“ไม่ๆ ไข่หวาน เธอต้องสวมชุดราตรีเหมือนที่สาวๆ พวกนั้นได้สวมกัน”
ดารีนแย้มยิ้มหวานขณะเอ่ยค้านเพื่อนสาวแสนสวย จากนั้นก็เดินไปหยิบกล่องขนาดย่อมในกองสัมภาระของตนเองมายื่นให้กับบัณฑิตา
“เอ้า...เอาไป ฉันให้เธอยืมใส่ก่อน”
บัณฑิตารับกล่องกระดาษสีสวยมาถือไว้อย่างงงๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นเอ่ยถามผู้ที่ยื่นมันให้กับเธอ ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัย
“อะไรหรือดารีน”
ดารีนเปิดฝากล่องออก พร้อมกับเอ่ยไขข้อสงสัยว่าข้างในนั้นมันคืออะไรกัน “ชุดราตรียังไงล่ะ ก่อนที่จะมาทำงาน ฉันแวะไปช้อปปิ้งที่ห้างฯ แล้วก็ได้ซื้อชุดราตรีสีแดงเพลิงชุดนี้ติดมือมาด้วย ฉันให้เธอยืมใส่ก่อน รับไปสิไข่หวาน”
“จะดีหรือดารีน เธอเพิ่งซื้อมาใหม่ๆ ยังไม่ได้ใส่เลยนะ แล้วจะเอามาให้ไข่หวานใส่ก่อน มันคงไม่ดีเท่าไร”
บัณฑิตาบ่ายเบี่ยงที่จะหยิบยืมชุดราตรีของเพื่อนสาว ซึ่งที่ทำไปหาใช่เพราะรังเกียจไม่ แต่คิดว่ามันไม่สมควรอย่างยิ่งที่เธอจะมาสวมใส่ชุดใหม่ ก่อนที่ผู้เป็นเจ้าของจะได้สวมมัน
“เอาน่า...ไข่หวาน อย่ามามัวเกรงอกเกรงใจกันเลย ตอนนี้เธอต้องทำทุกอย่างเพื่อไข่ตุ๋นนะ ถ้าไม่ได้เงินห้าล้าน ไข่ตุ๋นก็คงถูกพวกมาเฟียเล่นงานเอา คราวนี้คงถูกตุ๋นสมชื่อแน่”
ดารีนพยายามย้ำเตือนให้บัณฑิตาได้นึกถึงน้องสาวเข้าไว้ พร้อมกันนั้นก็ได้ฉุดแขนเจ้าของร่างบางระหงให้ลุกขึ้นยืน ก่อนจะดุนดันให้อีกฝ่ายได้เดินเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำ
“รีบๆ ไปเปลี่ยนชุดซะ ส่วนเรื่องหน้ากาก เดี๋ยวฉันจัดการหามาให้เอง”
บัณฑิตายอมลุกขึ้นตามแรงฉุดดึงของดารีน และก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ เพื่อเปลี่ยนมาใส่ชุดราตรีสีแดงเพลิง ก็ไม่ลืมโผเข้าไปสวมกอดเพื่อนรักไว้แนบแน่น
“ดารีน ขอบใจเธอมากนะ เธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดที่ไข่หวานเคยมี”
“ย่ะ! แม่ไข่หวาน คงเป็นเวรเป็นกรรมของฉันเองแหละ ที่ต้องมาเป็นเพื่อนกับเธอและยายไข่ตุ๋นตัวแสบ”
บัณฑิตาหัวเราะร่วนกับคำประชดประชันอันแฝงไปด้วยความรัก ที่ดารีนได้เอ่ยพูดมา หญิงสาวแย้มยิ้มให้กับดารีนอีกครั้ง ก่อนจะเดินเร็วๆ เข้าไปในห้องน้ำ เพื่อเปลี่ยนชุดออกไปเล่นเกมรจนาเสี่ยงคู่กับท่านชีคฮาริค เพียงแค่ว่าคราวนี้ไม่ใช่ฝ่ายหญิงที่ต้องโยนพวงมาลัย แต่เป็นฝ่ายชายต่างหาก ที่ต้องโยนพวงมาลัยเลือกหญิงสาวสวยๆ ไปประคองกอดตลอดราตรีกาลอันหนาวเหน็บ
อีก 10 นาทีต่อมา บัณฑิตาก็ออกมาจากห้องน้ำในชุดราตรีสีแดงเพลิง ที่เข้ารูปได้สวยกับเรือนร่างอรชรอ้อนแอ้นของเธอ
ชุดราตรีสีแดงเพลิงแบบเกาะอก จับจีบตรงเอวคอดกิ่วปล่อยชายยาวเฟื้อยไปกับพื้นพรม ช่วยขับผิวของผู้สวมใส่ให้ดูขาวผ่องชวนพิศยิ่งนัก ขนาดว่าผู้เป็นเจ้าของชุดที่เดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งพร้อมกับหน้ากากสีทองในมือ ถึงกับตกตะลึงไม่นึกว่าชุดราตรีที่มองดูราบเรียบตอนอยู่บนหุ่นในร้าน จะดูสวยงามขึ้นมาทันที เมื่อได้ผู้สวมใส่ที่แสนจะงดงามอย่างบัณฑิตา
“อุแม่เจ้า! เธอสวยมากเลยไข่หวาน”
บัณฑิตาหมุนตัวไปมาหน้ากระจกเงาบานใหญ่ ก่อนจะเอ่ยถามเพื่อนสาวด้วยความไม่มั่นใจ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอมีโอกาสได้สวมใส่ชุดแบบนี้
“สวยจริงหรือดารีน แต่ไข่หวานว่าชุดมันคับๆ ไปนะ ยิ่งตรงหน้าอกนะ มันรัดติ้วจนไข่หวานหายใจแทบไม่ออก”
ดารีนหลุบสายตามองตามคำบอกของบัณฑิตา พอได้เห็นดอกบัวปริ่มน้ำ ขาวผ่องยองใยที่ดูอะร้าอร่ามเกือบล้นจากขอบชุดราตรี ก็ถึงกับเบิกตาโตไม่นึกว่าเพื่อนสาวจะซ่อนรูปได้ถึงเพียงนี้
“ไข่หวาน เคยมีใครบอกไหมว่าเธอเป็นคนที่สวยที่สุด”
บัณฑิตาส่ายหน้าปฏิเสธ พลางขยับตัวเสื้อให้เข้าที่เข้าทางให้มากกว่าเดิม จากนั้นก็เอ่ยถามความเห็นเพื่อนสาวอีกครั้ง
“ดารีน เธอว่ามันไม่คับแน่นเกินไปหรือ มองดูแล้วน่าเกลียดจัง”
“ไม่เลยไข่หวาน ผู้ชายคนไหนเห็นว่าเธอสวมชุดนี้แล้วน่าเกลียด ผู้ชายคนนั้นมันก็ตาบอดแล้ว”
ดารีนค้านความคิดของเพื่อนสาวแสนสวย ยอมรับว่าบัณฑิตาสวยงดงามไม่ต่างจากเจ้าหญิง เมื่อได้อยู่ในชุดราตรีสีแดงเพลิง เธอเชื่อว่าหากชีคฮาริค ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเสือผู้หญิงตัวยงได้เห็นบัณฑิตาเข้า จะต้องทรงชื่นชอบเพื่อนสาวของเธออย่างแน่นอน
“นั่งลงนะไข่หวาน เดี๋ยวฉันแต่งหน้าทำผมให้อีกนิดหน่อยก็เรียบร้อยแล้ว”
ช่างแต่งหน้าทำผมจำเป็น ได้จับร่างบางระหงในชุดราตรีแสนสวยให้ทรุดกายลงนั่งหน้าตนเอง จากนั้นก็ลงมือแต่งหน้าทำผมให้กับบัณฑิตาด้วยหลักสูตรเร่งรัด เพียงไม่กี่นาทีก็เสร็จเรียบร้อย ซึ่งนาทีนี้เธอต้องทำทุกอย่างให้เร็ว ให้ไวที่สุด เพราะเวลากำลังงวดไล่หลังมาทุกขณะจิตแล้ว
“เสร็จแล้วไข่หวาน”
ดารีนวางอุปกรณ์แต่งหน้าทำผมลง พร้อมกับจับร่างเพื่อนสาวให้หันซ้ายหันขวาสำรวจความเรียบร้อยอีกครั้ง ก่อนจะไปปรากฏโฉมต่อสายตาของชีคฮาริคในนาทีถัดไป
“สวยไม่มีที่ติเลยไข่หวาน เธอคนเดียวเท่านั้น ที่สมควรจะได้เป็นซินเดอเรลล่าในคืนนี้”
“เดี๋ยวก็รู้ว่าจะได้เป็นซินเดอเรลล่าหรือได้เป็นนางซินเหมือนเดิม”
บัณฑิตาเอ่ยอย่างปลงๆ พอได้มองตัวเองในกระจกเงา ก็รู้สึกได้ว่าตัวเธอนั้นแปลกตาไปจริงๆ ชุดราตรีเกาะอกสีแดงเพลิง ส่งให้เธอดูสวยสง่าราวกับเจ้าหญิงในนิทาน
“เอานี่ ดื่มพั้นซ์ย้อมใจหน่อยนะไข่หวาน”
ดารีนรินพั้นซ์สีสวยมาให้เพื่อนรักครึ่งแก้ว ซึ่งบัณฑิตาก็ได้ส่ายหน้าปฏิเสธรัวเร็ว
“ไม่เอาหรอกดารีน”
“เอาหน่อยน่าไข่หวาน ย้อมใจสักนิด จะได้กล้าเข้าไปเดินเฉิดฉายสู้กับพวกนางแบบดาราที่อยู่ในห้องจัดเลี้ยง”
ดารีนคิดว่าบัณฑิตาไม่อยากดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ผสมอยู่ด้วย จึงได้คะยั้นคะยอให้บัณฑิตาได้ดื่มน้ำพั้นซ์ เพื่อเป็นการสร้างแรงกระตุ้น เพิ่มความกล้าให้กับตัวเอง แต่พอได้ยินความต้องการของเจ้าของนัยน์ตาสีนิล ก็ถึงกับหัวเราะร่วนอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่
“พั้นซ์นะน้อยไป ไข่หวานของบรั่นดีสักอึกสิดารีน”