็วเข้าสิวะ!” “ต้องถึงกับฆ่าแกงกันเลยหรือจอห์น แล้วทำไมแกไม่ลงมือทำเอง ให้ฉันลงมือทำไมวะ ไม่อยากทำ แล้วก็กลัวด้วย กลัวว่ามันจะมาตามหลอกหลอน และกลัวที่จะติดคุกด้วย” “ปัดโธ่โว้ย! ไอ้ปอดแหก ใครจะไปสาวตัวแกกับข้าได้วะ ในเมื่อจัดฉากให้มันเมาเหล้าแล้วอยากดำน้ำ โดนเชือกที่ผูกกับเรือพันตัวจนขึ้นมาจากน้ำไม่ได้ มันถึงได้ตายไงเล่า ขืนชักช้ามันก็ฟื้นจากยาสลบพอดี เอาหน้ากากออกซิเจนมาช่วยกันเอาเหล้าราดตัวมันให้ทั่ว เร็วๆ ไอ้...” พรึ่บ! ภาพเหตุการณ์วูบดับลงไปทันที ตู้ด ตู้ด ตู้ด เสียงโทรศัพท์มือถือลากประธานหนุ่มออกจากเหตุการณ์ประหลาดนั้น เฮือก! อลันสะดุ้งจนสุดตัว แผ่นอกแน่นตึงที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ กระเพื่อมขึ้นลงอย่างแรงเพราะแรงหายใจของเขาที่ได้สัมผัสกับเหตุการณ์ประหลาดเมื่อครู่ที่ผ่านมา ใบหน้าคมเข้ม เต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดพรายขึ้นเต็มใบหน้า มือหนายกขึ้นลูบไล้ใบหน้าอย่างช้าๆ พร้อมกะพริบตาติดๆ กัน “นี่เราเห็นอะไรกัน เรากำลังถูกฆ่าอย่างนั้นเหรอ” ชายหนุ่มรำพึงออกมาเบาๆ ด้วยความฉงนกับสิ่งที่เขาเห็น มือหนาค่อยๆ ล้วงเสื้อสูทเพื่อหยิบโทรศัพท์มือถือพร้อมกดรับสายปลายทาง ทันทีที่ชายหนุ่มกดรับโทรศัพท์ “ท่านครับ พวกเราได้รายละเอียดทุกอย่างเกี่ยวกับบ้านตากอากาศที่ออนแทรีโอแล้วครับ และพวกเราพบกระเป๋าเดินทางของคุณเจตน์ฝังอยู่ใต้ต้นไม้ พร้อมกับขวดเหล้าเต็มไปหมดเลยครับ” หา! อลันอุทานออกมาทันทีเมื่อได้ยินการรายงานข่าวเช่นนั้น ภาพเหตุการณ์ที่ผุดขึ้นให้เขาเห็นเมื่อครู่ที่ผ่านมาบังเกิดขึ้นในความทรงจำของเขาทันที ลางสังหรณ์บอกว่าภาพที่เขาเห็นเกิดขึ้นกับน้องชายฝาแฝดของเขา ชายหนุ่มรีบกรอกเสียงสั่งการทันใด “พวกคุณลงไปค้นหาที่ใต้น้ำ ที่ท่าจอดเรือของบ้านพักหลังนั้น ค้นหาให้ทั่วว่าใต้น้ำภายในบริเวณนั้นมีอะไรผิดสังเกตและมีอะไรติดอยู่กับเสาปูนบ้าง ให้นักประดาน้ำลงค้นหาให้ทั่วบริเวณ เตรียมรถพยาบาลมาด้วย ฉันกำลังจะไป” ชายหนุ่มปิดโทรศัพท์มือถือ แต่มือหนาของเขากำโทรศัพท์มือถือของเขาจนแน่น ตัวเครื่องแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ดวงตาวาวโรจน์เมื่อสิ่งที่เขาเห็นบังเกิดขึ้นและกำลังนำทางเขาเพื่อค้นหาน้องชายฝาแฝดของเขา “ถ้าสิ่งที่เราเห็นมันบังเกิดขึ้นจริง แสดงว่าเรากับเจตน์ต้องสื่อถึงกันได้แน่ๆ อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปไอ้น้องชาย แกต้องเข้มแข็ง แกต้องรอด พี่กำลังจะไปช่วยแก” สิ้นคำกล่าว ร่างสูงใหญ่รีบวิ่งไปลานจอดเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวของเขาชั้นดาดฟ้าของตัวอาคาร ท่ามกลางสายตาของเหล่าพนักงานว่ามีเหตุอันใดหนอ ทำให้ประธานบริหารของพวกเขามีท่าทีรีบร้อนแบบนั้น ทั้งๆ ที่ไม่เคยเป็น บ้านพักตากอากาศทะเลสาบแอนแทรีโอ รถฉุกเฉินของโรงพยาบาล และรถตำรวจในพื้นที่กำลังเลี้ยวเข้ามาจอดภายในบริเวณพื้นที่กว้างติดกับท่าจอดเรือของบ้านพัก ภายในทะเลสาบ กลุ่มนักประดาน้ำและบอดี้การ์ดของอลัน กำลังดำน้ำเพื่อค้นหาร่างของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายตามคำสั่งของชายหนุ่ม ในขณะที่ร่างสูงของประธานหนุ่มยืนอยู่ตรงท่าจอดเรือ สายตาจดจ่ออยู่กับการค้นหาอย่างไม่คลาดสายตา และแล้วทันใดนั้นเอง “พบแล้วครับ!” เสียงของนักประดาน้ำดังก้องขึ้นกลางทะเลสาบ “หาพบแล้วเหรอ” ชายหนุ่มดีใจเป็นที่สุดเมื่อได้ยินเสียงตะโกนบอกเช่นนั้น แต่แล้วก็ต้องหน้าเสียเมื่อนักประดาน้ำร้องตะโกนบอก “หน่วยปฐมพยาบาล เตรียมอุปกรณ์ด้วย ผู้เคราะห์ร้ายหยุดหายใจ! ช่วยกันรับขึ้นฝั่งไปที” ร่างสูงของอลัน ก้าวเท้ายาวๆ เพียงอึดใจเดียวก็ถึงตัวของน้องชาย ชายหนุ่มคว้าร่างของน้องชายเขาจากนักประดาน้ำเข้ามาสวมกอด พร้อมยกขึ้นอุ้มพาดบ่ารีบเดินออกจากท่าเรืออันคับแคบ ก่อนจะวางร่างของน้องชายฝาแฝดลงบนพื้นหญ้า เพื่อให้หน่วยกู้ภัยช่วยชีวิต “ท่านประธานครับ นักประดาน้ำบอกว่าคุณเจตน์มีหน้ากากออกซิเจนสวมอยู่ด้วยครับตอนที่ดำน้ำลงไปเจอ แต่รู้สึกว่าอากาศจะหมดแล้ว” บอดี้การ์ดพูดพร้อมยื่นหน้ากากออกซิเจนให้เจ้านายของเขาพิจารณา “หน้ากากออกซิเจนอย่างนั้นเหรอ! หมายความว่าไง” อลันเอ่ยถามด้วยความสงสัย ก่อนจะได้ยินเสียงตำรวจเอ่ยขึ้น “จากพฤติการณ์แล้ว ท่าทางผู้ชายคนนี้คงจะดื่มหนักไปหน่อย พอเมาแล้วคงจะอยากดำน้ำก็เลยลงไปดำน้ำในทะเลสาบ ไม่งั้นจะใส่หน้ากากออกซิเจนทำไม อากาศที่อยู่ในถังออกซิเจนใช้ได้ไม่เกิน 45 นาที แต่คงเมามากก็เลยขึ้นมาจากน้ำไม่ไหวเป็นแน่ คงจะไม่รอดเพราะขาดอากาศหายใจนาน มันก็ไม่ใช่คดีที่น่าหนักใจอะ...” “หุบปากเสียทีเหอะ! สรุปคดีง่ายๆ โดยไม่สืบหาพฤติกรรมแวดล้อมกันเลยอย่างนั้นเหรอคุณตำรวจ ถ้าพวกคุณสืบสวนและสรุปคดีกันแบบนี้ พลเมืองชาวอเมริกันจะปลอดภัยจากพวกอาชญากรกันไหม ผมจะให้คนติดต่อคุณอิริคผู้บังคับบัญชาของพวกคุณให้มาดูแลคดีนี้เอง และผู้ชายคนนี้เป็นน้องชายฝาแฝดของผม น้องชายผมถูกจัดฉากทำให้ตาย! เขาเป็นน้องชายฝาแฝดของอลัน แอนเดอร์สัน เข้าใจไหม!” ตำรวจ 2 นาย มีอาการเหวอขึ้นมาทันที เมื่อได้ยินชายหนุ่มร่างงามดูคล้ายชาวเอเชียก็ไม่ใช่ ดูคล้ายชาวอเมริกันเหมือนพวกเขาก็ไม่เชิง ตัวโตเหมือนยักษ์ขนาดนี้ก็คงจะลูกผสมไม่ผิดแน่ แต่ที่แน่ๆ เจอตอให้แล้วเพราะเจ้าทุกข์เป็นระดับมหาเศรษฐีแห่งชาติก็ว่าได้ ขืนสรุปคดีแบบสุกเอาเผากินคงไม่แคล้วต้องได้มีเรื่องร้องเรียนชัวร์ อลันยืนมองตาขวางจนเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย ต้องหลบสายตาก่อนจะปลีกตัวไปบ้านพักตากอากาศเพื่อไปเก็บข้อมูลแวดล้อมเพื่อสรุปสำนวนคดี ชายหนุ่มมองตามหลังตำรวจทั้ง 2 นายจนลับสายตา อารมณ์ร้อนคุกรุ่นจนเขาต้องผ่อนหายใจยาวๆ เพื่อระงับสติให้นิ่ง ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งมองดูร่างน้องชายฝาแฝดของเขา ดวงตาสีสนิมเหล็ก กวาดสายตาสำรวจน้องชายฝาแฝดที่เขาเพิ่งพบหน้าเป็นครั้งแรก ใบหน้าทุกส่วนเขากับน้องชายเหมือนกันชนิดที่แยกไม่ออก ส่วนสูงก็ไล่เลี่ยกัน แตกต่างกันตรงที่ความหนาของกล้ามเนื้อในร่างกายที่บ่งบอกถึงความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด และที่แตกต่างอีกก็คือ น้องชายของเขามีแผลเป็นที่ท้องแขนด้านขวา ส่วนเขาไม่มี และน้องชายของเขาไม่มีขนหน้าอก แต่สำหรับเขามีเพียบ! “ไอ้น้องชายพี่มาช่วยแล้ว อย่าเพิ่งเป็นอะไรไป แกต้องเข้มแข็ง แกจะต้องรอด! แกจะต้องรอด!” ชายหนุ่ม พูดเบาๆ กับน้องชายฝาแฝด พร้อมก้มใบหน้าลงใช้หน้าผากของเขากดลงไปที่หน้าผากของน้องชายเบาๆ “ท่านครับ” เสียงของนายแพทย์เอ่ยบอกเมื่อตรวจอาการของผู้เคราะห์ร้ายเรียบร้อยแล้ว “ว่าไงหมอ น้องชายผมอาการเป็นอย่างไงบ้าง” ชายหนุ่มเอ่ยถาม “ผู้เคราะห์ร้ายจมอยู่ใต้น้ำและขาดอากาศหายใจไปเป็นเวลานาน หัวใจหยุดทำงานไปแล้ว สิ้นใจก่อนที่เราจะมาถึงประมาณ 30 นาทีแล้วครับ ไม่สามารถช่วยอะไรได้ น้องชายของท่านเสียชีวิตแล้วครับ” สิ้นเสียงบอก ชายหนุ่มนั่งนิ่งงันไปทันที เป็นความจริงอย่างนั้นเหรอที่เขาเสียน้องชายฝาแฝดของเขาไปจริงๆ เขาเพิ่งจะมีโอกาสได้พบกับน้องแท้ๆ เป็นครั้งแรก แต่การพบกันครั้งแรกกลับกลายเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้พบหน้า โดยที่น้องชายของเขายังไม่มีโอกาสได้พบหน้าเขาเลย โชคชะตากำลังเล่นตลกอะไรกับเขาอยู่ อลันค่อยๆ หันกลับไปมองใบหน้าที่ขาวซีด ไร้สิ้นสีเลือดเจือจาง ใบหน้าหล่อเหลาที่เหมือนกับเขาเป็นพิมพ์เดียวกัน บัดนี้ไร้สิ้นการตอบสนองใดๆ ทั้งสิ้น พี่ชายค่อยๆ ก้มลงพร้อมคว้าร่างน้องชายฝาแฝดขึ้นมากอดไว้แนบอก น้ำตาของคนที่เป็นพี่ชายคลอหน่วยด้วยความเสียใจ เขาไม่สามารถช่วยเหลือน้องชายของเขาได้เลยแม้กระทั่งชีวิต มหาเศรษฐีหนุ่มนั่งนิ่งเงียบกอดร่างไร้วิญญาณตรงหน้าเขาไม่กล่าวสิ่งใดออกมาอีกแม้แต่คำเดียว น้ำตาแห่งความเสียใจที่คลอหน่วยเต็มเบ้า ถูกกลืนหายเข้าไปข้างในทันทีก่อนจะเอ่ยขึ้นมาเบาๆ “หลับให้สบาย ถ้าชาติหน้าที่เขาพากันว่ามีจริงก็ขอให้เราสองคนได้เกิดมาเป็นพี่น้องกันอีก และใครก็ตามที่ทำกับแกแบบนี้ มันจะต้องได้รับการตอบแทนอย่างสาสมในไม่ช้า พี่ให้สัญญา” พี่ชายให้สัญญากับร่างอันไร้วิญญาณที่อยู่ภายใต้อ้อมกอดของเขา สองแขนรัดร่างอันไร้วิญญาณไว้ในอ้อมกอดด้วยความเสียใจยากที่จะพรรณนา ชายหนุ่มผู้มีท่วงท่าที่องอาจ เคร่งขรึมและเย็นชา ประธานบริหารบริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้มีทุกๆ สิ่งไม่มีสิ่งใดที่เขาไม่ได้และไม่เคยขาด แต่สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดคือครอบครัว ที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นแม้จะขาดแม่ไปแล้วก็ตาม แต่ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในขณะนี้มันตรงกันข้าม เขาเพิ่งสูญเสียน้องชายฝาแฝดอย่างไม่มีวันกลับ ที่เหลืออยู่คือพ่อแท้ๆ ของเขาที่กำลังตกอยู่ในห้วงภาวะอันตรายเช่นเดียวกัน ความเงียบเหงา ความโดดเดี่ยวและเดียวดายวิ่งแล่นจับขั้วหัวใจของเขาแทบสิ้นไร้เรี่ยวแรง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD