ในขณะเดียวกันที่เมืองไทย
ภายในห้อง ICU
ร่างชายชรานอนนิ่งอยู่บนเตียง อุปกรณ์เพื่อช่วยเหลือชีวิตเพื่อยื้อให้พ้นจากมัจจุราชระโยงระยางเต็มไปหมด เครื่องช่วยหายใจพร้อมหน้าจอบ่งบอกค่าวัดระดับการหายใจของคนไข้ ดูแล้วอยู่ในภาวะวิกฤต สามารถจากไปได้ทุกเมื่อ เสียงฝีเท้าหนักๆ ของผู้ชายและเสียงฝีเท้าผู้หญิงใส่รองเท้าส้นสูง กำลังเดินเข้ามาใกล้ๆ เตียงคนไข้ และหยุดลงข้างๆ เตียง
“ไอ้แก่นี่มันยังไม่ตายอีกเหรอ ทำไมไม่จัดการให้มันจบๆ ไป จะได้ไม่ต้องอยู่ขวางพวกเรา” เสียงหญิงสาวเอ่ยถามอย่างเหี้ยมเกรียม
“อย่าใจร้อนสิที่รัก ตอนนี้ไอ้แก่มันไม่รู้สึกตัวนอนเป็นเจ้าชายนิทรา สภาพแบบนี้มันจะมีปัญญาลุกขึ้นมาทำอะไรได้ ขืนเราใจร้อนรีบฆ่ามัน ทำไปทำมาเราจะต้องเข้าไปอยู่ในคุกแทนที่จะเสวยสุขกับสมบัติของมัน ไอ้แก่ก็มีสภาพไม่ต่างอะไรกับคนตาย ไม่ต้องกังวลให้มากหรอกที่รัก” เสียงชายหนุ่มเอ่ยบอกด้วยความลำพองใจ
“ขอให้เป็นอย่างที่คุณบอกเถอะฉันจะได้สบายใจ ว่าแต่ลูกชายของมันมีอะไรรีบร้อนถึงรีบจับเที่ยวบินไปอเมริกา แล้วเข็มชาติคนสนิทของไอ้แก่ก็ไปด้วย มันไปทำอะไรกัน” เสียงหญิงสาวเอ่ยถามด้วยความอยากรู้
“ไม่ต้องไปถามมันหรอก มัน 2 คน ป่านนี้ไปอยู่เมืองผีเรียบร้อยแล้ว ฉันส่งคนไปจัดการพวกมันทั้งคู่ไม่ให้มันได้กลับมาอีกตลอดชาติ ไอ้เจตน์ถูกกำจัดออกไปกลายเป็นผีไม่มีญาติอยู่ส่วนไหนก็ไม่รู้ของอเมริกา ไอ้แก่ก็มีสภาพไม่แตกต่างกับคนตาย ส่วนไอ้เข็มชาติมันก็จะหายสาบสูญ ไม่มีใครรู้ว่ามันไปไหน กลายเป็นคนสาบสูญ หาเท่าไรก็หาไม่เจอ ฮ่าๆๆๆๆ”
เสียงหัวเราะชอบใจประกอบกับคำบอกเล่าของคนตรงหน้า ทำให้ใบหน้าสวย แสยะยิ้มออกมาด้วยความสะใจเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าหล่อนคาดหวังไว้ใกล้จะเป็นความจริง แต่พอนึกบางอย่างขึ้นมาได้ เจ้าหล่อนรีบเอ่ยซักถามทันควัน
“แล้วที่ไอ้เจตน์มันรีบร้อนไปอเมริกาแบบนั้น มันไปหาใคร! มันมีญาติโกโหติกาทางนั้นด้วยเหรอ หรือมันไปขอความช่วยเหลือใครให้มาช่วยเหลือพวกมัน”
“มันก็คงจะไปหาใครสักคนที่จะสามารถช่วยเหลือพวกมันได้ ฉันถึงต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลมฆ่ามันทิ้งก่อนที่มันจะได้รับความช่วยเหลือจากใคร ไม่ว่าคนที่มันไปขอความช่วยเหลือจะเป็นใครก็ตาม มันก็จะไม่มีวันได้แม้แต่เผยอปากขอความช่วยเหลือได้อย่างแน่นอน เพียงแค่นี้พวกมันก็สิ้นท่าแล้ว สมบัติมหาศาลของพวกมันทุกชิ้นรวมไปถึงธุรกิจของมันทุกอย่างจะตกเป็นของเราสองคนอย่างแน่นอน เธอเองก็เถอะ เล่นละครให้สมบทบาทหน่อยก็แล้วกัน” ฝ่ายชายเอ่ยสั่งกำชับคนตรงหน้า
“เชอะ! กะอีแค่เล่นละครให้สมบทบาทงานถนัดของฉันอยู่แล้วไม่ต้องห่วง ตีบทแตกกระจุย ฮิๆๆๆ” หญิงสาวตรงหน้ากรีดเสียงหัวเราะด้วยความชอบใจ เสียงของเจ้าหล่อนฟังดูแล้วช่างราวกับแม่มดสิ้นดี
“ถ้างั้นเรากลับกันเถอะ ไปฉลองความสำเร็จของเราสองคนที่ฮุบสมบัติของพวกมันได้เป็นผลสำเร็จ ฉลองให้สมใจ ใช้เงินของพวกมันให้ฉ่ำปอด อยากได้อะไรก็เอามาเป็นของเราให้หมด ตอนนี้ไม่มีใครกล้ามาหืออือกับเราสองคนได้อย่างแน่นอนที่รัก อย่าเสียเวลามาดูไอ้แก่ใกล้ตายอีกต่อไปเลย เห็นมันทีไรพานจะกินอะไรไม่ลง”
ชายตรงหน้าพูดพร้อมใช้แขนของเขาคว้าเอวบางของเจ้าหล่อนตรงหน้าพร้อมกับพากันเยื้องย่างออกจากห้อง ICU ด้วยความลำพองใจ แต่ก่อนจะออกไปก็ไม่วายจะเอ่ยคำกล่าวทิ้งท้ายไว้
“นอนรอความตายต่อไปเถอะนะไอ้แก่ เป็นบุญเท่าไรแล้วที่ฉันไม่ฆ่าแกเหมือนลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของแกที่เพิ่งส่งมันไปลงนรก อย่าคิดว่าจะมีใครมาช่วยพวกแกได้ ทุกสิ่งทุกอย่างของแกมันกำลังจะเป็นของฉันในอีกไม่ช้า ส่วนแกเมื่อถึงเวลาที่ฉันอยากจะให้แกตาย แกก็จะได้ตามไปอยู่กับลูกชายของแกทันที ฮ่าๆๆๆๆ”
ท่ามกลางเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความสมหวัง ร่างชายชราที่นอนนิ่งไม่ไหวติงเมื่อครู่ กลับมีน้ำตาไหลออกมาจากเบ้าตาอย่างช้าๆ แน่นอนชายชราแม้จะเคลื่อนไหวไม่ได้ และต้องนอนนิ่งแบบนี้
แต่ความรู้สึกของเขายังสามารถรับรู้และได้ยินการพูดคุยของชายหญิงคู่นั้นได้ดี ชายหญิงที่เขาล่วงรู้ดีว่าทั้งสองเป็นใคร ทว่าชายชราจะมีโอกาสได้ตื่นขึ้นมาบอกให้ใครได้รับรู้เรื่องราวที่แฝงเร้นเล่ห์กลมากมายและความโหดเหี้ยมของชายหญิงคู่นั้นได้หรือไม่เล่า
แมนฮัตตัน
ดวงตาสีสนิมเหล็กทอดสายตามองร่างอันไร้วิญญาณของน้องชายฝาแฝดที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับ ชายหนุ่มนำร่างของน้องชายมาเก็บรักษาไว้ที่ชั้นบนสุดของโรงพยาบาลแมนฮัตตัน
โดยการเก็บร่างน้องชายฝาแฝดของเขาในครั้งนี้ถือเป็นความลับสุดยอดที่ไม่ให้ใครล่วงรู้ได้ และโรงพยาบาลแมนฮัตตันก็เป็นโรงพยาบาลที่ตระกูลแอนเดอร์สัน
พ่อบุญธรรมของเขาเป็นผู้สนับสนุนงบประมาณให้กับโรงพยาบาลมาตลอดระยะเวลาอันยาวนาน จึงไม่เป็นการยากเมื่อเขาต้องการจะเก็บร่างน้องชายของเขาไว้ที่นี่ มีเพียงผู้อำนวยการและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของโรงพยาบาลรับทราบเรื่องนี้เท่านั้น
“ผมต้องขอบคุณศาสตราจารย์มาก ที่เก็บเรื่องน้องชายฝาแฝดของผมไว้เป็นความลับสุดยอดและรักษาร่างของน้องชายผมให้สมบูรณ์อยู่ตลอดเวลา จนกว่าผมจะสืบรู้ให้ได้ว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังการตายน้องชายของผม เมื่อเสร็จเรื่องทุกอย่าง ผมจะพาน้องกลับเมืองไทย เพื่อนำน้องผมไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป”
ชายหนุ่มเอ่ยกับผู้อำนวยการโรงพยาบาลด้วยความซาบซึ้งใจ พร้อมก้มลงมองกระเป๋าเดินทางและเอกสารส่วนตัวของเจตน์ที่อยู่ในมือของเขาด้วยความหดหู่ใจ
“เป็นเรื่องเล็กน้อยมากครับคุณแอนเดอร์สัน ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลย ตอนนี้เรามีเทคโนโลยีที่ทันสมัยสามารถเก็บรักษาสภาพศพผู้เสียชีวิตไปแล้วได้เป็นเวลานานตามความต้องการ พร้อมที่จะนำไปประกอบพิธีเมื่อไรก็สามารถนำไปได้ตลอดเวลา โดยสภาพศพยังสมบูรณ์ และยังสามารถตบแต่งให้ดีได้ยิ่งไปกว่าเดิมด้วยครับ”
ดวงตาสีสนิมเหล็กวาวโรจน์ขึ้นมาทันที เมื่อได้ยินคำบอกกล่าวของผู้สูงวัยตรงหน้า ความคิดบางอย่างกำลังแล่นขึ้นมา ดวงตาสีสีสนิมเหล็กก้มลงมองเอกสารส่วนตัวของน้องชายฝาแฝด เขาและน้องเหมือนกันทุกอย่างแตกต่างตรงที่รอยแผลเป็นที่ระบุไว้ในหนังสือเดินทาง
“ถ้าผมต้องการทำให้ตัวเองเกิดรอยแผลเป็นได้หรือไม่ครับศาสตราจารย์ แต่เป็นรอยแผลที่เหมือนกับน้องชายฝาแฝดของผม” ชายหนุ่มพูดพร้อมเอื้อมมือลูบแขนขวาของน้องชายพร้อมพลิกท้องแขนเพื่อให้ศาสตราจารย์พิจารณารอยแผลเป็นของน้องชาย
ผู้สูงวัยขยับแว่นเพื่อพิจารณารอยแผลเป็นจากศพ ก่อนจะค่อยๆ เงยหน้ามองมหาเศรษฐีหนุ่มตรงหน้า พร้อมกล่าวในสิ่งที่คนผ่านโลกมานานรู้เท่าทัน
“หากคุณแอนเดอร์สันต้องการรอยแผลเป็นที่เหมือนกับน้องชายฝาแฝดของคุณ ไม่ยากหรอกครับ เหมือนจนเป็นคนคนเดียวกันแน่นอน และไม่มีใครสามารถแยกออกได้ด้วย ผมพอจะรู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ ถ้าคุณแอนเดอร์สันพร้อมก็สามารถผ่าตัดทำศัลยกรรมแผลเป็นได้ทันทีครับ”
มหาเศรษฐีหนุ่มส่งยิ้มเย็นๆ ให้กับศาสตราจารย์ เมื่อคนตรงหน้าล่วงรู้เท่าทันความคิดก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายให้ยืดยาวอีกต่อไป
“ผมพร้อมแล้วศาสตราจารย์ เชิญเตรียมห้องผ่าตัดได้เลย” ชายหนุ่มกล่าวสั้นๆ ตอบกลับไป
“เชิญคุณแอนเดอร์สันนั่งรอสักครู่ ทางเราจะเตรียมห้องผ่าตัดที่ชั้นพิเศษใช้เวลาผ่าตัดศัลยกรรมทำให้เกิดรอยแผลเป็นไม่เกิน 2 ชั่วโมง แผลเป็นที่ออกมาจะเหมือนกันทุกอย่างกับรอยแผลเป็นที่ปรากฏอยู่บนร่างของน้องชายฝาแฝดคุณ” ศาสตราจารย์ กล่าวอธิบายก่อนจะปลีกตัวไปสั่งการเพื่อเตรียมห้องผ่าตัดเป็นกรณีพิเศษ
ชายหนุ่มยืนมองดูศพของน้องชายฝาแฝดที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับ มือหนายกขึ้นลูบศีรษะน้องชายเบาๆ ก้มลงกระซิบข้างหูน้องชายพร้อมกล่าวบอกลา
“หลับอยู่ที่นี่นะเจตน์ แล้วพี่จะมารับกลับไปเมืองไทย เมื่อพี่สะสางทุกอย่างแทนแกเรียบร้อยหมดแล้ว ชาติหน้าขอให้พี่กับแกเกิดมาเป็นพี่น้องกันอีก พี่จะไม่ทิ้งแกไปไหนและจะไม่ให้ใครมาทำร้ายแกได้อีกต่อไป พี่ขอสัญญา”
ชายหนุ่มพูดพร้อมหอมศีรษะน้องชายเป็นการสั่งลา พร้อมพยักหน้าให้เจ้าหน้าที่ประจำห้องปฏิบัติการ นำศพน้องชายฝาแฝดของเขาไปเก็บรักษาไว้ด้วยวิวัฒนาการอันทันสมัยของทางการแพทย์ต่อไป
ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มเดินออกมาอย่างช้าๆ จากห้องปฏิบัติการพิเศษ โดยมีบอดี้การ์ดใกล้ชิดสองนายคอยติดตามดูแลเจ้านายอยู่ใกล้ๆ ร่างสูงค่อยๆ ทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้รับแขกที่ดีไซน์อย่างทันสมัย กระเป๋าเดินทางของน้องชายและเอกสารสำคัญๆ อยู่กับเขาทั้งหมด
มือหนาค่อยๆ เปิดกระเป๋าเอกสารหนังขนาดกะทัดรัด ภายในกระเป๋าหนังมีหนังสือเดินทางหลายประเทศรวมไปถึง บัตรเครดิตจำนวนหลายใบด้วยกัน โทรศัพท์มือถือ บัตรประชาชน ใบขับขี่และไดอารี่
ภายในนั้นมีรูปถ่ายของบุคคลที่เขาไม่รู้จัก ซึ่งไดอารี่ของน้องชายได้จดบันทึกและบอกเล่ารายละเอียดสำคัญๆ ไว้หลายอย่างทีเดียว ชายหนุ่มค่อยๆ เปิดไดอารี่อ่านอย่างช้าๆ และพอจะเข้าใจอะไรคร่าวๆ ก่อนจะรำพึงออกมาเบาๆ
“ขอบใจมากไอ้น้องชาย ที่ทำให้พี่ไม่ต้องเสียเวลาสืบอะไรมาก” ชายหนุ่มพูดพร้อมยื่นภาพถ่ายทั้งหมดที่อยู่ในไดอารี่ส่งให้บอดี้การ์ดของเขาที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
“พวกคุณเอาภาพถ่ายของคนทั้งหมดนี้ให้คนของเราสืบประวัติและตามรอยพฤติกรรมทั้งหมด เอาแบบละเอียด ย้ำนะต้องแบบละเอียด เรื่องเล็กน้อยก็ไม่ต้องมองข้าม ฉันต้องการข้อมูลทั้งหมดเอาแบบด่วนที่สุด”
“ครับท่าน” บอดี้การ์ดขานรับอย่างแข็งขัน
มหาเศรษฐีหนุ่มนั่งมองหนังสือเดินทางพร้อมเอกสารต่างๆ ของน้องชายฝาแฝด มือหนายกโทรศัพท์มือถือยี่ห้อดังรุ่นยอดนิยม ก่อนจะกดปุ่มเปิดเครื่อง
ติ้ด โทรศัพท์มือถือยังใช้การได้
“ตั้งรหัสปลดล็อกไว้ด้วย จะรู้ไหมวะเนี่ยว่าใช้รหัสอะไร” ชายหนุ่มบ่นพึมพำพร้อมส่ายหน้าไปมาด้วยความขัดใจ
“รหัส 02041984” มีเสียงกระซิบบอกเขาข้างหูเบาๆ
“อืม...ขอบใจที่บอก ปลดล็อกได้แล้วจริงๆ ด้วย ว่าแต่ใครบอกรหัสวะ” ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจขึ้นมาทันที เมื่อได้ยินเสียงกระซิบของผู้ชาย บอกรหัสปลดล็อกตัวเครื่องโทรศัพท์ให้เขารู้
อลันค่อยๆ หันไปสำรวจรอบๆ ตัวของเขา บริเวณที่เขากำลังนั่งอยู่ในขณะนี้ไม่มีใครเลย ไกลจากที่เขานั่งออกไปเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลกำลังง่วนกับการทำงานวิจัยและงานอื่นๆ อย่างขะมักเขม้น แล้วเสียงบอกรหัสปลดล็อกโทรศัพท์มาจากไหนกันล่ะเนี่ย
สายตากวาดหาเสียงปริศนาอยู่ครู่ใหญ่ แต่ก็ไม่พบความผิดปกติแม้แต่น้อย ทำเอามหาเศรษฐีหนุ่มรู้สึกงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นพอสมควร
“สงสัยหูจะเพี้ยน ได้ยินเสียงอะไรไปทั่ว แถมเป็นเสียงบอกรหัสปลดล็อกโทรศัพท์ซะงั้น เข้าท่าเหมือนกันแฮะ สงสัยเราจะหูทิพย์ซะแล้วกระมัง หรือไม่...” ชายหนุ่มรำพึงรำพันแล้วก็ต้องหยุดลง เมื่อสายตาของเขาเหลือบไปเห็นร่างสูงของผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ข้างๆ เขา แต่ร่างนั้นเปียกน้ำไปทั้งตัว
เฮ้ย!!!! อลันอุทานออกมาทันทีเขาถึงกับผงะเมื่อสายตาของเขามองเห็นร่างสูงของผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาด้วยความตกใจ
“พี่ชายยยยยย” เสียงเย็นยะเยือกจากร่างเปียกปอนตรงหน้ากล่าวกับมหาเศรษฐีหนุ่มที่กำลังนั่งจ้องมองใบหน้าขาวซีด ด้วยอาการตกตะลึงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เหตุการณ์แปลกประหลาดที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้าของอลัน แอนเดอร์สัน มหาเศรษฐีหนุ่มของอเมริกา จะมีใครได้พานพบเจอเหตุการณ์นี้เหมือนกับเขาบ้าง แต่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นเป็นโชคชะตาและถูกลิขิตไว้ที่จะต้องอุบัติขึ้นในอนาคตเพราะผู้ชายร่างสูงที่ปรากฏกายอยู่ตรงหน้าเขาในขณะนี้